บนชั้นสาม เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าใกล้ห้องนั้น หัวใจของมู่เวยเวยเต้นวนเป็นวงกลม ประตูห้องถูกปิดไว้แต่นั่นไม่สำคัญเพราะยังมีหน้าต่าง
มู่เวยเวยใช้ปลายเท้าเหยียบบนขอบหน้าต่างแล้วมองเข้าไปด้านใน–
เป็นอย่างที่คิดไว้ เธอเจอชายลึกลับเจ้าของดวงตาสีม่วงคนนั้นที่เจอในครั้งแรก!!
นาทีนั้นมู่เวยเวยเกือบกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว แต่โชคดีที่เธอปิดปากตัวเองไว้ทัน
เมื่อจ้องมองเข้าไปภายในห้อง สิ่งที่มู่เวยเวยเห็นคราวนี้ไม่ใช่เพียงกาน้ำชาและถ้วยชาเท่านั้น แม้แต่โต๊ะที่วางอยู่ตรงกลางห้องทั้งหมดล้วนกำลังบินอยู่ และคนที่ควบคุมสิ่งของพวกนี้ก็คือ ชายดวงตาสีม่วงคนนั้น
มองเห็นปากของเขาพึมพำอะไรบางอย่างพร้อมกับโบกมือ แล้วโต๊ะก็บินไปทางขวา พอโบกมืออีกครั้งโต๊ะก็กลับลงสู่พื้นอย่างมั่นคง
คล้ายกับว่าเขาควบคุมสิ่งของพวกนี้ให้บินได้ แค่พอเขาโบกมือ อุปกรณ์การเล่นกีฬาที่อยู่ข้างๆ ลู่วิ่งตัวนั้นก็วิ่งเองอัตโนมัติ และยังลูกบอลนั้นอีกก็ชู้ตลงห่วงได้เอง
นี่…นี่….
มู่เวยเวยตกตะลึง ราวกับว่าเธอกำลังดูละครแฟนตาซี และชายคนที่ควบคุมทุกอย่างนี้ก็มีใบหน้าคล้ายกับเย่ฉ่าวเฉินมาก เพียงแต่ดวงตาคู่นั้น…มันเป็นสีม่วง ดวงตาสีม่วงลึกลับที่คนปกติธรรมดาคงไม่มี และมันยังเปล่งประกายอีกด้วย
เมื่อนึกถึงดวงตาที่เปล่งประกาย ทันใดนั้นมู่เวยเวยก็พลันคิดถึงเย่ฉ่าวเฉิน แม้ว่าดวงตาของเขาจะเป็นสีฟ้า แต่…มันก็เปล่งประกายเช่นเดียวกัน…
หลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน มู่เวยเวยก็ค้นพบว่าเวลาที่เย่ฉ่าวเฉินโกรธจะมีบางอย่างผิดปกติไป ดวงตาของเขาจะเปล่งแสงสีฟ้าออกมา สีฟ้าที่ราวกับจะกลืนกินคนทั้งตัวได้… เป็นไปได้ไหมว่าตัวเธอเองอาจจะดูผิด?
มู่เวยเวยยังไม่มั่นใจ เมื่อดึงสติกลับมา พอมองกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นก็มีเรื่องให้ประหลาดใจ——
ชายลึกลับที่อยู่ในห้องคนนั้นหายไปแล้ว!!
เธอสูดลมหายใจ มู่เวยเวยเฝ้าดูสถานการณ์ในห้องอยู่หลายครั้งอย่างระมัดระวัง… ไม่มี! ไม่มีจริงๆ!
เมื่อครู่ชายดวงตาสีม่วงคนนั้นยังอยู่ตรงหน้า ไม่ถึงครึ่งนาทีที่เธอเผลอใจลอย จู่ๆ เขาก็หายตัวไปแล้ว!
มู่เวยเวยออกจากหน้าต่างทันที เธอผลักประตูออกแล้วเดินเข้าไปข้างใน…
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ก้าวเข้ามาในห้องนี้ สิ่งของทุกอย่างที่อยู่ในห้องไม่ว่าจะเป็น ลานออกกำลังกาย ลู่วิ่ง ลูกบาส โต๊ะ กาน้ำชา ถ้วยชา.. ทุกสิ่งล้วนวางอยู่ในที่ที่ควรอยู่
ราวกับว่าที่เธอเพิ่งเห็นไปเมื่อครู่ทั้งหมดเป็นเพียงภาพลวงตา … ไม่มีอะไรบินได้หรือเคลื่อนไหวได้เองทั้งนั้น ไม่มีชายดวงตาสีม่วงคนนั้น…
ฝันไปงั้นเหรอ?
มู่เวยเวยหยิกตัวเองอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ มันเจ็บ… ไม่ใช่ภาพลวงตา เพียงแต่สิ่งของที่อยู่ตรงหน้านี้…
ขณะเดียวกันราวกับเสียงสายฟ้าฟาดลงมาที่ศีรษะเธอ เมื่อได้ยินเสียงคำรามของเย่ฉ่าวเฉิน “มู่เวยเวยใครอนุญาตให้คุณเข้ามาในห้องนี้?”
มู่เวยเวยตัวสั่นในทันใด ทันทีที่หันหน้ากลับไปก็พบใบหน้าเกรี้ยวกราดของเย่ฉ่าวเฉิน และดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเขา…
“เย่ เย่ฉ่าวเฉิน …” ร่างกายของมู่เวยเวยสั่นสะท้าน เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เย่ฉ่าวเฉินก้าวมาข้างหน้า เขาเอื้อมมือมาจับมือเธอไว้ แล้วลากเธอออกจากห้องด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา
“ไม่ อย่า…” มู่เวยเวยดิ้นรน “เย่ฉ่าวเฉิน นายฟังฉันพูดก่อน มีคนอยู่ในห้องนี้ มีคนดวงตาสีม่วง จริงๆนะ เขาดูเหมือนกับนาย…”
“หุบปาก!” เย่ฉ่าวเฉินพูดขัดจังหวะขึ้นมาทันที เขาโยนเธอลงพื้น “มู่เวยเวยผมจะบอกให้คุณนะ ในห้องนี้มันไม่มีอะไรทั้งนั้น! ถ้าจะมีก็คงมีแค่ผี! ผี คุณรู้จักไหม? ในห้องนี้ ข้างๆโต๊ะนั้น เคยมีคนตาย!”