เสี่ยวอวี้หลินเดินเข้ามาจูบหน้าผากเธอและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมหน้าดูเครียดๆ?”
เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วและมองไปที่ เสี่ยวอวี้หลิน จากนั้นพูดสิ่งที่ใจกำลังเป็นกังวลอยู่ว่า “ซีซีเหมือนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่าทีของเธอดูแปลกๆ”
“งั้นลองคุยกับเธอดู”
“ฉันพูดแล้ว แต่เธอไม่บอก ฉันเดาว่าเธอคงไม่อยากให้ฉันเป็นห่วงแต่ยิ่งฉีฉีเป็นแบบนี้ฉันก็ยิ่งเป็นห่วงมากกว่าเดิมอีก”
เสี่ยวอวี้หลินคิดสักพักแล้วพูดว่า “งั้นลองโทรหาชวีเสวียซิ บางทีเธออาจจะรู้อะไรบ้าง”
“ก็ดีเหมือนกัน”
เซี่ยอันน่าหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และกดโทรหาเย่ชวีเสวียทันที
เพราะเซี่ยอันน่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซีซีกันแน่ เธอจึงไม่ได้ถามออกไปโพล่งๆ แต่เลือกถามเรื่องงานของ ซีซีแทน
“ซีซีเหรอ ก็โอเคนะ ตั้งใจทำงานมากด้วย แต่ว่า… “
“แต่อะไร?”
“แต่เธอเพิ่งโทรมาขอลาเมื่อกี้บอกว่าช่วงนี้เธอกำลังยุ่งๆกับการเรียน เธอเลยขอหยุดสองวัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เซี่ยอันน่ามั่นใจ 100% เลยว่า ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นซีซีแน่
เซี่ยอันน่าคุมอารมณ์และถามว่า”เธอสังเกตเห็นซีซีมีอะไรผิดปกติบ้างไหม? เอ่อ ฉันหมายความว่าเธอกังวลเรื่องเรียนมากเกินไปหรือเปล่าน่ะ”
เย่ชวีเสวีย คิดสักพักส่ายหัวและพูดว่า”เหมือนจะไม่มีนะ ที่เห็นก็ปกติดี มันจะดีกว่านี้ ถ้า มู่ยู่วฉี ไม่มาวุ่นวายกับเธอ”
เซี่ยอันน่างุนงงและถามว่า”ทำไมถึงมีเรื่องเกี่ยวข้องกับมู่หยู่ฉีอีกล่ะ?”
เย่ชวีเสวีย รู้สึกโกรธเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พูดว่า”พวกเธอไม่รู้หรอกว่านายเพลย์บอยคนนี้ มาหลอกล่อซีซี? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันห้ามไว้ ซีซีคงจะได้กลายเป็นเหยื่อของเขาแน่!”
ยังมีเรื่องนี้อีกเหรอ!?
เซี่ยอันน่าและ เสี่ยวอวี้หลินมองหน้ากันสงสัยว่า ใจคิดว่าที่ซีซีเป็นแบบนี้เพราะเกี่ยวกับมู่ยู่วฉีเหรอ?
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรใหญ่โตก็ดีแล้ว งั้นเอาแบบนี้ มีเวลาแล้วค่อยคุยกัน”
“อืม เธอกับเสี่ยวอวี้หลินก็ดูแลตัวเองด้วย”
เซี่ยอันน่าพูดอีกสองสามคำ จากนั้นวางสาย มองไปที่เสี่ยวอวี้หลินอย่างครุ่นคิด
เมื่อเห็นสายตาของเซี่ยอันน่าเสี่ยวอวี้หลินก็รู้สึกเหมือนมีลางไม่ดี
“เธอ…ทำไมถึงมองฉันแบบนี้ ยัยเย่ชวีเสวีย พูดว่าอะไรเหรอ?”
เซี่ยอันน่าก็พยักหน้าช้าๆ
“โห่ เธอรีบบอกฉันมาเถอะว่าคุยอะไรกับยัยนั่นกันแน่ ท่าทางของเธอตอนนี้ ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ”
เซี่ยอันน่ากัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ แล้วค่อยๆพูดว่า
“นายคิดว่า มู่ยู่วฉี เป็นเพลย์บอยไหม?”
“ของธรรมชาติ”
เสี่ยวอวี้หลินตอบรับทันควัน
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพี่น้องท้องเดียวกัน
แต่ถึงแม้ว่า มู่ยู่วฉี จะหลายใจ แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะคบซ้อน เขาแค่มักจะชอบคนง่าย รักคนง่ายเท่านั้นเอง
คำพูดของ เสี่ยวอวี้หลินทำให้เซี่ยอันน่าคิ้วขมวดกว่าเดิม จากนั้นพูดว่า”ฉันกังวลว่า มู่ยู่วฉี จะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับ ซีซี”
“เป็นไปไม่ได้ สเปคของ มู่ยู่วฉี ไม่แย่ขนาด…….เอ่อ ฉันหมายถึงว่าไม่จืดชืดขนาดนั้น สเปคที่เขาชอบ
ไม่ตรงกับซีซีเลย”
เซี่ยอันน่า จ้องไปที่ เสี่ยวอวี้หลินจากนั้นเขาก็รีบแก้คำพูด
แต่ความหมายที่แท้จริงของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย นั่นก็คือ มู่ยู่วฉี ไม่มีวันใจเต้นกับซีซี
แต่เซี่ยอันน่าก็ยังไม่สบายใจ ถามว่า”เพราะพวกเราไม่ได้อยู่ใกล้ๆเธอ เราเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ฉันคิดว่า เราโทรหาเขาและลองแกล้งพูดอะไรบางอย่างดีไหม?”
“เธออยากโทรหามู่ยู่วฉีเหรอ?”
“อื้ม”
เสี่ยวอวี้หลินรีบยื่นโทรศัพท์ของเขาส่งให้เธอ
“งั้นก็โทรเลยแต่คิดสิ่งที่เธอต้องการพูดให้ดีๆก่อน ในใจจะได้ไม่เถียงกัน”
เซี่ยอันน่ายิ้มให้ เสี่ยวอวี้หลิน จากนั้นก็รับโทรศัพท์มาและกดโทรหามู่ยู่วฉี
ในตอนนี้มู่ยู่วฉีดูเหมือนจะอยู่ในระหว่างการประชุม เพราะหลังจากกดรับสาย เขายังหันมอบหมายงานให้คนข้างๆเขาฟัง ผ่านไปสักสองสามวินาทีก่อนที่จะพูด
“ยังจำได้ว่าต้องโทรหาฉันอยู่เหรอ ฉันคิดว่านายตายไปแล้ว”
“มู่ยู่วฉี ฉันเองเซี่ยอันน่า”
เมื่อได้ยินเสียงของเซี่ยอันน่า มู่ยู่วฉีก็ผงะเล็กน้อย จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้น”ทำไมเป็นเธอที่โทรหาฉัน มีอะไรเกิดขึ้นที่นู่นหรือเปล่า?”
“ไม่มีไม่มี ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่ต้องกังวล”
“จริงๆเหรอ?”
“จริงๆ.”
มู่ยู่วฉี รู้สึกโล่งใจ หลังจากได้รับคำพูดของเซี่ยอ
“ฮู้วว งั้นก็ดี”
เซี่ยอันน่าถือโทรศัพท์แน่น และรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“ฉันโทรมาเพื่อถามคำถามกับนาย”
หลังจากที่มู่ยู่วฉีได้ยินเขาก็ยิ้มและพูดว่า”อันน่ามีอะไรจะพูดก็พูดมาตามตรง อย่าใช้น้ำเสียงแบบนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิด”
เหมือนกับ เสี่ยวอวี้หลินพี่ชายแท้ๆของเขาไม่มีผิด
“นาย……รู้จักซีซีไหม?”
เมื่อได้ยินชื่อของซีซีมู่ยู่วฉีก็หยุดชั่วขณะจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ”รู้จักซิ เพื่อนของเธอไม่ใช่เหรอ?”
“แล้วความสัมพันธ์ของนายกับเธอเป็นยังไง?”
“ไม่เป็นอะไรนี่ ฉันกับเธอเคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง คงยังไม่นับว่าเป็นเพื่อนเลย”
อืม เจอไม่กี่ครั้งจริง แต่เคยกินข้าวมาด้วยหลายครั้งแล้ว แถมเคยไปค้างคืนที่บ้านของเขาแล้ว
“แค่นี้เหรอ?”
“ใช่,”จากนั้นมู่ยู่วฉีก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้ เขาถามว่า”เธอโทรหาฉันและถามเรื่องนี้เพราะยัย ชวีเสวีย พูดอะไรกับเธอใช่ไหม?”
มู่ยู่วฉี แค่เดาก็รู้ได้เซี่ยอันน่าจึงไม่ได้ปกปิดมันอีก
“ฉู่ซือบอกฉันบางอย่างกับฉัน ฉันเลยคุยกับนาย เพื่อยืนยัน”
มู่ยู่วฉีพูดอย่างเบื่อหน่าย ว่า”เธออะ คิดมากเกินไป แค่เมื่อฉันคุยกับ ซีซีไม่กี่ประโยค ก็คิดมาได้ว่าฉันกำลังจะล่อลวงซีซีในสายตาของพวกเธอ คิดว่าฉันหิวจนกินไม่เลือกกมากขนาดเลยเหรอ?”
เซี่ยอันน่ารีบอธิบาย”ฉันไม่ได้หมายถึงอย่างอื่น แต่แค่เมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับฉีฉี แล้วรู้สึกว่าน้ำเสียงท่าทางของเธอผิดปกติไปมาก ตอนแรกฉันคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับนาย ถ้าไม่เกี่ยวกับนาย แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”
“หรือเพราะไม่สบาย? เธอเป็นลำไส้อักเสบเมื่อสองวันก่อน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เซี่ยอันน่าก็สงสัยและถามว่า”นายรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”
มู่ยู่วฉีเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า”ฉันรู้จาก ชวีเสวีย ครั้งสุดท้ายที่ฉันไปร้านขนมของเธอ ฉันได้ยินเธอพูด”
คำอธิบายของ มู่ยู่วฉี นั้นสมเหตุสมผลมาก ถึงแม้ว่าเซี่ยอันน่าจะรู้สึกแปลกๆไม่ชอบมาพากล แต่เธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
เซี่ยอันน่าถอนหายใจและพูดว่า”ฉีฉีไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ถ้าเธอป่วย เธอจะบอก แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าซีซีกำลังปกปิดอะไรบางอย่างอยู่ เธอเป็นผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดี แต่เธอกลับร้องไห้ในโทรศัพท์ ฉันเป็นห่วงเธอจริงๆ”
คำพูดของเซี่ยอันน่าทำให้หัวใจของ มู่ยู่วฉี รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
ซีซีร้องไห้ได้อย่างไร? ใครทำให้เธอร้องไห้?
มู่ยู่วฉี ชอบรอยยิ้มของซีซีมากที่สุด เขาทนไม่ได้ที่ต้องเห็นผู้หญิงที่ชอบหัวเราะคนนั้น มีน้ำตา เขาพร้อมจะปกป้องซีซีเพื่อให้เธอมีรอยยิ้มที่บริสุทธิ์
เมื่อได้ยินสิ่งที่เซี่ยอันน่าพูด มู่ยู่วฉี จึงพูดตอบกลับ”ฉันจะหาเวลาไปดูเธอ ไม่ต้องกังวล รับทราบคำสั่งของแล้ว จะดูแลซีซีให้ดี”
เซี่ยอันน่ากระพริบตาสีหน้าถี่ และรู้สึกสับสน
ดูเหมือนเมื่อเธอจะไม่ได้สั่งอะไรกับมู่ยู่วฉีนะ
“ฉันยังมีบางอย่างที่ต้องทำ เรื่องทางนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันแล้วกัน เธอกับ เสี่ยวอวี้หลินพักผ่อนกันเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
หลังจากพูด มู่ยู่วฉี ก็วางสายโทรศัพท์ทำให้เซี่ยอันน่าไม่มีโอกาสตอบกลับ
วางโทรศัพท์เซี่ยอันน่ามองไปที่ เสี่ยวอวี้หลินอย่างทำอะไรไม่ถูก
เสี่ยวอวี้หลินได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง
เพียงแค่ว่าในตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนเมื่อกี้
“มู่ยู่วฉี กำลังโกหก”
เซี่ยอันน่าได้ยินแบบนั้น ก็รีบถามกลับว่า”นายหมายความว่าอะไร?”
“ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซีซีไม่ใช่แค่นั้น”
“งั้นแปลว่าเขารังแก ซีซี? ให้ตายเถอะ ตอนนี้ฉันจะกลับไปคิดบัญชีกับเขา! เขากล้าทำให้ซีซีร้องไห้ ให้อภัยไม่ได้!”
เซี่ยอันน่าพูดจบ และเตรียมจะโทรจองตั๋วและเดินทางกลับทันที
แต่ เสี่ยวอวี้หลินห้ามเธอไว้และพูดว่า”ใจเย็น ๆ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
“หมายความว่ายังไงบอกมาสิ ฉันเครียดจะตายอยู่แล้ว”
ดวงตาของ เสี่ยวอวี้หลินมืดลงเล็กน้อยและพูดว่า”ฉันขอคืนสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดกลับไปเมื่อกี้ บางที มู่ยู่วฉี อาจจะไม่ได้ไม่สนใจซีซีเหมือนที่เขาแสดงออกมา”
เซี่ยอัน่าสับสน และถามต่อว่า ”มู่ยู่วฉี สนใจซีซีเหรอ?”
“อื้ม สนใจมากกว่าที่ฉันคิด”
เซี่ยอันน่าได้ยินแบบนั้น นอกจากจะไม่รู้สึกโล่งใจแล้ว ยังรู้สึกกังวลมากขึ้นกว่าเดิมอีก
“ตามที่นายพูด ที่เขาทำกับซีซี อาจทำให้ซีซีเข้าใจผิดและตกหลุมรักเขา และในท้ายที่สุดเขาจะทิ้งเธอและเธอก็จะเจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ!? ไม่ไม่ไม่ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าสถานการณ์ของซีซีตอนนี้แย่มาก”
เสี่ยวอวี้หลินค่อยๆกอดเซี่ยอันน่าและพูดว่า”อย่าคิดอะไรมั่วซั่วเลย เธอรู้ได้อย่างไรว่ามู่ยู่วฉีจะทำให้ฉีฉีเสียใจ? ในเรื่องของความรู้สึก คนที่ดูอยู่ข้างไม่มีทางรับรู้ได้ ตอนแรกเราก็ไม่ได้ดีแบบนี้ ดูตอนนี้ซิทุกอย่างออกมาโอเคมาก”
เซี่ยอันน่ามองไปที่ เสี่ยวอวี้หลินและพูดว่า”แต่นายไม่เหมือนกับ มู่ยู่วฉี นายบอกเองว่าเขาเป็นเพลย์บอย”
เสี่ยวอวี้หลินอยากจะตีปากของตัวเองจริงๆทำไมคุณถึงตัดสินพี่ชายของตัวเองแย่ๆแบบนั้น? เฮ้อ หลุมที่ฉันขุด แม้ว่าฉันจะร้องไห้มากแค่ไหน ฉันก็ต้องเติมกลับให้เต็ม
เสสี่ยวอวี้หลินเอาหน้าถูกับผมของเซี่ยอันน่าและกล่าวว่า”เราเป็นฝาแฝดกันนะ ฉันดีขนาดนี้ แล้วเขาจะไปไหนได้ล่ะ?
“เชื่อฉัน มู่ยู่วฉีเป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อความรู้สึกคนอื่นมาก เขาไม่เล่นกับความรู้สึกของคนอื่นแน่”
เซี่ยอันน่าเม้มริมฝีปาก และพึมพำว่า”เขาเป็นพี่ชายของนาย แน่นอนว่านายต้องพูดให้เขาดูดี”
ด้วยแขนที่กระชับขึ้นเล็กน้อย เสี่ยวอวี้หลินกล่าวว่า”ฉันระบุข้อเท็จจริงและจะไม่เข้าข้าง ถ้าเธอยังรู้สึกไม่สบายใจ ฉันจะให้เขาสำรวมตัวเองหน่อย และอย่าเพิ่งทำอะไร รอจนกว่าเราจะกลับไปค่อยคุยกัน”
เฮ้อ คงทำได้แค่นี้แหละ
เซี่ยอันน่าพิงไหล่ของ เสี่ยวอวี้หลินและถอนหายใจเบา ๆ ความกังวลมากมายในใจของเธอเพิ่มขึ้น
เพื่อปลอบใจเซี่ยอันน่าเซี่ยวหยู่หลิน เขาจึงแอบหาโอกาสโทรหามู่ยู่วฉีโดย เพื่อถามว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง
แต่มู่ยู่วฉีดูเหมือนจะยุ่งมาก พูดไม่กี่คำ ก็บอกว่าประชุมอยู่ จากนั้นก็วางสายไป
เสี่ยวอวี้หลินทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นเขาจึงต้องหาโอกาสอื่น เพื่อที่จะได้คุยกับเขาอีก
…….
มู่ยู่วฉีอยากไปหาฉีฉี แต่เขาเคยพูดไว้ก่อนแล้วและจะไม่มารบกวนชีวิตของเธออีก ตอนนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะมาเจอ แบบนี้ไม่เหมือนเป็นการกลืนคำพูดตัวเองเหรอ?
ถ้ายัย เย่ชวีเสวีย รู้เรื่องนี้ ต้องมาเยาะเย้ยตัวเองอีกแน่ๆ
ดังนั้น มู่ยู่วฉี ต้องหาข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผลก่อน
แต่ว่าจะมองหาข้อแก้ตัวอะไร
มู่ยู่วฉีกำลังร้อนรนอยู่นั้น ผู้ช่วยของเขาก็ส่งเอกสารหลายชุดที่ต้องให้เขาเซ็นมาให้
หลังจากรับเอกสารแล้วมู่ยู่วฉีก็เขียนชื่อของเขาทีละแผ่นๆ จากนั้นก็หยุด
นี่เป็นข้อตกลงการบริจาค และการบริจาคนี้ใช้เพื่อเป็นทุนในการซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ตามที่มหาวิทยาลัยต้องการ
และมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นที่ที่ซีซีเรียนอยู่
ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้น ดูเหมือนจะนึกถึงอะไรขึ้นได้ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยและเขาก็เซ็นชื่อลงในเอกสารต่อ
ตั้งแต่วันที่เธอวิ่งออกจากหอประชุมมหาวิทยาลัยซีซีก็รู้สึกหดหู่และไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเธออีกเลย
แต่ก่อน เธอคงฝืนยิ้มและทำเป็นไม่สนใจเรื่องพวกนั้น
แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงจะเสแสร้งแล้ว และไม่สนว่าคนอื่นจะคิดหรือจะมองอย่างไร
กิจวัตรประจำวันของซีซีคือกิน เรียนด้วยตนเอง นอน และบางวันเธอก็ไม่พูดอะไรเลยก็มี
ซีซีคนเดิม ถ้าไม่ให้พูดทั้งวันคงอึดอัดตายไปแล้ว
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ไม่มีใครมารบกวนก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องทนฟังคำพูดแย่ๆพวกนั้น
ซีซีไม่ขออะไรมาก เธอแค่อยากจะทบทวนหนังสืออย่างเงียบๆเท่านั้น
แต่แม้กระทั่งคำของ่ายๆเช่นนี้ก็กลายเป็นความหวังที่ยาก
ซีซีเดินไปกินข้าวคนเดียวที่โรงอาหาร
กระดานข่าวหน้าโรงอาหารถถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน พวกเขาอ่านข่าวนั่น จากนั้นก็หันมาคุยกัน
ทันใดนั้น มีคนเห็นซีซีและตะโกนทันที”มาดูกันเร็วว่ามีใครมา”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ทุกคนมองไปที่ซีซีพร้อมกับแสดงออกอาการคึกคักขึ้น
หัวหน้าห้องและชายใส่แว่นก็อยู่ข้างใน และหัวหน้าห้องกำลังยืนพิงอยู่ในอ้อมกอดของชายใส่แว่น มองไปที่ซีซี
แต่ซีซีดูเหมือนจะไม่ได้ยินและเดินตรงไปข้างหน้าพวกเขา
“สวัสดีซีซี!”
หัวหน้าทีมไม่ยอมปล่อยซีซีไป เธอเรียกซีซีดังลั่น
ซีซีหยุดฝีเท้า และหันหน้าไปมองหัวหน้าทีมด้วยท่าทีไร้อารมณ์
หัวหน้าทีมตกใจเล็กน้อย ที่เห็นซีซีเพราะดวงตาของซีซีดูว่างเปล่าและน่ากลัว
แต่แค่ไม่กี่อึดใจหัวหน้าทีมก็รอยยิ้มชั่วร้าย”ประกาศนี่เกี่ยวกับเธอ เธอจะไม่อ่านหน่อยเหรอ”
ซีซีตอนแรกแค่จะเหลือบมองไปที่กระดานข่าวแวบนึง และเดินออกไป
แต่เนื้อหาในข่าวกลับทำให้เธอถึงกับต้องหรี่ตามอง
เมื่อเห็นท่าทีของซีซีหัวหน้าทีมก็กอดอกและเยาะเย้ยต่อหน้าทุกคนว่า”ให้ฉันมองนะ แค่เธอถูกริบรางวัลไปยังไม่พอ เพราะคนหน้าด้านคนไร้ยางอายอย่างเธอเนี่ย ควรถูกไล่ออกจากมหาลัยด้วยซ้ำ”
ซีซีไม่ได้ยินคำพูดของหัวหน้าทีมเธอมองไปที่กระดานข่าวนิ่ง ราวกับว่าร่างกายของเธอถูกแช่แข็ง
ประกาศศบอกว่าเพราะการใช้ชีวิตผิดๆของซีซี ทำให้ถูกยกเลิกรางวัล
ผลนี้ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายในสมองของซีซีขาด.