“ข่าวลืออะไร? ”
“ก็……มีคนปล่อยความลับของเธอไง”
เซี่ยอันนาแสดงท่าทางงุนงงและถามว่า: “ความลับของฉัน? ความลับอะไร?”
“เขาบอกว่า…… ตอนเธอเด็กเธอแอบชอบลูกพี่ลูกน้องของเธอ ข่าวลือนี้ตอนนี้ถูกเอามาพูดไปทั่วเลย”
“ ไร้สาระ!”
เซี่ยอันนาหน้าแดงด้วยความโกรธ เธอด่าออกมา
“พี่อันนาอย่าโมโหไปเลย พวกเราไม่เชื่อหรอก แต่ข้อมูลข่าวลือนั้นมันหนักแน่นมาก”
ข่าวลือที่ไม่มีชื่อ……
เซี่ยอันนาเหล่ตาและหยิบโทรศัพท์ออกมา
ในไม่ช้า เซี่ยอันนาก็เจอโพสนั้น เธออ่านมันทุกตัวอักษร
หลังอ่านจบ เซี่ยอันนาก็รู้เลยว่านี่ต้องเป็นฝีมือของป้าเธอ
เซี่ยอันนาคิดว่าเป็นฝีมือของป้า ก็เลยด่าไปลอยๆ
แต่ก็ไม่คิดว่าความคิดของเธอจะร้ายขนาดนี้ จะให้เธอถึงตายเลยหรือไง
ถึงแม้วิธีนี้จะได้ผลแต่ก็ไม่น่าใช่วิธีแบบป้านิ
เธอปากร้ายทำอะไรไม่คิด แต่ทำร้ายคนด้วยวิธีแบบนี้ ไม่น่าเป็นไปได้
แถมโพสในนี้ก็มีการใช้คำจัดเรียงอย่างดี น่าจะเป็นฝีมือของคนอื่น
แต่ว่า ใครกันที่คิดจะลอบกัดตัวเอง?
เซี่ยอันนาตกอยู่ในความคิด
เมื่อเห็นว่าเซี่ยอันนาเงียบ เสี่ยวจางจึงพูดว่า : พี่อันนา ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ทางบริษัทจะจัดการเรื่องนี้เอง แต่มีนักข่าวหลายคนจ้องมองอยู่ เพราะงั้นทางผู้ใหญ่ก็เลยเปลี่ยนตารางงานให้เพื่อไม่ต้องไปเจอกับพวกเขา จะได้ไม่ต้องตอบคำถาม”
ยกมือจับหน้าผากของเธอ เซี่ยอันนาพยักหน้าและพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”
“งั้นตอนนี้ ฉันจะไปติดต่อคนขับรถ เพื่อพูดคุยเส้นทางของพรุ่งนี้”
“ โอเค ไปเถอะ”
เสี่ยวจางจากไป เซี่ยอันนานั่งอยู่คนเดียว สีหน้าของเธอหนักอึ้ง
ดูจากเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ดูเหมือนว่าคุณป้าจะอยากเปิดศึกกับเธอ
แต่มันเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ป้าต้องทำแบบนี้?
ต้องมีแรงจูงใจอยู่เบื้องหลังเธอแน่ๆ
ถ้าหาแรงจูงใจนั้นเจอ ก็จะรู้ที่มาและสาเหตุ และหาตัวคนทำได้
มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะจัดการปัญหาได้
แต่ว่า จะหาตัวคนทำได้ยังไง?
เซี่ยอันนาครุ่นคิดสักครู่และรู้สึกว่าเธอยังคงต้องเริ่มจากป้าของเธอ
กลับไปที่อพาร์ตเมนต์ เซี่ยอันนาบังเอิญเจอป้าของเธอพอดี
เมื่อสบตากับเซี่ยอันนา ใบหน้าของป้าก็เป็นสีแดง
เมื่อเห็นเซี่ยอันนา เธอก็พูดประชดประชันขึ้นมาในขณะที่ปากกำลังกินผลไม้: “อันนา ทำไมสีหน้าแย่ขนาดนี้ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
“ปกติดีนิ”
“ปกติฉันเห็นเธอยุ่งตลอด ไม่เคยเจอตัวเลย ทำไมวันนี้ถึงกลับมาเช้าล่ะ?”
“ไม่มีอะไร แค่อยากกลับมาเช้าๆ”
ป้าพูดอย่างแปลกๆ : “เธอยังมีเวลาทำเรื่องปกติอยู่หรอ? ฉันคิดว่า ยุ่งจนไม่มีเวลาทำอะไรแล้วซะอีก ตอนนี้เป็นดาราดังแล้วนิ”
เซี่ยอันนากำลังสังเกตปฏิกิริยาของป้าและพูดอย่างใจเย็น: “มีเรื่องเล็กน้อย ต้องใช้เวลาจัดการ สองสามวันนี้ก็เลยมีเวลาพักผ่อนหน่อย”
“พักผ่อนหน่อยก็ดี กลัวเดี๋ยวจะไม่ได้พัก”
การล้อเลียนของป้าเห็นได้ชัดว่าเธอขี้เกียจที่จะสนใจ
เซี่ยอันนาอดไม่ได้ที่จะเอียงศีรษะของเธอไปข้างๆและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ป้าดูเหมือนมีความสุขจัง”
ป้าจับแขนเธอไว้และหัวเราะเยาะ: “มีความสุขอะไรกัน ฉันเป็นป้าแกนะ ต้องอยากให้แกได้ดีอยู่แล้ว ไม่เหมือนแกหรอก หาแต่เรื่องมาให้เรา เหมือนกลัวว่าพวกเราจะมีชีวิตที่กว่า”
“ ถ้าฉันคิดแบบนั้น ทำไมถึงยังให้ป้าอยู่บ้านต่อล่ะ?”
“หึ ก็เพราะแกไม่กล้าไล่ไง ตอนนี้ความลับของแกอยู่ในมือของฉัน ยิ่งไม่กล้าไล่!”
เซี่ยอันนาเหล่ตาของเธอและพูดว่า “ถ้างั้นโพสบนโซเซียลก็เกี่ยวกับป้าสิ พูดมาเหอะ ป้าไปให้ใครช่วย”
“ ไม่มีคนช่วย”
“ป้าคิดว่าฉันจะเชื่อไหม?”
“เชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของแก!”
เซี่ยอันนายิ้มเยาะและพูดว่า “ป้า สิ่งที่ป้าทำมันไร้ความคิดมาก ลอบกัดฉันไปเชื่อคำพูดของคนนอก” ช่วยพี่แกหางานที่ดีได้ แกเป็นญาติแท้ๆแล้วแกทำอะไรให้บ้าง !?”
เซี่ยอันนาขมวดคิ้วและพูดว่า “ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะใช้งานมาเสนอสินะ แต่ว่า ป้าคิดหรอว่าเขาทำเพื่อป้าจริงๆ?”
“แน่นอน”
“แล้วพี่ชายได้งานอะไร?”
“เป็นผู้จัดการ อีกไม่นานเขาจะก็ได้เริ่มงานแล้ว วันนี้พวกเราก็ไปตลาด ไปหาชุดสูทเสื้อผ้าใหม่ๆให้พี่แก”
คุณป้ารู้สึกภูมิใจกับการแสดงออกที่โอ้อวดของเธอ
เห็นถุงช้อปปิ้งที่อยู่เต็มหน้าประตู เสื้อผ้าของแบรนด์นั้นแพงมาก จะว่าไปแล้วเจ้าของคงได้เงินไปเยอะเลย
แค่ชื่อเสียงตำแหน่งนิดเดียวก็ซื้อป้าได้แล้ว ป้านี่เป็นคนหลอกง่ายจริงๆ
น่าเสียดายที่ป้าไม่รู้จุดยืนของตัวเอง ยังร่าเริงดีใจอยู่
เชิดหน้าชูตา เซี่ยอันนาพูดขึ้นมาว่า:”ป้า ป้าคิดว่าตัวเองฉลาด แต่ไม่คิดสินะ ถูกคนอื่นซื้อด้วยเงินแล้วยังต้องมานับเงินให้คนอื่นอีก”
ป้าตะโกนอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “เป็นไปได้ยังไง”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ป้าถูกใช้เป็นเครื่องมือ ฉันคือเป้าหมายที่พวกเขาอยากทำลาย ป้าก็เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่ง”
ทันทีที่ป้าได้ยินคำพูดนี้ แทนที่เธอจะกังวลแต่เธอกลับพูดอย่างมีชัยว่า: “เบี้ยก็คือเบี้ยสิ แค่ให้ข้อเสนอที่ดีกับเราก็พอ ไม่เหมือนเธอ ไม่ช่วยพวกเรายังไงก็เป็นเงินที่สูญเปล่าอยู่ดี ”
“คำว่าได้เงินสูญเปล่าคำพวกนี้ ฉันน่าจะเป็นคนบอกป้านะ มันคือผลลัพธ์ที่พวกป้าจะได้”
“งั้นก็รอดูต่อไป ว่าใครจะหัวเราะทีหลังดังกว่า!”
เซี่ยอันนาหัวเราะเยาะและพูดว่า “ในส่วนของความเป็นป้าแล้ว ไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้กับฉัน เพราะตัวเบี้ยยังไม่ทันเห็นแผนของเกมส์ก็ถูกโยนไปโดยไม่รู้ตัว”
ป้าดีใจและโอ้อวดได้ไม่นานแต่กลับถูกเซี่ยอันนาเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สิ่งนี้ทำให้ป้าโกรธมาก เธอบีบมือเซี่ยอันนาแล้วพูดด้วยความโกรธ: “เซี่ยอันนา แกทนเห็นพวกฉันได้ดีไม่ได้ใช่ไหม!”
“ฉันต้องหวังดีกับป้าอยู่แล้วสิ แต่ขอบอกไว้ก่อน ที่ผ่านมาที่ฉันทำดีด้วย ไม่ได้แปลว่าฉันไม่มีอารมณ์ความรู้สึก !”
“อะไรกัน เดี๋ยวนี้แกกล้าตะโกนใส่ฉันหรอ? เซี่ยอันนา แกอย่าเป็นวัวลืมตีนสิ!”
“เพราะฉันไม่ลืมตัวตนของฉันไงก็เลยยังให้ป้าอยู่ที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะอดทนได้ตลอดไป ทางทีดีป้าช่วยคิดให้ดีหน่อย อนาคตของเราจะได้ดีกว่านี้ ไม่งั้น……”
“แกจะทำอะไร?”
มองไปที่ลูกพี่ลูกน้อง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ป้าของเธอแทบจะพุ่งไปที่ใบหน้าของเซี่ยอันนาและกัดเธอ
“ นี่แก กล้าขู่ฉันหรอ!”
“ฉันแค่อยากให้ป้ารู้ว่าฉันก็มีขีดจำกัดเช่นกัน อย่ายั่วโมโหฉัน สุดท้ายกลัวว่าทุกคนจะลำบาก”
หลังจากพูดจบ เซี่ยอันนาก็หันกลับไปและกลับไปที่ห้อง
ป้าแทบจะเป็นบ้า กำลังจะลุกเดินตามไป
แต่ลูกพี่ลูกน้องของเธอห้ามป้าไว้
แต่ปากของป้าเธอยังคงขยับด่าทอสารพัด
ด่าจนเหนื่อแล้ว ป้าก็นั่งลงและหายใจเข้าออกแรง
“นังตัวดี มันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรได้บ้างสินะ ถึงกล้ามาขู่ฉัน!”
“แม่ หรือว่าเราจะพอแค่นี้”
เหล่ตามอง ป้าถามว่า : “ ถ้าเรายอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ แกไม่อยากอยู่บ้านหลังใหญ่โตแบบนี้แล้วหรอ?”
“อยาก แต่ว่ามันไม่ใช่ของเรานะ”
“งั้นก็หาวิธี ให้มันกลายเป็นของเราสิ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ลูกพี่ลูกน้องตาสว่างขึ้นและถามอย่างรวดเร็ว: “วิธีอะไร?”
“ทำให้เซี่ยอันนายกบ้านหลังนี้ให้เราด้วยความเต็มใจ!”
ลูกพี่ลูกน้องรู้สึกว่าความคิดนี้ไม่สมจริง ส่ายหัวบ่อยๆแล้วพูดว่า “เป็นไปไม่ได้”
แต่ป้าดูมั่นใจมากและพูดว่า: “ถ้าใช้สมองของแกคิดก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ถ้าของฉัน อย่าให้ได้ต้องพูด”
“แล้วแม่มีแผนดีๆอะไรล่ะ?”
ป้าหยิบถุงสิ่งของออกมาอย่างลึกลับและเขย่ามันต่อหน้าลูกพี่ลูกน้อง
“ดูสิว่านี่คืออะไร”
เมื่อเห็นสิ่งนั้น ลูกพี่ลูกน้องของฉันก็รู้สึกผิดและรีบพูดว่า: “แม่ ฉันไม่ได้ใช้ของพวกนี้บ่อย แต่เป็นลุงเขาชักชวน ฉัน……”
“ฉันไม่ได้จะเอามาต่อว่าแก แต่นี่เป็นแผนที่จะเอามาต่อรองให้เซี่ยอันนายอมฟังเราดีๆ”
ลูกพี่ลูกน้องครุ่นคิด ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่เชื่อ
“แม่ อย่าบอกนะว่าจะเอาวิธีนี้มาจู่เซี่ยอันนา? แม่ ทำเกินไปหรือเปล่า?”
ป้าวางของอย่างระมัดระวัง ดูเฉยเมยและพูดว่า: “เซี่ยอันนาไม่ใจดีกับเรา เราก็จะไม่ใยดีกับเธอ ถ้าเธอซื่อสัตย์และเชื่อฟัง มีอะไรดีๆก็มอบให้เรา ฉันก็คงไม่ต้องใช้วิธีแบบนี้หรอก ”
“แต่ว่า ถ้าเสี่ยวอวี้หลินรู้ว่าเรากำลังจัดการกับอันนาด้วยวิธีนี้ เขาไม่ปล่อยเราไปแน่”
“เด็กโง่ ตอนที่เซี่ยอันนาถูกจับได้ เธอจะเป็นคนไร้ประโยชน์ แกคิดว่าคนแบบเสี่ยวอวี้หลินยังจะอยู่ข้างเธอหรอ? คงมีแต่ความรังเกียจ!”
ลูกพี่ลูกน้องพยักหน้าอย่างครุ่นคิด และตอบว่า: “ที่แม่พูดก็ถูก”
ใบหน้าของป้าแดงระเรื่อด้วยความดีใจและพูดว่า “ คราวนี้ฉันแค่ระบายความโกรธเท่านั้น ยังมีอะไรสนุกๆอีกเยอะ รอรับได้เลย!!”
ป้าพูดบรรยายถึงอนาคตที่สวยงาม
แต่ลูกพี่ลูกน้องรู้สึกไม่สบายใจ
แม้ว่าเขาจะพูดไม่ออกว่ารู้สึกยังไง แต่เขาก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกในใจรู้สึกแปลกๆ
แน่นอนว่าความรู้สึกพวกนี้จะบอกป้าไม่ได้ ถ้าโกรธเธอขึ้นมา ต้องบอกว่าบูกพี่ลูกน้องขี้ขลาดแน่
แต่สิ่งที่ป้าพูกก็ถูก เรื่องนี้ไม่มีจุดจบต้องเดินต่อเรื่อยๆเท่านั้น
……
วันนี้ป้ารับโทรศัพท์ จากนั้นก็รีบออกไป
ตอนแรกป้าอยากพาลูกพี่ลูกน้องออกไปด้วย แต่เมื่อคืนเขาเล่นเกมส์จนดึกดื่น ตอนเช้าเลยลุกไม่ไหว ดังนั้นป้าก็เลยออกไปหาอวี้เวยคนเดียว
จากหน้าต่าง เห็นว่าป้ายิ่งอยู่ยิ่งไปไกลแล้ว เซี่ยอันนาก็เดินออกมาจากห้อง
เดินลงไปข้างล่าง เซี่ยอันนาจงใจเดินผ่านประตูห้องลูกพี่ลูกน้องของเธอ และส่งเสียงดัง
ลูกพี่ลูกน้องเธอที่กำลังฝันหวาน เมื่อถูกเสียงรบกวนก็ตื่นขึ้นมาทันที
หลังจากเปิดประตูออกมาด่าสองสามคำ ลูกพี่ลูกน้องของเธอก็กลับไปนอนต่อ
แต่เซี่ยอันนาเรียกเขาไว้ แค่พูดด้วยสองสามคำ เขาก็หลุดพูดสถานที่นัดพบออกมา
ไม่รอช้า เซี่ยอันนาปลอมตัวและรีบออกไป
เซี่ยอันนาสงสัยเพียงว่าป้าของเธอกำลังไปเจอคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง
แต่เมื่อเธอเห็นอวี้เวย เธอก็เข้าใจว่านี่ไม่ใช่จินตนาการของเธอเอง แต่มีคนอยากใส่ร้ายเธอจริงๆ
แต่ทำไมคนนั้นถึงเป็นอวี้เวย? ตัวเองเป็นศัตรูกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่?
จุดตัดเดียวระหว่างพวกเขาสองคนคือ เสี่ยวอวี้หลิน เป็นไปได้ไหมที่เธอเกลียดตัวเองเป็นเพราะเสี่ยวอวี้หลิน?
กัดริมฝีปากสีแดงของเธอเบาๆ เซี่ยอันนาสวมแว่นกันแดดและหมวกนั่งอยู่ข้างหวังของอวี้เวย
หลังจากจิบกาแฟ อวี้เวยก็ถามขึ้นว่า: “เรียกฉันมา มีธุระอะไร?”
ป้าดูพอใจและถามต่อว่า: ” คุณอวี้ ฉันอยากถามว่า งานของลูกชายฉันคุณจัดการไปถึงไหนแล้ว”
“เรื่องแค่นี้ โทรมาถามก็ได้นี่ ทำไมต้องนัดออกมาเจอด้วย”
“โอย ก็คุณไม่ให้คำตอบฉันสักที ฉันก็อึดอัดในใจหนะสิ”
“ ไม่ต้องห่วง สิ่งที่ฉันสัญญาไว้จะสำเร็จแน่นอน งานสำเร็จแล้ว ลูกชายของคุณจะได้ไปทำงานแน่นอน”
“ ตำแหน่ง…… ”
“ตำแหน่งผู้จัดการ”
เมื่อเธอได้รับคำตอบ ใบหน้าของป้าก็แดงระเรื่อ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
“โอย ฉันไม่รู้จะขอบคุณคุณอวี้ยังไงเลย”
เธอแสดงรอยยิ้มจางๆออกมาบนใบหน้า แต่ในดวงตาของอวี้เวยดูเหมือนกำลังพยายามอดกลั้น
อวี้เวยยกมือขึ้นจับผมของเธอและพูดว่า: “ไม่ต้องเกรงใจ พวกคุณสมควรได้รับแล้ว”
“ ความเมตตาของคุณอวี้ พวกเราไม่มีวันลืม ถ้าคุณอวี้ต้องการความช่วยเหลือ พวกเราสองแม่ลูกพร้อมช่วยเสมอ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไร แค่เห็นว่าพวกคุณสองแม่ลูกถูกเซี่ยอันนารังแก ฉันก็เลยอยากช่วย”
เมื่อพูดถึงเซี่ยอันนา ป้าของเธอก็พูดอย่างโกรธๆว่า “เด็กผู้หญิงที่เนรคุณจริงๆ ไม่สำนึกบุญคุณเธอเลย น่าขยะแขยง! ถ้ามีโอกาส ฉันจะต้องให้บทเรียนกับเธอแน่”
คำพูดนี้ทำให้ริมฝีปากของอวี้เวยโค้งขึ้น สิ่งที่เธอพูดก็เพื่อเอาใจป้า และกระตุ้นให้ป้าขัดแย้งกับเซี่ยอันนามากขึ้น
“วงการบันเทิงเป็นที่ชื่นชอบของแฟนคลับ เธอก็คงจะลืมรากเหง้าของเธอบ้าง ไม่น่าแปลกใจหรอก แต่พวกคุณต้องนึกถึงอนาคตของตัวเองหน่อยนะ”
“ที่คุณพูดก็ถูก มีเงินทองด้วยตัวเองดีกว่าไปขอให้คนอื่นช่วย”
อวี้เวยขมวดคิ้วและถามว่า “ฟังที่คุณพูดแล้ว คุณมีแผนแล้วหรอ?”
ป้าตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า “ใช่ คราวนี้ฉันสัญญาว่าเซี่ยอันนาต้องเจ็บเข้ากระดูกแน่!”
“อย่าทำเกินไปล่ะ เซี่ยอันนาเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ เดี๋ยวเธอจะร้องไห้”
“ฉันอยากให้มันร้องนั่นแหละ จะได้จำ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร!”
เมื่อเห็นป้าแสดงออกแบบนี้ ก็รู้ว่าป้าไม่ปล่อยเซี่ยอันนาไว้แน่
และนี่คือสิ่งที่อวี้เวยอยากเห็น
อวี้เวยยิ้มและพูดว่า “มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว ฉันจะไม่ไปยุ่ง เอาล่ะ ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ฉันขอตัวก่อน”
เมื่อเห็นอวี้เวยกำลังจะออกไป ป้าก็รีบพูดว่า “คุณอวี้ กลับดีๆนะ”
ทั้งสองคนจบการสนทนา
เซี่ยอันนาที่อยู่ข้างหลัง ดวงตาของเธอที่อยู่ใต้แว่นกันแดดเต็มไปด้วยพายุ
……
สถานการณ์ตอนนี้ มันร้ายแรงมากสำหรับเซี่ยอันนา
คนข้างๆมีคนคอยชักจูงอยู่ มันรับมือยากจริงๆ