วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 504 ความรู้สึกที่สูญเสียไป

“หุบปาก!”

เขายิ้มอย่างนุ่มนวล ในรอยนั้นมีด้วยความเห็นอกเห็นใจ สงสารและความไม่ไยดีปนอยู่ในนั้นด้วย

“ในสายตาของคุณ ยังไงเราก็เป็นคนที่กำลังจะตายอยู่แล้ว ถึงรู้แล้วจะทำอะไรได้?แทนที่จะพูดออกมาตรงๆ ก็ถือว่าบอกให้เรารู้ว่ากำลังจะตายเพื่อใคร”

ต้วนอีเหยากำลังโมโหพี่หก เพียงครู่หนึ่งพี่หกก็สูญเสียเหตุผลของเขาไป

แต่เขาก็กลับมาใจเย็นอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว มีน้ำเสียงเหน็บแนมขณะที่พูดว่า: “ผู้หญิงเจ้าเล่ห์ ฉันรู้ เธอกำลังพยายามล้วงความลับ ฉันไม่ยอมให้เธอทำสำเร็จหรอก อีกอย่างเธอบอกว่าเธอมาเพื่อเซี่ยอันน่า แต่ฉันมองยังไงก็รู้สึกว่าเธอกำลังหลอกใช้เธอเพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาวของครอบครัวตระกูลเย่ของพวกเธออยู่”

พี่หกยิ้มให้เซี่ยอันน่าและพูดว่า “พูดตามตรง ถ้าเธอค้นพบความจริง เธอเลือกที่จะฆ่าเซี่ยอันน่าเพื่อปกปิดความจริงไหม?”

คราวนี้ก่อนที่ต้วนอีเหยาจะเอ่ยปากพูด เซี่ยอันน่าก็พูดออกมาว่า “คุณเลิกยุให้รำตำให้รั่วได้แล้ว ถ้าเทียบกับปีศาจที่ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาแบบคุณ ยังไงฉันก็จะเชื่อในพี่อีเหยาทั้งหมด”

พี่หกส่ายหน้าด้วยความเสียดายและพูดว่า: “อย่างเธออ่ะ มันไร้เดียงสาจริงๆ โลกนี้เลวร้ายกว่าที่เธอคิด การที่เธอทำดีกับคนอื่นแบบนี้ ไม่ได้แปลว่าเธอจะได้รับผลตอบแทนเช่นนั้นเหมือนกัน”

เซี่ยอันน่าอุทานและพูดว่า: “ตลกจริงๆ จู่ๆคนชั่วก็สอนให้คนอื่นมีความเมตตาและรู้จักสิ่งตอบแทน”

“ความชั่วของบางคนอยู่แค่ภายนอกแต่ความชั่วของบางคนซ่อนอยู่ภายใต้ความซื่อสัตย์นั้น ยิ่งทำให้คนรู้สึกขยะแขยง!”

“ความหมายของนายคือ คนในครอบครัวตระกูลเย่เลวกว่านาย?”

“ถูกต้อง บางทีตอนนี้พวกเธออาจจะยังไม่เข้าใจ แต่อีกไม่นานพวกเธอจะได้เปิดหูเปิดตาและพวกเธอจะได้รู้ว่าสำหรับฉันไม่ถือว่าเป็นคนเลวเลย”

ในขณะที่พี่หกพูดแบบนี้ ใบหน้าของเขาก็ดูจริงจัง ในดวงตาที่เย็นชาตลอดเวลามีกลิ่นไอที่ไม่ปกติอยู่

สิ่งนี้ทำให้เซี่ยอันน่าตกตะลึง เธอจ้องไปที่ดวงตาพี่หก ราวกับว่าเธอถูกใครบางคนสะกดจิตวิญญาณเอาไว้

ทันใดนั้นก็มีคนผลักเซี่ยอันน่าและดึงสติของเธอกลับมา

“อันน่า อย่าหลงกลเขา ผู้ชายคนนี้กลัวโลกใบนี้จะสงบสุข ดังนั้นทุกคนต่างตายไปเพื่อรับใช้เขาถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว”

พี่หกยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจและพูดว่า “เพราะหวังดีกับพวกเธอฉันเลยเตือนพวกเธอไว้ แต่พวกเธอกลับมาเข้าใจฉันผิด ช่างเถอะ ฉันจะไม่พูดอะไรเพื่อโน้มน้าวพวกเธออีกต่อไป ดังนั้นให้ความจริงสอนพวกเธอเป็นบทเรียนแล้วกัน”

หลังจากพูดจบพี่หกก็หันหลังจากไป

เมื่อเห็นว่าพี่หกไปแล้ว ต้วนอีเหยาก็หันไปจับมือเซี่ยอันน่าไว้และพูดว่า “อันน่าอย่าไปฟังไอ้บ้านั่น”

“แน่นอนว่าฉันไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่ … ” เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “ตกลงในปีนั้นเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้เขาเกลียดตระกูลเย่แบบนี้”

“เรื่องพวกนี้เราไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก ผู้อาวุโสของตระกูลเย่ไม่ใช่สิ่งของวางโชว์ เขารู้ว่าต้องทำยังไง สิ่งเดียวที่เราต้องทำในตอนนี้คือกลับบ้านอย่างปลอดภัย”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เซี่ยอันน่าก็ถอนหายใจอย่างเศร้าโศกเล็กน้อยและมีความสิ้นหวังปนอยู่ในนั้นจากนั้นก็พูดว่า: “หลายวันที่เธอมาก็เห็นมันมาตลอด พื้นที่รอบๆทั้งหมดเต็มไปด้วยน้ำทะเล เราไม่สามารถออกไปได้เว้นแต่พี่หกจะปล่อยไป”

“มีตั้งหลายล้านวิธี ถ้าเธอยอมแพ้เองก็ไม่มีโอกาสชนะจริงๆ”

เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้วคำพูดนี้ก็ฟังดูสมเหตุสมผล เซี่ยอันน่าแตะศีรษะของเธอและพูดอย่างรู้สึกผิดว่า: “อืม เป็นเพราะฉันมองโลกในแง่ร้ายเกินไป”

ต้วนอีเหยาจับมือเซี่ยอันน่าแน่นขึ้นและพูดว่า “อันน่า เธอต้องเชื่อในตัวฉันและครอบครัวบ้านตระกูลเย่ นี้ไม่ใช่จุดจบสุดท้ายของเราแน่นอน!”

เมื่อเห็นดวงตาที่แน่วแน่ของต้วนอีเหยา เซี่ยอันน่าก็พยักหน้า แต่ในใจยังคงรู้สึกไม่มั่นใจและมันก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

การตามหาเบาะแสของพี่หกก็ล้มเหลวอีกครั้ง

สิ่งนี้เกือบจะทำให้เสี่ยวอวี้หลินเป็นบ้าและทำให้เขาทำตัวบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

เขารู้ดีว่าการกระทำบางอย่างของเขาจะไม่ได้รับอนุญาตจากคนรอบข้าง จึงเริ่มคิดแผนการร้ายๆด้วยตัวเองโดยไม่ร่วมมือกับครอบครัวตระกูลเย่

ทุกคนค่อยๆค้นพบความผิดปกติของเสี่ยวอวี้หลินอย่างช้าๆและเมื่อเขาเตรียมดำเนินการเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง ก็หยุดเขาไว้ได้

“เสี่ยวอวี้หลิน นายทำอะไร?”

“จัดกำลังพลและเตรียมรับมือกับการโจมตี”

“นายบ้าหรือไง พื้นที่รอบๆเต็มไปด้วยน้ำทะเลและไม่มีที่กำบัง เพียงแค่คนของนายปรากฏตัวพวกเขาจะถูกโจมตีอย่างบ้าคลั่งและกองทัพทั้งหมดจะถูกกวาดล้าง!”

“แต่ก็ไม่ใช่ไม่ลงมือทำอะไรเลย จะเฝ้าแบบนี้ไปเรื่อยๆงั้นหรอ!” เสี่ยวอวี้หลินขยี้ผมของเขาเหมือนคนบ้า พร้อมกับพึมพำว่า “ผ่านไปหลายวันแล้ว ผมไม่สามารถรอได้อีกต่อไป!”

“เสี่ยวอวี้หลิน นายใจเย็นๆลงหน่อย!” เย่จิงเหยียนขมวดคิ้วแล้วจับไหล่ของเสี่ยวอวี้หลิน จากนั้นก็พูดว่า “อีเหยาก็อยู่ข้างใน ความกังวลของฉันไม่ได้น้อยไปกว่านายเลย แต่ถ้าเราเคลื่อนไหวอย่างประมาท ก็จะทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตราย!”

เขานั่งลงบนโซฟาด้วยสีหน้าทรุดโทรม น้ำเสียงขอเสี่ยวอวี้หลินแหบแห้งและพูดว่า: “ฉันเข้าใจเหตุผลดีแต่ฉันไม่สามารถนั่งรอให้ความตายมาเยือนได้”

“เราได้รับการยืนยันเวลาและพร้อมที่จะประลองกับพี่หกแล้ว”

การยืนยันในครั้งนี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินตกตะลึง

เขาเงยหน้าขึ้นมองเย่จิงเหยียนและถามว่า “คุณป้ากับคุณลุงตกลงแล้วหรือ?”

“ใช่ สิ่งที่นายต้องทำตอนนี้คืออดทนรอและอย่าสร้างปัญหาในตอนนี้”

ประโยคนี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ จากนั้นเขาก็พึมพำว่า: “สิ่งที่ผมทำได้ มีแค่เรื่องสร้างปัญหาหรอ?”

“เป็นห่วงมากไปจะสร้างความวุ่นวายขึ้นมาได้ นายในตอนนี้ตกอยู่ในความสับสนเลยไม่สามารถตัดสินได้ตามปกติ สิ่งที่เรากำลังเผชิญไม่ใช่ศัตรูธรรมดา แต่เป็นคนที่เกลียดครอบครัวตระกูลเย่เข้ากระดูกดำ เป็นพี่หกที่เรารู้จักอย่างลึกซึ้ง ยิ่งไปกว่านั้นเรายังมีญาติสนิทที่ตกอยู่ในมือเขา ยิ่งล้มเหลวไม่ได้”

นาย ไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้อีกต่อไปแล้ว!”

ดวงตาที่เจ็บปวดของเย่จิงเหยียน เข้าไปสกิดที่ก้นบึ้งของหัวใจเสี่ยวอวี้หลิน

เสี่ยวอวี้หลินเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า จากนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึม: “คุณพูดถูก ผมจะรีบจัดการกับตัวเองให้เร็วที่สุด”

“ฉันจะให้เวลานายสองสามวัน นายจัดการกับตัวเองก่อน รู้สึกว่าตัวเองโอเคแล้วค่อยมาเข้าร่วมกับเรา”

“โอเค”

ครั้งนี้หลังจากปลอบเสี่ยวอวี้หลิน เย่จิงเหยียนก็แจ้งเวลาและสถานที่นัดพบให้ต้วนอีเหยาทราบ

ต้วนอีเหยาไม่รอช้าพี่หกชำเลืองมองไปด้านข้างแล้วถามว่า “นี้อะไร?”

“เวลาและสถานที่นัดพบกับครอบครัวตระกูลเย่”

พี่หกเลิกคิ้วขึ้น แยกไม่ออกว่าเขาโกรธหรือมีความสุขและถามว่า “เย่ฉ่าวเฉิน มาอังกฤษแล้วหรือ?”

“ใช่”

“ดีมาก” ทันใดนั้นรอยยิ้มของพี่หกก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายมากและถามว่า “พวกเธอไม่กลัวว่าพอฉันโกรธขึ้นมาแล้วลงมือฆ่าเย่ฉ่าวเฉินหรอ?”

ต้วนอีเหยาแสดงท่าทีออกมาอย่างเย็นชาและขี้เกียจเยาะเย้ยเขา จากนั้นก็พูดว่า: “นายมีความสามารถนั้นหรือเปล่าเถอะ”

“ฉันจะทำให้เธอดูว่าฉันมีความสามารถนี้หรือเปล่า”

เธอไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระ จึงหันหลังและกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ตอนนี้เซี่ยอันน่ากำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

“อันน่า เตรียมตัวให้พร้อมในช่วงสองวันนี้เรามีโอกาสได้ออกไปจากที่นี้แล้ว!”

เซี่ยอันน่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องเศร้าหรือมีความสุขและเธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่า “จริงเหรอ?”

“แน่นอน ถ้าออกจากที่นี้เธอก็ไม่ต้องทนกลัวอีกต่อไป”

อันดับแรกเซี่ยอันน่ารู้สึกมีความสุขอย่างมาก จากนั้นไม่นานเธอก็เปลี่ยนกลายเป็นใบหน้าที่เศร้าแทน

เมื่อมองไปที่ทะเลและท้องฟ้าที่เป็นสีเดียวกัน เซี่ยอันน่าก็พูดว่า “แต่เราจะออกไปยังไงล่ะ?บริเวณรอบๆเต็มไปด้วยน้ำทะเล อยากออกไปโดยไม่ให้คนอื่นรู้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก”

“ถ้าพี่หกออกจากเกาะไป เกาะนี้ก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเราทั้งหมด เพียงแค่เขาออกจากที่นี้นานพอ ถ้าอยากไปจากที่นี้ มันก็ง่ายราวกับแค่พลิกฝ่ามือ”

พี่หกเคยออกจากที่นี้มาก่อน แต่ต้วนอีเหยาไม่เคยลงมือ

ตอนนี้ตัดสินใจแล้ว เป็นไปได้ว่า …

ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้น เซี่ยอันน่าถาม “ยากมาก คุณชายเย่และคุณนายเย่มาอังกฤษแล้ว?”

“ถูกต้อง”

คำตอบนี้ทำให้เซี่ยอันน่าทั้งประหม่าและกังวล

เมื่อเห็นอารมณ์ที่แปรปรวนของเซี่ยอันน่า ต้วนอีเหยาก็พูดเอาใจเธอว่า: “อย่าคิดมาก หน้าที่ของเราคือออกจากที่นี้อย่างปลอดภัย เพื่อไม่ให้จิงเหยียนและคนอื่นๆกังวล”

“ฉันรู้แล้ว”

“ถ้าถึงเวลาจะต้องทำยังไงบ้าง ฉันจะจัดเตรียมให้เธออีกครั้ง แค่ฟังคำสั่งจากฉันและอย่ากดดันมากเกินไป”

“โอเค”

ในที่สุดก็มีโอกาสจะได้ไปจากที่นี้ เซี่ยอันน่ารู้สึกตื่นเต้นมาก

เมื่อไหร่ที่เธอได้เจอเสี่ยวอวี้หลิน เธอจะต้องกอดเขาแรงๆและบอกเขาว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอคิดถึงเขามากแค่ไหน…

อีกฝั่ง–

แม้ว่าทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมไว้อย่างเหมาะสมแล้ว แต่เย่จิงเหยียนกลับรู้สึกไม่สบายใจเลย

เขาไปหาพ่อของเขาและมีเรื่องจะปรึกษา

“พ่อ”

“มีเรื่องอะไร?”

“ความเห็นของผมคือหาตัวแทนไปพบกับพี่หกเถอะ”

เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมองลูกชายของเขาและถามว่า “ทำไม?”

“คนนั้นไม่แน่ไม่นอนแถมยังชั่วร้าย ผมกังวลกลัวว่าพ่อจะได้รับบาดเจ็บ”

สำหรับเรื่องนี้ เย่ฉ่าวเฉินก็มีความยืนหยัดของตัวเองเช่นกัน

“ชายหนุ่มคนนั้นมีปมกับครอบครัวตระกูลเย่ ดังนั้นมีเพียงฉันคนเดียวเท่านั้นที่สามารถแก้ปมนี้ได้ มิฉะนั้นทำร้ายกันไปมาก็จะไม่มีวันจบสิ้น นอกจากนี้นี่ก็เป็นความรับผิดชอบของฉันและไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเข้ามาแทรก”

เย่จิงเหยียนทำอะไรไม่ถูกและมองไปที่มู่เวยเวยที่อยู่ข้างๆเขาพร้อมกับถามว่า “แม่ไม่โน้มน้าวพ่อหน่อยเหรอ”

ใบหน้ามู่เวยเวยเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

“ถ้าคำพูดของฉันได้ผล ตอนนี้เขาคงไม่ยืนอยู่ตรงนี้หรอก”

เมื่อเห็นภรรยาและลูกชายของตัวเองต่างทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เย่ฉ่าวเฉินก็เผยนิสัยดื้อรั้นออกมาและถามว่า: “พวกเธอไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของฉันหรือไง?ก็แค่พ่อหนุ่มคนหนึ่งฉันจัดการได้”

มู่เวยเวยถอนหายใจและพูดว่า “คุณตัดสินใจไปแล้ว ถึงฉันยับยั้งคุณไว้ก็ไม่มีความหมายอะไร ทำตามความคิดของคุณเถอะ ยังไงฉันก็เป็นห่วงคุณมาตลอดทั้งชีวิตและไม่น้อยไปกว่าครั้งนี้หรอก”

เย่ฉ่าวเฉินรายล้อมไปด้วยผู้หญิงอันเป็นที่รักของเขาแล้วเขาก็ใช้คางถูผมของมู่เวยเวยและพูดว่า: “ผมกลับมาเราไปเดินทางรอบโลกกันต่อนะ ไม่ว่าพวกเด็กๆจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีกก็ไม่สนพวกเขาแล้ว”

“ฉันหวังว่าคุณจะสามารถทำตามสิ่งที่คุณพูดในครั้งนี้ได้”

“แน่นอน ผมเคยผิดสัญญาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?นี้ก็หลายปีมาแล้วคุณควรเชื่อผมถึงจะถูกสิ”

สองสามีภรรยาหวนนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา เย่จิงเหยียนออกมาจากห้องในเวลาที่เหมาะเจาะเพื่อให้พวกเขาสองคนมีโอกาสได้อยู่ตามลำพัง

เมื่อเห็นเย่จิงเหยียนเดินออกไป เย่ชูวเสวียก็ถามอย่างรีบร้อน “เป็นอย่างไรบ้าง โน้มน้าวสำเร็จแล้วหรอ?”

เย่จิงเหยียนส่ายหัว

เย่ชูวเสวียถอนหายใจ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าและพูดว่า: “นี้ต้องอันตรายมากแน่ๆ ทำยังไงดี ฉันไม่อยากให้พ่อไปเสี่ยง”

“พ่อไม่ประมาทหรอก เราก็เชื่อใจเขาเถอะ อีกอย่างครั้งนี้มีเราช่วยเหลืออยู่ข้างๆ อย่าไปคิดในแง่มุมร้ายๆ”

เย่ชูวเสวียถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และพึมพำ “ตอนนี้ก็ทำได้แค่หวังว่าจะเป็นเช่นนี้”

ท้องฟ้ามืดครึ้ม คลื่นทะเลซัดไปมาและดูเหมือนว่าจะมีฝนตกหนัก

เซี่ยอันน่ายืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง เธอดึงคอไว้ด้วยความกังวล ไม่สามารถปกปิดความวิตกกังวลในสายตาของเธอได้เลย

วันดำเนินการถูกกำหนดให้เป็นวันนี้ พี่หกขึ้นเรือและออกเดินทางไปแล้ว ในตอนนี้น่าจะได้พบกับครอบครัวตระกูลเย่แล้ว

ไม่รู้เลยจริงๆว่าเมื่อทั้งสองฝ่ายมาเจอกันฉากนี้จะเป็นอย่างไร

ตอนที่เซี่ยอันน่ากระวนกระวายก็มีคนบุกเข้ามา

เมื่อได้ยินเสียงเซี่ยอันน่าก็ตกใจ

เมื่อหันกลับมา รูม่านตาของเธอก็หดตัวลงและเสียงของเธอก็เริ่มสั่น

“พี่อีเหยา ทำไมบนตัวพี่ถึงเปื้อนเลือดไปหมดเลย?”

“นี้ไม่ใช่เลือดของฉัน” การกระทำของต้วนอีเหยาเรียบง่ายและตรงไปตรงมา เธอโยนเสื้อผ้าให้ เซี่ยอันน่าชุดหนึ่งและออกคำสั่ง “นี้ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า!”

แม้ว่าจะมีคำถามมากมายในใจของเธอ แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่ควรถาม เซี่ยอันน่าทำได้เพียงตั้งคำถามไว้ในใจแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินตามต้วนอีเหยาและเดินออกจากห้องไป

เมื่อเดินออกมาด้านนอก เซี่ยอันน่าก็ตกใจเมื่อพบว่ามีศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น ดูเหมือนว่าเพิ่งมีการต่อสู้ที่ดุเดือดไป

แต่ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย?

ดูเหมือนว่า ต้วนอีเหยาและคนอื่นๆวางแผนไว้นานแล้ว เพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมจากนั้นก็โต้กลับเท่านั้นเอง

ต้วนอีเหยาและคนอื่นๆวิ่งกันอย่างรวดเร็ว แล้วเธอล่ะ? เพียงแค่รออย่างโง่เขลาและช่วยอะไรไม่ได้เลย

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เซี่ยอันน่าก็รู้สึกเสียใจมาก เท้าที่กำลังจะก้าวก็เริ่มรู้สึกหนักขึ้นมา

เมื่อพวกเขาวิ่งไปที่ชายหาดก็มีคนวิ่งเหยาะๆเข้ามาและโค้งคำนับให้ต้วนอีเหยา

“คุณนาย!”

“เตรียมเรือพร้อมหรือยัง?”

“เตรียมพร้อมแล้วครับ”

“ไปเดี๋ยวนี้เลย!”

บริเวณริมชายหาดมีจำนวนศพมากกว่าเมื่อกี้และดูสยดสยองอย่างมาก

ใบหน้าของเซี่ยอันน่าซีดลงและขาของเธอเริ่มสั่น

ทันใดนั้นก็มีมือยื่นออกมาตรงหน้าเธอ

“ถ้าเธอกลัวก็หลับตาลงแล้วจับมือฉันไว้”

เธอหายใจเข้าลึกๆจากนั้นเซี่ยอันน่าก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ต้วนอีเหยาและพูดว่า: “ฉันไม่เป็นไร ฉันทนได้ ออกจากที่นี้ก่อนเถอะ”

ในระหว่างที่พูดเซี่ยอันน่าก็แสร้งทำเป็นสงบลงจากนั้นก็เดินนำออกไป

ไม่จำเป็นต้องมองก็รู้ว่าในใจลึกๆของเซี่ยอันน่าต้องกลัวมากแน่ๆ

แต่เธอไม่อยากเป็นภาระของคนอื่นๆอีกต่อไป การแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมันทำให้คนดูรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย

โชคดีที่ทุกอย่างจบลงในไม่ช้า เซี่ยอันน่าจะได้กลับไปมีชีวิตแบบเดิมอีกครั้ง ลมที่ราบรื่นและคลื่นลมสงบ

ดวงตาของเธอมืดลง จากนั้นต้วนอีเหยาก็เดินตามไป

แต่ก่อนที่เขาจะขึ้นเรือ มีคนวิ่งกลับมาด้วยความตื่นตระหนกและดูหวาดกลัว

“คุณนาย พี่หกกลับมาแล้ว!!”

ต้วนอีเหยาขมวดคิ้วและพึมพำ: “ทำไมเขาถึงกลับมาเวลานี้ หรือว่า เขาพบเบาะแสบางอย่างขึ้น?”

“แล้วเราจะทำยังไงดี จะสู้หรือไปซ่อน?”

ต้วนอีเหยาคิดสักพักแล้วพูดว่า “ฉันไปยื้อพี่หกไว้ พวกนายยึดคลังแสงที่นี้เป็นของนายเอง ถ้าไม่ได้ก็ระเบิดมันซะ!”

“ครับ!”

หลังจากจัดเตรียมเสร็จสิ้น ต้วนอีเหยาก็ให้เซี่ยอันน่าหาที่ซ่อนที่ปลอดภัย

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset