และทั้งคู่อยู่ในห้องบนชั้นสอง
หลังจากที่มู่เวยเวยพูดออกไปว่า “ฉันอยากนอนบนเตียงของคุณนักรึไง” เย่ฉ่าวเฉินก็กระชากเธอออกจากเตียงแล้วโยนลงพื้นทันที ทั้งสองไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าหนานกงเฮ่าออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไม่อยากนอนบนเตียงผมงั้นเหรอ? งั้นคุณก็ไปนอนบนพื้น!” เย่ฉ่าวเฉินตะคอก มองดูมู่เวยเวยที่กองอยู่บนพรม พลางหัวเราะเยาะ ก่อนจะทิ้งตัวลงเตียงใหญ่
“…” มู่เวยเวยกัดฟันด้วยความโกรธ ผู้ชายคนนี้เลวจริงๆ ตอนนี้เธอยังเป็นไข้ไม่ใช่รึไง? หลังก็ยังเจ็บอยู่ด้วย?
ไอ้คนไร้มนุษยธรรม นายสมควรโดนฟ้าผ่าตายไปซะ!
เธอจ้องเขม็งไปที่เย่ฉ่าวเฉิน มู่เวยเวยรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิพื้นที่เย็นลงเรื่อยๆ เธอเสียใจเธอไม่น่ารู้จักกับเย่ฉ่าวเฉินเลย
ดังคำที่กล่าวไว้ว่าเป็นผู้หญิงก็ควรมีไม้อ่อนไม้แข็ง มู่เวยเวยกัดริมฝีปาก หลังจากที่สร้างตัวตนอยู่ในใจเป็นเวลานาน จึงเอ่ยขึ้นอย่างน่าสงสาร “เย่ฉ่าวเฉิน พื้นมันหนาวมากเลยนะ…”
“….” ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบรับ
“เย่ฉ่าวเฉิน หลังฉันยังเจ็บ…”
“หยุด!” น้ำเสียงเยือกเย็น
“เย่ฉ่าวเฉิน ฉัน…”
มู่เวยเวยพูดยังไม่ทันจบ เย่ฉ่าวเฉินเลิกคิ้ว “ผมเคยบอกว่า ให้คุณใช้วิธีของคุณขอร้องผมได้หนิ”
วิธีของเธอ…?
สีหน้ามู่เวยเวยพลันเปลี่ยนสี หัวใจที่เพิ่งจะอ่อนลงกลับแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง พื้นจะเย็นอย่างไร หลังจะปวดแค่ไหน ก็ยังดีกว่าถูกผู้ชายคนนี้ทรมานและทำให้ขายหน้า
“เย่ฉ่าวเฉิน นายฝันไปเถอะ ฉันจะไม่ยอมขอร้องนายแบบนั้นอีกเด็ดขาด! ไม่มีทาง!”
มู่เวยเวยพูดอย่างหนักแน่น เพื่อพิสูจน์ความมุ่งมั่นของตนเอง ครั้งล่าสุดที่อยู่ในห้องหนังสือ ก็เพื่อให้ได้มีโอกาสได้เข้าเรียน เธอเสียเกียรติเสียศักดิ์ศรีไปแล้วครั้งหนึ่ง เธอจะไม่ทำแบบนั้นอีกเด็ดขาด
“เฮ้ ตลอดไปเลยเหรอ?” เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกขำกับคำพูดของเธอ เขาคิดว่ามันช่างตลกสิ้นดี “มู่เวยเวยคุณจำสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ให้นะ ผมจะรอให้คุณขอร้องอ้อนวอนผมเป็นครั้งที่สอง และคราวหน้าผมไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆแน่”
“เย่ฉ่าวเฉิน นายมันสารเลว ไอ้บ้า นายต้องไม่ตายดีแน่!” มู่เวยเวยแผดเสียง
“ผมจะไม่ตายดี? หรือคุณอยากให้ผมตาย” เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเยาะ ก่อนจะกระโดดลงจากเตียง เขาบีบคางของมู่เวยเวยที่นั่งอยู่บนพื้น แล้วบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมองตัวเอง “ผมจะบอกคุณให้นะมู่เวยเวย มีคนมากมายที่อยากให้ผมตาย และคุณ… ก็เป็นแค่มดตัวเดียว!”
มู่เวยเวยสะดุ้ง ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดที่คาง แต่เพราะแววตาของเย่ฉ่าวเฉินคู่นั้น ดวงตาสีฟ้าน่ากลัวเธอสัมผัสได้ว่ามันกำลังกลืนกินเธอไปทั้งตัว
เพียงมองแค่นี้ ก็ราวกับว่าเธอจมลึกอยู่ใต้สีน้ำเข้มคู่นั้น… นี่คือดวงตาของมนุษย์งั้นเหรอ?
มู่เวยเวยมีบางสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นดวงตาสีฟ้าของชาวต่างชาติ แต่ของเย่ฉ่าวเฉินไม่เหมือนของคนอื่นๆ ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกาย ราวกับว่ามันส่องแสงได้…
“ร่างกายคุณบาดเจ็บ ผมจะยังไม่ทำอะไรคุณตอนนี้ แต่วันนี้คุณหลอกผมคุณกับลู่จื่อหางมีความสัมพันธ์กัน ผมจะรอจนกว่าคุณหายดี แล้วผมจะเอาคืนทีละคน—เริ่มจากคุณ!”
พูดจบเย่ฉ่าวเฉินก็ยิ้มเยาะเย้ย ก่อนจะสลัดคางมู่เวยเวยทิ้ง แล้วเดินผ่านเธอออกจากห้องไป
มู่เวยเวยชะงักงัน ไม่ใช่แค่งุงงงกับดวงตาของเขา แต่ยังงงกับคำพูดนั้นของเขาอีกด้วย ทำไมถึงพูดว่า “วันนี้คุณหลอกผม” เธอไปหลอกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ทันใดนั้นในหัวก็นึกถึงภาพ ภาพหนึ่ง มู่เวยเวยเข้าใจในทันที เหตุผลที่เขายอมพาเธอกลับมาบ้านตระกูลมู่ก็เพราะข่าวจากพี่ชาย แต่พวกเขาไม่ได้รับข่าวใดๆ จึงกลับมา
ให้ตายเถอะ แบบนี้จะมาโทษเธอได้อย่างไร? เขาบ้าคลั่งพาตัวเธอออกไปเอง ข่าวเกี่ยวกับพี่ชายเธอยังต้องถามข่าวจากคุณลุงเลย!
และยังมีลู่จางจื่อจางอีก เมื่อไหร่กันที่เธอมีความสัมพันธ์กับลู่จื่อจาง…เธอนึกถึงอ้อมกอดนั้นระหว่างตัวเองและลู่จื่อจาง มู่เวยเวยกำลังเสียใจที่ต้องตาย เธอรู้ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรเย่ฉ่าวเฉินก็คงไม่เชื่อ
ผู้ชายคนนั้นเขาเชื่อแค่ตัวเองและคนอื่นเท่านั้นแหละ แต่สำหรับเธอ…เขาไม่เคยเชื่อ!