สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินยกยิ้มขึ้น “ถึงเวลาผมบอกคุณเอง”
“ถ้าคุณไม่พูดให้ชัด แล้วเกิดขายฉันไปล่ะจะทำไง”
“ทำไมคุณโง่ขนาดนี้ ถ้าผมขายคุณแล้วใครจะซื้อ”
“คุณ….”
เขารู้สึกว่าท่าทางโกรธของเซี่ยอันน่าน่ารักมาก เขาบิดจมูกของเธอและพูดว่า “คุณเป็นสมบัติอันล้ำค่า พอใจหรือยัง เย็นวันมะรืนผมจะไปร่วมงานเลี้ยง ผมจะให้คนเตรียมชุดไว้ให้ แต่งตัวสวยหน่อยล่ะ”
งานเลี้ยงอีกแล้ว คนรวยนี่งานเลี้ยงเยอะจริงๆ
เซี่ยอันน่าพูดเบาๆ “จะได้กินอะไรอร่อยไหม”
“อร่อยทุกอย่างเลย”
ประโยคนี้ทำให้เซี่ยอันน่าพยักหน้าอย่างไม่ลังเล
“งั้นตกลงตามนี้ห้ามกลับคำ อันนี้ให้คุณ”
เสี่ยวอวี้หลินพูดจบก็เอาสร้อยใส่ที่คอให้เธอ
เซี่ยอันน่ายังไม่ทันรู้ตัวบนคอก็มีสร้อยส่องประกายระยิบระยับ
เมื่อเถอะก้มลงไปมอง ก็เห็นว่าเป็นสร้อยที่เห็นในห้างวันนั้น
“นี่….”
“ผมเห็นว่าวันสองวันมานี้คุณเหนื่อยมาก เลยให้เป็นของขวัญ”
“แต่….”
“ไม่อนุญาตให้พูดว่าไม่เอา ผมซื้อให้ เก็บไว้ดีๆ งานเลี้ยงคราวหน้าผมต้องเห็นคุณใส่”
เซี่ยอันน่าไม่พูดอะไรออกมา รีบหันหลังเดินจากไปทันที
“เด็กคนนี้เป็นอะไรไปอีก”
เขามองตามหลังเซี่ยอันน่าไปด้วยความแปลกใจ
ที่จริงเซี่ยอันน่าไม่ได้คิดจะเดินออกมา แต่พอเธอไม่อยากให้เสี่ยวอวี้หลินเห็นหน้าแดงๆของเธอ
ไหนจะรอยยิ้มกว่าของเธออีก
ที่แท้ที่เขาเลือกสร้อยในครั้งนั้นก็เลือกให้เธอ….
เมื่อคิดได้อย่างงั้นเซี่ยอันน่าก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เขาตั้งใจเลือกขนาดนี้ หมายความว่าเธอก็มีความหมายในใจเขาเหมือนกันใช่มั้ย
แม้จะน้อยกว่าอวี๋เวย แต่ก็ยังมีพื้นที่อยู่
เธอยิ้มออกมากว้างขึ้น และเดินอย่างรวดเร็ว
…..
งานหมั้นของอวี๋เวยจัดบนเรือยอร์ชสุดหรู
หลังจากที่ห้องรับรองรองรับแขกจนครบแล้ว เรือก็ค่อยๆออกจากฝั่ง
ลมทะเลตอนกลางคืนพัดเข้ามา มีแสงไฟสองสว่างอยู่ไกลๆ ราวกับมีไข่มุกอยู่บนผิวทะเล
เซี่ยอันน่ามองทะเลด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย
ตอนที่เสี่ยวอวี้หลินทักทายคนอื่นเสร็จและเดินกลับมา เขาก็เห็นเซี่ยอันน่าราวกับแมวตัวน้อยไม่มีผิด เธอกำลังหลบอยู่ในมุม
เขาเดินยิ้มมาอยู่ข้างเธอและพูดว่า “ตรงโน้นมีติ่มซำ ทำไมไม่ไปกิน”
เซี่ยอันน่าจับที่กั้นและพูดว่า “อยู่ตรงนี้สบายมาก ฉันอยากอยู่ต่ออีกหน่อย”
“ชอบลมทะเลหรอ คราวหน้าพวกเราออกหรือมาเองดีกว่า”
พวกเรา….
ชื่อเรียกอย่างนี้ทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกอึดอัดใจ
เธอไม่พูดอะไรอีก และเสี่ยวอวี้หลินก็ชอบความสงบอย่างนี้ ทั้งสองคนนั่งข้างกัน มองไปในทะเลด้วยความสงบ
บรรยากาศอย่างนี้ไม่ได้อยู่นานนัก เพราะมีคนมาขัดจังหวะก่อน
“คิดไม่ถึงว่าจะเจอคุณชายเสี่ยวที่นี่ บังเอิญจริงๆ”
เมื่อได้ยินเสียงคนดังมาจากข้างหลัง เสี่ยวอวี้หลินจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย และหันไปมอง
เสี่ยวอวี้หลินไม่ได้ยิ้มแต่อย่างใด เขาถามอย่างไรอารมณ์ “ทำไมถึงมาไม่ได้”
อีกฝ่ายยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “ก็เมื่อก่อนกับอวี๋เวย…. คุณนี่เป็นคนใจกว้างจริงๆ”
เสี่ยวอวี้หลินพูดอย่างหมดความอดทน “เรื่องมันผ่านมาแล้ว จะพูดถึงขึ้นใหม่ทำไม คนเราต้องมองไปข้างหน้า”
“ที่แท้คุณชายเสี่ยวก็มองกาลไกล ผู้หญิงข้างกายก็เริ่มอายุน้อยขึ้นเรื่อยๆ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเหล่สายตามามองเธอ เซี่ยอันน่าก็ตกตะลึง
เสี่ยวอวี้หลินเดินมาบังเซี่ยอันน่า ความอดทนเขากำลังจะถึงขีดจำกัด เขาพูดอย่างเย็นชา “แน่นอนสายตาของผมดีเสมอ”
เมื่อเขารู้ว่าทำให้เสี่ยวอวี้หลินโกรธแล้ว เขาจึงพูดว่า “งั้นผมไม่กวนพวกคุณสองคนแล้ว” “เมื่อกี้คุณหมายความว่ายังไง งานเลี้ยงในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่ออะไร”
“ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็เป็นเรื่องของคนอื่น พวกเรามาเอาบรรยากาศก็พอ”
เสี่ยวอวี้หลินขึ้นมือไปจับสร้อยคอของเธอ และบอก “สร้อยเส้นนี้เหมาะกับคุณมาก”
ทันทีที่เขาแตะลงบนผิวของเธอ เธอก็รู้สึกว่ามันเป็นราวกับลูกไฟ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด
เธอจึงถอยหลังออกไปและพูดว่า “จากนี้ไม่ต้องซื้ออะไรให้ฉันอีก ของพวกนี้แพงมาก ฉันไม่รู้จะชดใช้ให้คุณยังไง”
“ผมไม่ได้อยากให้คุณชดใช้คืน”
“คุณเป็นแฟนของผมนะจะคิดเล็กคิดน้อยทำไม”
เซี่ยอันน่าหน้าแดงขึ้นมา “ใครเป็นแฟนของคุณอยากพูดมั่วนะ”
“ใครๆก็รู้ว่าคุณเป็นแฟนของผม แฟนของเสี่ยวอวี้หลิน ใครกล้ามามีเรื่องด้วย เพื่อให้คุณไม่ต้องอยู่ตายคนเดียว ผมคนนี้จะรับคุณไว้เอง”
“นี่ใครขอให้คุณรับไว้ไม่ทราบ”
เมื่อเห็นหน้าของเซี่ยอันน่าแดงเล็กน้อย เสี่ยวอวี้หลินจึงขยับเข้าไปใกล้เธออีกนิด “นี่ผมคิดไปเองฝ่ายเดียว หรือเป็นความสมัครใจทั้งสองฝ่ายกัน”
“คุณอย่ามาพูดไร้สาระ”
“ถ้าผมพูดไร้สาระ แล้วคุณจะยิ้มหวานขนาดนั้นทำไม”
เซี่ยอันน่ารีบยกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าของตัวเอง “ฉันไม่ได้ยิ้ม”
“คุณกำลังยิ้มอยู่”
“เปล่านะ”
“ไหนให้ผมดูสิ”
พูดจบเขาก็ยื่นมือไปจี้เอวเธอ
เซี่ยอันน่าบ้าจี้ จึงเริ่มหลบการจู่โจมของเขา
“ทั้งสองคนดูมีความสุขนะ”
มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้ทั้งสองคนต้องหยุดการกระทำลง
คืออวี๋เวย
วันนี้เธอสวยมาก ใส่ชุดแต่งงานสีขาว และสวมเครื่องประดับแวววาว ดูสง่างาม
เธอม้วนผมขึ้น แสดงให้เห็นลำคอระหง ผมที่ตกลงมาเล็กน้อย ทำให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น
เธอทำให้ทุกคนแทบไม่อยากละสายตา
แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่ได้สนใจว่าอวี๋เวยจะสวยขนาดไหน ตอนนี้เธอจ้องอยู่ที่คอของอวี๋เวยอย่างเดียว
บนคอของอวี๋เวยกำลังสวมสร้อยแบบเดียวกับเธอ
วินาทีนั้นเธอก็รู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมา ราวกับใจของเธอถูกทำลายจนแตกสลาย
เธอไม่ได้ยินว่าคนข้างๆพูดอะไร ภาพตรงหน้าเป็นราวกับละครใบ้
เมื่อเสี่ยวอวี้หลินเห็นสร้อยนั้นก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน
แต่เมื่ออวี๋เวย เห็นสร้อยของเซี่ยอันน่ากลับสงบมาก “คุณชอบสร้อยแบรนด์เหมือนกันหรอคะ ฉันก็ชอบมากเหมือนกัน ตรงนั้นมักมีของลิมิเต็ดบ่อยบ่อย ถ้าคุณชอบ พวกเราไว้มาคุยกันได้”
เซี่ยอันน่ายังคงเหม่ออยู่ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
แต่เป็นเสี่ยวอวี้หลินที่รู้สึกโกรธและพูดออกไป “เธอชอบของแบรนด์นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เธอเหลือบไปมองเสี่ยวอวี้หลินและตอบว่า “ผู้หญิงเขาคุยกัน คุณจะไปเข้าใจอะไร”
น้ำเสียงของอวี๋เวยพูดเหมือนพูดกับแฟนไม่มีผิด เป็นธรรมชาติมาก ราวกับเซี่ยอันน่าไม่ได้อยู่ตรงนี้
ที่จริงเธอก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
เธอนี่มันอะไรกันนะ แค่เขาให้สร้อยเส้นเดียวก็คิดไปไกลแล้ว เธอไร้ค่าแค่ไหนถึงมาอยู่ในจุดนี้
เซี่ยอันน่ารู้สึกอาย จึงหันหลังเตรียมจากไป
แต่เสี่ยวอวี้หลินก็รั้งตัวเธอไว้ “เซี่ยอันน่า ผมแค่รู้สึกว่าสร้อยนี้เหมาะกับคุณก็เลยซื้อให้”
“อ้อ”
“คุณอย่าคิดมาก”
“ฉันจะคิดอะไรได้ ฉันเป็นอะไรสำหรับคุณ”
พูดจบเธอก็บิดมือเดินจากไป
เด็กนั่นต้องเข้าใจผิดแน่
เสี่ยวอวี้หลินจ้องอวี้เวยด้วยความโกรธ จากนั้นก็เดินตามไป
แต่อวี้เวยก็มาดักทางเขาไว้ สายตาของเธอมองเขาอย่างอ้อนๆ
เสี่ยวอวี้หลินโกรธมากแล้ว เมื่อโดนขวางอย่างนี้ ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
เมื่อเห็นผู้หญิงที่เคยรัก ตอนนี้เขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลย เหลือเพียงแค่ความโกรธ “อวี๋เวย คุณตั้งใจใช่มั้ย”
เธอถามอย่างรู้ทัน “ฉันทำอะไร”
“เธอทำอะไรเธอรู้อยู่แก่ใจ”
เมื่อเห็นเสี่ยวอวี้หลินเป็นอย่างนี้ เธอก็ทั้งกลัวและรู้สึกราวกับคนแปลกหน้า
“ลินนี่คุณจริงจังหรอ”
เขาตอบยังไม่ลังเล “ใช่”
“เพื่อเธอคุณถึงกับลืมฉันเลยหรอ”
“ใช่”
คำตอบอย่างนี้ทำให้เธอเสียใจมาก
เธอเหลือกตาถามเขา “งั้นฉันเป็นอะไรในใจคุณ”
“แฟนเก่าก็แค่นั้น”
“แฟนเก่า….”อวี๋เวยยิ้มออกมาบางๆ “แต่ในใจฉันคุณไม่ใช่แฟนเก่า”
เสี่ยวอวี้หลินยิ้ม โกรธจนยิ้มออกมา
“อวี๋เวย คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดอย่างนี้ ตอนนั้นเป็นคนที่ขอเลิก และผมก็ปล่อยคุณไป ให้คุณมีความสุข แล้วตอนนี้คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับผม”
“เมื่อก่อนคุณยอมให้เป็นอย่างนั้นหรอ ฉันรักคุณขนาดไหนคุณไม่รู้หรอ แต่เพราะฉันต้องแต่งงานกับคนอื่น อย่างไม่มีทางเลือก”
เสี่ยวอวี้หลินไม่เชื่อคำแก้ตัวของเธอ
“คุณเป็นใคร ถ้าคุณไม่อยากทำอะไร ใครจะมาบังคับคุณได้”
เธอส่ายหน้า บีบน้ำตาพูดว่า “พวกเราก็โตๆกันแล้ว ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ต้องรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล และหน้าที่ของฉันก็คือต้องแต่งงานกับคนที่มีประโยชน์กับครอบครัวของตัวเอง”
“ผมเป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวงยังไม่พอใจคุณอีกหรอ”
“ไม่”อวี๋เวยพูด “ตระกูลของคุณมีอิทธิพลมาก แต่ก็ยังไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด ดังนั้นที่บ้านของฉันจึงสั่งให้ฉันเลิกกับคุณ ความรักของฉันมันไม่สำคัญ ฉันเป็นแค่สมบัติของตระกูล”
ระหว่างที่เธอพูด ตาเธอก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเธอจะสามารถอยู่ได้โดยไม่รู้สึกอะไร
แต่เมื่อเธอเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เธอก็รู้สึกอิจฉา รู้สึกโกรธ และอยากแย่งเขากลับคืนมา
ชื่อเสียง วงศ์ตระกูล ผลประโยชน์ เธอไม่ต้องการทั้งนั้น เธอแค่ต้องการอยู่กับคนที่เธอรักไปตลอดชีวิต
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนแอของเธอ เสี่ยวอวี้หลินก็ใจอ่อนขึ้นมา
เขาส่งกระดาษทิชชูให้เธอและพูดว่า “ถ้าคุณมีปัญหาจริงๆ ก็ขอให้พยายามอย่างเต็มที่ ผมจะช่วยอย่างถึงที่สุด”
เธอไม่รับทิชชูจากเขา และพูดอย่างเข้มแข็ง “คุณจะบอกว่าคุณไม่รู้อะไรเลย คุณคิดโลกสวยขนาดนั้นเลยหรอ แล้วจะมีสักวันนึงที่คุณจะเป็นเหมือนฉัน คุณชอบใครไม่สำคัญ แต่คุณต้องแต่งงานกับคนที่มีประโยชน์ต่อตระกูล คุณคอยดูเถอะ”
“วันนั้นจะไม่มีวันมาถึง ตระกูลของผมไม่ต้องการให้ผมเสียสละแบบนั้น และผมก็จะไม่ยินยอมเด็ดขาด ส่วนความสัมพันธ์ของเรา คุณเป็นคนทำลายมันเอง ทุกอย่างจบลงแล้ว คุณเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวเถอะ”
เมื่อพูดจบเสี่ยวอวี้หลินก็เตรียมจะเดินจากไป
แต่ระหว่างทางเขาก็หันกลับมาพูดอีกว่า “แล้วก็อย่าทำอะไรไร้สาระอย่างนี้อีก ถ้าคุณทำให้ผมโกรธ…. คุณน่าจะรู้ดีว่าต้องชดใช้ยังไง”
อวี๋เวยคิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้สีหน้าอย่างนี้คุยกับเธอ
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่คนรักกัน แต่ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้า ทำไมเขาต้องทำเย็นชากับเธอด้วย
ความเย็นชาอย่างนี้ทำให้เธอรับไม่ได้ เธอขยับปากพูดอย่างเศร้าๆ “เรื่องระหว่างเรา จะจบลงอย่างนี้ใช่ไหม”
เสี่ยวอวี้หลินตอบอย่างเย็นชา “ในเมื่อคุณเลือกทางนั้นแล้ว ก็โทษใครไม่ได้”
เขาหันหลังเดินจากไปโดยไม่ลังเล
เธอมองตามหลังของเขาไปและพูด “เสี่ยวอวี้หลินคุณโหดร้ายจริงๆ ฉันไร้ค่าในสายตาคุณขนาดนั้นเลยใช่ไหม”
…..
เซี่ยอันน่านั่งอยู่บนเก้าอี้ดื่มไวน์คนเดียว
เธอแค่รู้สึกคอแห้ง ดื่มแก้วแรกแล้วก็ไม่พอจึงดื่มอีกแก้ว
ขณะที่เธอคิดจะดื่มแก้วที่สามก็มีคนมาห้ามเธอไว้
“ถ้าดื่มอีกแก้วคุณเมาแน่ จะให้ผมจับคุณกลับไหม”
เซี่ยอันน่ามือสั่น กำกระโปรงแน่นไม่มองผู้ชายข้างๆ
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าไม่เงยหน้าขึ้นมา เขาจึงพูดยิ้มๆ “ทำไมถึงหนีมาอยู่นี่”
“ฉันอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ”
เธอเน้นคำว่าคนเดียว เพื่อให้เขาเข้าใจและเดินออกไป
แต่ลินก็ทำราวกับไม่ได้ยิน เขาตั้งใจนั่งเบียดเธอ
เธอหันไปจ้องถามเขา “นี่คุณทำอะไร”
“นั่งแป๊บนึง”
“ไปอยู่กับอวี๋เวยสิ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
พูดจบเธอก็พยายามผลักเขาไปด้วย
ผ่านไปคู่นึงเสี่ยวอวี้หลินก็พูดว่า “ไปอยู่กับเธอทำไม เธอมีว่าที่สามีอยู่”
เมื่อได้ยินประโยคนี้เซี่ยอันน่าก็โกรธมากขึ้น
“คุณก็รู้ว่าเธอมีว่าที่สามีแล้ว ทำไมยังไม่ลืมเธออีก ถ้าลืมไม่ได้ก็หาวิธีแย่งเธอกลับมา ถ้าคุณทำไม่ได้ก็วางมือ เก็บความรู้สึกไว้ในใจ อย่าลากฉันเข้าไปเกี่ยวข้อง”
เขาจองไปที่เธอยังหยอกล้อ “คุณดูโกรธมากเลยนะ”
“โกรธสิ โดนปั่นหัวไม่โกรธรึไง”
“ถามหน่อยผมปั่นหัวคุณยังไงไม่ทราบ”
“คุณเอาฉันมาเป็นตัวแทนของอวี๋เวย ชัดมั้ย”