วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 527 ให้โอกาสเธอหนึ่งครั้ง

มีพนักงานนำเมนูมาส่งให้ เย่ชูวเสวียเลื่อนไปตรงหน้าฉีฉี พูดว่า “เธออยากดื่มอะไร?”

ฉีฉีตอบโดยไม่คิด ก็พูด”ลาเต้”

“เป็นอย่างที่คิดไว้เลย”เย่ชูวเสวียส่ายศีรษะ หลังจากนั้นพูดกับพนักงานว่า”รบกวนคุณ เอาลาเต้หนึ่งแก้ว เอาจาเมกาบูลเมาท์เทนหนึ่งแก้ว ของหวานหนึ่งชุด”

“ขอถามหน่อย คุณต้องการชุดAหรือชุดB”

“Aค่ะ”

คำตอบนี้ทำให้พนักงานจำใจต้องบอกว่า”ชุดAด้านในมีหลากหลายมาก ทั้งสองท่านกินหมด?”

“คนทั่วไปกินไม่หมด แต่ว่าพวกเราสองคนนักกินจุ อันนี้เล็กน้อย สบายมาก”

เห็นเย่ชูวเสวียยืดหยัด พนักงานก็ไม่ได้พูดอะไรมากความ เพียงแค่ผงกศีรษะเบาๆ”อย่างนั้นก็โอเค กรุณารอสักครู่”

ฉีฉีได้ยินทั้งสองคนคุยกัน แปลกใจมากว่าชุดAประกอบด้วยอะไรอยู่ในนั้น

ก้มศีรษะลงมองเมนู ฉีฉีมองดูรูปภาพหลังจากนั้นต้องเบิกตากว้าง

ฉีฉียกมือขึ้นนับจำนวน ปรากฎว่าในเมนูนี้มีเค้กอยู่สิบก้อนจริงๆ

เงยศีรษะมองที่เย่ชูวเสวีย ฉีฉีพูด ” ถึงว่าเจริญอาหาร ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองก็ไม่ได้กินแค่ของหวานเยอะแยะอย่างนี้นะ กินเหลือแน่นอนว่าสิ้นเปลือง ชูวเสวีย พวกเราเปลี่ยนชุดดีไหม”

สายตาหรี่ลง เย่ชูวเสวียหัวเราะคิกคัก พูด”อย่างนั้นก็ค่อยๆกิน อีกอย่างนะ ฉันเสนอพาเธอออกมาเดินเล่น ก็ต้องให้เธอกินอิ่มดื่มอิ่ม ต้องไม่เมินเฉย”

สีหน้าของฉีฉีแสดงให้เห็นถึงความลำบากใจ พูด”ถึงฉันกินอย่างเต็มที่ ก็กินไม่ไหวเยอะขนาดนี้นะ”

“ไอ๋หยา ฉันเชื่อความสามารถของเธอ”

ได้ฟังเย่ชูวเสวียพูดอย่างนั้น ฉีฉีก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

เย่ชูวเสวียนั่งเล่นโทรศัพท์ ส่วนฉีฉีมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง

หันศีรษะกลับมา ทันใดนั้นฉีฉีมองเห็นร่างของคนคนหนึ่ง หลังจากนั้นชะงักไปสักพักหนึ่ง

พนักงานผู้หญิงที่ก้มทำความสะอาดอยู่ทางด้านนั้น ไม่ใช่หัวหน้าห้องเหรอ!?

มองเห็นหัวหน้าห้องแวบแรก ฉีฉีนึกว่าหัวหน้าออกมาทำงานหาเงิน

แต่พอย้อนคิดกลับไป หัวหน้าห้องถูกมหาวิทยาลัยบังคับด้วยกฎหมายให้ลาออกแล้ว ไม่ใช่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยอีกแล้ว

กับการเห็นหัวหน้าห้องในรูปแบบนี้ ทำให้ฉีฉีไม่สบายใจ

เย่ชูวเสวียเห็นฉีฉีมองไปอีกทางด้วยความทึ่งงงงวย ก็ถาม”ฉีฉี เธอเป็นอะไรไหม?”

ฉีฉีก้มศีรษะลง พูด”ไม่ได้เป็นอะไร มองเห็นคนคุ้นเคยน่ะ”

“อย่างนั้นจะไปทักทายไหม?”

“ไม่ละ ฉันคิดว่าเธอไม่ได้อยากจะเจอฉันหรอก”

เห็นฉีฉีไม่อยากพูดอะไรมาก เย่ชูวเสวียก็ไม่ได้พูดต่อ

พอดิบพอดีกับของหวานมาส่ง เย่ชูวเสวียก็เริ่มชิม

เพราะว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำของหวาน เธอมีเงื่อนไขกับของหวานค่อนข้างสูง

แต่ในเวลานี้เห็นเธอท่าทางที่พึงพอใจของเธอ ก็รู้ว่าของหวานในวันนี้ค่อนข้างผ่านด่าน

เห็นของหวานเหล่านี้ ฉีฉีนึกถึงร้านเบเกอรี่ของเเย่ชูวเสวีย ถาม”หลายวันแล้วเธอไม่ได้ไปร้านเบเกอรี่ ไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ?”

“ไม่มีปัญหานะ มีหนานกงช่วยฉันดูแล ฉันวางใจมาก”

เย่ชูวเสวียนำเวลาทั้งหมดมาให้เธอ แม้กระทั่งทิ้งกิจการของเธอ นี่ทำให้ฉีฉีรู้สึกเกรงใจมาก

“ที่จริงฉันอยู่คนเดียวไม่ได้มีปัญหา เอาอย่างนี้ไหม เธอกลับไปเอถะ”

คำนี้ทำให้สีหน้าของเย่ชูวเสวียเปลี่ยน ถาม”ทำไม เธอต้องการไล่ฉันไป?”

ฉีฉีรีบโบกมือพัลวัน พูด”ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพียงแค่รู้สึกว่าทำให้เธอกับแฟนต้องแยกจากกัน ทำให้เธอลำบาก”

“เฮ้ย ไม่ขนาดนั้น หาโอกาสเจอเขาก็โอเคแล้ว ก็เหมือนกับตอนนี้ อีกสักพักหนานกงก็มา ก็นับว่าเป็นการนัดพบแล้ว”

ที่แท้ เย่ชูวเสวียมีความคิดแบบนี้ ก็ไม่แปลกที่เธอสั่งของหวานเยอะขนาดนี้

ฉีฉีดื่มกาแฟแล้วพูด”ที่นี่ใกล้กับห้องสมุดมณฑล อีกสักครู่ฉันจะไปอ่านหนังสือที่นั่น ไม่ทำให้เธอเสียเวลานัดพบแล้ว”

“พูดอะไรกัน เป็นฉันที่นัดเธอออกมา จะทิ้งเธอไว้คนเดียวได้อย่างไร”

“แต่ว่า……”

“ไอ๋หยา นั่งดื่มด้วยกัน พูดคุยกัน ก็ดีแล้ว อีกอย่างหนานกงเขาศรัทธาเธอมาก คาดไม่ถึงว่าจะปฏิเสธมู่ยู่วฉี มีนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์มาก”

คำนี้ทำให้ฉีฉีอายจนหน้าแดง พูด”นี่ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ใหญ่โตเลย”

“ยังไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่เหรอ?เธอประเมินตัวเองต่ำไป เธอรู้ไหม ตอนนี้เธอก็เหมือนกับวีรสตรี”

เย่ชูวเสวียยิ่งพูดยิ่งเว่อร์ ทำให้ฉีฉีเขินอาย

ยังดีที่หนานกงเจามาถึงร้านกาแฟอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ฉีฉีรอดพ้น

หนานกงเจาพูดคุยกับเย่ชูวเสวียเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องในร้าน มองฉีฉีเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ในสายตายังเจาะลึก

สายตาอย่างนี้ ทำให้ฉีฉีกินไม่ลง ขมวดคิ้วขึ้นพูด”ขอร้องล่ะ พวกคุณอย่ามองฉันเหมือนกับสัตว์หายากได้ไหม?”

“ใครให้เธอหายากล่ะ ผู้หญิงที่สามารถปฏิเสธมู่ยู่วฉีได้ ครั้งแรกเลยนะที่เจอ”

“ถึงแม้จะเป็นคนแรก แต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ต่อไปพวกคุณก็ชินแล้ว”

“ฮา นั่นฉันก็ไม่คุ้นชินแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งปฏิเสธเขา เขาก็มาดื่มเหล้ากับฉัน ให้เหล้าคลายความกลุ้มใจ คิดๆแล้วก็หวาดหวั่น”

ได้ฟังคำพูดนี้ ฉีฉีมีสีหน้าสงสัย

เธอคาดไม่ถึงว่า เพื่อตัวเองนั้นแล้วมู่ยู่วฉีถึงกับต้องไปดื่มเหล้าคลายความกลุ้มใจ หรือว่าเพราะตัวเองปฏิเสธ ทำให้เกิดผลกระทบกับเขาลึกมากขนาดนั้น?

ฉีฉีก้มศีรษะ เม้มริมฝีปากไม่พูดอะไรออกมา

เห็นเธอเป็นอย่างนั้น เย่ชูวเสวียผลักหนานกงเจาเล็กน้อย พูด”เห็นชัดๆว่าพวกผู้ชายอย่างพวกคุณอยากดื่มเหล้า อยากเมา ไม่ต้องเอาผู้หญิงมาเป็นข้ออ้าง”

หนานกงเจาเข้าใจความหมายของเย่ชูวเสวียอย่างรวดเร็ว ผงกศีรษะพูด”ใช่ๆๆ ฉันพูดไม่เหมาะสม เธออย่าใส่ใจนะ”

อีกฝ่ายปิดบังความผิด ยิ่งทำให้ฉีฉีไม่สบายใจ จำใจต้องยิ้มออกมาปิดบังให้ผ่านไป

ภาพที่ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกัน อยู่ในสายตาของหัวหน้าห้อง

เธอสบายจริงๆ เห็นอยู่ชัดๆว่าฉีฉีเป็นผู้หญิงไม่ดี ทำเพื่อเงินและพัวพันกับคนมีเงิน ทำไมพวกเธอต้องรับโทษแทนเธอ !? ชีวิตของเธอทั้งหมดพังทลายแล้ว!!

ตอนนี้ เธอเพิ่งจะออกมาจากที่กักตัว เสียแรงไปมากมายถึงได้ทำงานเป็นพนักงาน ทำงานหนักแทบตายเพื่อจะได้เงินเดือนเล็กน้อย

และฉีฉีสามารถที่จะนั่งอย่างสง่างามอยู่ด้านนั้น ใช้ผลพวงจากแรงของตัวเอง

มีสิทธิอะไร!?

สิทธิที่เธอใช้กลอุบายอย่างสุนัขจิ้งจอก?เธอไม่ยินดี!!

หรี่ตาลง หัวหน้าห้องเดินไปหาฉีฉีด้วยความโมโห ทันใดเรียกชื่อของเธอขึ้น

“ฉีฉี!”

มองเห็นหัวหน้าห้อง ฉีฉียังนึกว่าหัวหน้าห้องจะสาดกาแฟร้อนใส่เธออะไรอย่างนั้น

แต่ฝ่ายตรงข้ามเข่าอ่อนลง คุกเข่าอยู่ต่อหน้าเธอ เริ่มมีเสียงร้องไห้กับน้ำตา

เห็นสถานการณ์อย่างนี้ ฉีฉีตกใจอยู่สักพักหนึ่ง

ถึงแม้ว่าระหว่างเธอกับหัวหน้าจะมีความแค้นมาก่อน แต่เธอก็ได้รับโทษที่ควรจะได้รับแล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่พัวพันกัน

ที่จริงหัวหน้าไม่อยากก้มหัวให้ฉีฉี แต่ตอนนี้สถานการณ์บังคับ มู่ยู่วฉีกำจัดให้สิ้นซาก เป็นอย่างนี้ต่อไป งานร้านกาแฟนี้อาจจะรักษาไว้ไม่ได้

เพื่อความอยู่รอด เธอยินยอมที่จะก้มหัวให้ฉีฉี ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

สายตาคู่นั้นมองฉีฉีด้วยความขอร้องอ้อนวอน หัวหน้าห้องพูด “ฉีฉี ฉันขอร้องเธอล่ะ ให้มู่ยู่วฉีปล่อยฉันเถอะนะ! ฉันสำนึกผิดแล้ว ไม่กล้าที่จะมารบกวนเธออีก ตอนนี้ฉันถูกมหาวิทยาลัยไล่ออกแล้ว เพียงแค่ให้งานฉันไว้เลี้ยงดูตัวเองก็พอแล้ว ขอร้องมู่ยู่วฉีอย่ามาทำให้ฉันลำบากอีกเลย!”

ฉีฉีขมวดคิ้ว ถาม”เธอกำลังพูดอะไร?”

“หลังจากที่ออกมาจากที่กักตัว ฉันนึกว่าโทษที่จะได้รับเพียงพอแล้ว แต่มู่ยู่วฉียังไม่ปล่อยฉัน ข่มขู่ต้องการให้ฉันหายไปจากเมืองหลวง!”

ฉีฉีขมวดคิ้ว พูดพึมพำ”คาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องอย่างนี้…..”

เห็นฉีฉีใจอ่อน เย่ชูวเสวียพูดอย่างเฉียบแหลมว่า”ให้เธอหายไปแล้วอย่างไร เรื่องที่ทำกับฉีฉี ก็สมน้ำหน้าที่เธอจะได้รับการปฏิบัติอย่างนี้”

“ฉันเพียงกลั่นแกล้งฉีฉี ผู้หญิงอิจฉาริษากัน ใครก็เป็น และฉันเพียงแค่ทำเกินไปนิดหนึ่ง มองฉันในตอนนี้ไม่เหลืออะไรสักอย่าง ยังถูกพ่อแม่ไล่ออกจากบ้าน ทุกข์ยากลำบากอยู่คนเดียว เมื่อเทียบกันแล้ว ใครน่าสงสารกันล่ะ?”

“พวกเธอก่อเรื่อง เพียงแค่เกินไปนิดหนึ่งเหรอ?”เย่ชูวเสวียหัวเราะเยือกเย็น พูด”เธอต้องรู้นะว่าฉีฉีถูกเธอกลั่นแกล้ง จนต้องมีปัญหาด้านจิตใจ ถ้าหากไม่ใช่ว่าพวกฉันอยู่ข้างกายเธอในแต่ละวัน กระตือรือร้นรักษา ชีวิตของเธอก็พังทลายแล้วล่ะ! ส่วนเธอทั้งหมดทำเองต้องรับเอง เธอมีคุณสมบัติอะไรมาพูดตรงหน้าพวกฉัน ขอร้องให้พวกฉันให้อภัย! ”

คำพูดของเย่ชูวเสวียทำให้หัวหน้าห้องเงยศีรษะขึน หน้าซีดเผือด ความหวังสุดท้ายในใจก็ไม่มีแล้ว

เดิมทีหัวหน้าห้องคิดว่าตัวเองขอร้องอ้อนวอนก็สามารถทำให้ฉีฉีวางมือแล้ว

แต่นึกไม่ถึงว่าฉีฉีหายไปในช่วงนี้ คือทำการรักษาสภาพจิตใจ ในเมื่ออย่างนี้ถึงเธอขอร้อง ฉีฉีก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือตัวเอง

คิดถึงสิ่งเหล่านี้ หัวหน้าห้องก็รู้สึกว่าสิ้นหวัง ในเวลาที่นั่งอยู่บนพื้นก็เริ่มร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด

ผู้จัดการร้านกาแฟเห็นเหตุการณ์ รีบเดินเข้ามาขอโทษฉีฉี สีหน้าตำหนิหัวหน้าห้องให้เธอรีบลุกขึ้น อย่ารบกวนลูกค้าอีก

หัวหน้าหมดหนทางไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะดูแลสิ่งเหล่านี้ได้ที่ไหน เพียงรู้สึกว่าตัวเองจบเห่แล้ว ตลอดชีวิตต้องใช้แต่วันอย่างไม่เห็นแสง ไม่ดีเท่ากับตายเลยจริงๆ

ลูกค้าในร้านมองมา วิพากษ์วิจารณ์เบาๆ

นัดพบกันดีๆอยู่ ก็ถูกทำลายให้วุ่นวายอย่างนี้ เย่ชูวเสวียหงุดหงิดมาก อ้าปากต้องการจะพูดอะไรออกมา

“ฉันจะขอร้องมู่ยู่วฉีแทนเธอ เธออย่าร้องไห้เลย”

ไม่รอให้เย่ชูวเสวียพูด ฉีฉีก็รับปากหัวหน้าห้องก่อน

หัวหน้าห้องเงยศีรษะมองฉีฉี ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ถามอย่างไม่เชื่อว่า”เธอพูดจริงๆใช่ไหม?”

“เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามแต่เธอนะ”

“อย่างนั้นฉันเชื่อเธอ เธออย่าทำให้คำพูดเชื่อถือไม่ได้นะ!”

พูดจบหัวหน้าห้องเช็ดน้ำตาแล้วเดินออกไป

มองตามแผ่นหลังของหัวหน้าห้อง เย่ชูวเสวียขมวดคิ้วขึ้นถามว่า”ฉีฉี ทำไมเธอต้องเกี่ยวข้องกับคนเลวอย่างนั้น ให้มู่ยู่วฉีจัดการเธอก็ดีแล้ว”

ฉีฉีก้มศีรษะดื่มกาแฟ พูด”เธอได้รับโทษแล้ว เรื่องนี้ก็ลืมไปเถอะ อีกอย่างนะ เมื่อกี้เธอร้องไห้แบบนั้นแล้ว ไม่จบไม่สิ้น หรือว่าไม่รู้สึกรำคาญ?”

เย่ชูวเสวียโกรธมาก ส่ายศรีษะพูดว่า “เธอน่ะใจอ่อน คนอย่างนั้นนะต้องให้ทุกข์จนถึงสงสัยในชีวิต ถึงจะรู้จักจริงๆว่าตัวเองทำความผิด”

ฉีฉีหัวเราะเย่ชูวเสวีย หลังจากนั้นก็ตบที่หลังมือเธอ พูด”โอเคแล้ว ไม่พูดถึงเธอแล้ว พวกเราออกมาเดินเล่นผ่อนคลายจิตใจ อย่าทำให้อารมณ์ย่ำแย่เลย”

“แต่ว่าอารมณ์ของฉันเปลี่ยนเป็นแย่แล้ว ไม่อยากอยู่ต่อไปแล้ว ไปๆ พวกเราเปลี่ยนสถานที่ ที่นี่บรรยากาศอึดอัด”

เย่ชูวเสวียแค้นใจเดินออกไป หนานกงเจายักไหล่ให้ฉีฉี หลังจากนั้นก็เดินตามออกไปด้วย

ฉีฉีรู้ เย่ชูวเสวียกำลังโกรธตัวเอง แต่เธอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด เย่ชูวเสวียก็ไม่ได้ผิด แต่ความคิดของพวกเธอไม่เหมือนกัน มีความขัดแย้งก็เป็นเรื่องปกติ

สถานการณ์อย่างนี้ ฉีฉีก็เดินออกจากร้านกาแฟ

แสงอาทิตย์ด้านนอกดีมากจริงๆ แต่จิตใจของฉีฉีแผ่คลุมด้วยความมืดมิดจางๆ

ต่อมาฉีฉีก็ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ ก็หาข้ออ้างกลับอาพาร์ทเมนต์ก่อน ให้เย่ชูวเสวียกับหนานกงเจามีเวลาอยู่ด้วยกันสองคน

เดิมทีฉีฉีอยากอยู่ที่อาพาร์ทเมนต์เงียบๆ คาดไม่ถึงว่ามู่ยู่วฉีก็อยู่

ในห้องมีแค่พวกเขาสองคน อย่างนี้ทำให้รู้สึกเก้อเขิน

แปลก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงานเหรอ? เขากลับมาได้อย่างไร?

มู่ยู่วฉีก็คาดไม่ถึงว่าจะพบฉีฉี เห็นๆอยู่ว่าเย่ชูวเสวียพูดว่าพวกเธอจะออกไปเดินเล่น มีเพียงฉีฉีกลับมาคนเดียวได้อย่างไร?

ทั้งสองคนตาโตจ้องเขม็งตาเล็ก ไม่มีใครพูดออกมา บรรยากาศเย็นเล็กน้อย

สุดท้าย ก็เป็นมู่ยู่วฉีทำลายความเงียบ ถามอย่างราบเรียบว่า”ชูวเสวียล่ะ?”

“อ้อ เธอกับหนานกงเจาไปดูการจัดงานแสดงภาพวาดแล้ว”

มู่ยู่วฉีขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยถาม”หลังจากนั้นก็ทิ้งให้เธอกลับมาคนเดียว?เด็กคนนี้ เชื่อถือไม่ได้จริงๆ”

ฉีฉีรีบโบกมือพัลวัน อธิบายว่า”ไม่ใช่นะ ฉันผ่อนคลายพอแล้ว อยากกลับมาอ่านหนังสือ ช่วงนี้เย่ชูวเสวียอยู่เป็นเพื่อนฉัน ก็น่าเบื่อแล้ว มีโอกาสออกไปผ่อนคลายจิตใจกับแฟนก็ไม่เลว”

“ไม่มีคนให้เย่ชูวเสวียอยู่ที่นี่ เป็นตัวเย่ชูวเสวียเองที่หาความลำบากให้ตัวเอง โทษใครได้”

ได้ฟังคำพูดของมู่ยู่วฉี ท่าทีสีหน้าของฉีฉียิ่งทำตัวไม่ถูก

ตอนที่ฉีฉีไม่รู้จะพูดอะไรออกมา มู่ยู่วฉีเอ่ยปากขึ้นเปลี่ยนน้ำเสียง ถามว่า”กินข้าวมาหรือยัง?”

ฉีฉีฝืนใจผงกศีรษะ พูด”กินมาแล้ว”

“อย่างนั้นก็กลับห้องเถอะ”

“อ้อ”

ฉีฉีหมุนตัวออกมา ทอดถอนหายใจอย่างโล่งอก

ฮู ในที่สุดก็ไปได้แล้ว เมื่อกี้บรรยากาศแปลกมาก

ฉีฉีรู้สึกว่าเธอไม่มีวิธีที่จะพูดคุยใกล้ชิดกับมู่ยู่วฉีได้อย่างปกติแล้ว เผชิญหน้ากับมู่ยู่วฉีมักนึกถึงเรื่องหยอกล้อเหล่านั้น หลังจากนั้นก็มีผลกระทบต่อจิตใจตัวเอง เห็นมู่ยู่วฉีอีกก็รู้สึกว่าแปลกๆ

ฉีฉีรู้สึกว่าอากัปกิริยาอย่างนี้ไม่ค่อยดี แต่เธอก็ไม่มีวิธีเปลี่ยนแปลง สถานการณ์ตอนนี้ เธอเพียงแค่หวังว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้ความเก้อเขินเปลี่ยนเป็นเย็นชาจืดจาง

กลับมาถึงห้อง ฉีฉีนั่งอยู่หน้าโต๊ะอ่านหนังสือ

เปิดหนังสือออก ฉีฉีอ่านได้ไม่เท่าไหร่ สมองก็คิดถึงเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อกี้

หัวหน้าห้องที่เคยยโสโอหัง ใช้รูจมูกมองคน นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะเป็นพนักงาน เรื่องนี้โจมตีทำลายเธอแน่นอนว่าต้องลึกมากแน่ๆ

หัวหน้าห้องเปลี่ยนเป็นอย่างนี้ ฉีฉีก็ไม่ได้เห็นใจเธอ เธอควรที่จะได้รับกับทุกสิ่งที่เธอกระทำ ไม่อาจจะปฏิเสธทั้งหมดได้

แต่เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ มีบางเรื่องที่ต้องวาดจุดจบ ทั้งตัวเองกับคนอื่นก็จะหลุดพ้นทุกข์

ฉีฉีคิดอย่างล่องลอยไร้ขอบเขตอยู่นาน จนถึงจมูกของเธอได้กลิ่นที่ลอยมา

กลิ่นอะไร หอมมาก

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset