ด้วยคำทักทายนั้น ทำให้หนานกงเจาอดไม่ได้ที่จะสั่น และประตูก็เปิดออกจากด้านใน ” ดึกดื่นปานนี้ จะทำอะไร……”
เย่ชูวเสวียที่เดิมทีกำลังรู้สึกหงุดหงิด พอเห็นว่าเป็นหนานกงเจาที่ยืนอยู่หน้าประตู เสียงของเธอก็เบาลงเยอะมาก
” คุณมาที่นี่ได้ยังไง? ”
หนานกงเจายืนเก้งๆกังๆอยู่ตรงหน้าประตู พูดอย่างตะกุกตะกัก ” คือว่า……”
“เหม็นมากเลย! ” ไม่รอให้หนานกงเจาพูด เย่ชูวเสวียก็ปิดจมูกแบะเตรียมจะปิดประตู
หนานกงเจารีบยื่นมือไปขวางประตูที่กำลังปิดตรงหน้า ” ชูวเสวีย ฟังฉันอธิบายก่อน ”
” พูดสิ! ” เย่ชูวเสวียปล่อยมือ เบิกตากว้างแล้วมองไปที่เขา
หนานกงเจาเกาหนังศีรษะ และสายตาก็เหลือบไปเห็นมู่เวยเวยที่กำลังมองมาทางนี้ จึงหันไปถามเบาๆว่า ” พวกเราเข้าไปคุยด้านในได้ไหม?”
” คุณป้า คุณลุงละ? ” เย่ชูวเสวียกำลังจะปฏิเสธ แต่เสียงของเสี่ยวอวี้หลินก็ดังมาจากห้องนั่งเล่นสะก่อน
เธออดทนอดกลั้น หลีกทางแล้วพูดกับหนานกงเจาว่า ” เข้ามาสิ ”
ตัวมู่เวยเวยถึงจะอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แต่ใจกลับลอยไปอยู่ที่เย่ชูวเสวียตั้งนานแล้ว พอเห็นว่าหนานกงเจาจะเข้าไปด้านใน อยากจะเอ่ยปากขวางไว้มาก แต่ว่าโดนเสี่ยวอวี้หลินขัดจังหวะขึ้นสะก่อน
” โห ละครเรื่องนี้บนอินเทอร์เน็ตอัพเดทใหม่ถึงตอนที่สามสิบแล้วนะ แต่ทำไมในทีวีถึงฉายถึงแค่ตอนที่ยี่สิบห้าอยู่ ” ท่าทีที่แตกตื่นของเสี่ยวอวี้หลินดึงดูดความสนใจของมู่เวยเวย เพื่อช่วยดึงเวลาให้เพื่อน
” ไม่น่าละ การแสดงความคิดเห็นที่ร้อนแรงบนอินเทอร์เน็ต แต่ฉันกลับมึนงง ” มู่เวยเวยถูกดึงดูดได้สำเร็จ และลืมเรื่องบนห้องนั้นไปเลย
” ชูวเสวีย ฉันผิดเอง ยังไม่พออีกหรอ? “หนานงเจาที่เมาเล็กน้อยมองไปที่เย่ชูวเสวีย และอ้อนวอนขอให้เธออภัยให้
” ยังไม่พอ?หนานกงเจานี่คุณไม่เต็มใจหรอ? ถ้าคุณไม่เต็มใจ ฉันก็ไม่ได้บังคับนะ ออกจากห้องฉันไปเดี๋ยวนี้เลย! ” เย่ชูวเสวียผลักหนานกงเจาออกไปที่ประตูอย่างแรง
เขาไม่ใช่ไม่เข้าใจคนอย่างหนานกงเจา วันนี้ที่เสี่ยวอวี้หลินมาร่วมแสดงด้วย เธอก็รู้เลยทันที นี่ต้องเป็นเพราะเสี่ยวอวี้หลินเรียกเขามาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นหัวสมองที่เต็มไปด้วยท่อนไม้อย่างหนานกงเจาคิดวิธีนี้ไม่ออกหรอก
” ชูวเสวีย หยุดงี่เง่าได้แล้ว ให้อภัยฉันเถอะ ได้ไหม? “หนานกงเจาใช้น้ำเสียงขอร้องอ้อนวอน
” หนานกงเจา! ฉันงี่เง่าตรงไหน จนถึงตอนนี้คุณคิดว่าฉันงี่เง่า ฉันไม่มีเหตุผลอย่างนั้นหรอ?” เดิมทีเย่ชูวเสวียที่ยังไม่โกรธเท่าไหร่พอได้ยินประโยคนั้นของหนานกงเจาเข้าก็โกรธขึ้นสมองเลยทันที โกรธจนถึงขีดสุด
” เปล่า……ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ชูวเสวีย เธอก็รู้ว่าฉันพูดไม่เก่ง ฉันก็เหมือนก้อนหิน เธออย่าถือสาฉันเลย จะได้ไหม ” หนานกงเจาทำตัวไม่ถูก ที่ตัวเองมาเพื่อมาอ้อนวอนขอร้องเธอแท้ๆ แต่ทำไมกลับยิ่งทำให้เธอโกรธขึ้นไปอีกละ
” อย่ามา แบบท่านนะหรอพูดไม่เก่ง ตอนที่ยั่วโมโหฉัน อย่าให้ต้องพูดว่าคุณนะปากเก่งปากร้ายสุดๆเลย ” หนานกงเจาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี สายตาเย่ชูวเสวีย เธอเองก็ไม่อยากทรมานหนานกงเจามากเกินไป
” ชูวเสวีย เธออย่าพูดอะไรแบบนี้ได้ไหม วันนี้ฉันมาด้วยความจริงใจ ”
” จริงใจ? ขอโทษด้วยนะ ฉันมองไม่เห็นเลยสักนิด นายดูสาระรูปที่เมาของนายตอนนี้สิ นี่มาขอโทษหรอ? “กลิ่นเหล้าบนตัวของหนานกงเจาทำให้เย่ชูวเสวียไม่พอใจ
” ฉัน……” ตัวเองมาเพื่อขอโทษแท้ แต่หนานกงเขาคิดไม่ถึงเลยว่าถูกจับได้และยังถูกตั้งข้อหาใหม่อีก
“มีอีกเรื่อง! อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ วันนี้ที่นายมาที่นี่เพราะเสี่ยวอวี้หลินใช้ให้นายมา ”
” ไม่ใช่! เป็นเพราะฉันอยากมาเองต่างหาก แต่ว่าก็แค่บังเอิญเจอเขาก็เท่านั้นเอง ” หนานกงเจาที่ถูกจับได้ก็รับหาข้ออ้าง
” โกหกอีกแล้ว! ” แค้อ้าปากเย่ชูวเสวียก็เห็นถึงลิ้นไก่ของเขาแล้ว
หนานกงเจาที่กำลังเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อยก็เตรียมเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ทันที ” ชูวเสวีย ก็ฉันบอกแล้วว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ไง! ”
” นายดุฉัน ” เย่ชูวเสวียมองชายตรงหน้าที่จู่ๆอารมณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และไม่รู้ว่าทำอะไรผิด
” ฉันมาขอให้เธออภัยให้ฉันด้วยความจริงใจ แต่เธอกลับมาหาเรื่องฉันสารพัด ” หนานกงเจาแสร้งทำเป็นโกรธ
” หนานกงเจา นายมันบ้าไปแล้ว ”
” ฉันมีสติดี ในเมื่อเธอไม่ให้อภัยฉัน ก้อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจละ!”
หนานกงเจายกมือขึ้น
” นาย……นายจะทำอะไร? “เย่ชูวเสวียหลับตาด้วยความกลัว รอฝ่ามือนั้นตบลงมาที่หน้า
เมื่อเห็นท่าทีที่กลัวเหมือนลูกแกะน้อยองเย่ชูวเสวีย หนานกงเจาก็ยกยิ้มมุมปาก และดึงตัวผู้หญิงตรงหน้าเข้ามากอดทันที ขอโทษอีกครั้ง ” ขอโทษนะ ”
“อู้วววว……ตกใจแทบแย่ ฉันก็คิดว่านายจะตบฉันจริงๆสะอีก ” เย่ชูวเสวียที่อยู่ในอาการวิตกกังวล ก็ผ่อนคลายขึ้นทันที แต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ เมื่อกี้เธอคิดว่าหนานกงเจาจะตบเธอจริงๆ
” ยัยบื้อ ฉันจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ”
เย่ชูวเสวียหน้าแดง ” นาย……นายปล่อยฉันนะ ”
” ไม่ปล่อย ” ไม่สนว่าผู้หญิงในอ้อมกอดจะพยายามดิ้นแค่ไหน แต่หนานกงเจาก็กอดเธอไว้แน่น และมือของเขาก็ลูบไล้ขึ้นลงอย่างควบคุมไม่ได้
” ฉันยังไม่ได้ยกโทษให้นายนะ อย่ามาเอาเปรียบฉัน ”
พอทะเลาะกัน คนที่เสียใจก็คือทั้งสองคน ในเวลาเดียวกันคนที่รู้สึกเหงา โดดเดี่ยว ก็เป็นทั้งสองคนอีก จริงๆแล้ว แค่อ้อมกอดนี้ก็ทำให้เย่ชูวเสวียใจอ่อนแล้ว แต่เธอก็ไม่อยากเสียหน้า
คำพุดประโยคนั้นของเย่ชูวเสวียก็ได้เตือนสติหนานกเจา เขาก้มหัวเข้าไปใกล้ใบหน้าของเย่ชูวเสวีย พลางหายใจและกระซิบว่า ” เธอแน่ใจนะว่ายังไม่ยกโทษให้ฉัน? ”
การเปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้เย่ชูวเสวียคาดไม่ถึง เมื่อกี้ยังเป็นท่อนไม้แข็งๆอยู่เลย ทำไมในชั่วพริบตาก็กลายเป็นปรมาจารย์ขึ้นมาเฉยเลย
การกระทำที่บ้าคลั่ง คำพูด การเคลื่อนไหวของมือ ที่เกิดขึ้นทุกรูปแบบนี่มันเป็นเหมือนปีศาจบ้าคลั่งที่จีบสาวในผับบาร์ชัดๆ
จริงๆแล้วเธอไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านี้ก่อนที่หนานกงเจาจะชอบเธอ เขาก็เป็นผู้ชายเจ้าชู้มาก่อน ความสามารถทักษะในการล่อสาวนั้นความสามารถเฉพาะตัวของเขาอย่างแท้จริง
แต่ว่าเมื่อเขาได้พบกับคนที่เขารัก เขาก็เลยกลายเป็นคนโง่เขลาไปเองโดยปริยาย แต่ก่อนตอนที่ยังไม่เมาเขาเป็นคนที่เอาไงเอากัน แต่พอมาวันนี้กลับต้องพึ่งฤทธิ์แอลกอฮอล์เพื่อทำตามคำเรียกร้องของหัวใจ
” นายปล่อย……ปล่อยฉันนะ! “ปลายจมูกของเธอมีเสียงหายใจของหนานกงเจาอยู่ในระยะประชิด กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆผสมกับกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์บนตัวเขา ทำให้เธออ่อนระทวยไปชั่วขณะ
ก่อนหน้านี้ที่เธอทำเป็นรังเกียจกลิ่นแอลกอฮอล์ในตัวเขา จริงๆแล้วเธอก็แค่อยากต่อปากต่อคำกับเขา ตอนนี้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ประสาทสัมผัสของเธอก็ชัดเจนขึ้น แต่ที่น่าแปลกคือ กลิ่นบนตัวของเขาไม่ได้เหม็นอย่างที่คิด กลับรู้สึกว่ามันกลิ่นหอมดีด้วยซ้ำ
” ถ้าอย่างนั้นเธอยกโทษให้ฉันได้ไหม? ” หนานกงเจากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นไปอีก
เย่ชูวเสวียสัมผัสได้ถึงความอันตรายขึ้นในทันที เธอถอยหลังไปครึ่งก้าว ” ถ้านายไม่ยอมปล่อยฉัน ฉันจะเรียกให้คนมาช่วยละนะ อย่าลืมนะว่าพ่อกับแม่ฉันอยู่ข้างนอก! ”
หนานกงเจาผงะไปชั่วขณะ และนิ่งคิดไปสักพักราวกับว่าสติได้หลุดลอยจากตัวไปแล้ว ” ก็ถ้าเธอไม่ยกโทษให้ฉัน ฉันก็จะไม่ยอมปล่อย ไม่ว่าใครจะเข้ามาฉันก็จะทำไว้แบบนี้! ”
” นายบ้ารึเปล่า? ” เย่ชูวเสวียตกใจ
เธอไม่คิดว่าหลังจากที่หนานกงดื่มแอลกอฮอล์ไปแล้ว จิตใต้สำนึกเขาจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ เธอไม่เรียกให้คนมาช่วยหรอก เพราะว่าเธอชอบเขา!
” เธอเลือกเองนะ อย่ามาโทษฉันละ! ”
” อะไร…….”
เย่ชูวเสวียเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะได้ถามให้ชัดเจน แต่หนานกงเจาไม่รอให้เธอได้ถาม เขากดตัวเธอลงไป แล้วประกบริมฝีปากด้วยสัมผัสที่อ่อนโยนลงไปบนริมฝีปากเธอ
” นาย……”
นานกงเจาใช้ช่วงที่เธอกำลังจะเปิดปากพูด จูบเธออย่างลึกซึ้งมากขึ้น ทำให้คำพูดต่างๆที่เย่ชูวเสวียกำลงจะพุดถูกกลืนหายเข้าไปกับท้อง
เขาใช้ข้ออ้างจากการเมา ซุกไซร้ร่างกายเธออย่างร้อนแรง ทำให้เธอขาดอากาศและหายใจลำบาก ความรู้สึกหายใจไม่ออกแบบนั้น ทำให้ทั้งสองคนเร่าร้อนขึ้นมาทันที
ความถี่ในการเต้นของหัวใจเย่ชูวเสวียไม่ได้ภายใต้การควบคุมของเธออีกต่อไป เธอจ้องหน้าหนานกงเจา ปล่อยให้การกระทำของหนานกงเจาถลำลึกมากขึ้นเรื่อยๆ
” ตูมตูมตูม……”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสามที เดิมทีทั้งสองคนที่กำลังกอดกันเกลียวก็หันมามองหน้ากันราวกับเป็นนกน้อยที่ตกใจ และเด้งตัวออกจากกันทันที
” ยังนิ่งอยู่ทำไมอีก ไป……ไปเปิดประตูสิ! ”
เย่ชูวเสวียพอได้รับอากาศแบบปกติ ก็สูดหายใจเข้าใหญ่ ไอ้คนบ้านี่ ถ้าไม่มีคนมาขัดจังหวะสะก่อน เขาจะจูบเธอขาดอากาศหายใจตายไปจริงๆหรอ?
” อ้อ……อ้อ ” หนานกงเจาก้มหน้า ไม่กล้าสบตาเย่ชูวเสวีย
เย่ชูวเสวียมองบนใส่เขาไปหนึ่งที ทีตอนนี้ทำเป็นกลัว? เมื่อกี้คนที่กล้าหาญคนนั้นไม่ใช่เขาหรอกหรอ?
เสียงเคาะประตูยังคงดังต่อเนื่อง มองจากความถี่ของการเคาะประตูแล้ว คนด้านนอกเริ่มหมดความอดทนแล้ว
หนานกงเจารีบจัดแจงเสื้อผ้าครึ่งท่อนบนที่โดนเย่ชูวเสวียขยำจนยับเยิน สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเปิดประตูออก
” พวกนายทำอะไรกันอยู่ด้านใน? ใช้เวลานานมากกว่าจะมาเปิดประตู? ” มู่เวยเวยขมวดคิ้วแล้วมองหนานกงเจาที่เดินออกมาเปิดประตู
เขาเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับเธอ ท่าทีแบบนี้ ยิ่งทำให้มู่เวยเวยสงสัยมากขึ้นไปอีก ” ทำอะไรกันกันแน่? ”
” คุณน้า ผม……”
” เมื่อกี้เราจูบกัน มันเร่าร้อนมาก ถ้าแม่ไม่มาพวกเราจะขึ้นเตียงกันอยู่แล้ว! เย่ชูวเสวียชิงพูดขึ้นมาก่อน
” จริงหรอ? ”
แววตาของมู่เวยเวยยิ่งสงสัยมากขึ้น คนตรงหน้าอย่างหนานกงเจาก้มหน้าก้มตาหนักขึ้นไปอีก ผมตรงหน้าผากของเขาบดบังเหงื่อที่ออกเต็มหน้าผากของเขาไว้
เย่ชูวเสวียพอเห็นท่าทีของเขา ก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปอีก ความกล้าหาญเมื่อกี้หายไปไหนหมด? เธอนี่มันตาบอดไปจริงๆ ที่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่คิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่แมน
มู่เวยเวยเห็นพวกเขาต่างคนต่างไม่พูด ยิ่งสงสัยมากขึ้นแล้วพูดว่า “ บอกมาตามตรง ทำอะไรกันกันแน่?”
“ ก็หนูบอกไปแล้วไง พวกเราจูบกัน! ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ต้องโทษแม่เลยที่เข้ามาขัดจังหวะเรื่องของเราสองคน!”
เย่ชูวเสวียเงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ มองไปที่หนานกงเจาด้วยสายตาตลกขบขัน
มู่เวยเวยมองพวกเขาทั้งสองคนสลับไปสลับมา ถึงแม้ว่าที่บ้านเธอจะเป็นครอบครัวที่เปิดกว้าง แต่ว่ามาทำเรื่องแบบนี้ในบ้าน ในที่สุด……
แต่พอมองไปที่ท่าทีที่หยอกล้อของเย่ชูวเสวียก็ดูเหมือนกับว่าเธอแค่ล้อเล่น ถ้าเป็นแบบที่เธอพูดจริง ไม่ว่าจะหน้าหนาแค่ไหน เป็นลูกผู้หญิงก็ไม่น่าจะพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาชื่นบานแบบนี้!
เพ่งเล็งสายตาไปที่เยาชูวเสวียอีกครั้ง เธอก็สบตากลับมาอย่างอย่างกล้าหาญโดยไม่มีความกลัวหรือรู้สึกผิดใดใดทั้งสิ้น
มู่เวยเวยไอกระแหร่มขึ้นมาหนึ่งที “ ยัยลูกคนนี้ พูดเรื่องน่าอายแบบนี้ออกมาได้ยังไง? จะพูดล้อเล่นก็ให้รู้ขีดจำกัดด้วย! ”
” ก็แม่ให้หนูพูดเองนิ ” เย่ชูวเสวียเบะปาก และไม่ได้อธิบายใดๆเพิ่ม
” เอาเถอะๆ ต่อไปจะพูดอะไรก็ให้คิดดีๆ ถ้าคนอื่นได้ยินมันส่งผลดีรึเปล่า? ”
มู่เวยเวยเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากแอเบาๆ ” แม่ทำอาหารมื้อดึกไว้ พวกลูกลงไปกินสิ! ”
พอพูดจบก็เดินออกไปเลย ไม่ได้มีความไม่ไว้ใจเลยสักนิด
หนานกงเจาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะจากไปแบบนี้ หันไปมองเย่ชูวเสวียอย่างสงสัย
เย่ชูวเสวียทำหน้าทำตาเยาะเย้ยเขา ” แค่นี้ก็กลัวแล้วหรอ? เมื่อกี้ใครกันที่เป็นคนพูดว่า ไม่ว่าใครจะเข้ามาก็จะไม่ยอมปล่อยฉัน? ”
” ฉัน……” หนานกงเจาจะตกอยู่ในอาการตกใจ ” ทำไมถึงพูดไปตามตรงกับแม่เอแบบนั้น แล้วถ้าท่านไม่เชื่อละ? ”
” ไอ้บื้อ! ”
เย่ชูวเสวียมองหนานกงเจาด้วยความไม่พอใจ ” ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวนาย ถ้าฉันพูดกับนายแบบนี้ นายจะเชื่อฉันไหม? ”
” เหมือนว่า……จะไม่! ” เพราะว่าเขาต้องไม่เชื่ออยู่แล้วว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะพุดจาเปิดเผยได้มากขนาดนี้
เย่ชูวเสวียโบกมือไปมาอย่างอดความอดทน ” ก็ใช่ไง ”
หนานกงเจาครุ่นคิดอย่างละเอียดอีกครั้ง เหมือนว่าฟังดูสมเหตุสมผล
อยู่นะ ไม่เพียงแต่ตระหนักถึงไอคิวของตัวเอง ทำไมนะทุกครั้งที่อยู่กับเธอ ถึงทำให้ตัวเองรู้สึกว่าไอคิวของตัวเองต่ำแบบนี้?
” รีบลงไปเถอะ ถ้ามากกว่านี้อีกห้านาที คงไม่ได้มีแม่ฉันคนเดียวที่เดินเข้ามา! ” ถ้าถึงเวลานั้นภายใต้สายตาที่หลักแหลมของเย่ฉ่าวเฉินต่อให้เธอจะแสดงได้ดีขนาดไหนก็ไม่สามารถปิดบังเขาได้อย่างแน่นอน
……
เสี่ยวอวี้หลินนั่งถอนหายใจอยู่ในโรงแรม ผู้ถูกกระทำบนเตียงกำลังนอนหลับอย่างสนิท ไม่ง่ายเลยกว่าจะอุ้มเธอขึ้นมาได้ แล้วเธอยังบิดแขนไปมาอย่างกระฉับกระเฉง
ทำให้เขาต้องถูกพนักงานโรงแรมใช้สายตางงๆมองจนมาถึงห้อง แต่ดุเธอตอนนี้สิ สบายจริงๆเลย บ่นแค่ว่าเหนื่อยก็ได้ไปนอนบนเตียงอย่างสบายใจ
เขาก้มหัวลงมาดมกลิ่นบนตัวของตัวเอง กลิ่นบุหรี่เต็มไปหมด และมองไปที่เสื้อแจ็คเก็ตที่โยนทิ้งอยู่ข้างๆ อ้วกแทบพุ่งเลยทีเดียว ยื่นมือออกไปสองนิ้วแล้วเขี่ยมันให้ออกไปไกลๆจากสายตา
” เฮ้! ” เสี่ยวอวี้หลินสะกิดผู้หญิงที่นอนบูดเหมือนหมูอยู่บนเตียง เธอขยับปากเล็กน้อย และพลิกตัวนอนหลับต่อ
จู่ๆเสี่ยวอวี้หลินก็อ่อนแรง ดึงตัวเธอให้ออกจากเตียง ” เธอลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนไปทั้งตัวแบบนี้ รีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้!”
” อืมมมม……”หญิงสาวส่งเสียงคอกแค่ก แล้วเอาแขนเขามากอด หาจุดที่รู้สึกสบายจนเจอ และหลับตานอนหลับต่อไป
” ยัยผู้หญิงคนนี้! ”
เสี่ยวอวี้หลินโกรธมาก ขนาดนี้แล้วเธอยังหลับลงอยู่อีกหรอ ยอดเยี่ยมจริงๆเลย
” เฮ้ เฮ้! ” ตบไปที่หน้าของหญิงสาวในอ้อมแขนเบาๆ อยากจะเอาตัวเธอให้ออกจากแขนตัวเอง แต่ดูจากความสามารถในการนอนหลับของเธอในตอนนี้แล้ว หน้าเธอในตอนนี้ทั้งแดงและบวม และไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาเลย
มองเธอที่ตอนนี้เหมือนกับหมีโคอาล่า เสี่ยวอวี้หลินยิ้มเล็กยิ้มน้อย ทำไมเขาถึงได้ใจอ่อนยอมช่วยผู้หญิงแบบนี้กัน?
เขานั่งลงบนเตียงอย่างจนปัญญา ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นนอนพิงและน้ำลายไหลบนตัวเขา ผิวพรรณของเธอตอนนี้จืดชืดเล็กน้อย แต่ว่าหน้าตาของเธอเป็นแบบที่ยิ่งดูก็ยิ่งน่าเอ็นดู
สภาพแบบนี้ ชัดเจนมากว่ายังเรียนอยู่ พอดูการแต่งตัวของเธอแล้วเธอไม่เหมือนกับผู้หญิงประเภทที่จะเที่ยวผับบาร์นะ ทำไมถึงกล้ามาโดยไม่พาคนรู้จักมาแม้แต่คนเดียว!
” ตอนนี้ฉันจับคุณได้แล้ว ห้ามไปไหนนะ……” หญิงสาวซุกเข้าไปในอ้อมแขนเขา และเข้าไปลึกขึ้น
เสี่ยวอวี้หลินทำหน้าจนปัญญาสุดๆ ทำไมจู่ๆตัวเขาถึงกลายเป็นตัวแทนของใครไปสะอย่างนั้น?
เขาแกะมือเธอออก ” เธอลุกขึ้นมาก่อน ฉันจะไปอาบน้ำ! ”
” ฉันไม่ลุก จะนอน เรามานอนด้วยกันเถอะ! ”
หญิงสาวนอนหลับตา และดึงแขนเสี่ยวอวี้หลินไว้ เธอออกแรงและผลักเขานอนลงบนเตียง
” เฮ้! ”
เสี่ยวอวี้หลินออกแรงผลักหญิงสาวให้ออกจากตัวของเขาเอง กำลังจะลุกขึ้น หญิงสาวคนนั้นก็ใช้ทั้งมือและเท้าจนขึ้นมาอยู่บนตัวของเสี่ยวอวี้หลิน
” เธอจะทำอะไรของเธอกันแน่? ”
เสี่ยวอวี้หลินอดไม่ไหวเลยแสดงความโกรธออกมา เธอเป็นแบบนี้ซึ่งเหมือนกับผู้หญิงกลางคืนในผับบาร์แบบนั้นไม่มีผิด คิดแต่จะขึ้นเตียงนอนแล้วได้เงินมาก้อนโต