วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 444 มีทางออกเสมอ

“ไม่ใช่ไม่ใช่ ผมแค่พูดไปเรื่อย คุณอย่าใส่ใจเลย เรื่องที่ทำในวันนี้มันรู้สึกดีมาก และฉันจะต้องไปดื่มกันต่อ”

“ดื่มเหล้า ผมประหม่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

“งั้นก็ไปร้านเหล้าป่ะ ไปกัน !”

ชายร่างใหญ่ทั้งสองไม่ได้พูดถึงเรื่องอื่นมากนัก แต่พวกเขาต่างรู้ดี ความอึดอัดก่อนหน้านี้ มันได้หายไปหมดแล้ว

วันรุ่งขึ้น——

เสี่ยวอวี้หลินไปหาเซี่ยอันน่า และเชิญเธอไปทานอาหาร

“เฮ้ คุณช่วยผมมาตั้งขนาดนี้ อาหารมือนี้ผมเลี้ยงเอง”

“เรื่องการจ่ายให้ ให้ฝ่ายชายเป็นคนจัดการเถอะ”

“แต่ว่า……….”

เขายื่นมือมาปิดริมฝีปากของเซี่ยอันน่า เสี่ยวอวี้หลินถอนหายใจและพูดต่อว่า:“ ไม่ต้องห่วง ยังมีเวลาให้คุณได้ตอบแทนอีก”

หลังจากเสี่ยวอวี้หลินพูดจบ เขาก็ใช้นิ้วลูกริมฝีปากของเซี่ยอันน่า

สัมผัสที่หยาบกร้าน ทำให้ร่างกายของเซี่ยอันน่าสั่นเทา เธอรีบก้าวเท้าถอย เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างสองคน

“โอเค ไม่แกล้งคุณแล้ว ลงรถเถอะ แล้วผมจะพาคุณไปทานของอร่อยๆ ”

เซี่ยอันน่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงข้างๆเสี่ยวอวี้หลิน ด้วยท่าทางสงบโดยไม่แสดงท่าทางเหมือนโจรแบบเมื่อกี้

เมื่อเสี่ยวอวี้หลินเห็นท่าทางเธอ ก็ถามด้วยความแปลกใจว่า “ครั้งนี้ทำไมคุณไม่หลบหลีกเลี่ยงล่ะ ?”

เซี่ยอันน่าพูดขณะคาดเข็มขัดนิรภัยว่า:“ ข้างนอกข่าวแพร่กระจายไปขนาดนั้นแล้ว พูดเพิ่มอีกสักหน่อย ก็คงไม่เป็นไรหรอก”

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงประโยคธรรมดา แต่เมื่อเสี่ยวอวี้หลินฟังแล้วก็รู้สึกทุกข์ใจ

พวกเขาสองคนเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน เสี่ยวอวี้หลินรู้ว่า เธอเป็นผู้หญิงที่ขี้ขลาด และชอบปกปิดอารมณ์ของเธอไว้ในส่วนลึกของจิตใจ

ถ้าเธอสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ แสดงว่าเธอเคยมีเรื่องที่หนักใจกว่านี้มาก่อน

แต่ในโรงเรียนนี้ มีคนใจร้ายมากมายขนาดนี้เลยเหรอ ?

ดูเหมือนว่า ตัวเองจะยังรู้จักเซี่ยอันน่า ไม่มากพอ

แววตาของเขามืดมนลง เสี่ยวอวี้หลินเหยียบคันเร่ง และขับรถออกไป

เสี่ยวอวี้หลินรู้ว่า ถ้าไปร้านระดับไฮเอนด์จะต้องทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกอัดอัด ดังนั้นครั้งนี้ เขาจึงพาเซี่ยอันน่าไปร้านอาหารญี่ปุ่นที่พิเศษ สภาพแวดล้อมหรูหรา และบรรยากาศดี

มันก็เป็นสิ่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งอะไรขนาดนั้น ในขณะที่ทานอาหาร จิตใจเธอก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“ทำไมทานข้าวแล้วยังไม่มีความสุขอีกล่ะ ยังคิดถึงข่าวลือเหล่านั้นอยู่เหรอ ?”

เซี่ยอันน่าส่ายหัวและพูดว่า:“ เมื่อวานฉันเจอลูกพี่ลูกน้องชายแล้ว”

เมื่อคิดถึงชายที่ร้องตะโกนเสียงดังคนนั้น เสี่ยวอวี้หลินก็รู้สึกขยะแขยยง อาหารที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีความน่าสนใจอีกเลย

ไม่แปลกใจที่เซี่ยอันน่าทานอย่างไม่มีความสุข ที่แท้ก็มีคนมาสร้างความลำบากให้เธอ

อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้เขาคงไม่กล้าปรากฎตัวต่อหน้าเซี่ยอันน่าแล้ว ไม่อย่างนั้น เขาจะตัดนิ้วทั้งเก้านิ้วที่เหลือทิ้ง !

ร่องรอยของความโหดร้ายปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา แต่เสี่ยวอวี้หลินก็ปกปิดมันอย่างดี โดยไม่ทำให้เซี่ยอันน่ารู้

เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วครุ่นคิดสักครู่และถามว่า:“ คุณว่า มีวิธีใดบ้าง ที่จะเปลี่ยนความชั่วร้ายให้กลับมาเป็นปกติดีได้ ?”

เสี่ยวอวี้หลินส่ายหัว และพูดว่า:“ ถ้าติดการพนัน คนๆนี้ก็ช่วยไม่ได้แล้ว ก็คงต้องรอให้ครอบครัวพังทลาย”

ถึงแม้ว่าเซี่ยอันน่าจะพูดถ้อยคำที่โหดร้ายกับลูกพี่ลูกน้องชาย แต่เธอก็ยังคงจดจำเขาไว้ในใจ

เมื่อนึกถึงความดีก่อนหน้านี้ของเขา ในใจก็ยิ่งรู้สึกแย่

“จริงๆแล้วเมื่อก่อนลูกพี่ลูกน้องชายฉันเป็นคนดีมาก เขาดีกับฉันมาก แต่เขาถูกเพื่อนชักนำไปทางไม่ดี ถึงเข้าไปพัวพันกับเรื่องแย่ๆแบบนี้”

แต่เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่อยากจะเชื่อ เขาส่ายนิ้วและพูดว่า:“ คุณไม่จำเป็นต้องปกป้องเขาแล้ว คนแบบนั้น เลวไปถึงกระดูกแล้ว ช่วยไม่ได้แล้ว”

หลังจากได้ยินคำพูดของเสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่าก็ไม่พูดอะไรต่อ แต่สีหน้าของเธอแสดงความหดหู่ออกมา

นี่เป็นมื้ออาหารใหญ่ที่เสี่ยวอวี้หลินเตรียมให้เซี่ยอันน่า เขาไม่อยากถุูกหมาแมวมาพังมันลง เขาตบมือของเซี่ยอันน่าและพูดว่า:“ อย่าอารมณ์เสียกับคนแบบนั้นเลย รีบทานเถอะ อีกเดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูหนัง”

ในเวลานี้เซี่ยอันน่าจะยังมีอารมณ์ที่ไหนไปดูหนัง เธอพยักหน้าแต่ในใจก็ยังคงเหม่อลอย

เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าเป็นแบบนี้ เสี่ยวอวี้หลินก็ยิ่งรู้สึกเป้นทุกข์มากขึ้น

ยัยผู้หญิงโง่ใจดีคนนี้ คนอื่นทำกับเธอขนาดนี้แล้ว เธอยังมีใจคิดถึงคนอื่นอยู่อีก

เธอเป็นแบบนี้ จะเจ็บปวดได้อย่างง่ายดาย

แต่เมื่อมีเขาอยู่ ใครก็ไม่สามารถมาทำร้ายเธอได้

……

สัปดาห์หน้า ชั้นเรียนจะมีการสอบ เซี่ยอันน่าถือหนังสือจำนวนมาก เตรียมที่จะไปอ่านทบทวนที่ห้องสมุด

แต่เมื่อไปถึงห้องสมุดกลับพบว่า หนังสือที่วางจองที่นั่งของเธอ ถูกโยนลงพื้น และในขณะเดียวกัน ที่นั่งตรงนั้น ก็มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งยิ้มอยู่

เซี่ยอันน่าเดินเข้าไปเตือนด้วยอารมณ์ที่เย็นว่า “นักเรียน นี่เป็นที่นั่งของฉันค่ะ ”

ชายคนนั้นสูดหายใจและพูดว่า:“ ที่นั่งของคุณ ? งั้นคุณลองตะโกนดู ว่ามันจะตอบกลับไหม ”

คำพูดเหล่านี้ ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆรู้สึกไม่พอใจ และมองไปอย่างกระตือรือร้น  และไปหาที่นั่งอื่น

แต่ห้องสมุดในเวลานี้ คนจะเยอะมาก มิฉะนั้นนักเรียนคงจะไม่มาจับจองที่นั่งก่อนหรอก

เพียงแต่วันนี้เซี่ยอันน่าอารมณ์ดี และเธอก็พบว่ามีที่นั่งว่างอยู่ตรงหัวมุม

เธอเดินไปอย่างเงียบๆ เซี่ยอันน่ากำลังจะนั่ง แต่มีคนบางคนที่อยู่ข้างๆเธอก้าวมาเร็วกว่า และโยนกระเป๋าหนังสือไปไว้

เห็นได้ชัดว่าคนๆนั้นกำลังหาเรื่อง

เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วและถามว่า “คุณทำอะไร ?”

“ที่นี่มีคนแล้ว”

“แต่ตอนนี้ มีคนแล้ว”

“คุณ………”

เซี่ยอันน่าโกรธมาก และจ้องมองไปที่ฝ่ายตรงข้าม

แต่อีกฝ่ายก็ยังมีเหตุผลอีกมายมาย และพูดอย่างประชดประชันว่า:“ ที่นี่เป็นสถานที่เรียนรู้ บางคนที่จะมาเพิ่มความรู้ความสามารถ เธอรีบไปเถอะ อย่าทำให้ที่นี่มีมลทินเลย”

คำพูดของนักเรียนคนนี้ ได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้างอย่างรวดเร็ว

“นั่นก็คือ มีเธออยู่ตรงนี้ ทำให้อากาศที่นี่สกปรก”

“ยังอยู่ทำไมอีก โดนรังเกียจขนาดนี้แล้วยังไม่ไปอีก ? ไม่มีความละอายเลยจริงๆ”

“คนที่ทำเรื่องแบบนั้น ยังมีความละอายอีกเหรอ ?”

“ก็ถูกนะ ฮ่าฮ่า——”

คำพูดต่อมา เริ่มทนไม่ได้มากขึ้น เซี่ยอันน่ารู้สึกอาย เธอหันหลังจะจากไป

เซี่ยอันน่าแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คำพูดที่ชั่วร้ายเหล่านั้นจะไม่ทำร้ายจิตใจของเธอ

เธอรีบเดินออกจากห้องสมุดอย่างรวดเร็ว เซี่ยอันน่าหาที่ที่ไม่มีใครอยู่ โอบแขนของตัวเองไว้ และไหล่ของเธอก็สั่นเล็กน้อย

ทำไมต้องมีข่าวลือแบบนั้น ? ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมต้องมาแบกรับข้อกล่าวหาที่ไม่มีเหตุผลด้วยล่ะ ?

เธอเป็นแค่นักเรียนธรรมดาคนหนึ่ง ทำไมต้องให้ตัวเองมาประสบปัญหาเหล่านี้ทั้งหมดด้วย ?

เมื่อคิดถึงสิ่งที่เธอพบเจอมาในช่วงนี้ เซี่ยอันน่าก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมา

“นักเรียน ?”

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง ทำให้เซี่ยอันน่ารีบเช็ดน้ำตาที่มุมตา หันกลับไปและถามว่า “มีธุระอะไรเหรอ ?”

“ใช่ค่ะ”

“ศาสตราจารย์เรียกหาคุณ บอกว่าเกี่ยวกับเรื่องทุนการศึกษา”

มุมตาของเธอเป็นประกาย เซี่ยอันน่าพูดว่า:“ โอเค ฉันรู้แล้ว ฉันจะรีบไปตอนนี้”

เมื่อมาถึงห้องทำงาน เซี่ยอันน่าก็เคาะประตู

“เข้ามา”

เมื่อผลักประตูเข้าไป เซี่ยอันน่าก็ถามว่า:“ ศาสตราจาย์ คุณเรียกฉันเหรอ ”

“เธอเองเหรอ”

เมื่อเห็นเซี่ยอันน่า ศาสตราจารย์จางก็ยิ้มอย่างน่ารัก เขายืนขึ้นและเดินไปหาเธอ และปิดประตูอย่างง่ายดาย

“มา นั่งก่อน”

เธอนั่งตรงข้ามศาสตราจารย์อย่างเชื่อฟัง เซี่ยอันน่าคอยศาสตราจารย์จางพูดอย่างตรงไปตรงมา

หลังจากเทน้ำให้เซี่ยอันน่า ศาสตราจารย์จางก็พูดว่า:“ ช่วงนี้ฉันอยู่ที่โรงเรียน และได้ยินข่าวลือที่ไม่ค่อยจะดีมา”

ใบหน้าของเซี่ยอันน่าเคร่งเครียด และรีบพูดว่า:“ ศาสตราจารย์ เรื่องพวกนั้นไม่ใช่เรื่องจริง ฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น !”

เขาตบมือของเซี่ยอันน่า ศาสตราจารย์จางปลอบเธอว่า:“ ฉันเข้าใจ ฉันเป็นคนที่เข้าใจเธอดีที่สุด และฉันไม่เชื่อข่าวลือเหล่านั้นหรอก ”

เมื่อได้ยินศาสตราจารย์พูดแบบนั้น เซี่ยอันน่าก็ยิ้มอย่างพอใจและพูดว่า:“ ขอบคุณค่ะ ”

“แต่ยังไงก็ตาม เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิง ข่าวลือพวกนั้นส่งผลไม่ดีกับเธอ และผลประเมินทุนการศึกษาของเทอมที่แล้วก็ออกมาแล้ว เดิมทีมีของเธอ แต่ว่าตอนนี้……….”

ศาสตราจารย์พูดได้เพียงครึ่งเดียว จากนั้นก็ส่ายหัวอยู่บ่อยครั้ง

ใจของอันน่ากลับมาบีบแน่นอีกครั้ง เซี่ยอันน่าพูดว่า:“ ศาสตราจารย์ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าหากโดนยกเลิกทุนการศึกษา นั่นหมายความว่าโรงเรียนเชื่อข่าวลือพวกนั้นด้วยจริงๆ !”

“ฉันรู้ฉันรู้ เรื่องนี้สำคัญกับเธอมาก และฉันจะไม่ตัดสินแบบง่ายๆ แต่เธอก็ต้องเกรงใจในความลำบากของฉันด้วย ถึงแม้ว่าฉันอยากจะช่วยเธอ แต่ก็ต้องมีข้อแก้ตัวที่เหมาะสม ไม่อย่างนั้น มันจะเป็นเรื่องยากที่ปิดปากผู้อื่น”

เซี่ยอันน่าโค้งคำนับศาสตราจารย์จางอย่างสุดซึ้งและพูดว่า:“ ศาสตราจารย์ ขอร้องคุณล่ะ ”

“เรื่องนี้ แน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องช่วย แต่ฉันทำเพื่อคุณขนาดนั้น คุณก็ควรจะตอบแทนอาจารย์บ้างรึเปล่า ?”

พูดไป ศาสตราจารย์จางก็จับมือของเซี่ยอันน่า และยังลูบมือของเธอไปมา

เซี่ยอันน่าตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบลุกขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ

เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า ศาสตราจารย์ผู้เป็นที่รัก จะให้คำใบ้กับเธอแบบนี้ !

ศาสตราจารย์ยังคงยิ้มโบกมือให้เซี่ยอันน่า และพูดว่า:“ ทำไมไปยืนอยู่ไกลจัง ขยับเข้ามาหน่อย”

“คุณ……ฉัน……..”

เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าไม่ขยับ ศาสตราจารย์ก็เดินไปที่ข้างหลังเซี่ยอันน่า ทันใดนั้นก็ใช้มือโอบเอวของเธอ

“อันน่า ครูยังคงมองเธอในแง่ดีเสมอ ไม่ว่าเธอจะมีอนาคตที่ดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอเลือกยังไง”

“ไม่ ไม่ได้ !”

เซี่ยอันน่าเหมือนโดนไฟเผา เธอผลักแขนออกศาสตราจารย์ออก และหน้าแดงไปหมด

และการต่อต้านของเธอ ก็ยังคงมีความงาม มันทำให้ใจของศาสตราจารย์เต้นขึ้นไปอีก

“เป็นแบบนี้แล้ว เธอยังจะมีอะไรไม่ได้อีก ? ถึงจะเสแสร้ง แต่ต้องมีเขตจำกัด ขายร่างกายเหมือนกัน เงินหรือว่าทุนการศึกษาอันไหนสำคัญกว่ากัน ?”

หลังจากได้ยินคำพูดของศาสตราจารย์จาง ใบหน้าของเซี่ยอันน่าก็ซีดเซียวและถามว่า:“ ดังนั้น คุณก็เชื่อข่าวลือพวกนั้นด้วย ใช่ไหม ?”

“จริงหรือเท็จ สำหรับฉันมันไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ ดูว่าเธอจะเลือกยังไง”

ภายใต้สายตาที่ยั่งยวนของศาสตราจารย์จาง เซี่ยอันน่ายกเอวของเธอขึ้นด้วยใบหน้าที่เย่อหยิ่ง

“เรื่องทุนการศึกษา คุณไม่ต้องเป็นกังวล ฉันไม่เอาก็ได้”

พูดจบ เซี่ยอันน่าก็เปิดประตูแล้วเดินจากไป

ตลอดทางที่กลับไปยังห้องนอน เซี่ยอันน่าร้องไห้จนตาแดง

คนอื่นจะมองเธอยังไง จะพูดยังไงกับเธอก็มันก็ไม่สำคัญแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี แม้แต่อาจารย์ยังเชื่ออย่างสนิทใจ

แบบนี้เธอสิ้นหวังแล้วหรือเปล่า ? ชีวิตของเธอก็พังพินาศแล้วใช่ไหม ?

อย่างไรก็ตาม เซี่ยอันน่าไม่เต็มใจ เพราะว่าเธอบริสุทธิ์ เธอไม่ใช่ผู้หญิงไม่ดี………

เธอไม่รู้ว่านั่งอยู่คนเดียวนานขนาดไหน จนกระทั่งฉีฉีกลับมา

เมื่อเห็นคนตรงพื้น ฉีฉีก็ตกใจ หลังจากเข้าไปดูใกล้ เธอก็รีบวิ่งไปข้างๆเซี่ยอันน่า

“อันน่าเธอเป็นอะไร ทำไมถึงมานั่งอยู่ที่พื้น แล้วทำไมตาถึงแดงขนาดนั้น ?”

เซี่ยอันน่าก้มศีรษะลงเล็กน้อยและพูดว่า:“ ไม่ ก็แค่พักผ่อนไม่พอ”

“พักผ่อนไม่พออะไร นี่มันร้องไห้แล้ว บอกมาว่า คนข้างนอกรังแกเธออีกแล้วใช่ไหม ?”

ด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็นบนริมฝีปากของเธอ เซี่ยอันน่าพูดว่า:“ ตอนนี้นอกจากเธอแล้ว ยังมีใครไม่รังแกฉันอีกเหรอ ?”

ฉีฉีเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และพูดว่า:“ ไอ่พวกนั้นมันน่าขยะแขยงจริงๆ มีสมองกันบ้างไหมนะ คนอื่นพูดอะไรก็เชื่ออย่างนั้น”

เซี่ยอันน่ารู้สึกเหนื่อยมาก เธอส่ายหัวและพูดว่า:“ ช่างเถอะ เป็นแบบนี้แล้ว ยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ ”

อย่างไรก็ตามฉีฉีไม่เห็นด้วย และรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและพูดว่า:“ อย่างนั้นไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ทำ ทำไมเธอต้องรับโทษด้วย ?”

“ไม่รับโทษ งั้นฉันจะทำยังไงล่ะ อธิบายให้กับทุกคนฟัง ? นอกจากฉันจะกลายเป็นที่น่าหัวเราะแล้ว ผลมันก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร”

“ถ้างั้นจะทำยังไงดี………”

ฉีฉีก็ไม่ทันได้ระวัง เธอนั่งลงข้างๆเซี่ยอันน่า และเกือบจะร้องไห้

เมื่อเห็นฉีฉีเป็นแบบนี้ เซี่ยอันน่าก็ทำได้เพียงเก็บความเศร้าไว้ในใจ และหันกลับมาปลอบเธอแทน

“บางที นี่อาจจะเป็นการทดสอบของพระเจ้า ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ เธออาจจะกลายเป็นเพชรที่แข็งแกร่ง”

ริมฝีปากของฉีฉีขยับ กำลังจะพูดอะไร แต่เสียงโทรศัพท์ของเซี่ยอันน่าก็ดังขึ้นมาก่อน

เซี่ยอันน่ารู้สึกหดหู่ใจ เธอหยิบขึ้นมารับสายโดยที่ไม่ได้ดูว่าใครโทรมา

“สวัสดีค่ะ”

“อันน่า ฉันคือผู้กำกับหลี่ ที่ให้คุณลองมาแคสติ้งครั้งที่แล้ว ตอนนี้ทางนี้มีบทบาทใหม่ เธอสนใจไหม ”

เซี่ยอันน่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบลุกขึ้นยืน สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและพูดว่า:“ แน่นอนค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเธอมาตอนนี้เลย พวกเราอยู่ที่โรงแรมฮิลตันห้อง 3303 ผู้เขียนบทละครภาพยนตร์ก็อยู่ที่นี่พอดี พวกเราสามารถมาคุยกันได้”

“ตกลง ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ”

หลังจากวางสาย เซี่ยอันน่าก็ไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้า และเก็บของของตัวเอง

เมื่อเห็นทัศนคติของเซี่ยอันน่าเปลี่ยนไปอย่างมาก ฉีฉีก็ถามว่า:“ อันน่า มีเรื่องอะไรเหรอ ?”

“มีผู้กำกับบางคนให้ฉันไปลองแคสติ้งดู”เซี่ยอันน่าจับมือของฉีฉีและพูดด้วยรอยยิ้ม “ตราบใดที่ไม่สิ้นหวัง ก็ยังคงมีความหวัง เธอดูสิ ความหวังก็มาแล้วไม่ใช่เหรอ ?”

“ใช่สิ ดังนั้นเธอจะต้องเข้มแข็งหน่อย อย่าให้คนเลวพวกนั้นรังแกได้”

“อืม ฉันรู้แล้ว”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เซี่ยอันน่าก็เดินออกประตูไปด้วยพลังที่เต็มเปี่ยม

เมื่อของข้างหลังของเซี่ยอันน่า ฉีฉีก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

เฮ้อ ผู้หญิงคนนี้ มีเรื่องดีหน่อย ก็สามารถทำให้เธอพอใจได้

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพายุในครั้งนี้จะผ่านไปเร็วๆ อย่าได้มาทรมานอันน่าที่น่าสงสารอีกเลย

……

การแคสครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี ผู้กำกับบอกให้เซี่ยอันน่ากลับไปเตรียมตัวให้ดี อย่านอนดึก อย่าดื่มเหล้า เพื่อไม่ให้หน้าบวม และส่งผลกระทบกับการถ่ายทำ

ไม่ง่ายเลยที่จะได้โอกาศมา เซี่ยอันน่าต้องรักษามันไว้

ยิ่งกว่านั้นปกติเธอก็ไม่มีนิสัยแปลกประหลาด เพียงแค่ต้องรักษาทัศนคติไว้ให้ดี

เพื่อที่จะรักษาความสงบ เซี่ยอันน่าเลยปิดโทรศัพท์ไว้

เมื่อเธอออกจากโรงแรม และเมื่อเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา เธอก็พบว่ามีสายเข้ามาหลายสาย

เป็นของฉีฉีทั้งนั้น

ทำไม เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า ?

ทันทีที่เซี่ยอันน่ากำลังจะโทรกลับ ฉีฉีก็โทรศัพท์เข้ามาพอดี

“ฉีฉี เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”

“อันน่า อันน่าแย่แล้ว !”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset