เอ๊ะ หมั่นโถวล่ะ?
เธอจำได้ว่าเมื่อกี้เธอเอาหมั่นโถวมาด้วย แล้วทำไมตอนนี้ไม่เห็นแล้วล่ะ หรือไปล่วงหล่นตรงไหน?
เย่ชวูเสวียมองไปรอบๆ จากนั้นก็เห็นภาพที่ทำให้ช็อก
ซีซีกำลังถือหมั่นโถวกินนอยู่!
เย่ชวูเสวียหันไปมองหน้ามู่ยู่วฉี ทั้งสองดวงตาเป็นประกาย
ซีซีกินอาหารเองได้แล้ว! เป็นสัญญานที่ดีมาก
จากนั้นเย่ชวูเสวียค่อยๆพูดกับซีซีว่า “ซีซี หมั่นโถวนี่ไม่อร่อยหรอก กินอาหารที่ฉันทำดีกว่านะ”
พูดจบ เธอก็คีบก้อนดำๆที่เธอทำเองขึ้นมาให้ แต่ซีซีเบือนหน้าไปอีกทาง
ถึงจะไม่ได้ตอบสนองเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังต่อต้าน
ถึงอาหารของตัวเองจะถูกปฏิเสธ แต่เธอกลับดีใจมาก เธอเงยหน้ามองมู่ยู่วฉี และพูดว่า “ซีซีตตอบสนองแล้ว!”
“ต้องขอบคุณอาหารแย่ๆของเธอ เป็นบุญุคุณมาก!”
คำชมของเขา ทำให้เย่ชวูเสวียตอบกลับว่า “เวลานายจะชมคน นายใช้วิธีพูดแบบอื่นได้ไหม?”
มุ่ยู่วฉีไม่มีเวลาที่จะคิดคำเริศหรูดูดี ตอนนี้เขาเอาแต่จ้องไปที่ซีซี ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่ายังไง นี่ก็เป็นสัญญานเริ่มต้นที่ดี”
“อื้ม งั้นฉันจะยืนหยัด ทำอาหารที่ซีซีไม่ชอบต่อไป!”
เย่ชวูเสวียปรบมือเป็นกำลังใจให้ตัวเอง
แต่มู่ยู่วฉีกลับไม่ยอมรับกับการตัดสินใจของเธอ
“ครั้งนี้มันเป็นโชคเข้าข้าง แต่เธอยังคิดจะทำร้ายซีซีต่อไปเหรอ เธอทำได้เหรอ? ฉันทนไม่ไหวหรอกนะ”
เย่ชวูเสวียได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับว่า “ฉันก็ทำใจไม่ได้หรอก เอ้ออีกสักพักหมอจะมาดูอาการซีซี ลองเล่าเรื่องนี้ให้หมอฟัง เผื่อหมอจะมีอะไรแนะนำ”
ผ่านไปสองชั่วโมง หมอก็มาถึง
มู่ยู่วฉีรีบเล่าเหตุการณ์เมื่อครู่ให้หมอฟัง หมอคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า
“ตอนนี้ซีซีก็เหมือนหลบอยู่ในห้องของตัวเอง ไม่ว่าเราจะพูดหรือทำอะไร ก็ขี้เกียจจะสนใจ แต่คุณเย่ใช้ของที่เธอไม่ชอบ ทำให้เธอยอมเปิดหน้าต่างเล็กๆ ออกมาผลักสิ่งนั้นออก เพราะฉะนั้นเราคงจะต้องลองทำและลองใช้สิ่งที่ซีซีไม่ชอบมาเป็นตัวกระตุ้นให้เธอออกจากห้องเล็กๆนั้น เพื่อมาต่อต้านสิ่งที่อยู่ภายนอก”
“และแน่นอนว่าต้องนุ่มนวล ห้ามใช้สิ่งที่อยู่ในใจเธอ ไม่ฉะนั้นจะยิ่งทำให้เธอปกป้องตัวเองมากกว่าเดิม พวกเธอเป็นเพื่อนกับซีซี น่าจะรู้นะว่าซีซีไม่ชอบอะไร?”
เย่ชวูเสวียยพยักหน้า “รู้ค่ะ รู้แน่นอน”
“งั้นพวกเธอลองคิดทบทวนดูอีกที มีวิธีอะไรแนะนำอีก สามารถปรึกษากับหมอได้ จากนั้นเรามาเลือกวิธีที่คิดว่าน่าจะดีที่สุด มาช่วยทำให้ซีซีเริ่มต่อต้านกันน”
“ค่ะ!”
คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะคืบหน้าไปเร็วขนาดนี้
เมื่อหมอกลับไป เธอก็เริ่มปรึกษากับมู่ยู่วฉี
“นายคิดว่าซีซีไม่ชอบอะไร?”
“เมื่อกี้เธอบอกรู้ว่าซีซีไม่ชอบอะไรไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้มาถามฉัน?”
“ฉัน…ฉันแค่พูดๆไป แต่ว่านายต้องรู้แน่ๆ ถามนายไม่ผิดแน่”
มู่ยู่วฉีส่ายหัว “ฉันไม่รู้”
เย่ชวูเสวียขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบ จากนั้นพูดต่อว่า “อ่อใช่ เวลาที่พวกนายเจอกัน น้อยกว่าที่ฉันเจอกับซีซีนี่นา”
คำพูดของเธอ แทงใจเขามาก
“พวกเราไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วโอเคไหม?”
เย่ชวูเสวียไม่ได้สนใจกับท่าทางของเขา เธอครุ่นคิดอยู่สักพัก
จากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ “เอ้อถ้าจะถามว่าซีซีไม่ชอบอะไร ถามอันน่าน่าจะเวิร์คสุด”
“อย่า เซี่ยอันน่ายังไม่รู้เรื่องซีซี ขืนถ้าเธอรู้ เธอคงรีบจบทริปฮันนีมูนและบึ่งกลับมาแน่”
ก็จริง เย่ชวูเสวียคิดต่อว่า “งั้นเราก็หาทาง ที่จะไม่ทำให้เซี่ยอันน่ารู้เรื่องซีซี แต่เราได้รู้คำตอบ”
มู่ยู่วฉีรู้ดีว่าเหลือแต่วิธีนี้ แต่เขาก็ยังเป็นกังวล “เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก ถ้าเราคุมไม่ดี ต้องโดนเซี่ยอันน่าจับได้แน่ๆ”
จากนั้นเย่วูเสวียก็ตบที่อกตัวเองเบาๆ และพูดว่า “เหมือนจะมีหนทางแล้ว เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันลละกัน”
พูดจบ เธอก็เดินกลับห้อง และตัดสินใจโทรหาเซี่ยอันน่า
เธอสูดลมหายใจเข้าออกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กดโทร
รออยู่สักพัก ถึงจะมีคนรับสาย
“ฮัลโหล อันน่า โทรหาเธอตอนนี้คงไม่ได้รบกวนเวลาพักผ่อนของเธอหรอกนะ?”
“ไม่ๆ ฉันยังงไม่นอนน แต่ว่าเวลาทางนั้น น่าจะเกือบสว่างแล้วไม่ใช่เหรอ”
เย่ชวูเสวียกรอกตาไปมา และยิ้มกลบเกลื่อน “ฉันกำลังอบเค้กน่ะะ นอนไม่หลับ เลยอยากคุยกับเธอ ทางนู้นเป็นไงบ้าง?”
“ดีมากเลย แต่แค่ออกมานานขนาดนี้แล้วรู้สึกคิดถึงพวกเธอน่ะซิ”
เย่ชวูเสวียกลัวว่าเซี่ยอันน่าจะเปลี่ยนทริปกะทันหัน จากนั้นพูดว่า “ทริปฮันนีมูนนี่ ชีวิตนี้มีแค่ครั้งเดียวนะ เธอต้องเที่ยวให้สุดก่อนน ไม่ต้องรีบกลับมา”
แม้ท่าทางของเย่ชวูเสวียจะดูแปลกๆ แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่ได้พูดอะไร ตอบรับเพียงแค่”อ่อๆ”
“อ่าใช่ ฉันมีอีกเรื่องอยากจะถามเธอ”
“จะเกรงใจอะไรฉัน มีอะไรจะถามก็ถามมาได้เลย”
จากนั้นเย่ชวูเสวียก็พยายามรวบบรวมสติ ตอบกลับว่า “ช่วงนี้ซีซีทำงานดีมาก ฉันเห็นเธอเหนื่อยขนาดนี้เลยอยากซื้อของรางวัลตอบแทนน่ะ แต่ฉันไม่รู้ว่าซีซีชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เลยอยากถามเธอ”
“แบบนี้เองเหรอ ของที่ซีซีชอบง่ายเดียวคือกิน”
“แต่ของแบบนี้มันเก็บเป็นที่ระลึกไม่ได้น่ะซิ ฉันอยากรู้อะไรที่พิเศษๆหน่อย แบบว่าแตต่ก่อนซีซีเคยเจอเรื่องอะไรไม่ดีๆมาบ้าง เธอไม่ชอบรสชาติแบบไหน ไม่ชอบสัตว์อะไร แล้วก็ไม่ชอบดาราคนไหน…”
เซี่ยอันน่ายิ่งฟังยิ่งแปลกใจ “เอ่อชวูเสวีย สิ่งพวกนี้เกี่ยวกับของขวัญที่เธอจะให้ซีซีเหรอ?”
“เกี่ยวซิ ฉันอยากเข้าใจกระจ่างแจ้ง จะได้หลีกเลี่ยงสิ่งที่เธอไม่ชอบไง”
“ซีซีเป็นคนสดใส และมองโลกในแง่ดีมาก เธอไม่มีเรื่องอะไรในใจหรอก”
ใช่ซิ ปกติไม่เคยเจอเรื่องหรืออุปสรรคหนักๆ พอมาเจอคราวนี้ทำให้เป็นหนักเลย
“รสชาตที่เธอไม่ชอบเหรอ เธอไม่ชอบกลิ่นของผักชี”
“ไม่ชอบพวกของที่ทำจากจระเข้ ไม่ชอบเพลงร็อค เกลียดคนสูบบุหรี่ 受不了别人当着她的面抠脚……” 受不了别人当着她的面抠脚……”
เพราะปลายสายเงียบทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกเก้ๆกังๆ
หัวเราะแหยๆ และถามว่า “เอ่อฉันพูดมากไปใช่ไหม”
หลังงจากจดสิ่งที่เซี่ยอันน่าพูดคำสุดท้ายเสร็จ เธอก็ตอบกลับว่า “ไม่เยอะๆ ไม่เยอะสักนิดเลย เอาล่ะ ขนมปังอบเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันไปดูก่อน ค่อยคุยกันนะ”
“ชวูเสวีย อันน่า…”
ยังไม่ทันที่เซี่ยอันน่าจะพูดจบ เย่ชวูเสวียก็กดวางสายไปก่อน
หลังจากวางสาย เซี่ยอันน่าก็คิดว่าทางนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ทำไมเธอรู้สึกว่าทุกคนดูแปลกๆไป
เซี่ยอันน่านั่งครุ่นคิด แม้กระทั่งเสี่ยวอวี้หลินเดินเข้ามาใกล้ก็ไม่รู้ตัว
เขาแอบจุ้บขณะที่เธอเผลอ ทำเอาเซี่ยอันน่าสะดุ้ง
“คิดอะไรอยู่ ทำไมจริงจังขนาดนั้น”
“ท่าทางของชวูเสวีย แปลกมาก”
“เมื่อกี้พวกเธอคุยกันเหรอ?”
“อื้ม ชวูเสวียถามเยอะแยะเกี่ยวกับซีซี แถมยังถามคำถามแปลกๆอีกต่างหาก ยิ่งนึกถึงปฏิกิริยาของซีซีเมื่อสองวันก่อน ฉันยิ่งเป็นห่วง เหมือจะมีลางสังหรณ์ไม่ดี หรือว่าฉันโทรหาซีซีดี”
“อย่าเลย ช่วงนี้ซีซีน่าจะทำงานหนักแล้วอยากพักผ่อน เธอโทรไปตอนนี้อาจจะรบกวนเวลาหลับฝันดีของซีซีก็ได้”
“เห้อ นายพูดก็ถูก”
เห็นท่าทีของเซี่ยอันน่า เขาก็ปลอบเธอว่า “อย่ากังวลไปเลย ที่นั่นยังมีมู่ยู่วฉีกับชวูเสวียอยู่ พวกเขาต้องดูแลซีซีเป็นอย่างดีแน่ ตอนนี้เราออกมาพักผ่อนกัน พอเห็นเธอเป็นแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นสามีที่ไม่ดีเลย”
เซี่ยอันน่ายิ้มออกมา และพูดว่า “โอเค ไม่คิดแล้วก้ได้”
จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า
“เอ้อ ได้ยินมาว่าอีเหยาท้องแล้ว”
เซี่ยอันน่าได้ยินก็ตาโต และยิ้มด้วยความดีใจ “จริงเหรอ เรื่องนี้เป็นเรื่องดีมากเลยนะเนี่ย”
“งั้นพวกเราก็พยายามด้วยนะ”
ตอนแรกเซี่ยอันน่าไม่เข้าใจที่เขาสื่อ คนกำลังเกี่ยวอะไรกับพวกเขาที่ต้องพยายาม
ผ่านไปชั่วครู่เธอถึงบางอ้อ หน้าก็เริ่มแดงก่ำด้วยความเขิน
ท่าทางของเธอ ทำเอาเขาอดใจไม่ไหว ค่อยๆโน้มตัวจูบเธอ และออุ้มเธอนอนลง ทำให้สมองเธอโล่ง และสบายราวกับอยู่บนสววรค์
……..
ขณะที่มู่ยู่วฉีกำลังนั่งเช็คอีเมล์อยู่ที่ห้อง เย่ชวูเสวียก็เดินเข้ามาพร้อมกับสมุดจดหนึ่งเล่ม จากนั้นก็โบกไปมาข้างหน้าเขา
“ดูซินี่อะไร!”
มู่ยู่วฉีมองไปที่เธออย่างไร้อารมณ์ รอเธอพูดออกมา
เห็นท่าทีไม่กระตือรือล้นของเขา จึงพูดต่อว่า “ไม่แปลกเลย คนอย่างนายนี่น่าเบื่อมาก”
มู่ยู่วฉีพูดต่อว่า “เวลาฉันมีค่า รบกวนเธอพูดสาระออกมา”
จากนั้นเย่ชวูเสวียก็นั่งลงและกางสมุดออก จากนั้นพูดว่า “นี่เป็นบันทึกเกี่ยวกับสิ่งที่ซีซีชอบและไม่ชอบทั้งหมด ถ้ามีไอ้นี่แล้ว รับรองสามารถกระตุ้นซีซีได้แน่ และเธอจะกลับมาเป็นปกติ”
พูดจบ เย่ชวูเสวียก็รู้สึกในมือว่างๆ หันไปอีกทีสมุดในมือเมื่อกี้ ก็ถูกมู่ฉู่วฉีแย่งไปแล้ว
มู่ยู่วฉีพูดต่อว่า “แต่จะใช้วิธียังไง ให้ฉันเป็นคนตัดสินใจ เผื่อเธอทำเกินไป อาจจะกระทบถึงซีซีได้”
“เหอะ นั่นคือสิ่งที่ฉันลำบากไปสืบมา แล้วทำไมต้องให้นาย? อีกอย่างฉันก็เป็นห่วงซีซีไม่น้อยกว่านาย เพราะฉะนั้นจะทำอย่างไร ฉันต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย รีบเอาสมุดคืนมาให้ฉัน!”
เธอพยายามเอื้อมมือไปหยิบ แต่มู่ยู่วฉีปัดมือออก
“ฉันไม่เชื่อเธอ”
“ฉันก็ไม่เชื่อนาย รีบเอาคืนมา นั่นเป็นของของฉัน”
“ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ของอยู่กับฉันแล้ว เธออย่าคิดจะเอากลับไป รอมันสำเร็จเมื่อไหร แล้วฉันจะตอบแทนเธอ”
“ใครอยากได้การตอบแทนของนายกันเล่า ฉันแค่อยากได้ของฉันคืน เอามา!”
“ไม่มีทาง!”
“สารเลว นิสัยไม่ดี!”
“แล้วแต่เธอจะพูด ยังไงก็ไม่ให้”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินจากไป
เย่ชวูเสวียมองตามแผ่นหลังของเขาไป และฮึดฮัดพูดว่า “ไม่เชื่อฉันเหรอ คิดว่าฉันจะทำร้ายซีซีหรือไง? แถมยังเอาของของฉันไปอีก นายลืมไปแล้วเหรอว่าใครเป็นคนทำมา หึ ฉันจดไว้ในสมองตั้งนานแล้ว! พวกเราลองดูว่าใครจะช่วยซีซีได้ก่อนกัน!”
……
เพราะวันนี้ที่บริษัทมีธุระ ทำให้มู่ยู่วฉีออกจากบ้านตั้งแต่เช้า
ทันทีที่เขาออกจากบ้าน เย่ชวูเสวียก็แอบย่องมาหาซีซี ในมือถือตะกร้าใบหนึ่ง
ภายในตระกร้าเต็มไปด้วยผักชี มีด และหัวหอม
นี่เป็นสิ่งที่เย่ชวูเสวียจะลงมือวันนี้
กลิ่นพวกนี้ ซีซีไม่ชอบมาก แถมยังกลิ่นแรงคูณสองอีก ถ้าทำให้ซีซีตอบสนองได้ เธอจะสามารถปิดปากคำพูดดูถูกของมู่ยู่วฉีได้
เย่ชวูเสวียเดินไปปิดหน้าต่างในห้องของซีซีทุกบาน จากนั้นเดินมานั่งข้างๆซีซี ค่อยๆหยิบของในตระกร้าออกมา
กลิ่นแรงของมันตลบอบอวนไปทั่วห้อง
เธอรีบจ้องซีซีว่ามีอะไรตอบสนองไหม
แต่สายตาของซีซีนิ่งสงบ ไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงนั่งนิ่งๆเงียบๆอยู่อย่างนั้นไม่ขยับ
หรือว่ากลิ่นจะแรงไม่พอ
จากนั้นเธอจึงหยิบมีดมาหั่นหัวหอมใหญ่ต่อหน้าเธอ
กลิ่นของมันทำเอาเย่ชวูเสวียน้ำตาไหล จนมองไม่เห็นท่าทีของซีซี
พอเธอเริ่มจะพูด ก็รู้สึกแสบตามากกว่าเดิม