เธอพาตัวเองมาจนถึงหน้าห้องของตัวเอง มู่เวยเวยล็อคประตูห้องและทรุดลงร้องไห้ในทันที ไม่คิดเลยว่าแฟนของเธอจะกล้าขายเธอให้กับชายแปลกหน้า ฮ่าฮ่าฮ่า…..น่าขำสิ้นดี !
มู่เวยเวยร้องไห้พลางคิดถึงพ่อแม่ และพี่ชายของเธอ มู่เทียนเย่
พี่ชายของเธอเป็นคนอัจฉริยะ เป็นนักเรียนดีเด่นจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่น และเป็นที่ชื่นชมของทุกคน
หลังจากพี่ชายเรียนจบจากนอกกลับมา เขาก็มาช่วยพ่อแม่พัฒนาบริษัทมู่ซื่อให้เติบโตขึ้น แต่ทว่าความสุขนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน พ่อแม่ก็มาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไป งานศพยังไม่ทันเรียบร้อย พี่ชายเธอก็บอกว่าเกิดเรื่องขึ้นที่อเมริกาต้องรีบไปจัดการ แล้วเขาก็จากไปเลย
ในตอนแรกพี่ชายโทรติดต่อกับเธอทุกอาทิตย์ ต่อมาก็เริ่มติดต่อไม่ได้ หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อพี่ชายของเธอได้อีกเลย
พี่…..
มู่เวยเวยกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แววตาของเธอแข็งกร้าวขึ้นมา พี่ของเธอไม่มีทางตายไปแบบนี้แน่ ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทำให้เขาไม่ติดต่อเธอมา มันต้องเป็นแบบนี้แน่ !
สักวันพี่จะต้องกลับมา !
เสียคนอย่างลู่จื่อหางไปก็เท่านั้น ขอเพียงให้พี่ชายของเธอกลับมาได้อย่างปลอดภัย เธอต้องการแค่พี่ชายเธอเท่านั้น !
คิดเช่นนี้ ตอนนี้มู่เวยเวยไม่ร้องไห้แล้ว เธอเหนื่อยเหลือเกิน เมื่อไปถึงเตียงเธอก็ทิ้งตัวลงนอนในทันที และตื่นมาในตอนสายของวันใหม่
มู่เวยเวยตื่นขึ้นมาพร้อมผมที่ยุ่งเหยิง เธอเดินไปเปิดม่านมองแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา
เธอเดินไปเข้าห้องน้ำเตรียมจะล้างหน้าแปรงฟัน เมื่อมองเห็นตัวเองในกระจก มู่เวยเวยตกใจมาก ตาเธอบวมโต มีรอยจูบที่ต้นคอของเธอ เสื้อผ้ายุ่งเหยิง เผยให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
เธอรู้สึกเสียใจกับเรื่องเมื่อคืน เพราะว่ามันเป็นครั้งแรกของเธอ มู่เวยเวยพยายามชำระล้างร่องรอยที่ชายคนนั้นทำไว้บนร่างกายของเธอ
หลังจากทำอะไรเสร็จ มู่เวยเวยก็เดินลงมาข้างล่าง ตอนนี้พวกคุณลุงคงไม่อยู่แล้ว
ตอนที่เธอเดินผ่านห้องมู่อี้เหยา มู่เวยเวยก็คิดถึงเรื่องของเธอกับลู่จื่อหาง มันทำให้เธอรู้สึกเศร้า
แต่เมื่อเธอเดินมาถึงห้องอาหาร ปรากฏว่าลุงของเธอมู่จางรุ่ย มู่อี้เหยาและแม่ของเธอฟางซินยี่นั่งอยู่ตรงนั้น
มู่เวยเวยก้มหัวให้เล็กน้อย พลางพูดเบาๆว่า “สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า”
“อ้าว เวยเวย อยู่บ้านหรอ มากินข้าวกัน !”มู่จางรุ่ยเรียกเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่หิว”มู่เวยเวยส่ายหน้าปฎิเสธ แม้ว่าลู่จื่อหางจากไปแล้ว แต่เมื่อมองมู่อี้เหยาแล้ว เรื่องเมื่อวานก็เข้ามาในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนจนกินอะไรไม่ลง
“ไม่กินก็ไม่กิน มานี่หน่อยสิ ฉันมีข่าวดีจะบอกเธอ” มู่จางรุ่ยหรี่ตาลง
มู่เวยเวยได้ยินแบบนั้น จึงรีบเดินเข้าไปพร้อมถามด้วยความตื่นเต้นว่า “ใช่ข่าวพี่ชายฉันรึเปล่าคะ?”
“อืม…..พี่ชายเธอ” เมื่อพูดถึงมู่เทียนเย่ มู่จางรุ่ยก็มีท่าทีกระอึกกระอัก พลางโบกมือปัด “ป่าว ไม่มีข่าวจากพี่เธอหรอก แต่ว่าเป็นข่าวอื่น พวกเราวางแผนจะจัดงานแต่งให้กับเธอ !”
“งานแต่งเหรอ? “มู่เวยเวยประหลาดใจ “ทำไมต้องจัดงานแต่งให้ฉัน ฉันยังเรียนไม่จบเลย ทำไมต้องรีบแต่งงาน ไม่ ฉันไม่แต่ง !”
“เออ…..”มู่จางรุ่ยหรี่ตาลง กำลังคิดว่าจะพูดอะไรดี ฟางซินยี่ที่นั่งอยู่ข้างๆเขาก็พูดแทรกขึ้นมา “ทำไมถึงไม่อยากแต่ง ฝ่ายนู้นเป็นถึงประธานบริษัทเย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นนอลกรุ๊ป คนที่เพียบพร้อมขนาดนี้ เธอแต่งเข้าไปก็เป็นคุณหนูของบ้าน ถ้าไม่ใช่เขาอยากได้เธอ พวกเราก็ไม่บังคับเธอแต่งหรอก เธอควรจะยอมรับซะ !”