มู่เวยเวยถอนหายใจ ความรู้สึกที่ถูกสามีตัวเองไม่เชื่อใจมันเป็นแบบนี้นี่เอง ช่างน่าเศร้าจริงๆ แต่โชคดีที่เธอไม่ได้รักเย่ฉ่าวเฉิน บางทีคงต้องรอให้เขาเบื่อเธอก่อน แล้วรอให้พี่ชายกลับมา เธอยังมีทางหย่ากับเขาได้
เธอยังเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ได้
มู่เวยเวยครุ่นคิด เธอลุกจากพื้น เอนหลังลงบนเตียงนอน เธอหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองจนเจอ แล้วโทรหาคุณลุงมู่จางรุ่ย เย่ฉ่าวเฉินอาจไม่พาเธอมา หรือให้เธอกลับมาอยู่บ้านตระกูลมู่อีก ดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้จึงเพียงแค่โทรถามข่าวเกี่ยวกับพี่ชายทางโทรศัพท์
เธอโทรติด แต่กลับไม่มีคนรับสาย
หลังจากสายตัดไป มู่เวยเวยก็กดโทรอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีคนรับสาย
มู่เวยเวยไม่ถอดใจ เธอโทรอีกครั้งที่สาม แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม
พอเธอจะโทรอีกครั้งที่สี่ ในที่สุดก็มีข่าวคราว แต่มันเป็นเพียง : เลขหมายปลายทางที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
ใจของมู่เวยเวยอยู่ไม่สุข เธอไม่ได้โง่ คุณลุงและครอบครัวจ้องอยากได้ของของพวกเขามานาน เธอรู้ดี แต่เธอยังบริหารบริษัทไม่ได้ เธอไม่อยากเห็นมู่ซื่อที่แม่พ่อเฝ้าทำงานหนักมานานหลายปี ต้องมาพังทลายลงด้วยมือของเธอเอง พี่ชายก็ยังหาตัวไม่เจอ เธอก็มีเพียงแค่คุณลุงเท่านั้นที่พึ่งพาได้
ภายในใจรู้สึกอึดอัด ในหัวของมู่เวยเวยก็มีเรื่องให้ครุ่นคิดเธอจึงผล็อยหลับ แม้ว่าคนรับใช้จะเข้ามาเรียกให้ลงไปรับประทานอาหาร แต่เธอก็ไม่รู้สึกตัว
เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าสว่างแล้ว ดวงอาทิตย์ส่องแสงอยู่นอกหน้าต่าง มู่เวยเวยรู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆ ถูที่ด้านหลัง เธอรู้สึกสบายตัวอย่างมาก
เธอหันไปดูด้วยความประหลาดใจ เป็นฉินหม่านั้นเอง (คนรับใช้)
เมื่อเธอเห็นมู่เวยเวยตื่น ก็ยิ้มทันที “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหนู”
มู่เวยเวยพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยถาม “ที่ใช้ถูหลังให้ฉันอยู่คืออะไรเหรอ? สบายตัวมากเลย”
“เป็นยาที่เอามาจากคุณหมอหานค่ะ มันช่วยบรรเทาความเจ็บปวด และมีผลช่วยลบรอยแผลเป็นด้วยค่ะ พ่อบ้านหวังเห็นว่าคุณยังไม่ตื่น และกังวลเรื่องรอยแผลตามร่างกายคุณเลยให้ฉันเอายามาทาให้คุณค่ะ” ฉินหม่าพูด แล้วกล่าวขอโทษ “ต้องขอโทษคุณหนูด้วยนะคะ ฉันคงออกแรงหนักไปจนปลุกคุณหนูตื่น”
มู่เวยเวยส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ทาต่อสิ”
แม้จะแปลกใจที่ตื่นมาตอนเช้าก็พบว่ามีคนกำลังทายาให้ตัวเอง แต่เมื่อเทียบกับมันต้องทิ้งรอยแผลไว้แล้วหละก็ เธอชอบอย่างแรกมากกว่า
หลังจากทายาเสร็จฉินหม่าก็ออกไป มู่เวยเวยลุกขึ้นจากเตียง หลังจากบิดขี้เกียจจึงรู้ว่าตอนนี้ร่างกายของตัวเองดีขึ้นมาก แผลที่ด้านหลังก็ไม่ค่อยเจ็บ และตกสะเก็ดไปแล้ว
สุดยอด!
ถ้าฟื้นตัวดีแล้ว เธอจะได้ไปเรียน แบบนี้ก็ไม่ต้องอยู่เผชิญหน้าตายด้านของเย่ฉ่าวเฉินตลอดทั้งวัน
หลังจากล้างหน้าล้างตาอย่างมีความสุข มู่เวยเวยก็เดินลงไปรับประทานอาหารเช้า เวลานี้เย่ฉ่าวเฉินออกไปทำงานแล้ว เขาไม่อยู่บ้าน เธอจะได้อยู่คนเดียวอย่างมีความสุข
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย มู่เวยเวยก็ขึ้นไปชั้นบน ในขณะที่เธอเตรียมตัวกลับเข้าห้อง เธอก็ได้ยินเสียงกระดิ่งไพเราะดังแว่วมา
มู่เวยเวยหยุดฝีเท้าทันที เสียงลมพัดกระดิ่งสั่นไหว อาจจะเป็นกระดิ่งที่แขวนอยู่หน้าประตูห้องชั้นบนก็ได้… เธอคิดเช่นนั้น จึงมองขึ้นไปชั้นบนโดยไม่รู้ตัว เป็นไปตามที่คิด เพียงแต่ครั้งนี้ ประตูห้องไม่ได้ถูกเปิดไว้ มันปิดสนิท
ดวงตาสีม่วงส่องประกาย…
คนบินได้ และยังมีถ้วยชาและกาน้ำชาที่บินได้อีก…
ขณะครุ่นคิดมู่เวยเวยก็ก้าวเท้าเดินขึ้นไปชั้นบน… เขตหวงห้ามของคฤหาสน์ตระกูลเย่ เย่ฉ่าวเฉินไม่ยอมให้เธอเข้าใกล้ห้องนี้ และไม่อยากให้เธอขึ้นไปชั้นสามด้วยซ้ำ…