วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 483 ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว

เซี่ยอันน่าหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปถามผู้ช่วยว่า”มีการเพิ่มกิจกรรมนอกสคริปต์ทำไมไม่มีใครบอกฉัน”

นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ช่วยเห็นเซี่ยอันน่าพูดใส่อารมณ์แบบนี้ เขาตกใจและนิ่งอึ้งไปก่อนพูดว่า”ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณอันน่าไม่รู้ นึกว่าตกลงกันเรียบร้อยแล้ว”

“งั้นก่อนเริ่มรายการ ฉันไม่ได้พูดถึงกระเป๋าเครื่องสำอางเลยและไม่มีการจัดกระเป๋าให้เป็นระเบียบ เธอไม่รู้สึกแปลกใจบ้างหรือ?”

ผู้ช่วยทำสีหน้างงงวยพร้อมกับส่ายหัว

“ดีมาก”

เซี่ยอันน่ายิ้มและพูดแค่สองคำ แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้รู้สึกเสียวสันหลังมาก

ผู้ช่วยมองไปที่เซี่ยอันน่าด้วยความหวาดกลัว “คุณอันน่าไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”

“ฉันไม่เป็นไรหรอก แต่เธอสิ ดูเหมือนว่าจะต้องเปลี่ยนนายจ้างแล้วล่ะ”

ผู้ช่วยตกใจมากจึงถามออกไปว่า “หมายความว่ายังไงคะ”

“ความหมายของฉันก็คือเธอถูกเลิกจ้างแล้ว”

พูดจบเซี่ยอันน่าก็ลุกขึ้นเดินออกไป แต่ผู้ช่วยยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม เพราะทำอะไรไม่ถูก

เซี่ยอันน่าดูเหนื่อยล้าเมื่อเธอกลับมาถึงที่อพาร์ทเมนท์

ป้าของเธอที่กำลังนั่งดูทีวี เมื่อเห็นเธอกลับมาก็รีบวิ่งไปต้อนรับ

“ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจัง ป้านึกว่าจะกลับมาดึกๆซะอีก”

“ฉันเหนื่อยมาก ขอตัวเข้าห้องก่อนนะ”

“ อาหารเย็นเสร็จแล้ว เดี๋ยวป้ายกเข้าไปให้นะ”

เซี่ยอันน่าไม่สนใจป้าของเธอ แล้วปิดประตูเข้าห้องไป

ลูกพี่ลูกน้องเคี้ยวหมากฝรั่งในปากแล้วพูดผ่านๆว่า: “ดูแล้ววงการบันเทิงก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น เห็นอันน่าเหนื่อยเหมือนหมากลับทุกวันเลย”

เวลานี้ป้าของเธอไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดอย่างเย็นชาว่า: “แกเห็นแต่ด้านที่ยากลำบากของมัน แต่ทำไมไม่เห็นด้านที่สวยงามของมัน อย่าโลภเด็ดขาด ไม่งั้นสุดท้ายจะไม่ได้อะไรเลย”

หลังจากอาบน้ำ เซี่ยอันน่าก็เช็ดผมด้วยผ้าขนหนู

ป้าของเธอเดินถ้วยอาหารร้อนๆมาเคาะประตูของเซี่ยอันน่าด้วยรอยยิ้ม

“อันน่า ไม่ได้ทานข้าวเย็นแน่ๆ ป้าทำข้าวหม้อดินมาให้ทานจ้ะ”

ป้าเป็นคนขี้เกียจมาโดยตลอด ทำไมอยู่ๆถึงทำอาหารมาให้เธอได้อย่างไร? มันต้องมีอะไรแน่ๆ

เซี่ยอันน่ามองที่ป้าของเธอด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งแล้วพูดว่า “ขอบคุณมากค่ะ”

“อย่าเอาแต่ลดน้ำหนักนะ ผู้หญิงดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลจะดูดีกว่า หลังจากนี้เธอก็จะเป็นคุณนายแล้ว มีเนื้อมีหนังนิดหน่อยถึงจะดูเป็นคนมีเงินมีทอง”

ยิ่งป้าของเธอพูดไม่หยุด เซี่ยอันน่าก็ยิ่งรู้สึกรำคาญมากยิ่งขึ้น

เซี่ยอันน่าทันไม่ไหวจึงไล่ป้าออกจากห้องไป

จากนั้นเธอจ้องมองไปที่ข้าวอบหม้อดินแล้วขมวดคิ้ว

เธอลุกขึ้นถือข้าวอบหม้อดินั้นไปเทลงในชักโครก จากนั้นก็หยิบคุกกี้หนึ่งห่อออกมาจากกระเป๋าเพื่อระงับความหิว

ตั้งแต่วันนั้นเซี่ยอันน่าก็ไม่ได้กินข้าวที่บ้านรวมทั้งการดื่มน้ำด้วย

แต่เธอแสร้งทำเป็นดีต่อหน้าป้าของเธอโดยที่ป้าของเธอไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิด

ป้าของเธอคิดเพียงว่าเซี่ยอันน่ากำลังรักษารูปร่างและตั้งใจที่จะกินน้อยลง

แต่ไม่เป็นไรตราบใดที่เซี่ยอันน่าตกหลุมพรางนี้ ทุกอย่างก็จบสิ้น!

ไม่กี่วันต่อมาข่าวที่น่าตกใจก็แพร่กระจายไปทั่วสารทิศ

ดาราสาวที่กำลังมาแรงในวงการบันเทิงถูกสงสัยว่าเสพยาและกำลังอยู่ในการควบคุมของตำรวจ

ผู้คนจำนวนมากกำลังเสพข่าวดราม่าด้วยความตื่นเต้น พวกเขารอตำรวจแถลงผลการตรวจปัสสาวะ จากนั้นก็ทำให้ดาราสาวหายไปจากวงการบันเทิงอย่างสิ้นเชิง

แต่ว่าผลการตรวจปัสสาวะออกมาปรากฏว่าดาราสาวเป็นผู้บริสุทธิ์

ในไม่ช้าดาราสาวก็รีบจัดงานแถลงข่าวประณามรายงานข่าวเท็จและกล่าวว่ามีคนวางแผนใส่ร้ายเธอ

เธออาศัยการแถลงข่าวครั้งนี้อธิบายข่าวเท็จครั้งที่แล้วและชี้เป้าไปที่ป้าของเธอ

ในระหว่างการฟ้องร้องของเธอ พฤติกรรมที่เลวร้ายราวกับผีดูดเลือดของป้าของเธอถูกเปิดเผยออกมา ทำให้ผู้ต่างก็ก่นด่าและสาปส่ง

ไม่เพียงเท่านั้นตำรวจยังร่วมมือในเรื่องนี้และเข้าจับกุมป้าพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของเธอเพราะพวกเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย

ในที่สุดชีวิตของเซี่ยอันน่าก็กลับคืนสู่ความสงบ และฉีฉีก็สามารถกลับไปอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ได้

หลังจากแก้ปัญหาที่ยุ่งยากผ่านไปแล้ว เซี่ยอันน่าควรจะรู้สึกว่ามีความสุข

แต่กลับกลายเป็นว่าเซี่ยอันน่ารู้สึกเหนื่อยและเหนื่อยมากอยากจะทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่แล้วไปในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักและเก็บซ่อนตัวเองไว้ในที่แห่งนั้น

แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ให้โอกาสนี้กับเซี่ยอันน่า ในไม่ช้าปัญหาอื่นก็ตามมาถึงเธอ

……

ในห้องอาหารหรูหราเซี่ยอันน่าและเสี่ยวอวี้หลินกำลังนั่งเผชิญหน้ากัน

เสียงเพลงไวโอลินที่แสนไพเราะทำให้บรรยากาศสงบและอ่อนโยนมาก

เสี่ยวอวี้หลินหั่นสเต็กด้วยท่าทางที่ละเมียดละไมพร้อมกับเล่าเรื่องตลกให้เซี่ยอันน่าฟังเป็นครั้งคราว

แม้ว่าเสี่ยวอวี้หลินจะเล่าสนุกแค่ไหน แต่รอยยิ้มและเสี่ยงหัวเราะของเซี่ยอันน่าดูไม่ค่อยผ่อนคลายเท่าไหร่

เธอรู้ว่าเสี่ยวอวี้หลินชวนเธอมาทานอาหารค่ำในวันนี้ไม่ได้มาเพื่อเล่าเรื่องตลก

หลังจากนั้นไม่นานเสี่ยวอวี้หลินก็วางมีดและส้อมลงแล้วถอนหายใจ

“อันน่าผมรอให้คุณบอกความจริงกับผมมาโดยตลอด”

เธอหลีกเสี่ยงที่จะสบตาเขา

เธอเงยหน้าขึ้นก็มิอาจหลบเลี่ยงสายตาของเสี่ยวอวี้หลินไปได้  ฉันแก้ปัญหาด้วยตัวฉันเองได้”

“นี่คือทางออกของคุณ?”

“ฉันพ้นมลทินแล้วนี่ไม่ใช่ทางออกหรือ”

เสี่ยวอวี้หลินส่ายหัวและพูดว่า “นี่เป็นเพียงทางออกของคุณแต่ไม่ใช่ของผม เซี่ยอันน่าคุณมันเห็นแก่ตัวจริงๆ”

โดนตำหนิครั้งนี้ทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกอธิบายไปต่อไม่ถูก

“คุณใช้โอกาสจากเรื่องนี้เพื่อกำจัดญาติที่มาเกาะคุณแถมยังเป็นการเพิ่มความนิยมให้กับคุณได้อีก แต่ผมล่ะ ครอบครัวของผมจะยอมให้ผมคบหากับผู้หญิงที่มีชีวิตซับซ้อนเช่นนี้หรือ?”

คำพูดเหล่านี้ทำให้เซี่ยอันน่าตกตะลึงใจเป็นอย่างมาก

เดิมทีเสี่ยวอวี้หลินก็กังวลที่จะพูดแบบนี้ออกมา “ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ มันไม่ใช่การหลอกลวงที่จะสามารถปกปิดนิสัยกระจอกของตัวเองได้ คุณมาคบหากับฉันคุณก็น่าจะรู้แล้ว จะมาคิดเสียใจภายหลังมันก็……”

“เซียอันน่า!”

ก่อนที่เซี่ยอันน่าจะพูดจบ เสี่่ยวอวี้หลินก็สั่งให้เธอหยุดพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

สิ่งที่ผมอยากฟังไม่ใช่แบบนี้!”

“แล้วคุณอยากฟังอะไร”

“การพึ่งพาผมเพื่อแก้ปัญหามันยากขนาดนี้เลยหรือ”

เซี่ยอันน่าเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า: “ฉันสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง แล้วทำไมฉันถึงต้องการคนอื่นพึ่งพาคนอื่นล่ะ ฉันไม่อยากทำให้คุณเดือดร้อนคุณควรจะมีความสุข”

“ถ้าคนสองคนไม่แก้ปัญหาร่วมกันหรือร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน คุณคิดว่าความสัมพันธ์นี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน?”

เมื่อได้ยินเสี่ยวอวี้หลินพูดด้วยคำที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ทำให้เซี่ยอันน่าเงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

สองสายตาสบตากัน ทันใดนั้นเซี่ยอันน่าก็รู้สึกผิดในใจ

เซี่ยอันน่ากำลังคิดว่าตัวเองพึ่งพาเขาได้จริงๆหรือ?

เซี่ยอันน่าถามตัวเองซ้ำๆแต่พบว่าไม่มีคำตอบในใจหรือว่าเธอไม่มีความกล้าที่จะคิดหาคำตอบเลย

ความรักของเสี่ยวอวี้หลินเป็นเหมือนกับภูเขาสูงหนึ่งหมื่นฟุต แล้วเซี่ยอันน่ายืนอยู่บนนั้นเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่งดงาม แต่เธอก็สามารถตกลงไปในเหวได้ทุกวินาที

ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง เซี่ยอันน่าต้องการควบคุมมันด้วยตัวเอง

แต่ตอนนี้เสี่ยวอวี้หลินกลับต้องการกีดกันสิทธินี้ เซี่ยอันน่ากลัวและรู้สึกกระวนกระวายใจมากยิ่งขึ้น

เสี่ยวอวี้หลินจ้องมองเซี่ยอันน่าด้วยสายตาอันแรงกล้า

แต่ความเงียบเป็นเวลานานของเซี่ยอันน่าทำให้ความคาดหวังของเขาลดลงอย่างเรื่อยๆ

สายตาที่เก็บซ่อนความโกรธเอาไว้ลุกขึ้นและพูดอย่างเย็นชาว่า: “เดี๋ยวผมไปส่งคุณ”

ระหว่างทางกลับเขาสองคนไม่มีใครพูดอะไรออกมา

จนกระทั่งเซี่ยอันน่าเดินไปถึงประตูทางเข้าอพาร์ทเมนท์ เสี่ยวอวี้หลินก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ

เซี่ยอันน่าถอนหายใจจากนั้นเปิดประตูด้วยท่าทีที่หนักหน่วง

ฉีฉีเมื่อได้ยินเสี่ยงประตูเปิดออกก็รีบวิ่งออกมา

ฉีฉีที่กำลังพอกหน้าอยู่เมื่อเธอเห็นเซี่ยอันน่าก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย

“เอ่อ เธอไม่ใช่ไปทานข้าวเย็นกับเสี่ยวอวี้หลินเหรอ ทำไมถึงทำสีหน้าแบบนี้?”

เซี่ยอันน่าโยนกระเป๋าลงบนโซฟาแล้วนั่งลงด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า

“อย่าพูดถึงมันเลย เราสองคนกำลังทำสงครามเย็นกันอยู่”

“ว่าไงนะ! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?”

“ก็เพราะว่า……”

เพราะอะไรนะ ฉันถึงไม่เป็นเหมือนผู้หญิงที่เรียบร้อยอ่อนหวาน และปฏิบัติต่อเขาด้วยความอ่อนโยน?

เซี่ยอันน่าหัวเราะให้กับความคิดโง่ๆของตัวเอง

เสี่ยวอวี้หลินต้องการให้เธอพึ่งพาเขาแค่ยอมเขาก็จบแล้ว ถึงเขาจะทำไม่ได้อย่างที่พูดแค่มีคำพูดปลอบใจอยู่ข้างๆก็ดีแล้ว ทำไมไม่ยอมรับไปตรงๆ ทำแบบนี้อาจจะทำให้เลิกรากันแบบไม่ดี?

ไม่มีใครนอกจากนี้แล้วที่สามารถหาเหตุผลแบบนี้มาทะเลาะกันได้

เมื่อเห็นสีหน้าที่ขมขื่นของเซี่ยอันน่า ฉีฉีจึงไม่อยากถามอะไร “ช่างมันเถอะ รีบไปอาบน้ำนอนเถอะ

“ก็ได้”

ฉีฉีเข้าไปตบบ่าให้กำลังใจเซี่ยอันน่าแล้วก็กลับเข้าห้องไปนอน

เซี่ยอันน่านั่งอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน พอรู้สึกดีขึ้นจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วกลับไปที่ห้องของเธอ

ทางด้านของเสี่ยวอวี้หลิน——

บรรยากาศแสนคึกคักในบาร์เหล้าที่มีหนุ่มสาวออกมาเสพย์สุขรสเงินทองและน้ำเมา

แต่ในมุมหนึ่งกลับมีชายคนหนึ่งเพียงแค่มานั่งดื่มเพื่อระบายความทุกข์ใจคนเดียวเงียบๆ

ชายที่แต่งตัวดีและรูปร่างหน้าตาดูดี ทำให้ผู้หญิงรอบข้างสนใจในตัวเขามาก

แต่ไม่มีใครสามารถพูดคุยกับเขาได้สำเร็จและทุกคนก็ถูกชายคนนี้ด่ากลับไป

หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมานั่งข้างๆของเสี่ยวอวี้หลิน

เสี่ยวอวี้หลินกำลังจะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อตำหนิ แต่เมื่อเขาเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายเขาก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

เสี่ยวอวี้หลินยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มแล้วพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง”จุดประสงค์ของคุณสำเร็จแล้ว ผมทะเลาะกับอันน่าแล้ว คุณพอใจหรือยัง?”

อวี๋เวยมองเขาอย่างใจเย็น “นี่ไม่ใช่จุดประสงค์ของฉัน”

“แล้วคุณต้องการอะไร อยากจะเห็นเราสองคนเลิกรากันเหรอ? อวี๋เวยคุณควรจะแต่งงานมีลูกได้แล้ว หรือว่าคุณอยากจะให้ผมอยู่คนเดียวไปจนแก่หรือไง?”

“ฉันไม่ติดอะไรที่คุณจะมีแฟน แต่ติดตรงที่คุณเจอคนที่ใช่ได้เร็วขนาดนี้ ในขณะที่ฉันยังไม่สามารถทำใจได้”

“เส้นทางเดินต้องเลือกด้วยตัวเองและจะโทษคนอื่นไม่ได้ ยังมีอีกสำหรับเรื่องครั้งนี้ผมจะไม่ปล่อยเอาไว้ ผมจะคิดบัญชีด้วยตัวผมเองและจะไม่เมตตากับใครหน้าไหนทั้งนั้น!”

หลังจากได้ยินคำข่มขู่นี้อวี๋เวยแทนที่จะกังวล กลับยิ้มอย่างยั่วยวน

“แม้ว่าจะเป็นการจ่ายที่มีราคาแพง แต่ฉันก็มีความสุขมาก”

“คุณเป็นบ้าหรือเปล่า?”

อวี๋เวยเข้าไปใกล้เสี่ยวอวี้หลิน เธอยิ้มและพูดว่า “แน่นอนฉันมีความสุขที่เห็นคุณถูกทำร้ายและจากเหตุการณ์นี้ฉันได้ค้นพบความลับบางอย่าง”

“ความลับอะไร”

ริมฝีปากสีแดงเผยอออกเล็กน้อยและดูเหมือนกำลังร่ายมนตร์ “คุณรู้ไหมว่าทำไมคุณสองคนถึงอยู่ในสงครามเย็น นั่นก็เป็นเพราะว่าเซี่ยอันน่าไม่ได้รักคุณมากขนาดนั้นหรืออาจจะไม่ได้รักคุณมากเท่าที่คุณหวังไว้

คำพูดเหล่านี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินหรี่ตาลงแล้วตอบโต้ว่า”คุณไม่ใช่เธอทำไมคุณถึงพูดแบบนี้”

“คนที่อยู่ในเกมส์หรือสถานการณ์จะมองไม่ทะลุ แต่คนที่อยู่นอกเกมส์หรือนอกสถานการณ์จะมองได้ทะลุปรุโปร่ง”

“หึ คำพูดเพ้อเจ้อ!”

“ฉันไม่ได้พูดเพ้อเจ้อนะในใจของฉันค่อนข้างชัดเจนมาก ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากให้ฉันอยู่ที่ปักกิ่งดังนั้นฉันจะรีบไปจากที่นี่ ฉันเชื่อว่าเราจะไม่ได้พบกันอีกสักพักหนึ่งก่อนที่จะจากไป ฉันขออวยพรให้พวกคุณเลิกกันเร็วๆนะ”

หลังจากพูดจบอวี๋เวยก็ลุกขึ้นและเดินจากไป สีหน้าของเสี่ยวอวี้หลินก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแค้น

เขาดื่มเหล้าไปหลายแก้วทำให้เกิดอาการคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดเขาเดินเข้าไปหาเรื่องคนกลุ่มหนึ่ง เขากำลังขาดสติ

เสียงกรีดร้องคำรามและเสียงแก้วแตกผสมกัน ดังจนแก้วหูจะแตก

เสี่ยวอวี้หลินดูเหมือนจะไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยชกต่อยไม่หยุดจนทำให้คนเหล่านั้นล้มลงทีละคน

อย่างไรก็ตามหมัดสองหมัดนั้นยากที่จะเอาชนะสี่หมัดและอีกฝ่ายพรรคพวกเยอะมากกว่าในที่สุดเสี่ยวอวี้หลินก็หมดแรงและล้มลงกับพื้น

ภายใต้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เสี่ยวอวี้หลินไม่รู้สึกเจ็บปวด

ก่อนที่จะหมดสติไปเขาเห็นใครบางคนวิ่งมาอยู่ตรงหน้าเขานั่งลงยองๆปกป้องเขา

เสี่ยวอวี้หลินไม่มีอารมณ์ที่จะครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

เขาแค่รู้สึกเหนื่อยและอยากนอนพักสักหน่อย

……

เซี่ยออันน่ากำลังเคลิ้มหลับ จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงใครบางคนเคาะประตู

เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วและลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู

แต่เมื่อเธอเห็นคนที่อยู่ข้างนอก อาการสะลึมสะลือทั้งหมดก็หายไปเหลือเพียงแค่ความตกใจ

คนที่ยืนอยู่นอกประตูคือเย่ชูวเสวียและหนานกงเจา และยิ่งไปกว่านั้นหนานกงเจากำลังพยุงร่างของเสี่ยวอวี้หลินเอาไว้

เสี่ยวอวี้หลินหลับไปแล้ว บนตัวเต็มไปด้วยบาดแผล

แม้ว่าจะได้รับการรักษาบาดแผลแล้ว แต่ก็ยังดูน่าตกใจ

“ขอทางหน่อย ขอทางหน่อย”

เย่ชูวเสวียผลักเซี่ยอันน่าที่กำลังตกใจออกไปและขอให้หนานกงเจาวางร่างของเสี่ยวอวี้หลินลงบนโซฟา

เซี่ยอันน่ากลับมามีสติจึงรีบถามว่า”เกิดอะไรขึ้น เขากลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”

เย่ชูวเสวียถอนหายใจแล้วพูดว่า “เสี่ยวอวี้หลินไปที่บาร์เหล้าคนเดียวเพื่อที่จะดื่มแก้ทุกข์ใจ พอเมาก็ไปหาเรื่องทะเลาะกับคนอื่น ฉันได้รับโทรศัพท์ให้ไปรับเขาแต่เขาก็ไม่ยอมไปไหน ดังนั้นฉันจึงต้องบอกว่าจะมาส่งเขาที่ห้องเธอ เขาถึงหยุดบ้าลงได้”

“ไปดื่มเหล้าแก้ทุกข์ใจ!?”

เซี่ยอันน่ามีท่าทีที่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ

เย่ชูวเสวียหยิบน้ำมาดื่มแล้วขมวดคิ้วพร้อมทั้งพูดด้วยท่าทางที่เบื่อหน่าย”ฉันอยากบอกว่าพวกแกสองคนทะเลาะกันก็ทะเลาะกันไปเถอะแต่อย่าทำให้เป็นเรื่องได้ไหม ถ้ามีแบบนี้อีกครั้งฉันรับไม่ไหวแล้วนะ ”

“ขอโทษนะ”

“อย่าพูดขอโทษฉัน ตอนนี้ฉันเอามันมาส่งแล้วมีปัญหาอะไรพวกแกสองคนแก้กันเอาเองแล้วกัน”

พอพูดจบเย่ชูวเสวียกับหนานกงเจาก็ขอตัวกลับ

หลังจากทั้งสองคนกลับไป เซี่ยอันน่าก็มองไปที่เสี่ยวอวี้หลินที่หลับอยู่บนโซฟา ทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก

ในขณะนี้เสี่ยวอวี้หลินเมาและหมดสติ เซี่ยอันน่ามองไปที่ฉีฉีที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงดัง”ช่วยฉันย้ายผู้ชายคนนี้ไปไว้ที่ห้องก่อน”

ทั้งสองช่วยกันพยุงร่างของเสี่ยวอวี้หลินไปไว้ที่ห้องของเซี่ยอันน่า เซี่ยอันน่าเตรียมถอดเสื้อผ้าของผู้ชายคนนี้เพื่อที่จะอาบน้ำให้

ฉีฉีออกจากห้องไป ทำให้ในห้องมีเพียงเซี่ยอันน่ากับเสี่ยวอวี้หลินเท่านั้น

แต่เมื่อเซี่ยอันน่าจดจ่ออยู่กับการปลดกระดุมเสื้อของเขาแขนของเสี่ยวอวี้หลินก็ไขว้กัน ร่างของเขาทับลงไปบนตัวของเซี่ยอันน่า

“เซี่ยอันน่า คุณมันน่ารังเกียจจริงๆ!”

เสี่ยวอวี้หลินไม่ได้ลืมตาเขาพูดอย่างแผ่วเบาในลำคอ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset