“ถ้าพวกเธอพยายามกว่านี้อีกหน่อย บางทีสถานการณ์มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ วันนี้ผู้ชายที่อยู่ในงานหมั้น ต้องเปลี่ยนคนแน่”
คำพูดของซู่เฉียวเฉี่ยวทำให้ชวีเวยอึ้งเล็กน้อย
แต่สิ่งที่เธอพูด เธอก็เห็นด้วยอย่างมาก
ชวีเวยหรี่ตาและพูดต่อว่า “เธอพูดถูก ถ้าเราพยายามกว่านี้อีกหน่อย บางทีผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเสี่ยวอวี้หลินคงเป็นฉัน”
“ใช่ ทั้งหมดเป็นเพราะความชั่วร้ายของเซี่ยอันน่า นังนั่นมันน่ารังเกียจ รอเมื่อมีโอกาส เราจะต้องจัดการกับมันให้สาสม ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายเสี่ยวผิดหวังจากคุณ นังนั่นมีหรือจะได้เป็นแฟนของเขา”
คำพูดของซู่เฉียวเฉี่ยวไม่กี่คำ ทำให้ชวีเวยเกลียดเซี่ยอันน่าเข้าไปอีก
ผู้ชายที่เคยเป็นของเธอ ถึงแม้จะไม่ได้คบกันแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเสียให้กับผู้หญิงชั้นต่ำแบบนั้นไม่ได้ ขายหน้าเธอมาก
ถึงแม้เธอจะคิดแบบนั้น แต่เธอก็ต้องแสร้งทำเป็นใจกว้าง
เธอเก็บสายตาและข่มอารมณ์พูดขึ้นว่า “ทุกอย่างมันเหตุและผลของมัน ทำไมต้องไปหาเรื่องลำบากให้ตัวเอง”
“คุณพูดถูก ฉันคิดไม่ถึงเอง”
“เอาล่ะ แต่งหน้าเพิ่มให้ฉันหน่อย”
“ค่ะ”
ซุ่เฉียวเฉี่ยวหยิบแปรงขึ้นมาแต่งหน้าให้ชวีเวย และแอบกระตุกยิ้มขึ้นมา
…………….
วันนี้ที่ร้านขนมมีลูกค้าเยอะมาก หลังจากเที่ยงไป เซี่ยอันน่าถึงได้มีเวลาหายใจ
เธอพิงโต๊ะพักผ่อนครู่หนึ่ง เมื่อเงยหน้ามาก็เห็นเย่ชวูเสวียกำลังยิ้มให้
ถึงแม้รอยยิ้มนั้นจะหวาน แต่ก็ทำให้คนขนลุกได้เหมือนกัน
เซี่ยอันน่าจึงถามว่า “คุณเย่ เป็นอะไรหรือคะ?”
เย่ชวูเสวียเดินมาชนไหล่เธอเบาๆ และพูดขำๆว่า “ความสัมพันธ์ของเธอกับเสี่ยวอวี้หลินโอเคแล้วหรือ?”
ข่าวแพร่เร็วมาก…
เซี่ยอันน่ากัดปากด้วยความเขิน
“ก็ไม่ได้โอเคอะไร แค่ปล่อยไปตามธรรมชาติค่ะ”
“เห้อ เห็นพวกเธอคบกันได้แบบนี้แล้วฉันก็โล่งใจ เพราะถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันต้องบ้าตายแน่ๆ”
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ?”
“ก็ทั้งสองต่างก็มีความรู้สึกดีๆให้กัน แต่มั่วโอ้เอ้อยู่ แบบนี้จะไม่ทำให้คนอื่นอึดอัดได้อย่างไร?”
“เซี่ยอันน่าอึ้งไปเล็กน้อยและถามว่า “คุณคิดว่าเสี่ยวอวี้หลินจริงใจไหมคะ?”
เย่ชวูเสวียยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ถ้าเขาไม่จริงใจ ทำไมต้องเสียเวลามากขนาดนั้นล่ะ ขนาดนี้แล้วเธอยังจะมาถามอะไรแบบนี้อีก น่าตีจริงๆ อ่อและอย่าให้เสี่ยวอวี้หลินรู้เชียวนะ ไม่งั้นเขาตีเธอแน่”
ท่าทีและคำพูดของเย่ชวูเสวียทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกผ่อนคลาย
และเมื่อเทียบกับคำพูดของชวีเวยแล้ว คำพูดของเย่ชวูเสวียค่อนข้างน่าเชื่อถือกว่า
หรือบางที เธอลองพนันดูสักตั้ง พนันว่าเสี่ยวอวี้หลินน่าจะชอบเธอจริงๆ
คิดได้แบบนั้น เธอก็เผลอยิ้มออกมา
เซี่ยอันน่าทำเครื่องดื่มให้ตัวเอง เมื่อเวลาลูกค้าน้อย ทั้งเธอและเย่ชวูเสวียก็นั่งพักด้วยกัน
เธอมองไปข้างนอกร้าน มองไปทางผู้คน พวกเขาแตกต่างกัน แต่ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ใต้ฟ้าผืนเดียวกัน
และเธอ ผู้ที่ได้เข้ามาอยู่ในโลกของเสี่ยวอวี้หลิน
แม้เสี่ยวอวี้หลินจะชอบเธอ แต่จริงๆแล้วฐานะของเธอกับเขาก็ต่างกันมาก
เซี่ยอันน่าถามเย่ชวูเสวียเบาๆว่า “คุณว่าฉันเหมาะกัยบเสี่ยวอวี้หลินไหม?”
เย่ชวูเสวียทานเค้กไปและตอบว่า “ขอแค่เธอทั้งสองชอบพอกัน ก็เหมาะสมกันแล้ว”
“แต่ฐานะของฉันกับเขาต่างกันมากราวฟ้ากับเหว”
“เธอคิดว่าเสี่ยวอวี้หลินใส่เรื่องพวกนี้หรือ? ตระกูลของเขาจะยังคงต้องพึ่งผู้หญิงคนเดียวหรือ?”
ก็จริง…
เย่ชวูเสวียเห็นสีหน้าของเธอแล้ว ก็ตบไหล่เบาๆแล้วพูดว่า “เธอน่ะ อย่าคิดมาก ปล่อยความรักให้เป็นไปตามความรู้สึกเถอะ”
เซี่ยอันน่ายิ้มเบาๆ และตอบว่า “ฉันโชคร้ายมาหลายต่อหลายครั้ง จนไม่กล้าจะเชื่อว่าครั้งนี้จะโชคดี”
“ยัยบ๊องเอ้ย มีเสี่ยวอวี้หลินอยู่ทั้งคน ไม่มีใครกล้ารังแกเธอได้อีกแล้ว”
“แต่ฉันไม่อยากให้เขาปกป้องตลอดไป แบบนั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า”
“ง่ายๆเลย เธอเข้มแข็งกว่านี้อีกหน่อยก็พอ เธอดูพี่อีเหยาซิ เธอไม่ต้องพึ่งผู้ชายคนไหนก็จัดการซะอยู่หมัด ฉันนับถือที่สุดก็คือพี่เขานั่นแหละ”
“เข้มแข็งกว่านี้….”
เซี่ยอันน่าพูดประโยคนี้ ตาก็เป็นประกาย เหมือนคิดอะไรได้
เมื่อเห็นสีหน้าของเซี่ยอันน่า เย่ชวูเสวียก็รู้สึกดีใจ
แบบนี้ซิถึงจะใช่เด็กผู้หญิงที่เธอรู้จัก ทั้งเชื่อมั่นในตัวเองทั้งขยัน
หาแฟนแบบนี้ได้ เป็นโชคดีของเสี่ยวอวี้หลินแล้วล่ะ
นั่งต่อได้สักพัก เย่ชวูเสวียก็ออกจากร้านไป
ขณะที่เซี่ยอันน่ากำลังเก็บทำความสะอาด ก็คิดไปด้วยว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น
แต่จู่ๆเธอก็รู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมา
เธอจึงหันหลังกลับไปมอง สีหน้าท่าทางของผู้ชายคนนั้น ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกว่าเขาคือพวกโรคจิต
แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่ชอบที่เขาจ้องเธอ มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
เธอวางถาดอาหารลง และเดินเข้าไปหาเขา จากนั้นถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
“ตอนนี้ยังไม่มีครับ”
“ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติม แจ้งได้เลยนะคะ”
“ครับ”
เธอพยักหน้าเล็กน้อย และเตรียมจะเดินจากไป
“คุณเซี่ยครับ”
ชายคนนั้นเรียกเธอไว้ เธอได้แต่คิด หวังว่าจะไม่ใช่ใครมาก่อกวนเธออีกนะ
เซี่ยอันน่าถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเขา
“คุณเซี่ย คุณเคยส่งเอกสารไปที่บริษัทผม คุณลืมแล้วหรือ?”
ส่งเอกสาร…
สีหน้าของเซี่ยอันน่าเหมือนไม่อยากเชื่อ
“หรือว่าคุณคือ คนของบริษัทบริษัท Shen Yidu Entertainment?”
“ใช่ครับ นี่นามบัตรผม”
เซี่ยอันน่ารับนามบัตรมาดู จากนั้นก็อึ้ง
“คุณคือนายหน้า? ไอหยา ตอนนี้สภาพฉันดูแย่มาก ไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวอะไรเลย”
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยอันคุยกับนายหน้าแบบนี้ เธอรู้สึกกดดันทำตัวไม่ถูก และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ชายคนนั้น พูดขึ้นว่า “พวกเรามาดูเพราะอยากเห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณว่าเป็นอย่างไรบ้าง แบบนี้จะได้หาบทที่เหมาะสม และดีกับพวกเรา”
“งั้น คุณคิดว่าฉันเป็นอย่างไรคะ?”
“ผมเคยดูการแสดงของคุณ รู้สึกโอเคมาก และตอนนี้พวกเรากำลังต้องการคนหน้าใหม่ๆอยู่พอดี ไม่ทราบว่าคุณสนใจมาลองคุยกันที่บริษัทไหม”
“สนใจค่ะ”
เซี่ยอันน่าตอบทันควัน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ว่าแต่ตกลงง่ายๆแบบนี้ คนจะมองว่าเธอง่ายใจไหม?
แต่ถ้าเล่นตัวมากไป คนอาจจะมองว่าเธอไม่สนใจก็ได้ แบบนั้นก็แย่เลย
เซี่ยอันน่าคิดได้แบบนั้น จึงถามเบาๆว่า “เอ่อ..ฉันควรจะสงบเสงี่ยมกว่านี้หน่อยใช่ไหมคะ?”
ชายคนนั้นขำออกมา และพูดว่า “พรุ่งนี้สิบโมง คุณมีเวลาไหม?”
“มีค่ะมีค่ะ”
“งั้นพวกเราเจอกันพรุ่งนี้ครับ”
“ค่ะ”
พูดจบ เขาก็เดินออกนอกร้านไป
“กลับดีๆนะคะ”
เมื่อส่งชายคนนั้นเสร็จ เซี่ยอันน่าก็ดีใจกระโดดโลดเต้น
จวบจนเสี่ยวอวี้หลินมารับเธอ เธอก็ยังยิ้มอยู่
เขาเดินมาอยู่ตรงหน้าเธออยู่พักใหญ่ๆ แต่เซี่ยอันน่าก็ยังไม่รู้ตัว
เสี่ยวอวี้หลินจ้องหน้าเธอ เห็นเธอไม่ตอบสนองอะไร จึงทำให้เขาพอใจ
“เฮ้ นี่เธอเป็นอะไร ประสาทกินหรือ?”
เซี่ยอันน่าตกใจผลักเขาออก และตอบว่า “นายซิประสาท วันนี้มีนายหน้ามาหาฉัน บอกจะเซ็นสัญญากับฉันด้วยแหละ”
“แค่เรื่องแค่นี้ เธฮดีใจขนาดนี้เลยหรือ?”
เซี่ยอันน่าถลึงตาใส่เขา และตอบว่า “นี่ไม่ใช่นายหน้าบริษัทธรรมดาทั่วไปนะ นี่คือบริษัท Shen YIdu บริษัทที่ผลิตดาราที่มีชื่อเสียงไม่น้อยเลย”
เซี่ยอันน่ารู้สึกว่านี่เป็นพรจากท้องฟ้า แต่ทำไมเขากลับไม่สนใจ
เธอจ้องไปที่การกระทำของเขา ฉุกคิดขึ้นอะไรบ้างอย่างได้ จากนั้นกระชากคอเสื้อของเขาและถามว่า
“เรื่องวันนี้ ไม่น่าใช่ฝีมือนายหรอกใช่ไหม?”
“จะเป็นฝีมือฉันได้อย่างไร? ฉันไม่อยากให้เธอไปถ่ายละครด้วยซ้ำ แถมบางทีอาจจะไม่เจอหน้ากันตั้งนาน”
เห็นสีหน้าท่าทางของเขาแล้ว เซี่ยอันน่าคิดว่าเขาไม่น่าโกหก เธฮจึงปล่อยมือ และพูดต่อว่า “ก็ฉันชอบการแสดงนี่นา”
“ฉันรู้ เพราะฉะนั้นฉันเลยไม่ได้ขัดขวางหรือห้ามอะไร ครั้งนี้โอกาสดีๆมาถึงแล้ว งั้นก็รีบคว้าไว้นะ”
“อื้อ ฉันจะพยายาม”
“ไหนๆก็มีเรื่องดีๆเข้ามาแล้ว งั้นเราไปฉลองกันหน่อยดีกว่า”
เซี่ยอันน่าส่ายหัว “ไม่ได้ พร่งนี้ต้องไปที่บริษัท ฉันจะรีบพักผ่อนน่ะ ผิวจะได้เปล่งปลั่ง”
“งั้นเธอก็ดูฉันกินแล้วกัน~”
“เสี่ยวอวี้หลิน!”
“ฮ่าๆ เอาล่ะๆไม่แกล้งเแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งที่มหาลัยนะ”
แต่ก่อนเซี่ยอันน่าคิดว่าเขาเป็นลูกคนรวย เป็นคุณชาย นิสัยน่าจะเป็นพวกขี้อวด เย่อหยิ่ง อะไรแบบนั้น แต่พอได้คบกับเขาก็รู้ว่า จริงๆแล้วเขาเป็นคนอบอุ่นและหวานเลี่ยนมาก อยู่ด้วยแล้วอุ่นใจ สบายใจมาก
ได้เจอเสี่ยวอวี้หลิน คือความโชคดีของเธอแล้วล่ะ
เพราะฉะนั้นแล้ว เธอต้องพยายามเข้มแข็ง จะได้เหมาะสมกับเสี่ยวอวี้หลิน
………
วันนี้ซีซีออกจากโรงพยาบาล เซี่ยอันน่าตั้งใจไปรับเธอ
ซีซีพักฟื้นจนร่างกายเป็นปกติ กลับมาอ้วนท้วมสมบูรณ์ดีทุกอย่าง
เธอถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก “ไอหยา สุขภาพแข็งแรงนี่ดีจริงๆ ชีวิตเรานี่ดีจริงๆ ต่อไปฉันต้องรักษาช่วงเวลาที่มีอยู่ของฉันให้ดีๆเลย”
เซี่ยอันน่ายิ้มเล็กน้อยกับท่าทีของซีซี จากนั้นก็ก้มลงวาดๆจดๆลงในสมุดต่อ
ซีซีเพิ่งสังเกตเห็นในสมุดจดบันทึกประจำวันขของเธอเต็มไปด้วยตัวหนังสือ
จึงพูดขึ้นมาว่า “อันน่า ดูเหมือนวันนี้เธอจะยุ่งนะ”
เซี่ยอันน่าพยักหัว “ใช่ อีกสักพักต้องไปถ่ายโฆษณาที่บริษัท แล้วก็ต้องไปคุยเรื่องบทกับผู้กำกับ วันนี้น่าจะกลับมหาลัยดึกนะ เธอไม่ต้องรอทานนข้าวเย็นพร้อมฉันนะ”
“ทำไมเธอปล่อยให้ร่างกายเหนื่อยขนาดนี้ ระวังจะไม่สบายเอานะ”
“ยุ่งไม่เป็นไรหรอก ยุ่งแบบนี้ซิ ฉันจะได้ดังๆ” เซี่ยอันน่าพูดขำๆ “รอพี่ก่อนนะ เดี๋ยวต่อไปพี่จะกลายเป็นคนดังระดับประเทศให้ดู ถึงตอนนั้นเธอค่อยมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ฉัน”
ได้ยินแบบนั้น ซีซีก็ยืนอิงเซี่ยอันน่าแลละพูดว่า “งั้นชีวิตของน้อง ขอฝากไว้ที่พี่นนะคะ”
“พูดดีพูดดี”
และทั้งสองก็ขำลั่น
ระหว่างทางกลับห้อง ก็ได้บังเอิญเจอซู่เฉียวเฉี่ยว
ซู่เฉียวเฉี่ยวมองเห็นพวกเขาทั้งสอง ก็จิกเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดตูดเดินจากไป
ซีซีฉุนพูดขึ้นมาว่า “อะไรของเขา ทำเหมือนเราติดค้างอะไรหล่อนอย่างนั้นล่ะ”
“เอาหน่า อย่าไปสนใจ ยังไงซะพวกเรากับเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน”
จากนั้นพวกเขาก็เดินกลับห้องไป
เมื่อซีซีกลับถึงห้อง ก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมา แล้วรู้สึกเตียงตัวเองนี่แหละ สบายที่สุดแล้ว
ระหว่างนั้นเซี่ยอันน่าก็รับสายสายหนึ่ง และพูดว่า
“ซีซี เธอเก็บของนะ เดี๋ยวฉันไปก่อน”
“โอเค เดินทางปลอดภัยนะ บาย”
เมื่อซี่ยอันน่าถึงงหน้าประตู ก็ขึ้นรถสปอร์ตคันสีแดง
มองชายที่อยู่ตรงหน้า และถามว่า “นายมาทำไม? วันนี้ฉันยุ่งมาก”
เสี่ยวอวี้หลินทำหน้าออดอ้อน และตอบว่า “รู้ว่าเธอยุ่ง เลยจะไปส่งเธอที่บริษัทไง”
“ไม่ต้องๆ มันดูโอเวอร์ไป”
“โอเวอร์ของเธอนี่คืออะไร?”
“ทั้งหมด” เซี่ยอันน่าชี้ไปที่รถเธอ “รถของนาย ฐานนะของนาย รูปลักษณ์ของนาย โอเวอร์ทั้งหมด อาจทำให้หมั่นไส้และวิจิารณ์ได้”
เซี่ยอันน่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่เสี่ยวอวี้หลินกลับฟังไปยิ้มไป “โอเคๆ ฉันยอมมรับทั้งหมดนั่นแหละ”
“เฮ้ ฉันพูดจริงจังนะ อีกแปปนายส่งฉันแถวหัวมุมก็พอ ไม่ต้องเข้าไปใกล้บริษัทมาก”
“เธอนี่คือยัยบ๊องจริงๆ เธอคิดว่าเธอไม่พูด แล้วทุกคนจะไม่รู้ว่าเธอคือแฟนของเสี่ยวอวี้หลินหรือ? หรืออาจจะมีบางพวกที่ไม่แน่ใจ สู้ให้ฉันไปส่ง คนอื่นจะได้ไม่เดา จะได้มั่นใจไปเลย”
คิดๆดูแล้ว ที่เสี่ยวอวี้หลินพูดก็จริง
เสี่ยวอวี้หลินเห็นท่าทีของเซี่ยอันน่าจึงพูดขึ้นว่า “ไปกันเถอะ เชื่อฉันแล้วจะดีเอง”