เพราะความวิตกกังวล เสียงของฉีฉีจึงสั่นไหว
สิ่งนี้ทำให้เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้วเหรอ ?”
“มีนักข่าวต้องการสัมภาษณ์เธอ”
“ฉันยังไม่ดังเลย มาสัมภาษณ์ฉันทำไม ?”
“ไอ่หยา นี่มันตอนไหนกันแล้ว เธอยังล้อฉันเล่นอีก !มีใครก็ไม่รู้ถ่ายรูปเธอกับศาสตราจารย์จาง แล้วโพสต์ลงในฟอรัม แค่เพียงครึ่งวัน ก็มีคนแชร์ไปเป็นหมื่นแล้ว ตอนนี้ยังมีคนจากสถานีโทรทัศน์มา บอกว่าต้องการจะเปิดโปงเรื่องนี้”
“เปิดโปง ? พวกเขาจะเปิดโปงอะไร ?”
“พูดอะไรนะ นักเรียนหญิงล่อลวงอาจารย์ เพื่อชิงทุนการศึกษา”
“ไร้สาระ !”เซี่ยอันน่าโกรธมาก จึงพูดว่า “นักข่าวพวกนั้นอยู่ที่ไหน ฉันต้องการไปอธิบายกับพวกเขาให้ชัดเจนตอนนี้”
“ไอ่หยา จะอธิบายให้ชัดเจนได้ยังไงล่ะ พวกเขามีทั้งปืนยาวปืนสั้น แม้แต่ศาสตราจารย์ก็ยังทนไม่ไหว เขาถึงผลักเรื่องทุกอย่างมาให้เธอ และเขาก็พักงานกลับบ้านไปแล้ว เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กคนเดียวจะอธิบายยังไง ?”
“ผลักเรื่องทุกอย่างมาให้ฉัน ? นี่มันหมายความว่ายังไง ?”
ฉีฉีชะงักไปชั่วขณะ เพราะว่าบางคำพูด เธอก็รู้สึกว่าไม่ควรพูดออกมา
แต่เซี่ยอันน่าทนรอไม่ไหวอีกต่อไป จึงตะโกนออกมาว่า:“ ไอ่หยา เธอพูดออกมาสิ !”
ไม่มีทางเลือก ฉีฉีที่โหดร้ายจึงเปิดปากพูด
“ศาสตราจารย์บอกว่า เป็นเธอ เพื่อที่จะได้รับทุนการศึกษา เธอจึงอุทิศตัวให้เขาด้วยความสัมครใจ ศาสตราจารย์ไม่ได้รั้งเธอไว้ จึงถูกเธอล่อลวง”
เซี่ยอันน่ารู้สึกทุกอย่างตรงหน้ามืดมนไปหมด ตัวเธอสั่น เธอกัดฟันและพูดออกมาว่า:“ ไอ้เลว เขาพูดโกหก !”
“ฉันก็คิดว่าเขากำลังพูดโกหก แต่คนอื่นไม่เชื่อหน่ะสิ นักข่าวพวกนั้นรออยู่ที่ใต้หอหญิงนี่ เธออย่าเพิ่งกลับมานะ ฉันคิดหาวิธีไล่พวกเขาไปก่อน”
หลังจากพูดจบ ฉีฉีก็ตัดสายไป
และเซี่ยอันน่าที่ยืนอยู่ข้างถนน ทันใดนั้นก็รู้สึกมึนงงขึ้นมา
โลกกว้างขวางขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่ว่างสำหรับเธอเลย
ทำไมถึงเป็นแบบนี้…….
เธอนั่งอยู่ที่แปลงดอกไม้คนเดียว จนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิท เซี่ยอันน่าถึงได้รับโทรศัพท์จากฉีฉี
เธอบอกว่าโรงเรียนได้ส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา และไล่นักข่าวพวกนั้นไปแล้ว เซี่ยอันน่าสามารถกลับมาได้แล้ว
แต่พูดตามตรง เซี่ยอันน่าไม่อยากกลับไปที่โรงเรียนนั่นแล้ว เธอสามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อกลับไปถึงโรงเรียนแล้วจะต้องเผชิญกับอะไร
แต่บางเรื่อง ก็ไม่สามารถแก้ไขได้โดยการหลีกเลี่ยง ถึงแม้ว่ามันจะยาก เซี่ยอันน่าก็จำเป็นต้องเดินต่อไป
หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เซี่ยอันน่าก็เรียกรถกลับโรงเรียน
ตามที่เซี่ยอันน่าคาดการณ์ไว้ เธอกลายเป็นจุดสนใจของโรงเรียนอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงพวกนักเรียนเท่านั้นที่ไม่ชอบเซี่ยอันน่า
เมื่อเธอเดินเข้าระตูหอพักมา ป้าที่ดูแลหอก็ตะโกนออกมาและด่าว่า:“ พ่อแม่ก็เลี้ยงมาเหมือนกันหมด แต่ทำไมคนบางคนถึงไร้ยางอาย ถึงแม้ว่าชีวิตจะเสียหาย แต่ก็ยังหลอกล่อศาสตราจารย์ที่เคารพได้ ช่างอันตรายจริงๆ”
เสียงฝีเท้าหยุดลง เซี่ยอันน่าก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าหันหลังให้ตัวเอง ป้าที่หอก็พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า:“ เฮ้ เซี่ยอันน่า ฉันพูดถึงเธอนะ อยู่ข้างนอกเธอจะทำยังไง ฉันไม่ยุ่ง แต่เมื่อกลับมาที่โรงเรียนแล้ว เธอก็ควรจะซื่อสัตย์หน่อย อย่าใช้วิธีที่น่ารังเกียจแบบนั้นที่นี่ เธอรู้ไหมว่าเมื่อครู่ฉันต้องใช้ความพยายามขนาดไหน ในการขับไล่นักข่าวพวกนั้นออกไป ?”
เธอหันศีรษะเล็กน้อย เซี่ยอันน่าพูดว่า:“ ขอโทษค่ะ”
จากนั้น เธอก็รีบขึ้นไปชั้นบน
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเซี่ยอันน่า ป้าที่หอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“ จริงๆเลย ดูเป็นคนสุภาพเรียบร้อย จะมีความสามารถแบบจิ้งจอกอย่างนั้นได้ยังไงกัน !”
เมื่อตรวจสอบทุกอย่าง เซี่ยอันน่าก็กลับมาถึงห้องนอน
ฉีฉีเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ตัวเธอยังคงเปียกชื้นอยู่ เธอในตอนนี้ กำลังเป่าด้วยเครื่องเป่าไฟฟ้าอยู่
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ฉีฉีก็เงยหน้าขึ้นมองและพูดว่า:“ อันน่าเธอกลับมาแล้ว”
“อืม”
“ไม่มีใครมายุ่งกับเธอ ใช่ไหม ?”
“ใช่ เงียบมากเลย”
เธอหยิบอาหารจากโต๊ะและส่งให้กับเซี่ยอันน่า ฉีฉีพูดว่า:“ ยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม อันนี้ให้เธอ”
“ขอบคุณนะ แต่ฉันทานไม่ลง”
“ฉันรู้ว่าตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดี แต่ก็ต้องทานอะไรหน่อย ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ไหวเอา และตอนนี้สีหน้าเธอก็ดูแย่มากด้วย”
เสียงของเซี่ยอันน่าแหบเล็กน้อย เธอยังพูดปฎิเสธ:“ แต่ว่าฉันทานไม่ลงจริงๆ ขอบคุณเธอมากนะ”
“โอ้ย กับฉัน เธอยังต้องขอบคุณอะไรอีก”
เธอพิงไหล่ของฉีฉี เซี่ยอันน่าพูดเบาๆว่า:“ ฉีฉี ถ้าหากว่าไม่มีคำพูดของเธอ ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป”
“อย่าเสียใจเลย ของปลอมก็คือของปลอบ ช้าเร็วนี้จะต้องมีการชี้แจงแน่นอน”
เซี่ยอันน่าพยักหน้า เธอแค่เพียงสามารถใช้วิธีนี้ปลอบตัวเอง
เธอก็ไม่ได้จะโชคร้ายตลอดไปหรอก พรุ่งนี้เปิดกองละครเรื่องใหม่ เธอจะต้องมีสติและกำลังใจ
วันรุ่งขึ้น——
เซี่ยอันน่าแต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อน ในห้องแต่งตัว เซี่ยอันน่ากำลังท่องบทอยู่ ในขณะที่รอเข้าฉาก
ผู้จัดการกองถ่ายเดินมาทางนี้ เห็นใบหน้าของเด็กผู้หญิง จึงถามว่า:“ เธอเป็นใคร นั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ?”
เซี่ยอันน่ารีบลุกขึ้นและพูดอย่างนอบน้อมว่า:“ อ่อ ฉันเป็นคนที่ผู้กำกับหลี่ให้ลองเล่นดูเมื่อวาน ผู้กำกับหลี่ให้ฉันเล่นบทบาทของตัวละครหมิงซิงนี้”
“เธอชื่ออะไร ?”
“ฉันชื่อเซี่ยอันน่า”
ผู้จัดการกองถ่ายพลิกดูสมุดของตัวเอง “เธอจำผิดแล้วรึเปล่า ไม่มีชื่อของเธอนะ และบทบาทของหมิงซิง เป็นคนอื่น ไม่ใช่เธอ”
ใบหน้าของเซี่ยอันน่าเครียด และพึมพำว่า:“ จะเป็นไปยังไง”
“ไม่เชื่อเธอก็ดู”
หลังจากรับสมุดของผู้จัดการกองถ่ายมา เซี่ยอันน่าก็หาชื่อของตัวเองไม่เจอจริงๆ
“นี่………..”
“โอเค ในเมื่อเธอไม่ใช่นักแสดงชองที่นี่ ก็รบกวนเธอออกไป อย่ามาทำให้งานของพวกเราล่าช้า”
เซี่ยอันน่าออกจากห้องแต่งตัว และโทรศัพท์หาผู้กำกับหลี่ เพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์
“ฮัลโหล ผู้กำกับหลี่ ฉันคือเซี่ยอันน่า ฉันเพิ่งไปที่กองถ่ายมา ทำไม………”
ยังไม่ทันรอให้เซี่ยอันน่าพูดจบ ผู้กำกับก็ขัดจังหวะเธอขึ้นมา
ขออภัยด้วย พวกเราตัดสินใจเปลี่ยนคนมาแสดงบทบาทของตัวละครหมิงซิง
เซี่ยอันน่าถึงกับผงะและรีบถามว่า:“ ทำไมล่ะ เมื่อวานคุณยังชมว่าฉันแสดงดีอยู่เลย”
“พวกเราเห็นโพสต์พวกนั้นที่เกี่ยวกับคุณแล้ว พวกเราไม่ต้องการให้คนใหม่ มาทำลายชื่อเสียงของหนังเรื่องนี้”
“แต่ฉัน………”
เซี่ยอันน่ายังไม่ทันพูดจบ ผู้กำกับหลี่ก็ตัดสายไปแล้ว
เสียงตัดสาย “ตู๊ดตู๊ด”ของโทรศัพท์ดังขึ้น เซี่ยอันน่าตาแดงและพูดด้วยเสียงสะอื้น:“ แต่ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมฉันต้องมาทนอะไรแบบนี้ด้วย ?”
เมื่อเดินออกมาจากกองถ่าย เซี่ยอันน่าก็มานั่งข้างแม่น้ำคนเดียว และร้องไห้อย่างเงียบๆ
เซี่ยอันน่าในขณะนี้ ในใจก็รู้สึกหมดหวัง เธอไม่รู้ว่าจะเดินออกจากวงจรอุบาทว์นี้ยังไงดี เธอไม่รู้อะไรเลย แม้กระทั่งอนาคตของเธอจะเป็นอย่างไร
นี่ไม่ใช่อุปสรรคที่พยายามแล้วจะสามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ ถึงแม้ว่าเธอจะมีจิตใจที่เข้มแข็งขนาดไหน จากระยะไกล เสี่ยวอวี้หลินมองเห็นเซี่ยอันน่านั่งอยู่ริมแม่น้ำคนเดียว
หลังจากได้ยินว่าวันนี้เซี่ยอัน่น่ามีถ่ายละคร เสี่ยวอวี้หลินก็ตั้งใจมาเซอร์ไพรส์เธอเป็นพิเศษ
แต่เมื่อเขาเห็นดวงตาที่แดงของเซี่ยอันน่า เขาก็ประหลาดใจ
“ผมไปทำธุระไม่กี่วัน ทำไมคุณถึงดูลำบากขนาดนี้ ?”
เมื่อเห็นเสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่าดูเหมือนจะเจอที่พึ่ง แล้วเธอก็โน้มตัวไปในอ้อมกอดของเสี่ยวอวี้หลิน และกอดเขาไว้แน่น
เสี่ยวอวี้หลินชอบกอดแบบนี้ แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ของเซี่ยอันน่า มันทำให้เขารู้สึกกังวลมาก
น้ำตาเต็มเสื้อของเสี่ยวอวี้หลิน แต่เขาก็ไม่สนใจ เขาเอามือตบไหล่ที่เซี่ยอันน่าพิงเบาๆ เสี่ยวอวี้หลินถามว่า:“ อย่าร้องไห้ สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
เซี่ยอันน่าร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอดูเหมือนจะจมอยู่ในโลกของเธอ และพูดคุยกับฝ่ายตรงข้ามอย่างว่างเปล่า
“ทำไมทุกคนถึงคิดว่าฉันเป้นคนไม่ดี เห็นได้ชัดว่าฉันไม่ได้ทำอะไร คนไม่ดีพวกนั้นถ้าไม่โจมตีฉัน ก็แพร่ข่าวใส่ฉัน ทำลายฉัน มันจะมีอะไรดีสำหรับพวกเขากัน ? แม้กระทั่งโอกาสที่ไม่ได้มาง่ายๆ ก็ไม่มีแล้ว พวกเขายังต้องการอะไรอีก !”
ในตอนที่เซี่ยอันน่าร้องไห้ เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และปล่อยให้เธอได้ระบาย
จนกระทั่งเซี่ยอันน่าค่อยๆสงบลง เสี่ยวอวี้หลินถึงถามว่า:“ ดีขึ้นบ้างรึยัง ?”
หลังจากระบายเรื่องที่ไม่พอใจทั้งหมดออกมา เซี่ยอันน่าก็รู้สึกดีขึ้นมาก
เธอออกมาจากอ้อมกอดของเสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่ารู้สึกอายเล็กน้อยและพูดว่า:“ อืม เมื่อครู่ ฉันขอโทษด้วยจริงๆ ยังทำให้ชุดสูทของคุณเปื้อนอีก”
“นี่มันอะไรกัน ทำไมคุณ ถึงเศร้าขนาดนี้ ?”
สีหน้าของเธอดูจางลงอีกครั้ง เซี่ยอันน่าถามเขาว่า:“ คุณไม่เล่นอินเตอร์เน็ตเลยเหรอ ?”
“เล่นบางครั้ง ทำไมเหรอ ?”
เมื่อวานมีข่าวแพร่ออกมา บอกว่าฉันกับศาสตราจารย์จางมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกัน เพื่อทุนการศึกษา ฉันยังล่อลวงศาสตราจารย์ แล้วทุกคนก็เชื่อด้วย ทุนการศึกษาก็ไม่มีแล้ว ตัวละครที่ฉันได้รับก็ไม่มีแล้ว ตอนนี้ฉันโชคร้ายมากแล้วจริงๆ
หลังจากพูดจบ เซี่ยอันน่าก็มองไปที่เสี่ยวอวี้หลิน มองไปที่เขาอย่างจริงจังและถามว่า:“ คุณก็คงเชื่อเหมือนกันสินะ ?”
“สมองฉันคงแย่แล้ว ถ้าเชื่อข่าวลือที่ไม่น่าเชื่อถือนั้น คุณต้องการเงิน ก็มาหาฉันก็ได้แล้ว ทำไมต้องเอาตัวเอง ไปประจบคนแก่แบบนั้นด้วย ? คนที่เชื่อ ถ้าไม่ใช่เพราะมีแรงจูงใจ ก็คงจะสมองหมู”
เมื่อได้รับความไว้วางใจจากเสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่าก็รู้สึกโล่งใจ
ถึงแม้พวกเขาทั้งสองจะรู้จักกันมาได้ไม่นาน แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดตัวเอง
แต่ทำไม ตัวเธอเองถึงพูดไม่ค่อยชัดเจน
เมื่อดวงตาของเธอมองลงไปที่แม่น้ำ เซี่ยอันน่าก็ถอนหายใจแล้วพึมพำว่า:“ ถ้าหาก ทุกคนมีเหตุผลเหมือนกับคุณก็คงจะดี”
“ถ้าหากทุกคนมีสติและเหตุผลแบบนี้ พวกเขายังจะทำร้ายคุณได้ยังไง ?”
“ทำร้ายฉัน ?”
คำพูดนั้นพูดอย่างชัดเจนแล้ว เซี่ยอันน่าก็ยังไม่มีปฎิกิริยาตอบสนอง เสี่ยวอวี้หลินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้เหมือนท่อนไม้จริงๆเลย
เอาล่ะ มาพูดด้วยตัวเองตรงเลยดีกว่า
“ผมว่า ช่วงนี้คุณได้ไปทำให้ใครขุ่นเคืองรึเปล่า ?”
“ฉันจะไปทำให้ใครเขาขุ่นเคือง เป็นไปไม่ได้ ”
“แต่เมื่อมองลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ และจังหวะของกลอุบายที่จะฆ่าคุณ เห็นได้ชัดว่า ต้องการที่จะทำลายคุณ”
เมื่อฟังที่เสี่ยวอวี้หลินพูด ก็ดูเหมือนจะเป็นความจริง
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เซี่ยอันน่าก็ยังคงสับสนอยู่และพูดว่า:“ แต่ฉันก็ไม่ได้ไปยั่วโมโหใครนะ”
“แค่ท่าทางที่สับสนของคุณแบบนี้ ไปยั่วโมโหใครรึเปล่าก็ไม่รู้”
“ฉันโง่ขนาดนั้นซะที่ไหน”เซี่ยอันน่าพึมพำ ทันใดนั้นแววตาก็เป็นประกายและถามว่า “ไอ่หยา คุณว่า จะเป็นพี่หกรึเปล่า ?”
“เขาเป็นตัวละครที่ยั่วยุจริงๆ แต่ด้วยฐานะและสถานะของเขา เขาคงไม่ทำเรื่องน่าเบื่อเล็กๆแบบนี้หรอก ผมรู้สึกว่า ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงทำ”
“ผู้หญิง…….”
เร็วๆนี้คุณเคยโกรธเคืองผู้หญิงคนไหนไหม ?
เซี่ยอันน่าเริ่มคิดในหัวของเธอ และนึกถึงผู้หฺญิงที่ตัวเองเคยเกี่ยวข้องด้วยทั้งหมดอีกครั้ง
แต่ทุกคน ก็ดูไม่เหมือนเป็นคนร้าย
เมื่อคืนเซี่ยอันน่านอนไม่หลับ ตอนนี้ก็ยังมาร้องไห้นานอีก ถ้ายังใช้สมองต่อไป เธอรู้สึกว่าศีรษะของเธอจะต้องระเบิดแน่ๆ
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าขมวดคิ้ว เสี่ยวอวี้หลินก็ถามว่า:“ คุณเป็นอะไร ?”
“ฉันปวดหัวมาก”
เขาโอบเซี่ยอันน่าไว้ และเสี่ยวอวี้หลินก็พูดว่า:“ ช่างเถอะ อย่าคิดเลย เรื่องนี้ปล่อยให้ผมจัดการ กล้าที่จะตีความคุณ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ในสายตา แต่ถ้าไม่สั่งสอนดีๆ ก็จะคิดว่าผมเป็นที่รังแกได้ง่ายอีก”
เซี่ยอันน่าไม่อยากให้เสี่ยวอวี้หลินเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
แต่ด้วยความสามารถของเธอ ไม่มีทางที่จะชำระมันไปได้ ถ้าอย่างนั้น ในครั้งนี้ก็คงต้องขอให้เสี่ยวอวี้หลินช่วยแล้วล่ะ
เมื่อในใจคิดเช่นนี้ เซี่ยอันน่าก็ปล่อยวางทุกอย่าง แล้วเอนตัวเข้าหาอ้อมกอดของเสี่ยวอวี้หลิน
บอกตามตรง ความรู้สึกนี้ทำให้คนรู้สึกว่าได้รับการดูแลดีมาก
เซี่ยอันน่าเป็นเหมือนลูกแมวน้อยตัวหนึ่ง ที่ย่อตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา ทำให้เขารู้สึกสนุกมาก
แต่มีปัญหาหนึ่ง เขาต้องเตือนเซี่ยอันน่า
“หน้าของคุณ เช็ดออกหน่อยเถอะ คุณรู้รึเปล่าว่าตอนนี้คุณร้องไห้จนเครื่องสำอางเลอะไปหมดแล้ว ?”
เอ่อ น่าอายจริงๆ
ใบหน้าเธอแดง เซี่ยอันน่ารีบลุกขึ้นและพูดว่า:“ ฉันจะไปห้องน้ำ”
“รีบไปเถอะ อีกเดี๋ยว พวกเราไปทานข้าวด้วยกัน เพื่อที่จะมาเจอคุณ ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลย”
เซี่ยอันน่าวิ่งออกมาไกลแล้ว แต่ก็ยังได้ยินคำพูดของเสี่ยวอวี้หลิน ในใจเธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
เดิมทีเซี่ยอันน่าไม่ต้องการให้เสี่ยวอวี้หลินไปส่งเธอกลับโรงเรียน เธอมีข่าวลือมากเพียงพอแล้ว ไม่อยากให้เสี่ยวอวี้หลินโดนไปด้วยอีกคน
แต่เสี่ยวอวี้หลินไม่เห็นด้วย และยืนยันที่จะส่งเธอกลับหอพัก
แต่เป็นไปได้มากที่จะถูกผู้คนรอบข้างมองอย่างตื่นเต้น
เริ่มตั้งแต่ทางเข้าโรงเรียน เซี่ยอันน่าเดินผ่าตรงไหน ก็กลายใจเป็นจุดสนใจของผู้คน
สิ่งนี้ทำให้เธออึดอัดใจมาก
แต่เสี่ยวอวี้หลินกลับรู้สึกสนุกกับมันมาก เขาวางมืองลงบนไหล่ของเซี่ยอันน่าอย่างสบายๆ ดูเหมือนเขากับเธอเป็นคนรักกัน
“ฉันว่า คุณกลับไปก่อนดีไหม ?”
“ทำไมล่ะ ?”
“คนอื่นจะเข้าใจผิดเอาได้”
“ผมไม่สนว่าคนอื่นจะคิดยังไง”
“แต่ฉันสนใจ เซี่ยอันน่ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แลพูดว่าอีกเดี๋ยว กอสซิป2.0 ก็จะออนไลน์แล้ว !”
เสี่ยวอวี้หลินยิ้มและพูดว่า:“ ดูคุณท่าทางขี้ขลาด ผมว่า เมื่อคุณเจอผม ทำไมถึงได้กล้าหาญขนาดนั้น ?”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับคุณอยู่นะ !”
“โอเค คุณให้ผมไป ผมไปก็ได้”
เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่ดึงดัน เขายืนอยู่ข้างล่างหอพักหญิง และมองไปที่เซี่ยอันน่าด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้พักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้จะมีเซอร์ไพรส์ส่งไปให้คุณ”
เซี่ยอันน่าถอนหายใจยาวและพูดว่า:“ ตอนนี้ฉันไม่ต้องการเซอร์ไพรส์ ขอแค่ความสงบสุข ไม่มีคนมายุ่งวุ่นวายกับฉันก็พอ”
“วางใจเถอะ จะต้องมีทุกอย่างแน่นอน”
พูดจบ เสี่ยวอวี้หลินก็โน้มตัวไปจูบที่แก้มของเซี่ยอันน่า จากนั้นก็ก้าวถอยหลังจากไป
และฉากนี้ ก็ทำเอาหลายคนอ้าปากค้าง
ตัวเซี่ยอันน่าเองก็ตกตะลึง
ผู้ชายคนนั้น ไม่รู้ว่าทำแบบนี่แล้ว จะทำให้ตัวเองลำบากมากขึ้นไปอีกรึเปล่า !?
เธอไม่อยากถูกคนต่อว่านินทาอีกต่อไป เซี่ยอันน่าจึงหันหลังวิ่งกลับไปที่ห้องนอน
แม้ว่าตัวเอกจะจากไปแล้ว แต่คนรอบข้างก็ยังคงอยู่ และเริ่มซุบซิบกัน
“เมื่อครู่นี้คือเสี่ยวอวี้หลินใช่ไหม ?”
“ใช่แล้วใช่แล้ว”