วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 446 ฉันจะทำให้เธอประหลาดใจ

 

เพราะความวิตกกังวล เสียงของฉีฉีจึงสั่นไหว

สิ่งนี้ทำให้เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้วเหรอ ?”

“มีนักข่าวต้องการสัมภาษณ์เธอ”

“ฉันยังไม่ดังเลย มาสัมภาษณ์ฉันทำไม ?”

“ไอ่หยา นี่มันตอนไหนกันแล้ว เธอยังล้อฉันเล่นอีก !มีใครก็ไม่รู้ถ่ายรูปเธอกับศาสตราจารย์จาง แล้วโพสต์ลงในฟอรัม แค่เพียงครึ่งวัน ก็มีคนแชร์ไปเป็นหมื่นแล้ว ตอนนี้ยังมีคนจากสถานีโทรทัศน์มา บอกว่าต้องการจะเปิดโปงเรื่องนี้”

“เปิดโปง ? พวกเขาจะเปิดโปงอะไร ?”

“พูดอะไรนะ นักเรียนหญิงล่อลวงอาจารย์ เพื่อชิงทุนการศึกษา”

“ไร้สาระ !”เซี่ยอันน่าโกรธมาก จึงพูดว่า “นักข่าวพวกนั้นอยู่ที่ไหน ฉันต้องการไปอธิบายกับพวกเขาให้ชัดเจนตอนนี้”

“ไอ่หยา จะอธิบายให้ชัดเจนได้ยังไงล่ะ พวกเขามีทั้งปืนยาวปืนสั้น แม้แต่ศาสตราจารย์ก็ยังทนไม่ไหว เขาถึงผลักเรื่องทุกอย่างมาให้เธอ และเขาก็พักงานกลับบ้านไปแล้ว เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กคนเดียวจะอธิบายยังไง ?”

“ผลักเรื่องทุกอย่างมาให้ฉัน ? นี่มันหมายความว่ายังไง ?”

ฉีฉีชะงักไปชั่วขณะ เพราะว่าบางคำพูด เธอก็รู้สึกว่าไม่ควรพูดออกมา

แต่เซี่ยอันน่าทนรอไม่ไหวอีกต่อไป จึงตะโกนออกมาว่า:“ ไอ่หยา เธอพูดออกมาสิ !”

ไม่มีทางเลือก ฉีฉีที่โหดร้ายจึงเปิดปากพูด

“ศาสตราจารย์บอกว่า เป็นเธอ เพื่อที่จะได้รับทุนการศึกษา เธอจึงอุทิศตัวให้เขาด้วยความสัมครใจ ศาสตราจารย์ไม่ได้รั้งเธอไว้ จึงถูกเธอล่อลวง”

เซี่ยอันน่ารู้สึกทุกอย่างตรงหน้ามืดมนไปหมด ตัวเธอสั่น เธอกัดฟันและพูดออกมาว่า:“ ไอ้เลว เขาพูดโกหก !”

“ฉันก็คิดว่าเขากำลังพูดโกหก แต่คนอื่นไม่เชื่อหน่ะสิ นักข่าวพวกนั้นรออยู่ที่ใต้หอหญิงนี่ เธออย่าเพิ่งกลับมานะ ฉันคิดหาวิธีไล่พวกเขาไปก่อน”

หลังจากพูดจบ ฉีฉีก็ตัดสายไป

และเซี่ยอันน่าที่ยืนอยู่ข้างถนน ทันใดนั้นก็รู้สึกมึนงงขึ้นมา

โลกกว้างขวางขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่ว่างสำหรับเธอเลย

ทำไมถึงเป็นแบบนี้…….

เธอนั่งอยู่ที่แปลงดอกไม้คนเดียว จนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิท เซี่ยอันน่าถึงได้รับโทรศัพท์จากฉีฉี

เธอบอกว่าโรงเรียนได้ส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา และไล่นักข่าวพวกนั้นไปแล้ว เซี่ยอันน่าสามารถกลับมาได้แล้ว

แต่พูดตามตรง เซี่ยอันน่าไม่อยากกลับไปที่โรงเรียนนั่นแล้ว เธอสามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อกลับไปถึงโรงเรียนแล้วจะต้องเผชิญกับอะไร

แต่บางเรื่อง ก็ไม่สามารถแก้ไขได้โดยการหลีกเลี่ยง ถึงแม้ว่ามันจะยาก เซี่ยอันน่าก็จำเป็นต้องเดินต่อไป

หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เซี่ยอันน่าก็เรียกรถกลับโรงเรียน

ตามที่เซี่ยอันน่าคาดการณ์ไว้ เธอกลายเป็นจุดสนใจของโรงเรียนอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงพวกนักเรียนเท่านั้นที่ไม่ชอบเซี่ยอันน่า

เมื่อเธอเดินเข้าระตูหอพักมา ป้าที่ดูแลหอก็ตะโกนออกมาและด่าว่า:“ พ่อแม่ก็เลี้ยงมาเหมือนกันหมด แต่ทำไมคนบางคนถึงไร้ยางอาย ถึงแม้ว่าชีวิตจะเสียหาย แต่ก็ยังหลอกล่อศาสตราจารย์ที่เคารพได้ ช่างอันตรายจริงๆ”

เสียงฝีเท้าหยุดลง เซี่ยอันน่าก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก

เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าหันหลังให้ตัวเอง ป้าที่หอก็พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า:“ เฮ้ เซี่ยอันน่า ฉันพูดถึงเธอนะ อยู่ข้างนอกเธอจะทำยังไง ฉันไม่ยุ่ง แต่เมื่อกลับมาที่โรงเรียนแล้ว เธอก็ควรจะซื่อสัตย์หน่อย อย่าใช้วิธีที่น่ารังเกียจแบบนั้นที่นี่ เธอรู้ไหมว่าเมื่อครู่ฉันต้องใช้ความพยายามขนาดไหน ในการขับไล่นักข่าวพวกนั้นออกไป ?”

เธอหันศีรษะเล็กน้อย เซี่ยอันน่าพูดว่า:“ ขอโทษค่ะ”

จากนั้น เธอก็รีบขึ้นไปชั้นบน

เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเซี่ยอันน่า ป้าที่หอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“ จริงๆเลย ดูเป็นคนสุภาพเรียบร้อย จะมีความสามารถแบบจิ้งจอกอย่างนั้นได้ยังไงกัน !”

เมื่อตรวจสอบทุกอย่าง เซี่ยอันน่าก็กลับมาถึงห้องนอน

ฉีฉีเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ตัวเธอยังคงเปียกชื้นอยู่ เธอในตอนนี้ กำลังเป่าด้วยเครื่องเป่าไฟฟ้าอยู่

เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ฉีฉีก็เงยหน้าขึ้นมองและพูดว่า:“ อันน่าเธอกลับมาแล้ว”

“อืม”

“ไม่มีใครมายุ่งกับเธอ ใช่ไหม ?”

“ใช่ เงียบมากเลย”

เธอหยิบอาหารจากโต๊ะและส่งให้กับเซี่ยอันน่า ฉีฉีพูดว่า:“ ยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม อันนี้ให้เธอ”

“ขอบคุณนะ แต่ฉันทานไม่ลง”

“ฉันรู้ว่าตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดี แต่ก็ต้องทานอะไรหน่อย ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ไหวเอา และตอนนี้สีหน้าเธอก็ดูแย่มากด้วย”

เสียงของเซี่ยอันน่าแหบเล็กน้อย เธอยังพูดปฎิเสธ:“ แต่ว่าฉันทานไม่ลงจริงๆ ขอบคุณเธอมากนะ”

“โอ้ย กับฉัน เธอยังต้องขอบคุณอะไรอีก”

เธอพิงไหล่ของฉีฉี เซี่ยอันน่าพูดเบาๆว่า:“ ฉีฉี ถ้าหากว่าไม่มีคำพูดของเธอ ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป”

“อย่าเสียใจเลย ของปลอมก็คือของปลอบ ช้าเร็วนี้จะต้องมีการชี้แจงแน่นอน”

เซี่ยอันน่าพยักหน้า เธอแค่เพียงสามารถใช้วิธีนี้ปลอบตัวเอง

เธอก็ไม่ได้จะโชคร้ายตลอดไปหรอก พรุ่งนี้เปิดกองละครเรื่องใหม่ เธอจะต้องมีสติและกำลังใจ

วันรุ่งขึ้น——

เซี่ยอันน่าแต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อน  ในห้องแต่งตัว เซี่ยอันน่ากำลังท่องบทอยู่ ในขณะที่รอเข้าฉาก

ผู้จัดการกองถ่ายเดินมาทางนี้ เห็นใบหน้าของเด็กผู้หญิง จึงถามว่า:“ เธอเป็นใคร นั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ?”

เซี่ยอันน่ารีบลุกขึ้นและพูดอย่างนอบน้อมว่า:“ อ่อ ฉันเป็นคนที่ผู้กำกับหลี่ให้ลองเล่นดูเมื่อวาน ผู้กำกับหลี่ให้ฉันเล่นบทบาทของตัวละครหมิงซิงนี้”

“เธอชื่ออะไร ?”

“ฉันชื่อเซี่ยอันน่า”

ผู้จัดการกองถ่ายพลิกดูสมุดของตัวเอง  “เธอจำผิดแล้วรึเปล่า ไม่มีชื่อของเธอนะ และบทบาทของหมิงซิง เป็นคนอื่น ไม่ใช่เธอ”

ใบหน้าของเซี่ยอันน่าเครียด และพึมพำว่า:“ จะเป็นไปยังไง”

“ไม่เชื่อเธอก็ดู”

หลังจากรับสมุดของผู้จัดการกองถ่ายมา เซี่ยอันน่าก็หาชื่อของตัวเองไม่เจอจริงๆ

“นี่………..”

“โอเค ในเมื่อเธอไม่ใช่นักแสดงชองที่นี่ ก็รบกวนเธอออกไป อย่ามาทำให้งานของพวกเราล่าช้า”

เซี่ยอันน่าออกจากห้องแต่งตัว และโทรศัพท์หาผู้กำกับหลี่ เพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์

“ฮัลโหล ผู้กำกับหลี่ ฉันคือเซี่ยอันน่า ฉันเพิ่งไปที่กองถ่ายมา ทำไม………”

ยังไม่ทันรอให้เซี่ยอันน่าพูดจบ ผู้กำกับก็ขัดจังหวะเธอขึ้นมา

ขออภัยด้วย พวกเราตัดสินใจเปลี่ยนคนมาแสดงบทบาทของตัวละครหมิงซิง

เซี่ยอันน่าถึงกับผงะและรีบถามว่า:“ ทำไมล่ะ เมื่อวานคุณยังชมว่าฉันแสดงดีอยู่เลย”

“พวกเราเห็นโพสต์พวกนั้นที่เกี่ยวกับคุณแล้ว พวกเราไม่ต้องการให้คนใหม่ มาทำลายชื่อเสียงของหนังเรื่องนี้”

“แต่ฉัน………”

เซี่ยอันน่ายังไม่ทันพูดจบ ผู้กำกับหลี่ก็ตัดสายไปแล้ว

เสียงตัดสาย “ตู๊ดตู๊ด”ของโทรศัพท์ดังขึ้น เซี่ยอันน่าตาแดงและพูดด้วยเสียงสะอื้น:“ แต่ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมฉันต้องมาทนอะไรแบบนี้ด้วย ?”

เมื่อเดินออกมาจากกองถ่าย เซี่ยอันน่าก็มานั่งข้างแม่น้ำคนเดียว และร้องไห้อย่างเงียบๆ

เซี่ยอันน่าในขณะนี้ ในใจก็รู้สึกหมดหวัง เธอไม่รู้ว่าจะเดินออกจากวงจรอุบาทว์นี้ยังไงดี เธอไม่รู้อะไรเลย แม้กระทั่งอนาคตของเธอจะเป็นอย่างไร

นี่ไม่ใช่อุปสรรคที่พยายามแล้วจะสามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ ถึงแม้ว่าเธอจะมีจิตใจที่เข้มแข็งขนาดไหน จากระยะไกล เสี่ยวอวี้หลินมองเห็นเซี่ยอันน่านั่งอยู่ริมแม่น้ำคนเดียว

หลังจากได้ยินว่าวันนี้เซี่ยอัน่น่ามีถ่ายละคร เสี่ยวอวี้หลินก็ตั้งใจมาเซอร์ไพรส์เธอเป็นพิเศษ

แต่เมื่อเขาเห็นดวงตาที่แดงของเซี่ยอันน่า เขาก็ประหลาดใจ

“ผมไปทำธุระไม่กี่วัน ทำไมคุณถึงดูลำบากขนาดนี้ ?”

เมื่อเห็นเสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่าดูเหมือนจะเจอที่พึ่ง แล้วเธอก็โน้มตัวไปในอ้อมกอดของเสี่ยวอวี้หลิน และกอดเขาไว้แน่น

เสี่ยวอวี้หลินชอบกอดแบบนี้ แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ของเซี่ยอันน่า มันทำให้เขารู้สึกกังวลมาก

น้ำตาเต็มเสื้อของเสี่ยวอวี้หลิน แต่เขาก็ไม่สนใจ เขาเอามือตบไหล่ที่เซี่ยอันน่าพิงเบาๆ เสี่ยวอวี้หลินถามว่า:“ อย่าร้องไห้ สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”

เซี่ยอันน่าร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอดูเหมือนจะจมอยู่ในโลกของเธอ และพูดคุยกับฝ่ายตรงข้ามอย่างว่างเปล่า

“ทำไมทุกคนถึงคิดว่าฉันเป้นคนไม่ดี เห็นได้ชัดว่าฉันไม่ได้ทำอะไร คนไม่ดีพวกนั้นถ้าไม่โจมตีฉัน ก็แพร่ข่าวใส่ฉัน ทำลายฉัน มันจะมีอะไรดีสำหรับพวกเขากัน ? แม้กระทั่งโอกาสที่ไม่ได้มาง่ายๆ ก็ไม่มีแล้ว พวกเขายังต้องการอะไรอีก !”

ในตอนที่เซี่ยอันน่าร้องไห้ เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และปล่อยให้เธอได้ระบาย

จนกระทั่งเซี่ยอันน่าค่อยๆสงบลง เสี่ยวอวี้หลินถึงถามว่า:“ ดีขึ้นบ้างรึยัง ?”

หลังจากระบายเรื่องที่ไม่พอใจทั้งหมดออกมา เซี่ยอันน่าก็รู้สึกดีขึ้นมาก

เธอออกมาจากอ้อมกอดของเสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่ารู้สึกอายเล็กน้อยและพูดว่า:“ อืม เมื่อครู่ ฉันขอโทษด้วยจริงๆ ยังทำให้ชุดสูทของคุณเปื้อนอีก”

“นี่มันอะไรกัน ทำไมคุณ ถึงเศร้าขนาดนี้ ?”

สีหน้าของเธอดูจางลงอีกครั้ง เซี่ยอันน่าถามเขาว่า:“ คุณไม่เล่นอินเตอร์เน็ตเลยเหรอ ?”

“เล่นบางครั้ง ทำไมเหรอ ?”

เมื่อวานมีข่าวแพร่ออกมา บอกว่าฉันกับศาสตราจารย์จางมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกัน เพื่อทุนการศึกษา ฉันยังล่อลวงศาสตราจารย์ แล้วทุกคนก็เชื่อด้วย ทุนการศึกษาก็ไม่มีแล้ว ตัวละครที่ฉันได้รับก็ไม่มีแล้ว ตอนนี้ฉันโชคร้ายมากแล้วจริงๆ

หลังจากพูดจบ เซี่ยอันน่าก็มองไปที่เสี่ยวอวี้หลิน มองไปที่เขาอย่างจริงจังและถามว่า:“ คุณก็คงเชื่อเหมือนกันสินะ ?”

“สมองฉันคงแย่แล้ว ถ้าเชื่อข่าวลือที่ไม่น่าเชื่อถือนั้น คุณต้องการเงิน ก็มาหาฉันก็ได้แล้ว ทำไมต้องเอาตัวเอง ไปประจบคนแก่แบบนั้นด้วย ? คนที่เชื่อ ถ้าไม่ใช่เพราะมีแรงจูงใจ ก็คงจะสมองหมู”

เมื่อได้รับความไว้วางใจจากเสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่าก็รู้สึกโล่งใจ

ถึงแม้พวกเขาทั้งสองจะรู้จักกันมาได้ไม่นาน แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดตัวเอง

แต่ทำไม ตัวเธอเองถึงพูดไม่ค่อยชัดเจน

เมื่อดวงตาของเธอมองลงไปที่แม่น้ำ เซี่ยอันน่าก็ถอนหายใจแล้วพึมพำว่า:“ ถ้าหาก ทุกคนมีเหตุผลเหมือนกับคุณก็คงจะดี”

“ถ้าหากทุกคนมีสติและเหตุผลแบบนี้ พวกเขายังจะทำร้ายคุณได้ยังไง ?”

“ทำร้ายฉัน ?”

คำพูดนั้นพูดอย่างชัดเจนแล้ว เซี่ยอันน่าก็ยังไม่มีปฎิกิริยาตอบสนอง เสี่ยวอวี้หลินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้เหมือนท่อนไม้จริงๆเลย

เอาล่ะ มาพูดด้วยตัวเองตรงเลยดีกว่า

“ผมว่า ช่วงนี้คุณได้ไปทำให้ใครขุ่นเคืองรึเปล่า ?”

“ฉันจะไปทำให้ใครเขาขุ่นเคือง เป็นไปไม่ได้ ”

“แต่เมื่อมองลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ และจังหวะของกลอุบายที่จะฆ่าคุณ เห็นได้ชัดว่า ต้องการที่จะทำลายคุณ”

เมื่อฟังที่เสี่ยวอวี้หลินพูด ก็ดูเหมือนจะเป็นความจริง

หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เซี่ยอันน่าก็ยังคงสับสนอยู่และพูดว่า:“ แต่ฉันก็ไม่ได้ไปยั่วโมโหใครนะ”

“แค่ท่าทางที่สับสนของคุณแบบนี้ ไปยั่วโมโหใครรึเปล่าก็ไม่รู้”

“ฉันโง่ขนาดนั้นซะที่ไหน”เซี่ยอันน่าพึมพำ ทันใดนั้นแววตาก็เป็นประกายและถามว่า “ไอ่หยา คุณว่า จะเป็นพี่หกรึเปล่า ?”

“เขาเป็นตัวละครที่ยั่วยุจริงๆ แต่ด้วยฐานะและสถานะของเขา เขาคงไม่ทำเรื่องน่าเบื่อเล็กๆแบบนี้หรอก ผมรู้สึกว่า ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงทำ”

“ผู้หญิง…….”

เร็วๆนี้คุณเคยโกรธเคืองผู้หญิงคนไหนไหม ?

เซี่ยอันน่าเริ่มคิดในหัวของเธอ และนึกถึงผู้หฺญิงที่ตัวเองเคยเกี่ยวข้องด้วยทั้งหมดอีกครั้ง

แต่ทุกคน ก็ดูไม่เหมือนเป็นคนร้าย

เมื่อคืนเซี่ยอันน่านอนไม่หลับ ตอนนี้ก็ยังมาร้องไห้นานอีก ถ้ายังใช้สมองต่อไป เธอรู้สึกว่าศีรษะของเธอจะต้องระเบิดแน่ๆ

เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าขมวดคิ้ว เสี่ยวอวี้หลินก็ถามว่า:“ คุณเป็นอะไร ?”

“ฉันปวดหัวมาก”

เขาโอบเซี่ยอันน่าไว้ และเสี่ยวอวี้หลินก็พูดว่า:“ ช่างเถอะ อย่าคิดเลย เรื่องนี้ปล่อยให้ผมจัดการ กล้าที่จะตีความคุณ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ในสายตา แต่ถ้าไม่สั่งสอนดีๆ ก็จะคิดว่าผมเป็นที่รังแกได้ง่ายอีก”

เซี่ยอันน่าไม่อยากให้เสี่ยวอวี้หลินเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

แต่ด้วยความสามารถของเธอ ไม่มีทางที่จะชำระมันไปได้ ถ้าอย่างนั้น ในครั้งนี้ก็คงต้องขอให้เสี่ยวอวี้หลินช่วยแล้วล่ะ

เมื่อในใจคิดเช่นนี้ เซี่ยอันน่าก็ปล่อยวางทุกอย่าง แล้วเอนตัวเข้าหาอ้อมกอดของเสี่ยวอวี้หลิน

บอกตามตรง ความรู้สึกนี้ทำให้คนรู้สึกว่าได้รับการดูแลดีมาก

เซี่ยอันน่าเป็นเหมือนลูกแมวน้อยตัวหนึ่ง ที่ย่อตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา ทำให้เขารู้สึกสนุกมาก

แต่มีปัญหาหนึ่ง เขาต้องเตือนเซี่ยอันน่า

“หน้าของคุณ เช็ดออกหน่อยเถอะ คุณรู้รึเปล่าว่าตอนนี้คุณร้องไห้จนเครื่องสำอางเลอะไปหมดแล้ว ?”

เอ่อ น่าอายจริงๆ

ใบหน้าเธอแดง เซี่ยอันน่ารีบลุกขึ้นและพูดว่า:“ ฉันจะไปห้องน้ำ”

“รีบไปเถอะ อีกเดี๋ยว พวกเราไปทานข้าวด้วยกัน เพื่อที่จะมาเจอคุณ ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลย”

เซี่ยอันน่าวิ่งออกมาไกลแล้ว แต่ก็ยังได้ยินคำพูดของเสี่ยวอวี้หลิน ในใจเธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

เดิมทีเซี่ยอันน่าไม่ต้องการให้เสี่ยวอวี้หลินไปส่งเธอกลับโรงเรียน เธอมีข่าวลือมากเพียงพอแล้ว ไม่อยากให้เสี่ยวอวี้หลินโดนไปด้วยอีกคน

แต่เสี่ยวอวี้หลินไม่เห็นด้วย และยืนยันที่จะส่งเธอกลับหอพัก

แต่เป็นไปได้มากที่จะถูกผู้คนรอบข้างมองอย่างตื่นเต้น

เริ่มตั้งแต่ทางเข้าโรงเรียน เซี่ยอันน่าเดินผ่าตรงไหน ก็กลายใจเป็นจุดสนใจของผู้คน

สิ่งนี้ทำให้เธออึดอัดใจมาก

แต่เสี่ยวอวี้หลินกลับรู้สึกสนุกกับมันมาก เขาวางมืองลงบนไหล่ของเซี่ยอันน่าอย่างสบายๆ ดูเหมือนเขากับเธอเป็นคนรักกัน

“ฉันว่า คุณกลับไปก่อนดีไหม ?”

“ทำไมล่ะ ?”

“คนอื่นจะเข้าใจผิดเอาได้”

“ผมไม่สนว่าคนอื่นจะคิดยังไง”

“แต่ฉันสนใจ เซี่ยอันน่ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แลพูดว่าอีกเดี๋ยว กอสซิป2.0 ก็จะออนไลน์แล้ว !”

เสี่ยวอวี้หลินยิ้มและพูดว่า:“ ดูคุณท่าทางขี้ขลาด ผมว่า เมื่อคุณเจอผม ทำไมถึงได้กล้าหาญขนาดนั้น ?”

“ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับคุณอยู่นะ !”

“โอเค คุณให้ผมไป ผมไปก็ได้”

เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่ดึงดัน เขายืนอยู่ข้างล่างหอพักหญิง และมองไปที่เซี่ยอันน่าด้วยรอยยิ้ม

“วันนี้พักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้จะมีเซอร์ไพรส์ส่งไปให้คุณ”

เซี่ยอันน่าถอนหายใจยาวและพูดว่า:“ ตอนนี้ฉันไม่ต้องการเซอร์ไพรส์ ขอแค่ความสงบสุข ไม่มีคนมายุ่งวุ่นวายกับฉันก็พอ”

“วางใจเถอะ จะต้องมีทุกอย่างแน่นอน”

พูดจบ เสี่ยวอวี้หลินก็โน้มตัวไปจูบที่แก้มของเซี่ยอันน่า จากนั้นก็ก้าวถอยหลังจากไป

และฉากนี้ ก็ทำเอาหลายคนอ้าปากค้าง

ตัวเซี่ยอันน่าเองก็ตกตะลึง

ผู้ชายคนนั้น ไม่รู้ว่าทำแบบนี่แล้ว จะทำให้ตัวเองลำบากมากขึ้นไปอีกรึเปล่า !?

เธอไม่อยากถูกคนต่อว่านินทาอีกต่อไป เซี่ยอันน่าจึงหันหลังวิ่งกลับไปที่ห้องนอน

แม้ว่าตัวเอกจะจากไปแล้ว แต่คนรอบข้างก็ยังคงอยู่ และเริ่มซุบซิบกัน

“เมื่อครู่นี้คือเสี่ยวอวี้หลินใช่ไหม ?”

“ใช่แล้วใช่แล้ว”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset