วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 503 ความจริงถูกเปิดเผย

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของพี่หกก็หรี่ลง

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดออกมาอย่างแผ่วเบา: “พูดต่อสิ”

เมื่อเห็นว่าเริ่มได้การแล้ว ต้วนอีเหยาจึงรีบพูดต่อ: “ถ้าแกแค้นตระกูลเย่ แล้วมาตามชำระที่พี่น้องตระกูลเย่ มันช่วยแก้ไม่ได้หรอก ต่อให้แกจะทำอะไรลงไปพวกเขาก็ไม่เข้าใจ ต่างจาก ถ้าแกไปเผชิญหน้ากับผู้ใหญ่ของตระกูล เมื่อทันทีที่พวกเขาเห็นแก พวกเขาอาจจะเข้าใจและรับรู้ถึงเรื่องทั้งหมด”

“ การแก้แค้น คือการทำให้ศัตรูเจ็บปวดทุกข์ ฆ่าคนในตระกูล พวกมันต้องเจ็บปวดมากแน่นอน ต้องให้พวกมันทรมานลึกถึงข้างใน ให้รู้ว่านรกบนดินมันเป็นยังไง ทุกข์ไปตลอดชีวิต”

ในขณะที่ต้วนอีเหยาพูด เธอไม่ได้แสดงอาการสีหน้าอะไรเลย มันอึดอัดมากทั้งๆที่คนที่พวกเขากำลังพูดถึงคือคนใกล้ชิดของเธอ

แต่ปฏิกิริยาของเธอทำให้พี่หกสงสัยและถามว่า: “เท่าที่ฉันรู้ ความสัมพันธ์ของแกกับตระกูลเย่ก็ดีนี่ ถ้าทำแบบนี้แล้วแกจะได้อะไร?”

“ฉันพูดของฉัน แกทำของแก เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้นฉันต้องใช้โอกาสนี้พาอันนาหนีออกไป นี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”

คำพูดของต้วนอีเหยาทำให้พี่หกประหลาดใจและพึมพำ: “ยังอุตส่าบอกฉัน ซื่อตรงจริงๆ”

ต้วนอีเหยายิ้มอย่างเฉยเมยและพูดว่า: “ไม่ผิดหรอก ฉันมั่นใจมาก แถมยังกล้าบอกแกตรงๆ แกจะห้ามฉันก็ได้นะ มาดูกันว่าใครจะมีปัญญามากกว่ากัน”

“แกนี่ใจกล้าจริงๆ”

ต้วนอีเหยาขมวดคิ้ว มองไปที่พี่หกอย่างยั่วเย้า: “ฉันพูดจบแล้ว ตอนนี้แกก็ลองคิดๆดูนะ ว่ากล้าลองความท้าทายนี้หรือเปล่า”

“ถ้าฉันไม่เห็นด้วยก็คงจะดูน่าเกลียดสินะ”

“ใช่แล้ว ฉันอธิบายไปหมดแล้ว ถ้าแกยังไม่เอาด้วย ฉันก็หมดคำพูดแล้วจริงๆ”

มองไปที่ต้วนอีเหยา พี่หกพูดขึ้นว่า: “ดูเหมือนว่าฉันจะมีตัวเลือกเดียว”

“ ถูกต้อง”

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนทีละขั้น ต้วนอีเหยาก็โล่งใจเล็กน้อย

ตอนนี้ขึ้นอยู่กับการเตรียมการของเย่จิงเหยียน

……

เย่ฉ่าวเฉินและมู่เวยเวยเดินทางมาถึงอังกฤษอย่างมีความสุข เพื่อมาเที่ยวหาลูกๆในวันวันหยุด

แต่ไม่คิดว่าเมื่อพวกเขามาถึงก็ได้ยินข่าวที่น่าตะลึง

หลังจากได้ยินสิ่งที่เย่จิงเหยียนเล่า เย่ฉ่าวเฉินโมโหมาก

มู่เวยเวยรีบลูบหน้าอกของเย่ฉ่าวเฉิน เพื่อให้เขาสงบสติอารมณ์

แต่ได้ยินแบบนี้แล้ว จะให้สงบสติอารมณ์ได้ยังไง?

เย่ฉ่าวเฉินหายใจแรง จ้องมองไปที่เย่จิงเหยียนและถามว่า: “พวกแกน่าตีจริงๆ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่กลับปิดบังพ่อกับแม่!”

เย่จิงเหยียนก้มศีรษะลงและพูดว่า “ผมขอโทษ ผมคิดไม่ออกจริงๆ ”

หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เย่ฉ่าวเฉินก็สงบลงแล้วถามว่า: “สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง อีเหยากับผู้หญิงอันนาคนนั้น อยู่ในมือของอีกฝ่ายใช่ไหม?”

“ใช่”

“ แล้วแกไม่คิดจะออกไปหาพวกเธอหรอ?”

“ พี่หกคนนี้ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของตระกูลเย่ของพวกเรา ส่งคนออกไปกี่คนก็ไม่มีใครได้กลับมา”

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีใครกล้าหาเรื่องตระกูลเย่

ชายหนุ่มคนนี้กระตุ้นความโกรธในใจของเย่เฉ่าเฉินได้สำเร็จ

“หึ ก็เป็นแค่วัยรุ่นคนหนึ่ง จะเก่งแค่ไหนกันเชียว”

เย่จิงเหยียนเงยหน้าขึ้นมองเย่ฉ่าวเฉินแล้วพูดขึ้นว่า: “พ่อ ผมคิดว่าคนๆนี้ดูเหมือนว่าจะมีความแค้นกับตระกูลเรา”

“ อืม พูดว่าไง?”

“เขาเกลียดตระกูลเย่เรามาก”

เมื่อดวงตาของเขาหรี่ลง เย่ฉ่าวเฉินถามว่า: “แกกำลังหมายถึงเขาเป็นศัตรูกับตระกูลเย่งั้นหรอ?”

“ มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าจะพูดว่าเป็นศัตรู แต่ตอนที่เขาจับชวูเสวียไป เขาไม่ได้ทำร้ายเธอเลย แต่ดูแลเธอเป็นอย่างดี พฤติกรรมของเขาก่อนและหลังค่อนข้างขัดแย้งกัน ผมไม่เข้าใจคนๆนี้เลย”

“ถ้าแกไม่เข้าใจ งั้นก็ให้ฉันลองดูละกัน!”

“ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก เราต้องระวัง”

“จะไม่ระวังได้ไง ภรรยาของแกก็อยู่ในมือมันไม่ใช่หรอ!?” เย่ฉ่าวเฉินโกรธมากเมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้ “แกนี่มันจริงๆเลย ปล่อยให้ผู้หญิงของตัวเองไปเจออันตรายเพราะตระกูลเราได้ยังไง! ”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เย่จิงเหยียนก็ไม่พูดอะไร ก้มหัวลงเพื่อปิดความคิดที่อยู่ในดวงตาของเขา

เมื่อมองมาที่เขา มู่เวยเวยก็รู้ว่าเขากำลังเจ็บปวดแค่ไหน

ถอนหายใจเบาๆ มู่เวยเวยพูดกับเย่ฉ่าวเฉิน: “ช่างมันเถอะฉ่าวเฉิน ฉันว่าในใจของจิงเหยียนเองก็ทุกข์มากเช่นกัน ถ้ามีวิธีอื่น เขาคงไม่มีวันปล่อยให้อีเหยาไปเจออันตราย ต่อให้เธอจะด่าลูกให้ตายก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้มาหาวิธีช่วยอีเหยากับอันนาเถอะ”

“รอช่วยพวกเธอออกมาให้ได้ก่อน ฉันค่อยมาคิดบัญชีกับแก!” เย่ชวูเสวียจึงมองไปที่พ่อแม่ของเธอและพูดว่า: “พ่อกับแม่เพิ่งมาถึงอังกฤษเหนื่อยๆ ไปหาอะไรกิน พักผ่อนก่อนค่อยมาคิดเรื่องนี้เถอะ”

มู่เวยเวยก็ถือโอกาสนี้พูดขึ้นว่า: “ใช่สิ เรามาลองคิดดูดีๆ ในบรรดาคนที่เรารู้จัก มีใครบ้างที่เป็นศัตรูกับเรา”

“ฉันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจมาหลายปีแล้ว เดาว่าคงเป็นความข้องใจเมื่อหลายปีก่อน” เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วและคิด แล้วสั่งเย่จิงเหยียน: “แกไปหาข้อมูลของพี่หกคนนี้มา เดี๋ยวพ่อจะลองดูดีๆอีกที ”

“ ได้ครับพ่อ”

หลังจากสั่งเสร็จ

เมื่ออาหารพร้อม ครอบครัวใหญ่ก็มารวมตัวกัน แต่ก็ไม่เห็นเย่จิงเหยียนและเสี่ยวอวี้หลิน

เย่ชวูเสวียไปที่ห้องของเย่จิงเหยียน

เคาะประตูเดินเข้าไปถามว่า “พี่ ไม่กินข้าวหรอ?”

เย่จิงเหยียนนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ “ไม่กิน”

“กินสักหน่อยเหอะ อย่าให้พ่อกับแม่เป็นห่วง”

“เวลานี้ฉันต้องหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด ไม่มีเวลาไปกินหรอก”

“แต่ว่า……”

“เรียกคนยกอาหารขึ้นมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันค่อยกิน แบบนี้โอเคหรือยัง”

เดี๋ยว? คำว่าเดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน

เย่ชวูเสวียถอนหายใจเบาๆ จากนั้นเดินออกจากห้องและกลับไปที่ห้องอาหาร

มู่เวยเวยเห็นเธอเดินลงมาคนเดียวจึงถามว่า: “ พี่แกล่ะ?”

เย่ชวูเสวียส่ายหัวเบาๆด้วยความเศร้าโศก

หนานกงเจาถอนหายใจเบาๆแล้วพูดว่า “เฮ้อ ทุกคนในนี้ คนที่ทุกข์ใจที่สุดก็คงเป็นพี่”

มู่ยู่วฉีมองไปที่ที่ว่างข้างๆเขา ถอนหายใจและพูดว่า: “พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ยังมีเสี่ยวเซ่าของเราอีกคนนะ”

หลังจากได้ยินคำนี้หัวใจของทุกคนก็จมลง

ในขณะนี้ เสี่ยวอวี้หลินทำให้ทุกคนเป็นห่วงมาก นั่งอยู่ต่อหน้าเจ้านายของลูซี่ สีหน้าดูแย่มาก

“เรื่องที่ให้แกไปทำ เตรียมไปถึงไหนแล้ว?”

เจ้านายหยิบแผนที่วางไว้ตรงหน้าเสี่ยวอวี้หลินและพูดขึ้นว่า: “แน่ชัดแล้วว่าอิทธิพลของพี่หกในอังกฤษส่วนใหญ่อยู่ในสามภูมิภาคนี้”

ในขณะที่พูด เจ้านายวาดวงกลมสามบนแผนที่เพื่อเป็นสัญลักษณ์

แม้ว่าจะมีพื้นที่หลักแค่สามแห่ง แต่ก็ครอบคลุมย่านโคมแดงที่มีเศรษฐกิจรุ่งเรืองที่สุดและยังเป็นถิ่นของเขา

ความมั่งคั่งและรัศมีภาพทั้งหมดเหล่านี้ ถูกพรากไปจากเขา นี่ไม่ใช่แค่การสูญเสียทางการเงิน แต่ยังเป็นการหยามหน้าอีกด้วย ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะต่อยพี่หกคนนั้นสักพันครั้ง เพื่อระบายความเกลียดชัง!

เสี่ยวอวี้หลินเห็นความเกลียดชังในใจของเจ้านาย เขาพูดด้วยเสียงที่เย็นชา: “ถ้าฆ่าพี่หกได้ พื้นที่ทั้งหมดเป็นของคุณ ฉันไม่เอา”

หลังจากได้ยินเช่นนี้ เจ้านายก็ถึงกับผงะ ราวกับว่าเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เสี่ยวอวี้หลินพูด

ประเทศที่ร่ำรวยขนาดนี้ เขาพูดจริงๆหรอว่าไม่เอา?

“ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ เรื่องเงินมันไม่สำคัญหรอก ฉันแค่อยากทำลายมันให้ไม่เหลืออะไรเลย!”

เจ้านายขมวดคิ้วและพูดด้วยรอยยิ้ม: “จะว่าไปแล้ว เราเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดจริงๆ หลายปีมานี้ พี่หกก็ใช้อำนาจเกิน ถึงเวลาเอาคืนแล้วสินะ!”

“ถ้างั้นตอนนี้ ก็ออกไปสั่งสอนมันเถอะ!”

มองไปที่เสี่ยวอวี้หลิน เจ้านายเรียกลูกน้องมาด้วยรอยยิ้มและกระซิบอะไรบางอย่าง

คำสั้นๆแต่เหมือนทิ้งระเบิดลูกใหญ่ลงอังกฤษ

ร้านค้าหลายแห่งในเขตอิทธิพลของพี่หกถูกทำลายโดยกองกำลัง ผู้คนได้รับความสูญเสียอย่างหนัก

หัวหน้าสาขารับมือไม่ไหวและรีบรายงานสถานการณ์ให้พี่หกทันที

เผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ พี่หกรู้สึกชิน

“ถูกทำลาย เป็นไปไม่ได้ที่จะโดนทำลายแค่ร้านเดียว?”

“ใช่ ยังมีคาสิโนใต้ดินและธนาคาร ร้านเหล้า ฯลฯ ทั้งหมดได้รับผลกระทบ เหตุการณ์นี้เราได้รับความสูญเสียอย่างหนัก จะปล่อยคนที่อยู่เบื้องหลังไปไม่ได้! ”

“หาตัวคนทำมาได้ไหม?”

“ คนของอีกฝ่ายแปลกมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นคนยุโรปและเอเชีย ฉันดูไม่ออกว่าพวกมันเป็นแก๊งอะไร”

“พวกมันไม่ใช่แก๊ง ที่แกหาตัวไม่เจอก็ไม่แปลกหรอก ”

ลูกน้องตะลึงคิดว่าถ้าไม่ใช่แก๊งอีกฝ่ายจะมาหาเรื่องพวกเขาทำไม?

พี่หกลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่างหยิบซิการ์ออกมาดูด

ควันอ่อนๆกระจายไปที่หน้าต่าง ทำให้รูปลักษณ์ของพี่หกพร่ามัวและแววตาของเขาดูน่ากลัว

“พวกมันอยากให้ฉันปรากฏตัว ลงทุนไม่น้อยเลยนะ ถ้าเกิดฉันไม่ลงมือทำอะไรบ้างอาจจะทำให้พวกมันผิดหวังได้”

“ แล้ว เราจะทำยังไงต่อดี?”

“เดี๋ยวฉันไปดูเอง ไม่งั้น เกมนี้มันจะสนุกได้ยังไง”

ขับรถไปที่ร้านที่ถูกทำลาย พี่หกเดินดูรอยๆ พบว่าอีกฝ่ายโหดเหี้ยมจริงๆและที่เกิดเหตุเกือบจะกลายเป็นซากปรักหักพัง

“ ลูกพี่!”

เมื่อเห็นพี่หก มีคนหนึ่งวิ่งมาทันที

“เจอเบาะแสอะไรหรือเปล่า?”

อีกฝ่ายก้มศีรษะลงและพูดด้วยความหวาดกลัว: “ยังไม่เจอ พวกเราต้องการเวลา”

พี่หกเหล่ตาของเขาและพูดว่า: “ไม่ต้องหาแล้ว รีบจัดการให้เหมือนเดิมแล้วดำเนินธุรกิจต่อ”

มีคนมาทำลายข้าวของเสียหายขนาดนี้ ยังบอกว่าไม่ต้องหาตัวคนทำอีกหรอ?

คนที่อยู่ภายใต้พวกเขาไม่เข้าใจ แต่พวกเขาไม่มีความกล้าที่จะถามอะไร พวกเขาแค่ก้มหน้ารับคำสั่งแล้วตอบว่า: “รับทราบ”

ขึ้นรถเตรียมตัวกลับ พี่หกเห็นรถคันหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากกระจก หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก

อีกฝ่ายต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อติดตามเบาะแสของพี่หก

แต่พอไล่ไปสักพักก็พบว่ารถของพี่หกหายไป!

บ้าเอ้ย ทำไมตามไม่ทันอีกแล้ววะ!

พี่หกกลับไปที่เกาะ พบว่าเซี่ยอันนาอยู่ในห้องคนเดียว

เมื่อเห็นพี่หก ดวงตาของเซี่ยอันนาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เซี่ยอันนาไม่คิดว่าพี่หกจะกลับกะทันหันแบบนี้ ก่อนที่ต้วนอีเหยาจะออกไปเธอบอกว่าพี่หกมีธุระจนค่ำกว่าจะกลับ ดังนั้นเธอก็เลยออกไป

แต่ตอนนี้ จะบอกพี่หกยังไงเรื่องที่ต้วนอีเหยาออกไปข้างนอก?

เซี่ยอันนาตกอยู่ในความวิตกกังวล พี่หกอ้าปากพูด แต่ไม่พูดถึงต้วนอีเหยา

“แววตาของเธอแปลว่าอะไร กลัวฉันขนาดนั้นเลยหรอ?”

เซี่ยอันนาย่อตัวลงและตอบพี่หกด้วยการกระทำ

แต่พี่หกดูเหมือนจะไม่เห็น เขาขยับเข้าไปใกล้เซี่ยอันนาด้วยน้ำเสียงที่เงียบสงบและพูดว่า: “เพราะผู้หญิงคนนั้นอยู่ ฉันก็เลยไม่มีโอกาสได้คุยกับเธอดีๆ ”

“ฉันรู้สึกว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกัน”

“พูดแบบนี้มันทำให้คนเจ็บใจจริงๆ แต่ฉันมีเรื่องมากมายอยากคุยกับเธอ”

พี่หกก้าวไปข้างหน้า เซี่ยอันนาก้าวถอยหลังด้วยความกลัวบนใบหน้าของเธอ

“ฉันว่าเธอไม่ต้องกลัวฉันขนาดนั้นก็ได้ เพราะฉันจะไม่ทำร้ายเธอ คนที่ฉันอยากจัดการคือคนในตระกูลเย่”

“ ฉันไม่ยอมให้แกทำร้ายพวกเขาหรอก!”

พี่หกยิ้มอย่างเหยียดหยามและถามว่า: “เฮ้อ เธอจะเอาอะไรมาปกป้องล่ะ ความสวยหรอ? ”

ในขณะที่พูดพี่หกยื่นมือออกไปจับเซี่ยอันนา

เซี่ยอันนาหันหน้าหนีทันที น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจและพูดว่า: “ไปให้พ้น อยู่ห่างๆจากฉัน!”

พี่หกจับแขเซี่ยอันนา พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “รู้หรือเปล่า ยิ่งเธอขัดขืนเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งอยากเข้าใกล้เธอเท่านั้น ”

“โรคจิต!”

“ฉันก็โรคจิตแบบนี้แหละ เดี๋ยวเธอก็จะค่อยๆชอบคนโรคจิตอย่างฉันเอง!”

เซี่ยอันนากลัวมาก เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะทำอะไร

ถ้าหากเขาทำจริงๆ…… เซี่ยอันนาไม่มีวันรับได้แน่นอน!

ในขณะที่เซี่ยอันนากำลังจะต่อสู้ขัดขืน ต้วนอีเหยาก็รีบวิ่งเข้าไปดึงพี่หกออกไป และปกป้องเซี่ยอันนาดึงเธอมาอยู่ด้านหลัง

“แกกำลังทำอะไร!?”

ต้วนอีเหยากระชากคอเสื้อของพี่หก เขาก้มศีรษะลงจัดระเบียบเบาและพูดเบาๆว่า: “ติดต่อกับคนของแกเสร็จแล้วหรอ?”

ต้วนอีเหยาไม่ตอบ ขมวดคิ้วและจ้องไปที่เขา

“บอกเย่จิงเหยียนว่าส่งคนมาเท่าไหร่ก็ได้เท่าที่จะส่งได้ ฉลามของฉันในทะเลชอบของว่างแบบนี้ที่สุด”

ต้วนอีเหยายกคางขึ้นเล็กน้อยและพูดว่า: “ได้ ฉันจะบอกเขา”

พี่หกยิ้มอย่างชั่วร้ายและค่อยๆเดินเข้าไปหาต้วนอีเหยา

พวกเขายืนใกล้กันมาก แค่เพียงขยับหัวอีกนิดเดียวก็จะจูบกันแล้ว

หัวใจของเซี่ยอันนาตกไปอยู่ถึงพื้น เธอกลัวมาก

แต่ต้วนอีเหยายืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ขยับ และไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย

พี่หกเปิดปากพูดเบาๆด้วยความไม่พอใจ

“พวกแกดีใจได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวพวกแกจะได้รับรู้รสชาติของความรักที่เจ็บปวดมันเป็นยังไง พวกแกไม่มีชีวิตที่สงบหรอก!”

“แกรับรู้ถึงรสชาตินี้เป็นประจำหรอ?”

ต้วนอีเหยาหัวเราะเยาะ ทำให้สีหน้าของพี่หกตกตะลึง

ต้วนอีเหยาเข้าใจได้อย่างง่ายดาย เธอมองไปที่พี่หกด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า: “ตอบฉันสิว่าใช่หรือเปล่า?”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset