“หึ โอเคเซี่ยอันน่า เธอกล้ามากนะ” เสี่ยวอวี้หลินพูดจบและเดินออกไปทันที
ทิ้งให้เซี่ยอันน่ายืนทำอะไรไม่ถูก ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ยุติธรรม
เสี่ยวอวี้หลินไม่พูดอะไรสักคำ แต่กลับทิ้งเธอไว้คนเดียวแบบนี้ ตอนชวนมาทานข้าวก็บังคับให้มา
ตอนนี้เธอมาถึงแล้ว เขากลับทิ้งเธอไว้ให้อยู่กับพวกพี่ๆของเขาแบบนี้หรือ
เธอปิ้งย่างอะไรพวกนี้ไม่เป็น แต่โชคดีที่เจอตงจึ ไม่งั้นเธอคงหิวแย่
เซี่ยอันน่ารออยู่พักใหญ่ เธอคิดว่าเสี่ยวอวี้หลินคงไม่ใช่คนประเภทที่จะทิ้งเธอไว้คนเดียวแล้วจากไปแบบนี้
แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นแม้เงาของเขาเลย
จากนั้นไม่นานก็มีรถแลมโบกินีคันสีฟ้ามาจอดอยู่ข้างหน้าเธอ กระจกรถค่อยๆเลื่อนลงมา และคนที่อยู่ในรถก็คือตงจึ “อันน่า?ทำไมอยู่ตรงนี้คนเดียว?”
ตงจึมองไปรอบๆไม่เห็นเสี่ยวอวี้หลิน จึงถามเธอว่า “คุณชายเสี่ยวล่ะ? ทำไมไม่อยู่กับคุณ?” ตอนนี้เสี่ยวอวี้หลินควรจะอยู่กับเซี่ยอันน่าซิ แต่ทำไมไม่เห็นเขานะ?
เซี่ยอันน่าฝืนยิ้มแหยๆ “เขากลับก่อนน่ะ”
ตงจึเห็นสีหน้าของเธอก็รู้ว่าทั้งสองน่าจะทะเลาะอะไรกันแน่นอน จึงบอกเธอว่า “อันน่า เดี๋ยวผมไปส่ง แถวนี้เรียกรถยาก”
“้เอ่อ ไม่เป็นไรๆ ฉันโบกรถกลับเองได้” เซี่ยอันน่ากล่าว ถึงแม้ตงจึจะเป็นคนดี แต่อย่างไรซะเขาก็คือคนแปลกหน้าที่เคยเจอกันครั้งแรก จะให้เชื่อใจไปกับเขาง่ายๆได้อย่างไร
ตงจึอยู่คุยกับอันน่าพักหนึ่งก็จากไป และก่อนเขาจะแยกไป ได้กำชับว่าให้ระวังตัวเองดีๆ อันน่ารู้สึกขนลุกแปลกๆ ถึงแม้ย่านนี้จะเป็นย่านคนระดับไฮโซ แต่อย่างไรซะก็วางใจคนไม่ได้
ฟ้าค่อยๆมืดลง เหมือนจิตใจของเซี่ยอันน่าตอนนี้
เธอตัดสินใจโบกรถกลับโรงเรียน
เมื่อถึงหน้าประตูโรงเรียน เธอก็เห็นผู้คนชี้มาที่เธอ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก และเมื่อเธอเดินเข้าไปในโรงเรียน ก็ได้ยินเสียงหญิงสาวสองคนกำลังเม้าท์เธอว่า “ดูนั่นซิ นั่นไงเซี่ยอันน่า หน้าตาก็งั้นๆ แต่ดันกล้าไปหว่านเสน่ห์ใส้ท่านประธานได้”
“ใช่ๆ แต่ว่านะ หล่อนจับเขาได้ ก็แสดงว่าหล่อนมีฝีมืออยู่ ไม่แน่นะ…” พูดจบ หญิงทั้งสองก็มองหน้ากัน และขำออกมา
หว่านเสน่ห์? เซี่ยอันน่าไม่เข้าใจว่าพวกเธอกำลังพูดถึงอะไรกันแน่
ตอนนี้เซี่ยอันน่าคิดแค่ว่าอยากจะกลับหอไปนอนพัก และลืมเรื่องวันนี้ทั้งหมดซะ
และที่พวกนั้นพูด ก็แค่เม้ามอยเรื่อยเปื่อย ไม่เก็บมาใส่ใจคงจะดีกว่า
เมื่อเซี่ยอันน่าเดินทางมาถึงหอ เธอเหนื่อยมาก หัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยไป โดยไม่ได้สังเกตสายตาแปลกๆของเพื่อนร่วมห้องเลยสักนิด
…………………
“อันน่า ตื่นเร็วๆ ทำไมยังนอนอยู่อีก?” เซี่ยอันน่างัวเงียถามว่า “มีอะไรซีซี?”
“เธอรู้ไหมว่าในโรงเรียนพูดกันว่าอะไร เขาเม้ากันว่าเธอหว่านเสน่ห์ใส่ท่านประธาน แถมยังเหยียบเรือสองแคมด้วย”
“เธอพูดอะไรนะ? หว่านเสน่ห์อะไรนะ!?” เซี่ยอันน่ารู้สึกปวดหัวมากเมื่อได้ยิน
เซี่ยอันน่าตาสว่างทันที และมองซีซีอย่างสงสัย “เธอดูซิตอนนี้ที่โรงเรียนกำลังแชร์และพูดเรื่องนี้กันเยอะมาก”
เซี่ยอันน่าดูโทรศัพท์ที่ซีซียื่นให้
รูปพวกนั้นเป็นรูปที่เธอกำลังอยู่กับเสี่ยวอวี้หลิน และยังมีรูปตอนที่อยู่ร้านปิ้งย่าง รูปที่ตงจึกำลังย่างอาหารและยื่นให้เธอ สายตาเธอมองเขาอย่างลุ่มหลง
จริงๆแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้นเลย…
เธอแค่อยากได้อาหารที่อยู่ในมือของตงจึแค่นั้นเอง
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเรื่องกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
ซีซีมองไปที่เซี่ยอันน่าแบบช็อกๆ และถามว่า “อันน่า นี่เธอจริงๆหรือ? พระเจ้า….อันน่า”
เซี่ยอันน่าไม่ได้สนใจที่ซีซีกำลังพูด แต่กลับกำลังคิดว่า ใครเป็นคนถ่ายรูปพวกนี้ ทำไมถ่ายได้เหมือนแบบนี้?
ในรูปยังมีตอนที่เสี่ยวอวี้หลินโกรธและเดินหนีออกไปด้วย
และยังมีรูปที่แต่ก่อนเเสี่ยวอวี้หลินเคยมาส่งเธออีก
ทั้งๆที่เธอระวังตัวมากขนาดนี้แล้ว แต่ทำไมยังเป็นแบบนี้ได้อีก?
ทั้งๆที่พยายามตัดความสัมพันธ์กับเสี่ยวอวี้หลินไปแล้ว แต่อยู่ดีๆเมื่อวานเขาก็มาหาเธอ และอยู่ดีๆ ก็เป็นอะไรไม่รู้และเดินหนีไป ทิ้งให้เธออยู่คนเดียว
“อันน่า
ซีซีถามเธอ แต่เธอจะพูดอะไรได้? ถ้าจะบอกว่ากับเสี่ยวอวี้หลินเธอก็เพิ่งรู้จักกับเขาได้ไม่นาน และกับตงจึ ก็เพิ่งเจอกันเมื่อวานครั้งแรก จะมีใครฟังไหม?
เซี่ยอันน่ารู้ดีว่าคำพูดพวกนี้ คงไม่มีใครเชื่อเธอ
ติ้งๆๆๆๆๆ
“ห๊ะ เสียงโทรศัพท์ใครดัง” ซีซีพูดขึ้น
เซี่ยอันน่าเห็นว่าเป็นโทรศัพท์ของตัวเอง ก็มองไปที่เบอร์ของคนโทรเข้ามา เป็นเบอร์แปลก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนโทรมา ซีซีที่มองเห็นอันน่าเอาแต่มองหน้าจอโทรศัพท์ แต่ไม่กดรับสักที
ทำไมต้องรับ? ครั้งก่อนเธอก็ชดใช้ให้กับเสี่ยวอวี้หลินแล้ว ตอนนี้ไม่ได้ติดค้างอะไรกันแล้ว
เซี่ยอันน่ากดตัดสาย “โทรมาก่อกวน ไม่รับ…”
พูดไม่ทันจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ เซี่ยอันน่ากดตัดสายทิ้งอีกรอบ
“ไม่ยอมแพ้จริงๆเลยนะ เหอะๆ”
พูดจบปุ๊บเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นปั๊บ “เอ่อ โทรมาก่อกวนจริงๆหรือ? หรือว่าเธอลองรับดูไหม?”
ซีซีถามเธอ
เซี่ยอันน่ามองเธอด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากรับ แต่เธอไม่รู้ว่ารับแล้วจะคุยอะไรกับเขา? ความสัมพันธ์ของเขากับเธอจะมีอะไรต้องพูดอีก?
“ไอหยา นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่อง เมื่อกี้ลืมของไว้ที่ห้องกดน้ำ เดี๋ยวฉันไปเอาก่อนนะ” ซีซีพูดขึ้น จากนั้นก็เดินออกไป
เซี่ยอันน่ารู้ดีว่าซีซีแกล้งหาเรื่องออกไป เพื่อให้เวลาเธอรับสาย
ติ้งๆๆๆ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก เธอนั่งมองอยู่พักหนึ่งและกดรับ
ยังไม่ทันได้พูดอะไรปลายสายก็ก่นด่าเสียงดัง “เซี่ยอันน่า เธอไปตายที่ไหนมา?”
“รู้ไหมว่าฉันโทรหาเธอกี่ครั้งแล้ว?”
เซี่ยอันน่าฟังที่เสี่ยวอวี้หลินพูดแล้วรู้สึกไม่ยุติธรรม เมื่อวานเขาทิ้งให้เธออยู่ที่นั่นคนเดียว วันนี้ยังมาด่าเธออีก
ยัยยนี่ทำไมไม่พูด? รับสายแล้วทำไมไม่พูด? “เซี่ยอันน่า เซี่ยอันน่า?”
“พูดซิ ฉันบอกให้พูด!” เสี่ยวอวี้หลินตะโกนลั่น ยัยนี่ไปไหนกันแน่?
………………
ฝากของเสี่ยวอวี้หลิน
เขาโทรหาเธออยู่ทั้งคืนแต่ก็ไม่ติด ในใจเป็นกังวลและกลัวว่าจะโดนตงจึหลอกไปไหน
ตกดึกเขารีบแจ้นไปหาตงจึ ตงจึบอกว่าเห็นเซี่ยอันน่ายืนรอรถอยู่หน้าโรงแรมคนเดียว และยังบอกอีกว่าสีหน้าของเซี่ยอันน่าไม่สู้ดีนัก
เมื่อเสี่ยวอวี้หลินรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่กับตงจึ ยิ่งทำให้ในใจเป็นกังวลกว่าเดิม เธอไปอยู่ที่ไหน?
เธอจะไปไหนได้อีก? ไม่น่าจะกลับโรงเรียนหรอก?
เสี่ยวอวี้หลินไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าออกมาจากบ้านของตงจึยังไง เพราะในหัวคิดแต่คำที่ตงจึพูด “ได้ยินมาว่าถนนเฟินฟางเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยปลอดภัยแล้ว เพราะไม่นานมานี้มีนักเรียนมหาวิทยาลัยคนหนึ่งหายตัวไป”
“บ้าเอ้ย เซี่ยอันน่า” เธออย่าเป็นอะไรนะ
เสี่ยวอวี้หลินรีบบึ้งรถเฟอร์รารี่มาที่ถนนเฟิงฟางความเร็วสูง
เขาเดินเข้าไปที่โรงแรม เพื่อถามกับผู้จัดการล็อบบี้ว่าวันนี้มีข่าวอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแถวนี้บ้างไหม แต่ผู้จัดการก็เอาแต่ประจบและเชิญเขาไปดื่มชา
เสี่ยวอวี้หลินเตะไปหนึ่งทีและตะโกนลั่นว่า “ฉันถามนายว่าวันนี้มีผู้หญิงวัยรุ่นเกิดเรื่องอะไรไหม?”
ผู้จัดการล็้อบบี้ล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น และคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดว่า “คุณชายเสี่ยวเหมือน…เหมือนจะมีอยู่หนึ่งคนครับ” เสี่ยวอวี้หลินเห็นท่าทีตะกุกตะกักของเขา ยิ่งทำให้โมโห
“ตกลงมีหรือไม่มี?” เสี่ยวอวี้หลินจ้องไปที่เขา และถามเสียงแข็ง
“มีมีมีครับ ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ยืนรออยู่หน้าประตู และเหมือนกับโดนกลุ่มคนที่ย้อมผมบังคับพาไปครับ”
ผู้จัดการล็อบบี้ค่อยๆลุกขึ้นยืน อย่างกล้าๆกลัว
“บัดซบ” หวังว่าจะไม่ใช่เซี่ยอันน่า
“นายจำได้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดอะไร?” เสี่ยวอวี้หลินถาม แม้ใจเขาจะหดหู่และกังวลมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังภาวนาว่า คนนั้นไม่ใช่เซี่ยอันน่า
“เหมือน..เหมือนกับว่า ใส่ชุดกระโปรง…” ผุ้จัดการล็อบบี้กล่าวตะกุกตะกัก
“นายรู้จักไอ้สารเลวพวกนั้นไหม?” เสี่ยวอวี้หลินกัดฟันถาม
“ไม่…ไม่รู้จักครับ ไม่เคยเห็นมาก่อน”
“แม่งเอย!” เสี่ยวอวี้หลินสบถด่าออกมา จากนั้นเขาก็เดินออกไป
ช่วงนี้พวกสารเลวพวกนั้นมีอยู่เยอะมาก เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าผู้หญิงคนนั้นคือเซี่ยอันน่า เขาจะทำอย่างไร?
เสี่ยวอวี้หลินมองไปบริเวณรอบๆ ด้วยสายตาน่ากลัว
เขารีบโทรหาเซี่ยอันน่าอีก แต่ยัยนั่นกลับปิดเครื่อง?
เสี่ยวอวี้หลินไม่รอช้า รีบขับรถไปตามตรอกซอกซอยของถนนเฟิงฟางจนทั่ว
และตอนนี้ ในที่สุด เขาก็โทรติด เขาทั้งดีใจและตื่นเต้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นแบบนี้ ขนาดอวู๋เวยเขายังไม่เคยกังวลหรือร้อนรนขนาดนี้
หรือเพราะเซี่ยอันน่าซื่อบื้อเกินไป และเขาเป็นคนพาเธอมาที่นี่ เขาเลยรู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบของเขา
แต่อวู๋เวย เป็นคนที่เขารู้จักมาตั้งนาน จึงไม่น่าจะเกิดเหตุการ์แบบนี้ขึ้น
เสี่ยวอวี้หลินเย่อหยิ่งเกินไป จนมองข้ามความรู้สึกที่เกิดขึ้นพวกนั้น
………..
“นายตวาดใส่ฉันทำไม?” เซี่ยอันน่ากล่าวเสียงสั่น และน้ำตาก็ไหลออกมา
“เซี่ยอันน่า เธอเป็นอะไร?” เสี่ยวอวี้หลินที่ได้ยินเสียงเธอ ถามขึ้น
เสี่ยวอวี้หลิน พยายามปลอบใจตัวเอง เธอไม่มีเป็นอะไร…ไม่เป็นอะไร
“โดนคนเลวคนหนึ่งทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียว” เซี่ยอันน่าตอบเสียงสะอึกสะอื้น พลางคิดถึงเรื่องเมื่อวาน เธอก็รู้สึกเสียใจมาก
เซี่ยอันน่าไม่รู้เลยว่า น้ำเสียงของเธอตอนนี้เหมือนเสียงของหญิงสาวที่กำลังงอนแฟนหนุ่มอยู่
“เมื่อคืนเธอไปที่ไหน?” เสี่ยวอวี้หลินถาม
“ฉันจะไปไหนได้? ฉันก็กลับมาหอไง” เซี่ยอันน่าพูดประโยคนี้จบ เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ที่แท้ เธอกลับมหาวิทยาลัยนี่เอง….
เขานี่บื้อจริงๆ ทำไมคิดไม่ถึงนะว่าเซี่ยอันน่าอาจจะกลับมาหอนะ?
“กลับไปที่มหาวิทยาลัยทำไมไม่โทรหาฉัน? บ้าเอ้ย เสี่ยวอวี้หลินก่นด่าเบาๆ เธอทำให้เขาไม่ได้นอนทั้งคืน เป็นบ้าเป็นบอตามหาเธอทั้งคืน เซี่ยอันน่า
“นายเป็นคนทิ้งฉันไว้ที่นั่นแล้วหนีหายไปไหนเองไม่ใช่หรือ? แล้วยังต้องให้ฉันหน้าด้านโทรหานายบอกว่าฉันกลับหอแล้วนะ แบบนี้หรือ?” เซี่ยอันน่าพูดด้วยความโมโห ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอคนแบบนี้เลย
“ให้ตายซิ เมื่อวานตอนที่ฉันกลับไป เห็นไม่รู้ใครคุยตงจึอย่างสบายอกสบายใจอยู่” เสี่ยวอวี้หลินกัดฟัน
จริงๆแล้วเมื่อวานเขากลับไป แต่ก็เห็นภาพที่เธอและตงจึกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่