เห็นท่าทีทุกข์ใจของซีซี ชายใส่แว่นก็พอใจ
กล้าทำให้เขาขายหน้า ก็อย่าหวังว่าจะได้เจอชีวิตดีๆอีกเลย
ถ้าเขายังไไม่รู้สาสม เธอก็จะต้องได้รับผลตอบแทนแบบนี้ไปเรื่อยๆ!
จากนั้นเขาก็เตรียมพูดขึ้น
แต่ยังไม่ทันที่ได้เริ่มพูด ซีซีก็ปรี่เข้าไปดึงประกาศลงมา
ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เมื่อเธอดึงประกาศลงมาแล้ว จากนั้นก็โยนลงที่พื้น และเหยียบๆเต็มแรง
“ซีซี เธอบ้าไปแล้วเหรอ? นี่เป็นกสรตัดสินของมหาลัย นี่เธอไม่พอใจอาจารย์กับมหาลัยเหรอ?”
หัวหน้าห้องจงใจพูดเสียงดัง แต่ซีซีไม่ได้สนใจ กลับกระทืบประกาศอยู่อย่างนั้นเหมือนคนเป็นบ้า
เมื่อเห็นซีซีไม่ฟังที่เธอพูด เธอจึงเดินไปหยิกซีซีอยู่หลายต่อหลายที
แต่ซีซีเหมือนไม่รู้สึกเจ็บ ใช้แรงทั้งหมดผลักหัวหน้าห้องออกไป
“โอ๊ย..”
หัวหน้าห้องล้มลงกับพื้น
เมื่อเห็นแฟนของตัวเองโดนทำร้าย ชายใส่แว่นก็รีบเข้าไปยกมือซีซีขึ้น และตบหน้าเธอหนึ่งฉาด
เพี้ยะ!
หน้าซีซีแดงก่ำ เธอยืนนิ่ง
“นังชั่ว บ้าพอหรือยัง! เธอจะทำแฟนฉันเหรอ?”
เสียงฮือฮาเมื่อครู่ ทันใดนั้นก็หยุดลง
“พวกเธอทำอะไรกันน่ะ!”
เสียงดุดังขึ้น ทำให้ทุกคนต่างก็เงียบกริบ และค่อยๆถอยออกมา ให้ตรงกลางเหลือไว้แค่ซีซี
ไม่มีใครกล้าปริปาก เพราะคนที่พูดเมื่อกี้คืออธิบการบดี
ข้างๆกันมีคณบดีท่านอื่นๆอยู่ด้วย และยังมีชายวัยรุ่นยืนอยู่ข้างๆกันอีกคน
ชายคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือมู่ยู่วฉีนั่นเอง
อธิการบดียิ้มแหยๆ และหันไปพูดกับมู่ยู่วฉีว่า “นักศึกษาพวกนี้หัวดื้อไปหน่อยน่ะครับ”
มู่ยู่วฉีไม่ได้พูดอะไร แต่กลับค่อยๆเดินไปข้างหลังซีซี
ทุกคนไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร จึงไม่มีใครกล้าปริปาก
เขาก้มมองดูประกาศที่อยู่บนพื้น จากนั้นพูดขึ้นว่า “การใช้ชีวิตมีปัญหา? อธิการบดีครับ อธิบายกับผมได้ไหมครับว่าการใช้ชีวิตมีปัญหาหมายความว่าอย่างไร?”
เพราะอธิการบดีไม่ได้รู้รื่องอะไรของซีซี เขาจึงหันไปมองหน้าคณบดีท่านหนึ่ง
คณบดีหน้าซีด ไม่รู้จะตอบอย่างไร
เขาเดินเข้ามากระซิบข้างหูอธิการบดี จากนั้นหน้าของอธิการบดีก็เปลี่ยนไป
ระหว่างนั้นเอง มู่ยู่วฉีจับคางของซีซีเงยขึ้น มองไปยังรอยอช้ำบนใบหน้าของเธอ
รอยช้ำนั้น ทำให้เขาเจ็บปวดใจมาก แต่ที่ทำให้เขาปวดใจมากกว่าคือท่าทางของซีซี
ซีซีแต่ก่อนเป็นคนที่สดใสร่าเริงมาก และไม่ว่าจะเจอเรื่องทุกข์ใจอะไรมาก แต่ทุกๆครั้งที่มองเห็นเธอ ทุกข์เหล่านั้นก็จะหายไป ยิ่งได้คุยกับเธอ ทุกข์นั้นก็ยิ่งหายไปเร็วกว่าเดิม
แต่ตอนนี้ เธอไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ท่าทางของเธอดูหดหู่ และไม่สดใสอีก ใบหน้าของเธอซูบผอมลงไปมาก สายตาที่มองมาก็ไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย
เธอเป็นแบบนี้ ทำให้เขาเจ็บหัวใจเหลือเกิน จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว
กวาดสายตาไปรอบๆ และถามชายใส่แว่นว่า “เมื่อกี้นายตบเธอใช่ไหม?”
“ผม…ผม…”
ชายใส่แว่นเห็นท่าทีของมู่ยู่วฉีก็กลัวมาก
ใบหน้าของมู่ยู่วฉีเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่มีรอยยิ้มใดๆ
“นี่เป็นคุณภาพของนักศึกษามหาวิทยาลัยนี้เหรอ? ตบตีผู้อื่นต่อหน้าสาธารณชน อีกอย่างพวกคุณไม่สามารถตัดสินหรือทำอะไรแทนเด็กได้ อีกยังทำให้เขาไม่ได้รับความยุติธรรมอีก มหาวิทยาลัยแบบนี้ไม่สมควรได้รับการบริจาคจากผมจริงๆ”
เมื่อได้ยินดังนั้น อธิบการบดีก็เหงื่อตก
“ไม่ใช่นะครับ เป็นการเข้าใจผิดครับคุณมู่”
“เข้าใจผิด? หรือว่าเมื่อครู่ผมตาฝาด จริงๆแล้วผู้ชายคนนี้ไม่ได้ตบหน้าแฟนของผม?”
“แฟน..แฟนหรือครับ?”
ประโยคนี้ ทำให้ทุกคนตะลึง
มู่ยู่วฉีกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มเหมือนฝันร้ายนั่น พูดต่อว่า “ใช่ครับ แฟนผมเอง ตอนนี้ผมสงสัยมากว่าแฟนผมมีปัญหามากจนทำให้มหาวิทยาลัยต้องติดประกาศให้ทุกคนในรับรู้แบบนี้เลยหรือ?”
“เอ่อคือ….”
อธิบการบดีไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ ใครจะไปคิดว่าเด็กซื่อคนนี้จะเป็นถึงแฟนของมู่ยู่วฉี ดูยังไงก็ไม่เหมาะกัน
จากนั้นมู่ยู่วฉีก็หันไปมองหน้าชายใส่แว่น และยิ้มอย่างเยือกเย็น
“และนาย กล้าตบแฟนฉัน รู้ไหมว่าจะตายได้อนาจขนาดไหน?”
ในสายของชายใส่แว่น ซีซีเป็นเพียงแค่ของเล่นของคนรวยเท่านั้น ไม่มีทางที่จะมีใครมาออกตัวแทนเธอ
แต่เขาคิดผิด
“ผม…ผมไม่ได้ตั้งใจ” ชายใส่แว่นพูดตะกุกตะกักและเสียงสั่น ไม่กล้าแม้จะสบตากับมู่ยู่วฉี
จากนั้นหันไปเห็นหัวหน้าห้อง จึงคิดหาทางออกได้ รีบพูดขึ้นว่า “เพราะเธอ เป็นเพราะเธอหลอกผมว่า ซีซียั่วยวนคุณ ทำให้ผมเข้าใจผิดซีซี”
หัวหน้าห้องคิดไม่ถึงว่าเขาจะโยนความผิดมาให้ ก็ช็อก และพูดตอบกลับว่า “ทำไมโทษฉัน ฉันทำเพื่อนายนะ เพราะนายบอกซีซีเล่นกับความรู้สึกของนาย ฉันเลยช่วย….”
“อย่ามาพูดมั่วซั่ว คนอย่างซีซีฉันจะเอื้อมถึงได้อย่างไร ทั้งหมดเป็นเพราะเธออิจฉาซีซี เพราะซีซีเฉลาดกว่า เรียนเก่งกว่า แถมยังได้รับรางวัลอีก เพราะฉะนั้นเธอจึงตัดสินใจลงมือทำเอง”
เขาพูดแทรกขึ้น ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอมรับเด็ดขาด จากนั้นหันไปอ้อนวอนกับซีซี
“ซีซี ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอเลยนะ เธออภัยในความไม่รู้ของฉันเถอะนะ และให้คุณมู่อภัยให้ฉันด้วย!”
ชายใส่แว่นแทบจะร้องไห้ออกมา แต่ซีซีกลับไม่ได้ยิน นั่งเหม่ออยู่อย่างนั้น
กลับกันฝั่งหัวหน้าห้องร้องไห้ฟูมฟายออกมาและทุบไปที่ชายใส่แว่น กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ แถมยังเอาผู้หญิงมาบังหน้าอีก
มู่ยู่วฉีไม่ได้สนใจที่สองคนนั้นพูด สายตาหันไปมองซีซี เธอตอนนี้ไม่ตอบสนองอะไรสักอย่าง เขาหันไปพูดกับสองคนนั้นว่า
“หุบปาก!”
เสียงตวาดลั่นของมู่ยู่วฉี ทำให้พวกเขาหยุดร้องทันที
จากนั้นเขาก็หันไปทางอธิบการบดีและบอกว่า “เรื่องนี้ผมฝากให้คุณจัดการต่อแล้วกันครับ ถ้าคุณจัดการให้เป็นที่น่าพอใจสำหรับผมได้ ผมก็จะไม่ถือสา แต่ถ้าไม่ ผมจะจัดการคิดบัญชีด้วยวิธีของผมเอง”
อธิบการบดีได้ยินดังนนั้นก็ช็อกครู่หนึ่ง จากนั้นรีบตอบกลับว่า “คุณวางใจได้ครับ พวกเราจะไม่แค่อบรมนักเรียน แต่จะอบรมเหล่าอาจารณ์และคณบดีด้วย รับรองว่าคุณจะต้องพึงพาพอใจครับ”
“ก็ดีครับ งั้นรอผลสรุปของพวกคุณมาก่อน พวกเราค่อยมาคุยเรื่องบริจาคกันต่อแล้วกันนะครับ”
พูดจบ เขาก็จับมือซีซีและเดินออกไป
นักศึกษาคนอื่นเหมือนจะยังไมได้สติ
“คิดไม่ถึงเลย ว่าซีซีจะคบกับเสี่ยวอวี้หลิน เหมือนว่าแต่ก่อนฉันจะเข้าใจเธอผิดแล้ว”
“จริงๆโอกาสที่พวกเขาจะคบกันก็เยอะ เพราะซีซีกับเซี่ยอันน่าสนิทกันมาก และสามีของเซี่ยอันน่าก็คือเสี่ยวอวี้หลิน ที่เป็นพี่น้องกับเขา”
“เห้อ แต่ก่อนที่พูดจาไม่น่าฟังออกไป ไม่รู้ว่าจะโดนคิดบัญชีด้วยไหม”
“จริงๆพวกเราก็ไม่น่าจะเข้าใจผิดซีซี เธอจะหาแฟนหรือแฟนอย่างไรก็ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราเลย พวกเราโดนปั่นหัวจากพวกนั้น ทำให้เข้าใจผิดไป”
พูดจบ ทุกคนก็มองไปทางชายใส่แว่นและหัวหน้าห้อง
ทุกคนยังคงวิจารณ์ต่อ แต่อธิบการบดีก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกัน เหลือไว้เพียงแต่หัวหน้าห้องและชายใส่แว่น เขาเรียกทั้งสองมาถามเหตุการณ์ให้ชัดเจน
บนรถ——
มู่ยู่วฉีนั่งกุมมือซีซีอยู่ แต่เธอไม่มีการตอบสนองใดๆ
ยิ่งทำให้เขาเป็นห่วงมาก และรู้สึกมีลางไม่ดี
จากนั้นเขาเอื้อมมือไปจับไหล่เธอ และกระซิบข้างหูว่า “ซีซี เธอไม่ต้องกลัว จะไม่มีใครมาทำร้ายเธอได้ พวกที่ปล่อยข่าวบ้าบอพวกนั้น ฉันจะจับมาให้ได้ และสั่งสอนให้สาสม”
แต่ท่าทีของซีซีเหมือนไม่ได้ยิน เธอมองไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า
อาการของเธอทำเอามู่ยู่วฉีแทบนั่งไม่ติด จับมือเธอแน่นและพูดว่า “ซีซี เธอพูดอะไรกับฉันหน่อยซิ เธอเป็นแบบนี้ ฉันเป็นห่วงนะ”
เงียบ เธอไม่ได้ตอบกลับ จากนั้นมู่ยู่วฉีหันไปสั่งคนขับว่า “ไปโรงพยาบาล”
“ครับ”
รถเดินทางมาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว มู่ยู่วฉีรีบส่งตัวเธอเข้าแผนกประสาท เขานั่งรออยู่ด้านนอกด้วยท่าทีร้อนรน
โทรศัพท์ของซีซีอยู่กับเขา ทันใดนั้นโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น
“ซีซี เมื่อกีฉันโทรหาเธอ ทำไมไม่รับสาย?”
คนที่โทรมาคือเย่ชวูเสวีย
มู่ยู่วฉีตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตอนนี้ซีซีไม่สะดวกรับสาย รอเธอมีเวลาค่อยตอบเธอแล้วกัน”
เย่ชวูเสวียตกใจไปชั่วครู่ จากนั้นถามกลับด้วยความโกรธเคืองว่า “ทำไมนายเป็นคนรับสาย นายอยู่กับซีซีอีกแล้วเหรอ!? มู่ยู่วฉี ฉันเตือนนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้อยู่ใกล้…”
“ตอนนี้ซีซีอยู่โรงพยาบาล”
เขาพูดแทรกขึ้น
เย่ชวูเสวียได้ยินดังนั้นก็ตกใจ รีบถามกลับว่า
“เกิดอะไรขึ้น นายทำอะไรเธอ!?”
“อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็มาโรงพยาบาลก่อนแล้วกัน”
พูดจบเขาก็ตัดสายทิ้ง จากนั้นส่งโลเคชั่นให้เย่ชวูเสวียและปิดเครื่องไป
ยี่สิบนาทีผ่านไป เย่ชวูเสวียวิ่งมาด้วยท่าทางโกรธมาก เมื่อเห็นมู่ยู่วฉีก็ถามว่า “ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”
ขณะนั้นเอง ผลการตรวจของซีซีเพิ่งเสร็จเรียบร้อย เธอนั่งอยู่ในห้องพักฟื้น เงียบๆคนเดียว
มู่ยู่วฉีเห็นท่าทางของเธอ ก็รีบผลักประตูเข้าไป
เย่ชวูเสวียเห็นท่าทีเคร่งเครียดของมู่ยู่วฉี ยิ่งทำให้เธอกังวลมากกว่าเดิม
แต่เมื่อมองเห็นซีซี ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือมีแผลที่ไหน ก็ถอนหายใจโล่งอกและถามว่า “ก็โอเคนี่ ตอนคุยโทรศัพท์ นายพูดซะทำฉันคิดไปเองว่าซีซีเป็นอะไร”
“อย่าเพิ่งตัดสินอะไร เธอเข้าไปคุยกับเธอก่อน”
คำพูดของเขา ทำให้เธอสึกแปลกๆ
หรือเขาจงใจจะปกปิดอะไร และแกล้งแสดง?
ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ เขาเจอสั่งสอนแน่!
เย่ชวูเสวียเงยหน้ามองซีซี และจับมือเธอไว้ จากนั้นพูดว่า “ซีซี ฉันมาแล้ว สองวันนี้เธอเป็นอะไรทำไมลา คงไม่ใช่เพราะโดนมู่ยู่วฉีทำอะไรมาหรอกใช่ไหม? เธอสบายใจได้นะ ฉันอยู่ที่นี่แล้ว เขาจะมาวุ่นวายกับเธอไม่ได้อีก”
พูดจบ แต่ซีซียังคงนั่งนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว
เย่ชวูเสวียดันเธอเบาๆ และถามว่า “ซีซี ทำไมไม่พูดล่ะ?”
ถึงตอนนี้ เย่ชวูเสวียรู้สึกแปลกๆแล้ว เธอหันหน้าไปถามมู่ยู่วฉีว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“หมอบอกว่า ซีซีอาจจะมีอาการของโรคเครียด”
“มันคืออะไร?”
ยิ่งเห็นอาการของซีซี เขายิ่งปวดใจ
“พูดง่ายๆก็คือ เธอได้รับเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง และเธอเลือกที่จะปกป้องตัวเอง โดยการกั้นโลกของตัวเองกับโลกภายนอก”
“ทำไมเป็นแบบนี้ ซีซีเป็นคนมองโลกในแง่ดีมาก แล้วเป็นโรคนี้ได้ไง?” เย่ชวูเสวียกำมือซีซีแน่น ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างได้ “อ่าใช่ ตอนเซี่ยอันน่าโทรหาฉัน ถามไปถามมาเรื่องซีซี หรือว่าเธอรู้ตั้งนานแล้ว?”
“น่าจะเพิ่งรู้ ฉันก็ไปหาซีซีเพราะอันน่าบอก จากนั้น…”
มู่ยู่วฉีพูดไม่ออก
เย่ชวูเสวียเห็นเขาไม่พูด ก็รีบถามต่อว่า “จากนั้นอะไร?”
“มีคนใรโรงเรียนแพร่ข่าวลือ สร้างความอับอายให้เธอ กีดกันเธอออก เพราะแบบนี้เธอเลยเป็นโรคนี้”
เมื่อนึกถึงตอนที่ซีซีโดนรังแก เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจ อีกใจหนึ่งก็โกรธจนแทบอยากจะฆ่าคน
แต่แน่นอน เขาไม่ฆ่าคน แต่เขาจะทำให้คนพวกนั้นตายทั้งเป็น!
เย่ชวูเสวียได้ยินดังนั้นก็โกรธเหมือนกัน “น่ารังเกียจจริงๆ เด็กสาวน่ารักอย่างซีซี ยังมีคนกล้าทำเธอได้ถึงขนาดนี้ พวกมันเป็นใครกัน?”
“เพื่อนร่วมชั้นเรียนของซีซี” สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้น “หนึ่งในนั้นเคยจีบซีซี แต่ไม่สำเร็จ เลยไปแพร่ข่าวลือมั่วๆทำให้ซีซีเครียดและกดดัน”
“สารเลว บอกชื่อมันมา ฉันจะไปจัดการมัน!”
“เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเองดีกว่า กล้าทำซีซี ฉันจะทำให้มันเสียใจไปทั้งชาติ!”