ตาบ้านี่!
เซี่ยอันน่าร้อนมาก ถ้าเดินต่อไปคงเป็นลมแน่ๆ
ช่างมันเถอะ ขึ้นรถก่อนค่อยว่ากัน
เสี่ยวอวี้หลินเห็นเซี่ยอันน่าตัดสินใจขึ้นรถ จึงรีบวิ่งไปช่วยเธอยกกระเป๋า แถมเปิดประตูให้อีกด้วย
เมื่อแอร์ปะทะใบหน้าของเซี่ยอันน่า เธอรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสววรค์
แต่อยู่ๆเซี่ยอันน่าก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา นี่เธอตากแดดร้อนจะตายอยู่ข้างนอก แต่ตาบ้านี่กลับได้นั่งตากแอร์เย็นสบายในนี้
เสี่ยวอวี้หลินเห็นท่าทีไม่สบอารมณ์ของเธอ ก็ถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมไม่มีความสุขล่ะ?”
“เจอหน้านายแล้วมีความสุขก็บ้าแล้ว”
“เหมือยฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย”
เซี่ยอันน่าเลิกคิ้วถามว่า “นายทำให้ฉันเดินตากแดดอยู่ตั้งนาน ถ้าไม่โทษนายให้โทษใคร?”
เสี่ยวอวี้หลินตอบกลับอย่างไม่เข้าใจ “เธอไม่ต้องตากแดดก็ได้นี่นา แค่ขึ้นรถมาก็จบแล้ว?”
“พูดแบบนี้ หมายความว่าฉันรับผลกรรมที่ฉันเลือกเองซินะ”
“เธอจะคิดแบบนั้น ก็แล้วแต่เธฮ”
“นาย….”
เซี่ยอันน่าชี้ไปที่เขา
แต่ถูกเสี่ยวอวี้หลินจับมือไว้ และบอกอย่างอารมณ์ดีว่า “วันนี้ถ่ายจบแล้ว คงได้รับเงินค่าจ้างแล้วซินะ งั้นเลี้ยงข้าวฉันหน่อยนะ”
เซี่ยอันน่าเบ้ปาก “หึ ทำไมฉันต้องเลี้ยงด้วย!”
“ก็วันนี้ฉันมารับเธอไง”
เซี่ยอันน่าตอบอย่างโมโหว่า “นายเข้าใจผิดหรือเปล่า ฉันไม่ได้บอกให้นายมารับซะหน่อย”
“แต่ผลลัพธ์คือฉันก็เป็นคนไปส่งเธอกลับมหา’ลัย อยู่ดี”
“นายนี่มันเถียงข้างๆคูๆ”
“ฉันเป็นนักธุรกิจ มองแค่ผลลัพธ์เท่านั้น”
เซี่ยอันน่าโมโหหนักกว่าเดิมที่เถียงไม่ชนะเขา
แต่เสี่ยวอวี้หลินแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ถามต่อว่า “จะพาฉันไปทานข้าวที่ไหนดี?”
“กินอึ!”
“อึก็กินได้หรือ? ช่างเถอะ เอาแบบนี้ดีกว่า เดี๋ยวฉันเลือกแล้วเธอจ่าย”
จะบ้าหรือให้เสี่ยวอวี้หลินเป็นคนเลือกร้านเอง เซี่ยอันน่าจ่ายไม่ไหวแน่นอน
“ถ้านายไม่ติดเรื่องสถานที่ ฉันพอรู้จักที่ที่หนึ่ง มีร้านอาหารอร่อยๆอยู่”
“ได้ ไปซิ”
เสี่ยวอวี้หลินกล่าวด้วยความดีใจ
แต่เมื่อเขาเห็นอาหาร สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
เขาใช้ส้อมเขี่ยอาหารตรงหน้าไปมา และถามว่า “นี่มันคืออะไร?”
“เครื่องในแกะไง นายไม่เคยกินหรือ?”
อย่าว่าแต่เคยกินเลย แค่ชื่อยังไม่เคยได้ยินเลย
เสี่ยวอวี้หลินไม่ชอบอาหารพวกนี้ เขาคิดว่าคนที่กินอาหารพวกนี้ได้ ต้องมีความกล้าหาญมาก
เมื่อเห็นสีหน้าของเสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่าก็แอบขำเบาๆ
เซี่ยอันน่าค่อยหยิบชิ้นเนื้อเข้าปาก และทำหน้าท่าทีมีความสุข
“อื้มมม อร่อยมาก”
เสี่ยวอวี้หลินกลืนน้ำลายเอื้อก และถามว่า “อร่อยจริงๆหรือ?”
“แน่นอนนซิ วันนี้ก็ถือซะว่าพี่พามาเปิดโลกนะจ้ะ”
เสี่ยวอวี้หลินจ้องไปที่ถ้วยของตัวเอง แต่ยังไม่ขยับ
“นี่ รีบทานซิ นี่เป็นค่าตอบแทนของนายนะ อย่าเสียเปล่า”
เสี่ยวอวี้หลินไม่รู้จะทำอย่างไร จึงค่อยๆคีบชิ้นเนื้อเข้าปาก
อืม ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แต่รสสัมผัส ก็ทำให้คนรู้สึกไม่ค่อยโอเค ทั้งตัวขนลุกขนพอง
แค่ได้ลองคำเดียว ก็เกินลิมิตของเขาแล้ว
จากนั้นเขาก็วางตะเกียบลง
แต่เซี่ยอันน่าไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ จึงพูดอย่างไม่พอใจขึ้นว่า “ถ้าครั้งนี้นายทานไม่หมด ครั้งหน้าไม่ต้องมาทานอะไรกับฉันอีก”
เสี่ยวอวี้หลินรู้ดีว่าเซี่ยอันน่ากำลังแกล้งเขา
แต่เขาก็ไม่อยากให้เธออารมณ์ไม่ดีอีก จึงจำใจคีบชิ้นเนื้อขึ้นมา
“ฉันทานก็โอเคแล้วใช่ไหม ห้ามอารมณ์ไม่ดีนะ”
พูดจบ เขาหลบตาปี๋ และเอาชิ้นเนื้อเข้าปาก
เขาแทบไม่ได้เคี้ยว พอเอาเข้าปากก็กลืนลงไปเลย เซี่ยอันน่าเห็นท่าทีของเขาก็รู้สึกพอใจ
หึ นี่เป็นการสั่งสอนที่ทำให้เธอต้องตากแดดอยู่นานสองนาน
เสี่ยวอวี้หลินเงยหน้าขึ้น มองเห็นรอยยิ้มของเซี่ยอันน่า
รอยยิ้มของเธอเปล่งประกาย เหมือนดาวบนท้องฟ้าเวลากลางคืน ทำให้เขารู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ
เมื่อเซี่ยอันน่าเห็นสายตาของเสี่ยวอวี้หลินที่เอาแต่จ้องมา จากที่ขำๆอยู่ ก็ทำให้เธอขำไม่ออกและทำตัวไม่ถูก
เธอเลียริมฝีปาก แต่ก็ถูกเขามองแบบมีเลศนัย
“เอาล่ะ ทานหมดแล้วไปกันเถอะ” ด้วยหน้าที่แดงระเรื่อ
เมื่อถึงมหาวิทยาลัย เซี่ยอันน่าก็รีบลงจากรถไปหยิบของ และเตรียมเดินจากไป
เสี่ยวอวี้หลินที่ยืนอยู่ก็เรียกเธอไว้และถามว่า “จะไปแล้วไม่พูดอะไรสักคำเลยหรือ?”
เซี่ยอันน่าหยุดเดินและหันมาพูดกับเขาว่า “ต่อไปไม่ต้องมาหาฉันอีก”
เสี่ยวอวี้หลินพูดไม่ออก
“ฉันให้เธอพูดคำดีๆกับฉัน ไม่ใช่พูดแบบนี้”
“ฉันพูดแต่สิ่งที่ฉันอยากพูด”
“งั้นฉันก็จะพูดสิ่งที่ฉันอยากจะพูด”
พูดจบ เขาก็เดินไปประชิดเซี่ยอันน่า จากนั้นลูบผมเธออย่างแผ่วเบา อบอุ่น
“ถึงแล้ว อย่าลืมโทรหาฉัน”
เสี่ยวอวี้หลินพูดเสียงอ่อนโยน
ผู้คนที่อยู่รอบข้างเห็นแล้ว ก็พูดขึ้นว่า
“ว้าวหวานจังเลย”
“ใช่ๆ ทั้งหล่อทั้งรวย แถมยังรักเดียวใจเดียวอีก เซี่ยอันน่าโชคดีเกินไปแล้ว”
“หวังว่าฉันจะหาแฟนดีๆแบบนี้ได้ซักคนนะ!”
รอบๆข้างต่างชื่นชมพวกเขา แต่เซี่ยอันน่ากลับโมโห
หวานอะไร ดูยังไงตานี่ก็คือยาพิษ หน้าตาข่มขื่นบนหน้าเธอ พวกนั้นสังเกตไม่เห็นบ้างหรือไง?
ไม่ได้ละ จะอยู่ต่อไม่ได้ละ ไม่อย่างต้องโกรธจนควันออกหูแน่
เซี่ยอันน่าคิดได้แบบนั้น ก็รีบยกของและวิ่งหนีไป
เสี่ยวอวี้หลินยิ้มเล็กน้อย “ยัยบ๊องนี่ เขินเป็นด้วย”
เขาพูดไม่ดังมาก แต่ก็ทำให้เซี่ยอันน่าได้ยิน
เธอแทบจะสะดุดล้ม ตาบ้านี่หลงตัวเองเป็นบ้าเลย
เสี่ยวอวี้หลินอารมณ์ดีมาก ถือได้ว่าวันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดในช่วงไม่กี่วันมานี้
เมื่อเขาขับรถออกไป ก็มีร่างของคนคนหนึ่งโผล่ออกมาจากต้นไม้
จ้องไปทางเสี่ยวอวี้หลินด้วยสายตาเกลียดชัง สายตาของซู่เฉียวเฉี่ยวซับซ้อนมาก
……………
เซี่ยอันน่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ด้วยอารมณ์ข้เกียจ
“อันน่า เมื่อกี้ตอนเธออาบน้ำ โทรศัพท์ดังน่ะ”
อันน่าได้ยินก็รีบไปหยิบโทรศัพท์มาดู
เย่ชวูเสวียโทรเข้ามา
เซี่ยอันน่ารีบโทรกลับหาเธอ
ชั่วครู่ปลายสายก็รับ
“อันน่า ช่วงนี้เธอยุ่งไหม?”
“ไม่ค่ะ มีธุระอะไรหรือ?”
“ก็มีนิดหน่อย” เย่ชวูเสวียกล่าวขำๆ “คือแบบนี้ ร้านขนมถูกไฟไฟม้ใช่ไหม แต่ตอนนี้ซ่อมได้ค่อนข้างโอเคแล้วล่ะ แต่ว่าต้องซื้อของใช้และก็พวกเครื่องต่างๆอีกน่ะ”
“ฉันคิดว่าเธอทำงานที่นี่ น่าจะรู้ว่าต้องซื้ออะไรบ้าง เลยอยากให้เธอช่วยซื้อหน่อย”
เซี่ยอันน่ารีบตอบกลับว่า “ฉันเป็นพนักงานของที่ร้าน ต้องทำอยู่แล้วค่ะ จะให้ไปช่วยตอนไหน บอกได้เลยค่ะ”
“อืม โอเคเลย” เย่ชวูเสวีย ขำและพูดต่อว่า “ของที่จะซื้อน่าจะเยอะ เธอผู้หญิงคนเดียว น่าจะจัดการไม่ไหว เอาแบบนี้ฉันหาผู้ช่วยให้เธอคนหนึ่ง ถึงตอนนั้นให้ช่วยแบกช่วยหาม”
“โอเคค่ะ”
“งั้นก็ตกลงตามนี้นะ วันอาทิตย์ตอนเธอไม่มีคลาส พวกเราค่อยมาเริ่มกัน”
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
“โอเคตามนี้”
“…ค่ะ”
หลังวางสาย เซี่ยอันน่ารู้สคกสงสัย
คนที่เย่ชวูเสวียจะให้มาช่วยวันอาทิตย์ จะใช่เสี่ยวอวี้หลินไหม?
แต่ว่าเสี่ยวอวี้หลินเป็นคุณชาย เขาคงไม่มาทำงานแบกหามอะไรแบบนี้หรอก
เมื่อถึงวันอาทิตย์ เซี่ยอันน่าเห็นเสี่ยวอวี้หลิน ถึงทำให้เธอรู้ว่าเธอคิดผิด…
วันนี้เสี่ยวอวี้หลินเปลี่ยนรถเป็นรถสปอร์ต
เสี่ยวอวี้หลินยิ้มแฉ่งพูดกับอันน่าว่า “รีบปกันเถอะ วันนี้เราต้องไปอีกหลายที่เลย”
แต่เซี่ยอันน่ายังนิ่ง ไม่ขยับ
เสี่ยวอวี้หลิน จึงเอียงคอถามเธอว่า “ยืนอึ้งอะไรอยู่?”
“ทำไมเป็นนาย?”
เซี่ยอันน่าถามอย่างไม่เข้าใจ เสี่ยวอวี้หลินขำเล็กน้อยก่อนตอบว่า “แล้วทำไมเป็นฉันไม่ได้”
เธอเตือนเขาว่า “นายอย่าคิดวางแผนจะทำอะไรอย่างอื่น ฉันไม่เอาด้วยแน่”
เสี่ยวอวี้หลินขำชอบใจ “วางใจได้ วันนี้เราจะคุยกันแต่เรื่องงาน”
“ขอให้นายทำได้อย่างที่พูโ”
จากนั้นเธอก็ขึ้นรถ
จากนั้นเซี่ยอันน่าก็ถามว่า “วันนี้ไปซื้อของ แล้วนายขับรถคันนี้มา จะบรรทุกอะไรได้?”
เสี่ยวอวี้หลินส่ายหัวเล็กน้อยและตอบว่า “ยายบื้อ เธอไม่รู้จักบริการเดลิเวอรี่หรือ?”
เซี่ยอันน่าครุ่นคิดเล็กน้อย ในเมื่อมีบริการส่งถึงที่ แล้วเสี่ยวอวี้หลินจะมาทำไมล่ะ เธอทำคนเดียวก็ได้แล้ว!
เซี่ยอันน่ารู้สึกเหมือนตัวเองโดนต้ม
แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงมันก็เป็นแบบนี้แล้ว ถือซะว่ามีคนขับรถให้ก็แล้วกัน
จากนั้นเธอก็หยิบลิสรายการที่ต้องซื้อออกมา
ทั้งเขาและเธอต่างเข้าออกร้านต่างๆ ตั้งใจซื้อของมาก
และสุดท้าเซี่ยอันน่าก็สั่งซื้อของสิ่งสุดท้ายเสร็จ เซี่ยอันน่าถอนหายใจด้วยความเหนื่อย
สำเร็จ!
และเมื่อตอนที่เธอหันมา กลับไม่เห็นเสี่ยวอวี้หลิน
แปลกจัง เขาไปไหนเนี่ย?
เธอเดินหาเขาไปทั่ว และเห็นเขาอยู่ในร้านขายอัญมณี
ขณะที่เธอลำบากตรากตรำเลือกซื้อของอยู่ ตาบ้านี่กลับมาเลือกซื้อของอย่างสบายใจหรือเนี่ย เกินไปแล้ว !
เซี่ยอันน่าปรี่เข้าไปหาเขา และถามว่า “เสี่ยวอวี้หลิน นายกำลังทำอะไร?”
เสี่ยวอวี้หลินหยิบสร้อยเส้นหนึ่งยื่นมาตรงหน้าเธอ และถามว่า “สร้อยเส้นนี้เป็นอย่างไบ้าง?”
“ไม่เป็นไง” จากนั้นก็ปัดมือเขาทิ้ง และพูดต่อว่า “ถ้านายยุ่ง นายก็ไปทำธุระของนาย อย่ามาแสร้งทำเป็นว่าจะช่วยฉัน”
เสี่ยวอวี้หลินไม่ได้อธิบายอะไร แต่ถามต่อว่า “ฉันอยากซื้อสร้อยเส้นนี้ให้ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอว่าเขาจะชอบไหม?”
ไม่รู้ว่าทำไม เซี่ยอันน่ารู้สึกจี๊ดๆในใจ
เธอฝืนข่มอารมณ์ไว้และตอบว่า “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร”
“สายตาพวกเธอน่าจะคล้ายๆกัน ช่วยฉันแนะนำหน่อย”
“ใครจะช่วยนายแนะนำ ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น!”
พูดจบ เธอก็เดินออกจากร้านไป
เสี่ยวอวี้หลินรีบให้พนักงานแพ็คสร้อยให้ และรีบเดินตามเซี่ยอันน่าไป
แต่ไม่ทัน เพราะเซี่ยอันน่าขึ้นรถเมล์ไปแล้ว
เธอมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
ยัยบ๊องนี่ วิ่งเร็วจริงๆ
แต่ถึงเธอจะหนีไป แต่ยังไงเธอก็ต้องกลับมาอยู่ในมือฉันอยู่ดี
เสี่ยวอวี้หลินยิ้มคนเดียวอย่างพอใจ
……………………………….
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ร้านขนมก็ซ่อมบำรุงเสร็จ
แต่เย่ชวูเสวียไม่ได้รีบร้อนเปิดทำการ เธอเลือกฤกษ์มาอย่างดี จากนั้นก็เตรียมขนมหวาน เตรียมน้ำ เตรียมเครื่องดื่มไว้ และให้ซี่ยอันน่าเรียกทุกคนมา
เย่ชวูเสวียยืนข้างหน้าและพูดว่า
“วันนี้เป็นวันเปิดร้านใหม่อีกครั้ง วันนี้พวกเรายังไม่รับลูกค้า จะรับแต่คนของเราเท่านั้น ขอให้ทุกคนกินดื่มกันอย่างสบายใจ”
พูดจบ ทุกคนก็ปรบมือ
จากนั้นเย่ชวูเสวียก็เดินไปหาอันน่า “ที่ร้านกลับมาเปิดได้ ต้องขอบคุณในความลำบากของเธอมาก ถ้าไม่ได้เธอช่วยจัดการ คงจะไม่เร็วแบบนี้แน่นอน มาๆฉันชนแก้วนี้ให้เธอ”
เย่ชวูเสวียพูดเสร็จก็ยื่นแก้วไวน์ให้เซี่ยอันน่า
เซี่ยอันน่ารีบพูดตอบว่า “ไม่ๆๆ มันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำ อย่าเกรงใจขนาดนั้นเลยค่ะ”
“นี่เป็นสิ่งที่เธอควรได้ รีบดื่มซิ”
“นี่…..”
ขณะที่เซี่ยอันน่ากำลังลังเลที่จะรับแก้ว ทันใดนั้นก็มือคนมาแย่งแก้วไป
คนคนนั้นคือ เสี่ยวอวี้หลิน
ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขาพูดว่า “แก้วนี้ ให้ฉันดื่มแทนอันน่าแล้วกันนะ”
เย่ชวูเสวียกล่างอย่างหัวเสียว่า “เสี่ยวอวี้หลิน แค่ไวน์องุ่นเอง นายจะอะไรนักหนา”
การกระทำของเสี่ยวอวี้หลิน ทำให้ทุกคนหันมาสนใจเขาและเซี่ยอันน่า
บรรยากาศนั้น ทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกอึดอัด เธออยากจะขีดเส้นกับผู้ชายคนนี้ให้ชัดเจนไปเลย