มู่เวยเวยตัวสั่นเทา แววตาจับจ้องไปที่โต๊ะว่างเปล่าโต๊ะนั้น ในนี้… มีคนตายงั้นเหรอ?
เป็นชายดวงตาสีม่วงคนนั้นรึเปล่านะ? ที่เธอเห็นเป็นผีจริงๆ เหรอ?
แต่… บนโลกนี้จะมีผีได้อย่างไร? อีกทั้งความรู้สึกยังชัดเจนขนาดนั้น?
ตรงที่เธอหยิกตัวเองยังเจ็บอยู่เลย!
มู่เวยเวยส่ายหน้า “เย่ฉ่าวเฉิน ไม่ ฉันไม่ได้ฝันไป ที่ฉันเห็นเมื่อกี้ ดวงตาของเขาเป็นสีม่วง มันส่องประกาย เขาบินได้ กาน้ำชาอันนั้น ถ้วยชาใบนั้น แล้วก็โต๊ะ ทุกอย่างบินได้หมดเลย ลู่วิ่งอันนั้นและก็ลูกบาส… อ๊ะ! เจ็บ”
ผลที่พูดไม่ยอมหยุด เย่ฉ่าวเฉินจึงจับคางเธอแล้วบีบมันอย่างแรง ความเจ็บปวดทำให้เธอต้องอ้าปากค้าง
“ก็ดี เมื่อคุณบอกว่าคุณไม่ได้ฝัน งั้นคุณบอกผมหน่อย เพราะอะไรทำไมตอนนี้ของพวกนี้ถึงไม่บินแล้วล่ะ? ทำไมผมไม่เห็นอะไรเลย? แล้วคนดวงตาสีม่วงที่คุณพูดถึงล่ะ แล้วเขาล่ะ เขาอยู่ไหน? ผมเพิ่งขึ้นมาชั้นบนไม่เห็นมีใครออกมาจากห้องนี้สักคน” เย่ฉ่าวเฉินตะคอก มือที่บีบคางเธอก็แน่นขึ้นเรื่อยๆ
“โอ๊ย…เจ็บ…” มู่เวยเวยขมวดคิ้วจนเป็นปม ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งเหลือเกิน
แต่ทว่าเย่ฉ่าวเฉินก็ไม่ปล่อยเธอ ซ้ำยังหัวเราะเยาะอีก “มู่เวยเวยคุณอย่าบ้าไปเลย บนโลกนี้มีใครที่ไหนดวงตาสีม่วงบ้าง แถมยังส่องประกายได้อีก คนอะไรจะบินได้ และยังกาน้ำชา ถ้วยน้ำชา โต๊ะนั่นอีก ผมจะบอกคุณให้นะ คุณน่ะเป็นบ้า ผมจะไม่ถือสาและส่งคุณไปโรงพยาบาลบ้าหรอก”
พูดจบเขาก็ปล่อยเธอ แล้วจากไปอย่างเยือกเย็น
“ซี๊ด…” มู่เวยเวยสูดหายใจ ตอนที่เย่ฉ่าวเฉินปล่อยเธอเมื่อครู่ หลังของเธอชนเข้ากับราวบันได ปากแผลที่กำลังดีขึ้นก็ปริออกอีกครั้ง
แต่มู่เวยเวยไม่ได้สนใจบาดแผลเหล่านั้น แววตางุนงงมองไปยังห้องห้องนั้น นึกบางอย่างขึ้นมาได้ทันทีเหมือนกับความฝัน ราวกับว่าเธอเคยเห็นมันมาก่อน
เธอกำลังสับสน แยกไม่ออกระหว่างเรื่องจริงและเรื่องสมมติ…
เธอก้มหน้าลง มู่เวยเวยคิดเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เธอมั่นใจ เธอดูไม่ผิดแน่ และเธอก็ไม่มีทางฝันแบบนั้นได้ มันเหมือนจริงเกินไป!
เย่ฉ่าวเฉินไม่เชื่อใช่ไหม?
คราวหน้าเธอต้องบุกเข้าไปในห้องนี้แล้วจับตัวชายดวงตาสีม่วงคนนั้นให้ได้ ไม่ว่าจะคนหรือผีเธอต้องพิสูนจ์ให้เย่ฉ่าวเฉินเห็นให้ได้
หลังจากคิดได้เช่นนี้ มู่เวยเวยจึงลุกขึ้นฝืนทนต่อความเจ็บปวดแล้วเดินลงไปชั้นล่าง ต้องไปหาฉินหม่าให้เธอดูแผลที่หลังและทายาให้
เย่ฉ่าวเฉินผู้ชายสารเลวคนนั้น เธอเพิ่งจะแต่งงานเข้าตระกูลเย่ได้เพียงไม่กี่วัน เธอก็ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจนบอบช้ำ
……
ทางด้านเย่ฉ่าวเฉิน
หลังจากตักเตือนมู่เวยเวยและทิ้งเธอไว้ เขาก็กลับมายังห้องหนังสือ
ประตูห้องหนังสือปิดลง เย่ฉ่าวเฉินยังอารมณ์ไม่ดี เขาโกรธมาก ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นเปล่งประกายอยู่ในอากาศ
ไม่ผิด ดวงตาของเขาเปล่งประกายเป็นสีฟ้า เพียงแต่…
เย่ฉ่าวเฉินหยุดไปชั่วครู่ ยิ่งแววตาเขาดุดันมากเท่าไหร่ แสงสีฟ้ายิ่งเปล่งประกายออกมาเท่านั้น
เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ต้องไม่ให้มู่เวยเวยเข้าใกล้ห้องนั้นอีก ถ้าหากเธอพบเจอกับ…
ไม่… ไม่ได้เด็ดขาด
ความลับเกี่ยวกับชายดวงตาสีม่วง อย่าให้ใครได้ค้นพบเป็นอันขาด… หรือสำหรับมู่เวยเวย เขาได้…