อย่างไรก็ตามแม้ว่าสถานการณ์จะอันตราย แต่ก็เป็นโอกาสที่จะให้ป้าและลูกพี่ลูกน้องหายไปจากชีวิตของตัวเองโดยสิ้นเชิง
แต่ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรเพราะเป็นปัญหาที่ค่อนข้างจัดการยาก
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยอันน่ายังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะฉีกหน้าป้าของเธอหรือไม่
ในขณะที่เซี่ยอันน่ากำลังลังเลในการตัดสินใจอยู่นั้น ก็ได้มีผู้มาเยือนมาที่บ้าน
ติ๊งต่อง……
เมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน เซี่ยอันน่าก็รีบไปเปิดประตู
เมื่อเธอเห็นคนที่ยืนอยู่นอกประตูเธอก็นิ่งอึ้งไปสักพัก
“สวัสดี เซี่ยอันน่า”
เธอกระพริบตาสองสามครั้ง เธอพูดออกมาด้วยความไม่น่าเชื่อว่าแขกผู้มาเยือนจะเป็น “ชูวเสวีย!?”
“ทำสีหน้าอะไรของเธอ เห็นฉันทำยังกับเห็นผี” เย่ชูวเสวียหัวเราะขบขันพร้อมกับส่ายหัว จากนั้นก็เดินเข้ามาในบ้าน
“เสี่ยวอวี้หลินไม่อยู่บ้านเหรอ?”
“ไม่อยู่ ดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะค่อนข้างยุ่ง”
“อ่อ ไม่น่าแปลกใจหรอก”
เซี่ยอันน่าข้าไปที่ห้องครัวเพื่อหาน้ำชามาเสริฟ์สองแก้ว เธอวางแก้วน้ำชาไว้ข้างหน้าของเย่ชูวเสวียแล้วพูดว่า “นั่งก่อนสิ นี่น้ำชา”
เย่ชูวเสวียนั่งลงบนโซฟาจิบน้ำชาแล้วก็พูดว่า “ฉันโทรหาเธออยู่ตลอด ทำไมเธอถึงไม่รับสายเลย นึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอแล้วซะอีก”
“โทรหาฉัน?” เซี่ยอันน่าหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาดูจากนั้นก็ยักไหล่อย่างขอโทษและพูดว่า “แบตหมดอ่ะ”
“เธอนี่มันจริงๆเลย แต่ไม่น่าแปลกใจหรอกมีข่าวลือแบบนั้นน่าจะมีสายโทรเข้ามาก่อกวนเธอมากมายเลยใช่ไหม การปิดเครื่องก็ยังพอหลีกเลี่ยงได้”
เซี่ยอันน่ายิ้มอย่างขมขื่น “เธอก็ดูข่าวนั้นเหมือนกันเหรอ”
“ฉันดูข่าวนั้นแล้วแต่ฉันไม่เชื่อเลย อันน่าเป็นคนยังไง และความสัมพัธ์กับเสี่ยวอวี้หลินยังไงฉันรู้ดี ข่าวนั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก”
เซี่ยอันน่ารู้สึกชื่นใจมากที่มีเพื่อนเชื่อมั่นในตัวเธอ รอยยิ้มค่อยๆปรากฎบนใบหน้าของเธอ
“ขอบใจเธอมากนะ ชูวเสวีย”
“ไม่เป็นไร พวกเราเป็นเพื่อนกัน ความเชื่อใจต้องมีอยู่แล้ว”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังนั่งคุยกันในห้องนั่งเล่น พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเซี่ยอันน่าก็เดินออกมาจากห้องด้วยหน้าตางัวเงีย พร้อมกับแสดงสีหน้าที่สุดจะรำคาญ
“ใครกันวะ มาคุยกันเสียงดังน่ารำคาญ คนมันจะนอนก็นอนไม่หลับ”
เมื่อลูกพี่ลูกน้องคนนี้เบิกตามองเย่ชูวเสวียอย่างชัดเจน ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
“โอ้โฮ ได้เจอสาวสวย”
สายตาของลูกพี่ลูกน้องคนนี้ที่มองมาทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจในครั้งแรกที่พบเจอ
เย่ชูวเสวียไม่ชอบเขาเป็นอย่างมาก ขมวดคิ้วถามเซี่ยอันน่า “อันน่า คนนี้คือใครเหรอ?”
“อ้อ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเองแหละ เขาจะพักอาศัยอยู่ที่นี่สักพัก”
เย่ชูวเสวียกับเซี่ยอันน่าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้อนรับลูกพี่ลูกน้องคนนี้
แต่เขาไม่รู้ตัวเลยและเข้าไปนั่งเบียดระหว่างเซี่ยอันน่ากับเย่ชูวเสวีย แล้วถามด้วยรอยยิ้ม: “สวัสดีคนสวย ชื่ออะไรเหรอ?”
เนื่องจากความไว้หน้าเซี่ยอันน่า เย่ชูวเสวียไม่อยากพูดอะไรที่เกินไปแต่ดูจากสีหน้าของเธอแล้วเธอกำลังอดทนเอาไว้
เซี่ยอันน่ารู้สึกอึดอัดจนวางตัวไม่ถูกจึงเอื้อมมือไปสะกิดลูกพี่ลูกน้องของเธอ: “พี่คะ เก็บอาการนิดหนึ่งเธอเป็นเพื่อนของฉัน!”
“เพื่อนแล้วไง อยากรู้จักไม่ได้เหรอ?”
“เธอไม่ใช่คนที่อยู่ระดับเดียวกันกับพี่ พี่ไม่มีอะไรเทียบเธอได้!”
โดนหักหน้าต่อหน้าสาวสวย เขาค่อยข้างไม่พอใจเป็นอย่างมากแล้วขึ้นเสียงพูด “คำพวกนี้ฉันไม่อยากฟัง อีกไม่นานฉันก็จะเป็นผู้จัดการของเสี่ยวซื่อกรุ๊ปแล้ว มีอะไรที่เทียบไม่ได้เหรอ?”
“เธอเป็นคนที่อยู่ในตระกลูร่ำรวยที่มีชื่อเสียง ตั้งแต่หัวจรดเท้าพี่ไม่มีอะไรคู่ควรกับเธอเลย!”
“อยู่ในตระกลูร่ำรวยที่มีชื่อเสียง งั้นฉันยิ่งอยากรู้จักเธอมากยิ่งขึ้น”
เมื่อเห็นท่าทีที่แย่ขึ้นเรื่อยๆของลูกพี่ลูกน้อง เธอก็เตือนทันที: “ฉันจะเตือนพี่อีกครั้ง กลับเข้าห้องไปซะ อย่ามารบกวนพวกเรา!”
“เธอ……”
“ถ้าพูดอีกคำฉันไล่พี่ออกไปแน่!”
ในใจของลูกพี่ลูกน้องคนนี้ไม่อยากยอม แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรเซี่ยอันน่าได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเก็บความโกรธเอาไว้ในใจแล้วกลับเข้าห้องไป
เมื่อเห็นเขากลับเข้าห้องไปแล้ว เย่ชูวเสวียจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันรู้สึกมึนงง?”
เซี่ยอันน่ายิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า: “ถ้าให้เล่าอย่างสั้นๆก็คือ มีนกที่ทำรังเองไม่เป็นแต่อยากครอบครองรังของนกตัวอื่นอ่ะ”
“เรื่องนี้เสี่ยวอวี้หลินไม่สนใจจัดการเลยเหรอ?”
เซี่ยอันน่าถอนหายใจแล้วพูดอย่างแผ่วเบา “เขาไม่รู้เรื่องนี้อ่ะ ฉันอยากจัดการมันด้วยตัวฉันเอง ไม่อยากให้เขารับรู้”
ถ้ามองตามความสามารถของเสี่ยวอวี้หลินแล้วเขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้จริงๆหรือ? แต่ถ้าตอนนี้เขารู้แล้วทำไมเขาไม่เข้าไปแทรกแซง?
แปลกและก็แปลกมาก
เย่ชูวเสวียขมวดคิ้วครุ่นคิด แต่ยังคิดไม่ออกเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆเดินเข้ามา
เงาของคนนั้นตกกระทบมาที่ศีรษะของเย่ชูวเสวีย เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองเป็นผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตรและมีสายตาที่ค่อนข้างดุ
ป้าของเธอเอามือกอดอกถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “เซี่ยอันน่า พี่เธอบอกว่าเธอรังแกเขาเหรอ!?”
เมื่อเห็นป้ามาเซี่ยอันน่าก็รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
แม่ลูกคู่นี้ไม่คิดจะให้คนอื่นอยู่อย่างสงบสุขบ้างเหรอ ขอถามหน่อยถ้าฉันจะรังแกพวกคุณบ้างจะทำได้อย่างไร? ถึงทำได้จริงๆแต่การอยู่แบบสงบสุขไม่ต้องมีเรื่องกันจะดีกว่ามาก”
“เชอะ เธอมีคนหนุนหลังอยู่แล้วมีอะไรที่ไม่กล้าทำเหรอ”
เห็นได้ชัดว่าป้าของเธอไม่ต้องการที่จะจบเรื่อง ป้าของเธอเลิกคิ้วและมองไปที่เย่ชูวเสวียที่นั่งอยู่ข้างๆเธอด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“สาวคนนี้เหรอที่พี่เธอพูดถึงก็ไม่ได้ดูพิเศษอะไร แล้วพี่แกมีอะไรที่ไม่คู่ควรกับเธอเหรอ”
ทำไมยังไม่ยอมจบเรื่อง
เซี่ยอันน่าพยายามระงับความโกรธแล้วพูดว่า “พูดอีกครั้งดิ นี่คือเพื่อนของฉัน อย่ามายุ่งกับเธอ”
“เพื่อนก็อาจจะกลายเป็นพี่สะใภ้เธอในอนาคตได้นะ”
เย่ชูวเสวียหัวเราะให้กับท่าทางที่ตรงไปตรงมาและมั่นใจของป้าคนนี้ แล้วเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ใจดีว่า “ขอโทษนะคะ ฉันมีแฟนแล้วค่ะ”
“มีแฟนแล้วก็เลิกกับแฟนได้ ลูกชายของป้านานๆจะเจอคนที่ถูกใจ ลองคุยกับเขาก่อนก็ได้นะ”
“ป้าฟังที่ฉันพูดไม่รู้เรื่องเหรอคะ!”
“เฮ้ย เธอนี้มันอะไรกัน ลูกชายของฉันชอบเธอ ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของเธอแล้ว!”
เย่ชูวเสวียควบคุมอารมณ์เต็มที่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของเซี่ยอันน่า เธอคงเดินหนีออกไปแล้ว
เซี่ยอันน่ามองดูเย่ชูวเสวียด้วยสายตาที่ขอโทษ ก่อนหันหน้าไปพูดกับป้าของเธอ “เพื่อนของฉันคนนี้ค่อนข้างมีฐานะที่สูงศักดิ์ ถ้าทำอะไรไปโดยพลการ ทำให้เธอโกรธเข้า อย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ”
“เชอะ ฉันเจอเรื่องแบบนี้มาไม่น้อย”
“ดังนั้น ถ้าไม่ถือลองเจออีกสักครั้งสิ!”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยอันน่าไม่ยอมถอย ป้าของเธอไม่อยากโดนฉีกหน้าเลยพูดประชดประชันว่า “เฮ้อ แย่มาก เป็นเด็กเป็นเล็กมาชี้มือชี้ไม้ใส่ผู้ใหญ่ เซี่ยอันน่าเธอนี่มันเก่งจริงๆเลย!”
หลังจากพูดเสร็จป้าของเธอก็หันหลังเดินไป
เย่ชูวเสวียรู้สึกโกรธมากขมวดคิ้วพูดอย่างไม่เกรงใจ “อันน่า สองคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไรเธอให้เขาพักอยู่ด้วย ไม่ใช่แต่จะนำความลำบากยุ่งยากมาให้แก่ตัวเองเหรอ? ”
เซี่ยอันน่าพูดอย่างจนปัญญา “มันก็ใช่ แต่จะกำจัดทิ้งตอนนี้ไม่ได้แล้ว ต้องวางแผนดีๆ”
เย่ชูวเสวียต้องการจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่สุดท้ายเธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญา”โอเค ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ อย่างไรก็ตามถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกได้ตลอดเลยนะ”
“ได้เลย”
งั้นฉันกลับล่ะนะ เธอดูแลตัวเองดีๆด้วย”
“อืม ได้ๆ”
เย่ชูวเสวียไม่อยากอยู่นานจึงขอตัวกลับก่อน พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากอพาร์ทเม้นท์ไป
หลังจากเย่ชูวเสวียกลับไป ความกังวลใจของเซี่ยอันน่าก็เพิ่มมากขึ้น
ป้าของเธอยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างมองดูเย่ชูวเสวียเดินเข้าไปนั่งในรถหรูด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด
“นังเด็กบ้าคนนี้รอบตัวรายล้อมไปด้วยคนรวย แต่แกไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาเลย เดี๋ยวฉันจะทำให้แกได้รู้ฤทธิ์ของฉัน”
หลังจากกินข้าวเย็น เซี่ยก็นั่งอ่านหนังสือเงียบๆคนเดียวในห้อง
เป็นเรื่องยากที่จะมีช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบ เซี่ยอันน่าทำตัวเองให้ผ่อนคลายในห้องเงียบๆที่ได้ยินเพียงเสียงนาฬิกาเดิน
แต่ความสงบนี้อยู่ได้ไม่นานก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงที่ดัง
“อันน่า ป้าทำซุปน้ำตาลแดง ลองดื่มสักนิดเถอะ”
เซี่ยอันน่าหลับตาลง เธอรู้สึกรำคาญจนสุดจะทน
“ฉันไม่อยากดื่ม”
“ที่ไม่อยากดื่มเพราะกำลังโกรธป้าอยู่หรือเปล่า เฮ้อ บางครั้งป้าก็เป็นคนปากไวและพูดอย่างตรงไปตรงมาแต่ไม่ได้คิดร้ายอะไรเลย อย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ”
ท่าทีของคุณป้าเปลี่ยนไปไวมาก จนทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกแปลกใจ
เซี่ยอันน่าวางหนังสือลงแล้วถามว่า “โอเค แล้วป้าไม่อยากมีเรื่องกับฉันแล้วเหรอ”
โดนเซี่ยอันน่าพูดแบบนี้ ป้ากลับไม่โกรธแต่ยิ้มสดใสมากกว่าเดิมจนน่าแปลกใจ
“ดูจากสิ่งที่เธอพูดป้าไม่มีเจตนาที่จะโต้เถียงกับเธอเลย ทำเพียงเพราะความผิดหวังของพี่เธอเท่านั้นที่ยอมไม่ได้ที่จะขายขี้หน้า แต่ว่ายังไงพวกเราก็เป็นญาติกันนะ อย่าถึงขั้นโกรธกันเลยนะ เธอว่าป้าพูดถูกไหม?”
เซี่ยอันน่านึกถึงหน้าแม่ของเธอ ความโกรธก็พอบรรเทาลงบ้าง
ป้าถือโอกาสเอาซุปมาวางไว้ตรงหน้าของเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ซุปน้ำตาลแดงจะเย็นแล้ว รีบดื่มเถอะ”
เดิมทีเซี่ยอันน่าไม่อยากดื่ม แต่เนื่องจากป้าเฝ้ามองดูอย่างใกล้ชิดเธอจึงต้องจิบสองครั้งพอเป็นพิธี
แต่ป้าของเธอจะไม่พอใจ รบเร้าให้เธอดื่มจนหมดถ้วย
ป้าหยิบชามเปล่าลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องอย่างพอใจ
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยอันน่าก็รู้สึกอึดอัดในท้องของเธอเป็นอย่างมาก สุดท้ายไม่สามารถทนได้เธอรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำแล้วอาเจียนทุกอย่างที่เพิ่งกินไปออกมา
ทรมานอยู่สองชั่วโมงอาการถึงค่อยๆดีขึ้น
เธอนอนอยู่บนเตียงแค่ยกมือขึ้นก็แทบจะไม่มีแรง
เมื่อมองไปที่เพดานอย่างอ่อนล้า เซี่ยอันน่าคิดในใจหรือว่าป้าของเธอจะใส่อะไรลงไปในซุปน้ำตาลแดงนั้นเพื่อเล่นงานเธอ?
ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ป้าก็มีความคิดที่เหมือนเด็กมาก
หลับตาลง เซี่ยอันน่าเริ่มพักผ่อน
พักผ่อนไปไม่ถึงไหนโทรศัพท์มือถือของเซี่ยอันน่าก็ดังขึ้น
เซี่ยอันน่าเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์อย่างอ่อนแรง
คนที่โทรมาคือผู้จัดการของเธอ
“อันน่า สองสามวันมานี้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ฉันนัดสัมภาษณ์ให้เธอไว้ตอนเก้าโมงเช้าพรุ่งนี้ เดี๋ยวจะส่งรถมารับเธอ”
“โอเค ฉันรู้แล้ว”
“คืนนี้รีบพักผ่อนเร็วๆนะ การสัมภาษณ์พรุ่งนี้จะได้ออกมาดี”
“สบายใจได้เลย”
หลังจากวางสายเซี่ยอันน่าหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เตรียมตัวอาบน้ำและรีบเข้านอน
วันต่อมา——
คนขับรถโทรหาเซี่ยอันน่า เซี่ยอันน่ากำลังเตรียมของเพื่อออกไปข้างนอก
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่ากำลังเดินออกไป ป้าของเธอเลยถามว่า: “อันน่า จะออกไปข้างนอกเหรอ?”
“พอดีวันนี้มีงานที่ต้องไปอ่ะ”
“งั้นรีบไปเถอะ เดินทางปลอดภัยนะ”
ก่อนออกไปข้างนอกป้ายืนโบกมือให้เซี่ยอันน่าพร้อมกับใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยรอยยิ้ม
ทำไมป้าคนนี้ชอบทำให้คนอื่นรู้สึกแปลกๆ
จริงๆตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้วที่ป้าเปลี่ยนไปแบบแปลกๆ ทำให้รู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้น
แต่ตอนนี้เวลาค่อนข้างคับขันไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้อย่างละเอียด พอเข้าไปในรถเธอเริ่มตรวจสอบสคริปต์อีกครั้ง
เมื่อเธอมาถึงสถานีโทรทัศน์ เซี่ยอันน่าก็รวบรวมพลังของเธอและเตรียมพร้อมที่จะทุ่มเทให้กับงาน
นั่งอยู่หน้ากล้องไฟสว่างขึ้น พิธีกรแสดงรอยยิ้มเพื่อเป็นการต้อนรับและการสัมภาษณ์ก็เริ่มต้นด้วยเสียงหวานๆ
ทุกอย่างดำเนินไปตามกระบวนการ เซี่ยอันน่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรนอกสคริปต์ เพียงแค่ยิ้มสวยๆก็พอ
อย่างไรก็ตามก่อนหมดเวลาห้านาทีพิธีกรก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
วันนี้รายการของพวกเราได้เพิ่มช่วงพิเศษเข้ามานั่นก็คือการถามแบบเจาะลึกเกี่ยวกับเคล็ดลับความงามของดารา
เคล็ดลับความงาม? นี่มันอะไรกัน? ไม่มีช่วงดังกล่าวในสคริปต์ที่ให้ไว้เมื่อวาน นี่เป็นการเพิ่มชั่วคราวหรือเจ้าหน้าที่ลืมบอกเธอ?
ในหัวของเซี่ยอันน่าเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงรักษารอยยิ้มไว้ทำให้คนอื่นไม่สามารถมองเห็นความผันผวนในใจของเธอได้
เมื่อพิธีกรหันไปมองเซี่ยอันน่าแล้วกล่าวว่า”ฉันเชื่อว่าท่านผู้ชมอยากรู้อยากเห็นมากว่าดารามีเคล็ดลับอะไรเพื่อรักษาความงามเอาไว้ วันนี้เรามาเปิดกระเป๋าเครื่องสำอางของคุณอันน่ากันดีกว่าและดูว่ามีของดีอะไรบ้าง”
เมื่อฟังพิธีกรพูดจบ เซี่ยอันน่ารู้สึกว่ามันไร้สาระเป็นอย่างมาก
ไม่ต้องพูดก็รู้ได้ว่าเป็นการขอความร่วมมือจากสปอนเซอร์ หลังจากนั้นไม่นานในกระเป๋าเครื่องสำอางของเซี่ยอันน่าต้องมีสินค้าของแบรนด์ที่ตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์อย่างแน่นอน
แต่ทำไมถึงไม่มีใครบอกเธอเลยเพื่อที่เธอจะได้เตรียมตัวไว้บ้าง
เซี่ยอันน่ามองดูผู้ช่วยเดินถือกระเป๋าเครื่องสำอางมาอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส จากนนั้นพิธีกรหยิบของออกมาทีละชิ้นพูดคุยเกี่ยวกับเคล็ดลับความงามบ้างเล็กน้อย
แต่เมื่อพิธีกรนำซองผงสีขาวออกมาทุกคนก็ตกตะลึง
ในบรรยากาศที่น่าอึดอัด ทันใดนั้นเซี่ยอันน่ารู้สึกว่าเรื่องราวแปลกไปเล็กน้อย
เซี่ยอันน่าอาศัยจังหวะที่ทุกคนไม่รู้จะทำอย่างไรยิ้มแล้วกล่าวว่า “มีอะไรแปลกเหรอคะ นี่คือยาจีนโบราณสำหรับการรักษาอาการไอของฉัน ช่วงนี้มีกิจกรรมเยอะและต้องใช้เสียงค่อนข้างเยอะเลยทำให้ลำคออักเสบค่ะ แพทย์จีนเป็นผู้สั่งจ่ายยาเป็นพิเศษเพื่อการรักษาค่ะ”
พิธีกรรีบพูดรับช่วงต่อ “อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง คุณอันน่าดูเป็นคนสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนบ้างาน มิน่าล่ะอาชีพนักแสดงถึงกำลังรุ่งและมาแรงมากขึ้นเรื่อยๆ”
“ที่ไหนกันคะ ฉันก็แค่หางานที่ฉันรักเจอเลยทุ่มเทตั้งใจทำงานมากๆแค่นั้นเองค่ะ ฉันเป็นคนที่โชคดีและหวังว่าทุกคนจะโชคดีเหมือนฉันนะคะ”
“งั้นก็ขออาศัยความโชคดีของคุณอันน่าอวยพรให้ทุกคนโชคดีตลอดไปนะคะ วันนี้รายการของเราเดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ขอขอบคุณคุณอันน่าที่มาร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการวันนี้ ถ้ามีโอกาสยินดีต้อนรับกลับมาอีกครั้งนะคะ วันนี้รายการของพวกเราขอตัวลาไปก่อนแล้วค่ะ”
เมื่อไฟหรี่ลงเซี่ยอันน่าก็ลุกขึ้นเพื่อขอบคุณพนักงานทุกคน จากนั้นก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางและเดินไปที่ห้องแต่งตัวพร้อมกับผู้ช่วย