บาดแผลที่หลังของมู่เวยเวยปริออก แต่โชคดีที่ยังไม่ร้ายแรงมากจึงไม่ได้เรียกตัวคุณหมอหานมาดูแล
หลังจากที่ฉินหม่าทายาให้อีกครั้งมู่เวยเวยก็หลับไป พรุ่งนี้เธอก็จะได้กลับไปมหาวิทยาลัยแล้ว ร่างกายต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน โชคดีที่แบบวาดเสร็จแล้ว และเธอวางทับไว้ที่โต๊ะทำงาน
มู่เวยเวยคิดแล้วเคลิ้มหลับไป
ในความฝัน ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่าร่างกายกำลังจมดิ่งลงไป มีอะไรบางอย่างหนักๆ กดทับตัวเธออยู่ด้านบน
“อืม…” มู่เวยเวยส่งเสียง เธอรู้สึกอึดอัดจึงผลิกตัวแล้วนอนต่อ
แต่ทว่า เมื่อพลิกตัวไป ก็ถูกใครบางคนพลิกให้หันกลับมาอีกครั้ง เธอถูกมือของใครคนนั้นกักขังเอาไว้
ช่างน่ารำคาญ… มู่เวยเวยขมวดคิ้ว เธอทนไม่ไหวจึงต้องการดิ้นให้หลุด แต่ยิ่งถูกใครคนนั้นรัดแน่นขึ้น
มู่เวยเวยทนไม่ไหวจึงลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้าไม่ใช่เพดาน แต่เป็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม
มู่เวยเวยตะโกนร้องลั่นทันที “เย่ฉ่าวเฉินนายทำอะไร นายปล่อยฉันนะ!”
“ไม่ปล่อย!” ชายหนุ่มปฏิเสธทันควัน พลางยิ้มมุมปาก “ผมทำอะไร… คุณก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ? ได้ยินฉินหม่าบอกว่าคุณดีขึ้นมากแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราควรมาสะสางบัญชีกันดีกว่า”
“อะไร บัญชีอะไร” มู่เวยเวยวังกลขึ้นมาทันที
“เฮ้ ผมเพิ่งพูดไปเมื่อวานคุณก็ลืมแล้วหรอ ไม่ฉลาดจริงๆ เลย” เย่ฉ่าวเฉินเอ่ย พลางกัดไปที่คอของเธอ
“ซี๊ด…” มู่เวยเวยซี้ดปากด้วยความเจ็บปวด สมองพลันนึกถึงเรื่องที่เขาพูดไปเมื่อวาน ‘คิดบัญชีกับคนที่หลอกเขาและเธอมีความสัมพันธ์กับลู่จื่อหาง’
“ฉันไม่ได้ทำ เย่ฉ่าวเฉินนายได้ยินฉันไหม ฉันไม่ได้หลอกนายจริงๆ คุณลุงบอกว่ามีข่าวจากพี่ชายของฉัน อ่า…”
พูดยังไม่ทันจบ มู่เวยเวยก็ได้ลิ้มรสชาติเค็มๆ ของเลือด เขากัดเธอจนเลือดออกจริงๆ
“ปล่อยฉัน นายมันบ้าไปแล้ว!” มู่เวยเวยดิ้นรน
เย่ฉ่าวเฉินยิ้ม แววตาของเขาประกายแพรวพราว “ตอนนี้คุณก็นึกออกแล้วหนิ งั้นเรามาสะสางกัน一一ทีละบัญชี…”
พูดจบเขาเพียงแค่ยิ้มอย่างชั่วร้าย และไม่สนใจต่อการต่อต้านของเธอ จากนั้น…
เรื่องหลังจากนั้น มู่เวยเวยนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียงจ้องมองไปที่เพดานอย่างว่างเปล่า
“คุณก็มีประโยชน์เพียงแค่นี้” เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเบาๆ แล้วลุกขึ้น เพราะพึงพอใจมากจนทำให้ความมันบนใบหน้าเขาดูละมุนขึ้น
“เย่ฉ่าวเฉินนายมันสารเลว! ไอ้เลว! ฉันจะสาปแช่งนาย!” มู่เวยเวยตะโกนลั่น เธอนอนจ้องเขาอยู่บนเตียงอย่างโหดร้าย
หากสายตาฆ่าคนได้ เธอคงฉีกเขาเป็นชิ้นๆ
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้กับคำพูดที่ได้ยิน ก่อนจะเอ่ย “คิดไม่ถึงว่ายังมีแรงมาด่าผม ดูเหมือนว่าบทเรียนครั้งนี้จะยังไม่พอ…”
เขาเอ่ยพร้อมกับเดินเข้าไปหาเธอ มู่เวยเวยตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที ไม่กล้าดื้อรั้นอีกต่อไป เธอจ้องเขาไม่วางตา พร้อมกันย้ายตัวเองไปอีกด้านของเตียงโดยอัตโนมัติ
ยิ่งเขาเข้าใกล้มากเท่าไหร่ มู่เวยเวยก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
เย่ฉ่าวเฉินสัมผัสไปที่แก้มของมู่เวยเวย เธอหวาดกลัวจนกรีดร้องออกมา เย่ฉ่าวเฉินยกยิ้ม ดูเหมือนเขาจะพึงพอใจกับปฏิกิริยาของเธออย่างมาก “คราวหน้าถ้ายังกล้าดื้ออีก ก็ระวังตัวไว้ให้ดี”
มู่เวยเวยกัดฟันแน่น ไม่กล้าแม้จะส่งเสียงออกมา เย่ฉ่าวเฉินหยิบเสื้อผ้าตัวเองที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา แล้วเริ่มสวมมันอย่างพออกพอใจ
หลังจากแต่งตัวเสร็จ เขาก็กลับไปเป็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลาดังเดิม
ในใจของมู่เวยเวยมีแต่ความเคียดแค้น แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง สัตว์เดรัจฉานสวมเสื้อผ้า
ดูเหมือนว่าเขาจะรับรู้ได้ถึงสายตาอำมหิตของมู่เวยเวย เย่ฉ่าวเฉินหันกลับไปมองเธอ มู่เวยเวยจึงหดตัวกลับเข้าผ้าห่มทันที
เย่ฉ่าวเฉินเม้มปากด้วยความพึงพอใจ เขาไม่สนเธอ และเตรียมตัวเดินออกไปจากห้อง เขาเดินผ่านข้างๆ โต๊ะทำงาน เป็นเวลาเดียวกันที่ลมจากนอกหน้าต่างพัดเข้ามาพัดแบบที่ถูกทับไว้บนโต๊ะทำงานอย่างแรง
และแบบใบนั้นคือแบบที่มู่เวยเวยเพิ่งวาดขึ้นมาใหม่