เย่ฉ่าวเฉินยิ่งโมโหเพิ่มขึ้นอีก “มู่เวยเวยคุณยังจะกล้าถามอีกเหรอว่าผมมีธุระอะไร คุณดูสิตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้าน คุณอยู่กับลู่จื่อหางใช่ไหม คุณกำลังบังคับให้ผมช่วยจัดการถอนคุณออกจากมหาวิทยาลัยใช่ไหม?”
ชั่วพริบตาสมองของมู่เวยเวยก็ทำงานทันที เธอมองดูนาฬิกาอย่างรวดเร็ว พระเจ้า! เกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ไม่แปลกที่เย่ฉ่าวเฉินจะโทรตามเธอด้วยตัวเองและโกรธมากขนาดนี้
“ฉันไม่ได้อยู่กับลู่จื่อหาง ตอนนี้กำลังทบทวนบทเรียนอยู่ที่ห้องเรียน เพราะลานานหลายหลักสูตรจึงถูกถอนไป ฉันไม่รู้ว่าสี่ทุ่มครึ่งแล้ว จะกลับบ้านเดี๋ยวนี้แหละ อย่าให้ฉันออกจากมหาวิทยาลัยนะ!”
มู่เวยเวยรีบร้อนตอบไปจนพูดไม่ชัด เธอกลัวจริงๆ กลัวว่าเย่ฉ่าวเฉินจะทำให้เธอต้องออกจากมหาวิทยาลัย เช่นนั้นความฝันที่อยากเป็นดีไซเนอร์ที่ยอดเยี่ยมก็ต้องพังทลายลง
“ให้เวลาคุณครึ่งชั่วโมง ถ้าผมยังไม่เห็นหน้าคุณ คืนนี้คุณก็ไปนอนที่สวน!” เย่ฉ่าวเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วกดวางสายไป
มู่เวยเวยได้ยินเสียงตุดตุดดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ เธอแทบไม่สนใจ เริ่มเก็บข้าวของแล้วรีบวิ่งไปที่ประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยทันที
ให้เวลาครึ่งชั่วโมงกลับบ้าน มันจะพอได้อย่างไร…
ขณะวิ่งออกจากมหาวิทยาลัยไปที่ป้ายรถเมล์ มู่เวยเวยก็บังเอิญพบกับเฉียวซินโยวที่กำลังไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเข้าพอดี
“เฮ้ เวยเวยเธอทำอะไรน่ะ ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่กลับห้อง” เฉียวซินโยวเห็นมู่เวยเวยทำท่าทางผุดๆโผล่ๆ จึงรีบเอ่ยถาม พวกเธอมีหอรวมพิเศษอยู่ในมหาวิทยาลัย
“ไม่ล่ะ ฉันต้องกลับบ้าน” มู่เวยเวยตอบโดยไม่หันมามอง “ซินโยวอย่าเพิ่งคุยกับฉัน ตอนนี้ฉันรีบมาก”
มู่เวยเวยมาถึงป้ายรถเมล์ขณะที่กำลังพูด เธอมองไปยังป้าย แล้วหยุดรอรถเมล์ที่ขับผ่านบ้านตระกูลเย่ และเป็นเวลาเดียวกันที่มี Mercedes-Benz Maybach สีดำมาจอดตรงหน้าเธอ
มู่เวยเวยต้องแปลกใจเมื่อคนที่เลื่อนกระจกรถฝั่งคนขับลงมา คือคุณอาหลี่คนขับรถตระกูลเย่
“คุณหนูเชิญขึ้นรถครับ”
มู่เวยเวยรีบเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งด้านในทันที
เฉียวซินโยวยืนดูฉากนี้อยู่ไม่ไกล เธออิจฉาตาร้อนอย่างมาก เป็นคุณหนูตระกูลร่ำรวยนี่ดีจริงๆ แม้กระทั่งมาเรียนก็ยังมีคนขับรถหรูมารับโดยเฉพาะ และยิ่งไปกว่านั้น ชายที่แต่งงานด้วยอย่างเย่ฉ่าวเฉินก็หล่อเหลาจนน่าหลงใหล
ขณะคิดเฉียวซินโยวก็กำมือแน่นอย่างลืมตัว ไฟแห่งความริษยาที่อยู่ภายในใจกำลังเผาไหม้อย่างรุนแรง
มู่เวยเวยที่อยู่ภายในรถไม่รับรู้อะไร เธอกล่าวขอบคุณคนขับรถ “ขอบคุณ คุณอาหลี่มากๆ นะคะ ที่มารับหนูไม่งั้นหนูก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว”
อาหลี่ยิ้ม “ไม่เป็นไรครับคุณหนู พ่อบ้านคิดว่าคุณหนูคงต้องการรถ เลยให้ผมมารับครับ”
มู่เวยเวยพยักหนัก ยิ่งรู้สึกขอบคุณมากขึ้นอีก หวังว่าจะกลับบ้านได้ทันเวลา หากกลับช้า ไม่เช่นนั้นเย่ฉ่าวเฉินผู้ชายน่ารังเกียจคนนั้นคงปล่อยให้เธอนอนที่สวนจริงๆ แน่
ระยะห่างจากมหาวิทยาลัยหนานฮวากับบ้านตระกูลเย่ไกลพอสมควร แม้ว่าคนขับรถจะขับเร็วมาก แต่เมื่อมาถึงบ้านตระกูลเย่ ก็เป็นเวลาสามสิบห้านาทีผ่านไปแล้ว
เมื่อรถเลื่อนเข้าจอดที่ลานจอดรถของบ้านตระกูลเย่ มู่เวยเวยเก็บของทุกอย่างอย่างรีบร้อน แล้วลงจากรถไปอย่างใจจดใจจ่อ แต่เมื่อเดินไปได้เพียงสองก้าว ก็เจอเย่ฉ่าวเฉินยืนรออยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เย่ เย่ฉ่าวเฉิน…” น้ำเสียงของมู่เวยเวยกระวนกะวาย เห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของเขา ยิ่งทำให้เธอเป็นกังวลมากขึ้น
เย่ฉ่าวเฉินกลับเพียงแค่ปรายตามองเธอแล้วตะโกนว่า “อาหวังปิดประตู”
อาหวังก้าวไปข้างหน้า มองดูมู่เวยเวยและมองไปยังเย่ฉ่าวเฉินที่อยู่ข้างหลังอีกครั้ง แล้วพยักหน้าสั่งให้คนรับใช้เริ่มปิดประตูคฤหาสน์
มู่เวยเวยตกใจจึงรีบก้าวเท้าไปข้างหน้า “เย่ฉ่าวเฉิน ฉันพยายามที่จะกลับมาให้ทันเวลาแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ”
เขามองเธอด้วยสายตาเย็นชา เม้มริมฝีปากอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ก็ดี ความจำยาวดีนี่”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินเข้าบ้านไป
มู่เวยเวยกำลังจะวิ่งตามไป ผลลัพธ์ที่เธอได้รับเพียงเสียงดัง “ปัง!” ประตูคฤหาสน์ถูกปิดลงตรงหน้าเธอ เธอยื่นอยู่กับที่ มีเสียงดังมาจากทางด้านหลัง มันคือเสียงประตูด้านนอกที่ถูกปิดลง
เข้าบ้านก็ไม่ได้ ออกไปสวนก็ไม่ได้ แบบนี้แล้วเธอจะไปนอนที่ไหน?
มู่เวยเวยร้อนรน ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นฤดูร้อน แต่ตอนกลางคืนอากาศก็หนาวมาก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอยังใส่ชุดนักศึกษาและใส่กระโปรงสั้นอีก คงถูกแช่แข็งตายแน่ๆ
“เย่ฉ่าวเฉิน นายปล่อยให้ฉันเข้าไปเถอะนะ นายมีสิทธิ์อะไรมาขังฉันไว้ในสวน ฉันก็สิทธิมนุษยชนเหมือนกัน นายให้ฉันเข้าไปเถอะ…”
แต่ไม่ว่าเธอจะตะโกนอย่างไร ข้างในก็ไม่มีใครตอบกลับมาแม้แต่คนเดียว
อุณหภูมิเริ่มต่ำลง อากาศยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆ มู่เวยเวยเสียใจว่าจะตาย เธอลูปแขนตัวเองปรอยๆ แล้วจึงเริ่มเปลี่ยนระดับการพูดให้อ่อนนุ่มลง “เย่ฉ่าวเฉิน ฉันขอร้องคุณละนะ ปล่อยให้ฉันเข้าไปข้างในเถอะนะ ฉันรู้ ฉันผิดไปแล้ว ทีหลังฉันจะกลับบ้านให้เร็วกว่านี้…”