ทั้งสองพูดคุยกันสองสามคำ คุณหมอหานที่อยู่ชั้นบนจึงเดินตามคนรับใช้ลงมา เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า “คุณชายผมเอาเศษแก้วที่ด้านหลังของคุณหนูออกให้หมด และทำความสะอาดแผลให้เรียบร้อยแล้ว แค่ช่วงนี้อย่าเพิ่งให้แผลโดนน้ำ อย่าให้แผลติดเชื้ออีกก็พอครับ”
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า สั่งให้คนรับใช้จดเอาไว้ แล้วเอ่ยถาม “แผลจะเป็นแผลเป็นไหม?”
คุณหมอหานส่ายหน้า “ผมจะกลับไปเอายาทาลบรอยแผลเป็น พรุ่งนี้ก็ให้พ่อบ้านหวังส่งคนมารับได้เลยครับ แค่ให้คุณหนูทาหลังจากนั้นก็ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้แล้วครับ”
คุณอาหวังพยักหน้ารับ “คุณชายเย่วางใจได้ ผมจะจัดการให้เรียบร้อยครับ”
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า คุณอาหวังจึงเดินออกไปส่งคุณหมอหาน
เย่ฉ่าวเฉินเดินขึ้นไปชั้นบน หนานกงเฮ่าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นก็เดินตามขึ้นไป
เมื่อเข้าไปในห้องของมู่เวยเวย เวลานี้เธอกำลังนอนคว่ำหน้าและห่มผ้าอยู่บนเตียง
“นี่คุณยังไม่ตายอีกเหรอ?” ทันทีที่เข้ามาในห้อง เย่ฉ่าวเฉินก็นั่งลงข้างๆเตียง แล้วพูดขึ้นด้วยความโมโห
มู่เวยเวยที่กำลังพักผ่อน พอได้ยินคำพูดรุนแรงเช่นนั้นความโกรธของเธอก็ทวีคูณขึ้นทันที “เย่ฉ่าวเฉินนายคงผิดหวังแล้วล่ะ ฉันยังไม่ตาย แถมยังสบายดีอีกด้วย”
“ผมคงไม่ปล่อยให้คุณตายแน่ๆ คุณตายไปก็ไม่มีใครทำเรื่องอย่างว่ากับผมสิ…” เย่ฉ่าววเฉินกล่าว คำพูดที่เล่นที่จริงนั้นเต็มไปด้วยความหมายบางอย่าง
มู่เวยเวยสะดุ้ง เธอเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร เมื่อหันหน้าไปหาเขา ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นหนานกงเฮ่าที่ยื่นอยู่ด้านหลัง เธอแปลกใจเล็กน้อย หลังจากชะงักไปสักพัก ก็พูดขึ้นว่า “ขอบคุณนะช่วยฉันไว้”
เย่ฉ่าวเฉินงงงวย คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงปากร้ายคนนี้จะพูดขอบคุณออกมาได้แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยเธอไป เขายังมีเรื่องติดค้างที่ต้องคิดบัญชีกับเธอ
เมื่อเย่ฉ่าวเฉินกำลังจะพูดเยาะเย้ย ก็ได้ยินเสียงหนานกงเฮ่าดังมาจากด้านหลังเบาๆ “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ครับ”
เย่ฉ่าวเฉินชะงักไปทันที ตัวเขาใกล้จะปะทุเต็มทน แสดงว่าคนที่ผู้หญิงคนนี้กล่าวขอบคุณคือหนานกงเฮ่า ไม่ใช่เขา… ผู้หญิงคนนี้สมควรตายจริงๆ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาเป็นคนช่วยเธอ
ไม่รู้บุญคุณคนสักนิด!
เย่ฉ่าวเฉินกัดฟันด้วยความโกรธ เขาเงยหน้าขึ้นมองหนานกงเฮ่า แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำไมนายยังอยู่ที่นี่ล่ะ?”
หนานกงเฮ่าเลิกคิ้ว “ฉันมาเยี่ยมเวยเวย”
เวยเวย… เรียกกันสนิทสนมขนาดนี้เลยเหรอ…
“เราสองสามีภรรยามีเรื่องอื่นที่ต้องทำ นายออกไปได้แล้ว!” เย่ฉ่าวเฉินส่งแขกด้วยท่าทีไม่ค่อยสบอารมณ์
มู่เวยเวยกระตุกมุมปาก เย่ฉ่าวเฉินก็แค่คนเลวคนหนึ่ง เมื่อมีคนมาหาเธอ เขาก็ต้องคอยขัดขวางไปหมดอย่างกับคนเป็นโรคประสาท “ใครจะมาหาฉันแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย?”
“นี่เป็นบ้านของผม ห้องของผม คฤหาสน์หลังนี้ก็เป็นของผม เตียงที่คุณกำลังนอนอยู่นั้นก็เตียงของผม แล้วมันจะไม่เกี่ยวกับผมได้ยังไง?” เย่ฉ่าวเฉินถามกลับ
“นายคิดว่าฉันอยากนอนเตียงของนายนักรึไง!” มู่เวยเวยแบะปาก
หนานกงเฮ่าที่อยู่ด้านหลังเย่ฉ่าวเฉิน กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ชะงักไป เขาเข้าใจเย่ฉ่าวเฉินแล้ว แม้ว่าคำพูดจะดูประชดประชันและดูถูกมู่เวยเวย แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความเป็นห่วง อย่างน้อยเขาก็ปรารถนาในตัวมู่เวยเวย และสำหรับเขา…คงไม่ใช่เรื่องดี
บางทีเขาควรรีบฉวยโอกาสนี้ เพียงแค่ตามหาผู้หญิงคนนั้นที่เย่ฉ่าวเฉินต้องการพบ แบบนั้นมู่เวยเวยก็ต้องถอยออกมา และเขาก็จะแย่งเธอมาได้
เห็นได้ชัดว่าเขามองเธอก่อนและเธอคือคนที่เขาต้องการ…
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หนานกงเฮ่าจึงไม่อยากเผชิญกับเย่ฉ่าวเฉินแบบตัวต่อตัว ไม่อยากแสดงออกต่อหน้าเขาว่าตัวเองสนใจมู่เวยเวยมากขนาดไหน ฉะนั้น เขาจึงถอยหลังออกจากห้องไป
คุณอาหวังรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหนานกงเฮ่าและเย่ฉ่าวเฉิน จึงต้องการให้เขาอยู่รับประทานอาหาร หนานกงเฮ่าโบกมือลา แล้วขับรถออกไป