วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 531 ลงโทษ

ล้อเล่นหรอ เวลาอย่างนี้ฉีฉีจะยอมรับได้ยังไง เธอจึงรีบส่ายหน้า

“ในเมื่อไม่ใช่แฟนก็อย่ามาออกความคิดเห็น ชูวเสวี่ย ช่วยฉันหน่อย มาพาฉีฉีไปกันเถอะ”

เมื่อได้ยินเซี่ยอันน่าเรียกตัวเอง เย่ชูวเสวี่ยก็นิ่งอยู่สักพัก จากนั้นก็โน้มตัวลงไปช่วยพยุงฉีฉีไปทางประตู

เย่ชูวเสวี่ยไม่จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นก็รู้ว่ามู่ยู่วฉีกำลังจ้องตัวเองเขม็งอยู่

แต่เย่ชูวเสวี่ยจำเป็นต้องขัดแย้งกับมู่ยู่วฉี เพราะไม่อยากมีปัญหากับเซี่ยอันน่า เพราะสุดท้ายเรื่องนี้ก็มีชื่อหนังอีกเป็นคนรับผิดชอบ มู่ยู่วฉีไม่มีสิทธิ์

เมื่อเห็นผู้หญิงทั้งสามคนไม่มีใครอยู่ข้างตัวเองสักคน มู่ยู่วฉีก็ยิ้มออกมาด้วยความโกรธ ก่อนที่ทั้งสามจะเดินผ่านเขาไป

มู่ยู่วฉีกำหมัดแน่น แล้วก็ปล่อยมือ ก่อนจะถอนหายใจอย่างแรง

“พวกเขาไปกันหมดแล้ว นายยังไม่ออกมาอีกหรอ”

เมื่อพูดจบก็มีเงาหนึ่งปรากฏขึ้น แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร “ทำไมในนี้ไม่มีคนเลยนะ ฉีฉีล่ะ”

มู่ยู่วฉีมองเสี่ยวอวี้หลินอย่างเอือมระอา “พวกเราเป็นแฝดกันการแสดงอย่างนี้ยังคิดจะมาหลอกกันอีกหรอ”

“นี่ ก็ต้องแกล้งตามน้ำหน่อยสิ ไม่อย่างนั้นจะอึดอัดขนาดไหน”

“ถ้าเมื่อกี้นายออกมา ก็สามารถหยุดฉากอึดอัดนั้นได้”

“ถ้างั้นฉันก็กลายเป็นผู้โชคร้ายคนนั้นน่ะสิ อันน่าต้องลงโทษฉันให้คุกเข่าลงบนพื้นแน่”

“ดังนั้นนายก็เลยมองดูพวกเธอพาผู้หญิงของฉันไปงั้นหรอ”

เมื่อได้ฟังน้ำเสียงของมู่ยู่วฉี เสี่ยวอวี้หลินก็ตบไหล่เขา พร้อมพูดปลอบ “ที่จริงฉีฉีไปกับเซี่ยอันน่าก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร เธอไม่ได้อยู่กับแกตลอดเวลา แกจะได้มีเวลาทบทวนตัวเอง ถ้าฉีฉียอมลดกำแพงลง แกก็จะเข้าใกล้หัวใจเธอมากขึ้น ความสัมพันธ์ของพวกแกก็จะพัฒนาได้ดีมากขึ้น”

เสี่ยวอวี้หลินเป็นพี่น้องของมู่ยู่วฉี ดังนั้นเมื่อเขาพูดปลอบไม่กี่คำ ก็ทำให้มู่ยู่วฉีสงบลงได้

มู่ยู่วฉีนั่งอยู่บนเก้าอี้ค่อยๆถอนหายใจออกอย่างอ่อนแรง “ทำไมทุกคนถึงคิดว่าฉันไม่จริงใจกับฉีฉี”

“ถ้าพูดตามความจริง เราไม่เคยเห็นความตั้งใจของแกที่มีต่อฉีฉี”

ใช้ใจหรอ

มู่ยู่วฉีเหล่ตาตอบ “ฉันจะทำให้พวกแกดู”

เสี่ยวอวี้หลินฟังออกว่าน้ำเสียงของมู่ยู่วฉีไม่ปกติ จึงรีบถาม “แก… จะทำอะไร”

มู่ยู่วฉีไม่บอกและเก็บไว้เป็นความลับ “ถึงเวลาก็รู้เอง”

“หวังว่าเรื่องนี้จะไม่เซอร์ไพรซ์จนเกินไป ความอดทนของเราไม่ได้มีมากนัก กลัวจะรับเรื่องนี้ไม่ได้”

“ไม่ต้องกังวล ฉันจะทำแค่พอดี”

“โอเคฉันก็ต้องกลับไปเผชิญกับมรสุมของตัวเองแล้ว”

เสี่ยวอวี้หลินตบไหล่มู่ยู่วฉีและเดินออกไป

ท้องฟ้าข้างนอกเป็นสีฟ้าสดใส แต่ใจของเสี่ยวอวี้หลินกลับรู้สึกว่ามันปกคลุมไปด้วยเมฆดำ

ตั้งแต่ที่เขาตอบรับว่าจะช่วยมู่ยู่วฉี เขาก็รู้ทันทีว่าเขาต้องถูกเซี่ยอันน่าคิดบัญชีแน่

เพิ่งจะกลับมาจากฮันนีมูน แต่กลับต้องเจอคลื่นขนาดใหญ่แบบนี้ มันอันตรายมาก

เสี่ยวอวี้หลินส่ายหน้า และเดินกลับบ้าน

เซี่ยอันน่าดูแลฉีฉีจนถึงเย็น จากนั้นเธอกับเย่ชูวเสวี่ยก็กินข้าวและกลับบ้าน

เมื่อมาถึงประตูบ้าน เซี่ยอันน่าก็เห็นไฟในห้องเปิดอยู่จึงรู้ว่าเสี่ยวอวี้หลินกลับมาแล้ว เธอรู้สึกเย็นชาขึ้นมาในใจทันที

เซี่ยอันน่าดันประตูเข้าไปโดยไม่มองหน้าเสี่ยวอวี้หลิน วางกระเป๋าลง และเตรียมจะกลับห้องทันที

แต่เป็นเสี่ยวอวี้หลินที่รีบมาเกาะแกะนางอีก และพูด “ภรรยายังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม”

“กินแล้ว”

“ผมยังไม่ได้กินเลย กินเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม”

“ไม่มีเวลา”

ท่าทีเย็นชาของเซี่ยอันน่า ทำให้เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกปวดใจ เขาถามอย่างระมัดระวัง “ภรรยาคุณโกรธใช่ไหม”

เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วถามเขากลับไป “คุณคิดว่าไงล่ะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเสี่ยวอวี้หลินก็จับมือของเธอ และพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ภรรยาผมรู้แล้วว่าผมผิด”

“คุณผิดตรงไหน”

“ผมไม่ควรช่วยมู่ยู่วฉีโกหกคุณ”

เธอหันไปมองเสี่ยวอวี้หลินและพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ

“ฉันเชื่อใจคุณขนาดนั้น แต่คุณกลับปิดบังเรื่องสำคัญกับฉัน ถ้าฉีฉีเกิดอะไรอันตรายขึ้น คุณจะให้ฉันทำยังไง”

“ทุกอย่างสามารถจัดการได้ ภรรยาไม่ต้องกังวล”

เซี่ยอันน่าย่นคิ้วถาม “ไม่ต้องกังวลหรอ ฉีฉีเป็นแค่ผู้หญิงตัวคนเดียว วันนี้ก็ยังมาเป็นลมเพราะหิว จะให้ฉันวางใจได้ยังไง”

เสี่ยวอวี้หลินยิ้มอย่างอึดอัด “เรื่องวันนี้เป็นเรื่องบังเอิญ”

“ฉันจะไม่เชื่อคำพูดของคุณอีกต่อไปแล้ว คำพูดของคุณสองคนพี่น้องเชื่อถือไม่ได้”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเสี่ยวอวี้หลินก็รู้ว่าสถานการณ์ได้เลวร้ายขึ้น เขาจึงพูดด้วยความจริงใจว่า “ภรรยาผมยอมรับการลงโทษ คุณช่วยให้อภัยผมด้วย”

“ลงโทษหรอ แน่นอนอยู่แล้ว แล้วฉันก็นึกออกแล้วด้วยว่าจะลงโทษคุณยังไง”

ตอนที่เซี่ยอันน่าพูดประโยคนี้ สายตาของเธอก็เป็นประกายทำให้เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกตกใจ

เสี่ยวอวี้หลินถามเธออย่างกังวล “คุณจะให้ผมทำอะไร”

“ฉันจะย้ายออกไปอยู่กับฉีฉีสักพัก ช่วงนี้คุณอยู่บ้านคนเดียว”

“ห๊ะ”

คำตอบนี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกตกใจมาก

เขาอึ้งไปสักครู่ จากนั้นก็กอดเอวของเธอและขอร้องอย่างน่าสงสาร “ไม่เอานะภรรยา อย่าทิ้งผมไว้ที่นี่คนเดียว ผมกลัวความมืด”

เซี่ยอันน่าดึงมือปลาหมึกของเขาออก และพูดอย่างแดกดัน “คุณก็เรียกพี่น้องที่รักของคุณมาสิ มาอยู่ด้วยกันจะได้อบอุ่น”

“ไม่เอาผมต้องการแค่ภรรยาของผมเท่านั้น”

“หึ ทีเวลาอย่างนี้รู้แล้วเหรอว่าภรรยามีความสำคัญ แล้วตอนนั้นทำอะไร พอดีเลยเสื้อผ้ายังไม่ได้เอาออกมาจากกระเป๋า เดี๋ยวจะได้ย้ายออกไปเลย”

เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกเสียใจมาก เขาไม่ได้ช่วยอะไรด้วยซ้ำ แต่กลับถูกภรรยาทิ้ง

เขามองไปที่หนังอีกอย่างน่าสงสาร “ภรรยา พวกเราเพิ่งจะแต่งงานกันคุณก็จะให้ผมอยู่คนเดียวแล้วหรอ ถ้าข่าวนี้ออกไปจะไม่ดีนะ”

“ไม่ให้คนรู้ก็พอแล้ว ฉันรู้ว่าคุณมีอำนาจนั้น”

“คุณจะไปให้ได้เลยใช่ไหม”

“ใช่”

“ไม่คิดเปลี่ยนแปลงเลยหรอ”

“ไม่คิด”

เสี่ยวอวี้หลินหายใจเข้าลึกลึกและเปลี่ยนท่าที เขาถอยหลังไปสองเก้า มองเซี่ยอันน่าเหมือนเด็กที่ถูกทิ้ง แต่ก็พูดอย่างเข้มแข็ง “โอเคภรรยา ถ้าคุณเบื่อชีวิตข้างนอกแล้วก็รีบกลับมา ผมจะคิดถึงคุณ”

ท่าทีที่แปลกไปของเสี่ยวอวี้หลินทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกสงสัย

เซี่ยอันน่าเตรียมที่จะปฏิเสธอย่างแข็งขัน คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวอวี้หลินจะใช้มุขนี้

เขาไม่ใช่คนที่ชอบตัดพ้อ นี่ไม่ใช่สไตล์ของเขา

แต่ตอนนี้เซี่ยอันน่ายังมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ ไม่มีเวลามาทะเลาะกับสามี และไม่ว่าเขาจะทำยังไง เธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ

เธอสบตากับเขา ก่อนจะหันหลังเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกไป

เสี่ยวอวี้หลินรู้สึกโกรธเธอ และแอบน้อยใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา

เมื่อเซี่ยอันน่าออกไปจากบ้านแล้วเขาก็รีบเปลี่ยนท่าทีทันที เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออก

…..

เมื่อรู้ว่าเซี่ยอันน่าจะมาอยู่กับตัวเอง ฉีฉีก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี

เธอแสดงออกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร แข็งแรงมาก

แต่ในความเป็นจริง เธอทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนกินยาก็ถูกจับได้ หลังจากนั้นก็เป็นลมเข้าโรงพยาบาล ฉะนั้นเซี่ยอันน่าจึงไม่เชื่อเธออีก

เมื่อเซี่ยอันน่าเข้ามาในอพาร์ทเมนท์ของฉีฉี เธอจึงไม่สามารถโต้แย้งได้

ยังไงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ หุบปากแล้วอ่านหนังสือดีกว่า

แต่เห็นได้ชัดว่าคนที่ทำให้ฉีฉีตกใจไม่ใช่มีแค่เซี่ยอันน่าเพียงคนเดียว

เมื่อมองไปที่กระเป๋าเดินทางตรงหน้า และสีหน้าของเย่ชูวเสวี่ยที่มีความกระตือรือร้น ก็ทำให้ฉีฉีหมดคำจะพูด

“นี่มันอะไรกัน”

“ย้ายมาอยู่กับเธอไง อยู่ด้วยกันจะได้อบอุ่น”

“ตอนนี้มีฉันดูแลฉีฉีแล้ว ไม่ต้องรบกวนเธอแล้ว”

“นี่เราเป็นเพื่อนกันนะ รบกวนอะไรกัน แถมเธอยังต้องถ่ายหนัง ทำงาน ช่วงเวลานั้นฉันจะช่วยดูแลฉีฉีให้เอง”

เมื่อได้ฟังคำพูดของเย่ชูวเสวี่ย เซี่ยอันน่าก็ไม่ได้พูดอะไรนานมาก เพราะคำพูดของเย่ชูวเสวี่ยนั้นทำให้เธอสนใจ

แต่ฉีฉีไม่ยินยอมให้นะ มีแค่คนเดียวมาเฝ้าก็กดดันมากแล้ว ถ้ามาเฝ้าสองคน คงรู้สึกมืดมนมากแรง

“ที่จริงพวกเธอไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน ฉันดูแลตัวเองได้”

เมื่อพูดจบฉีฉีก็รอคำตอบจากทั้งสองคน

แต่ทั้งสองก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน คุยกันต่อไป

ฉีฉีเคาะประตูและพูด “ฉันคุยกับพวกเธออยู่นะ”

“ได้ยินแล้ว”

“ได้ยินแล้วทำไมไม่ตอบ”

เซี่ยอันน่าหันไปมองฉีฉี “ต้องตอบอะไร ของพวกเราก็ย้ายมาหมดแล้ว เธอยังจะไล่พวกเราไปอีกหรอ”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นก็หุบปาก พวกเราไม่ได้จะมาทำร้ายเธอ”พูดจบเซี่ยอันน่าก็หันไปมองเย่ชูวเสวี่ย “พอดีเลยมะรืนต้องถ่ายโฆษณา ตอนที่ฉันออกไปเธอช่วยอยู่บ้านเป็นเพื่อนฉีฉี อย่าให้คนแปลกหน้าเข้ามา”

เย่ชูวเสวี่ยตบอกรับคำ “สบายใจได้ ฉันอยู่ข้างพวกเธอ”

“โอเค ตอนนี้เป็นอย่างนี้”

“ไม่ใช่แค่ตอนนี้ หลังจากนี้ก็จะเป็นอย่างนี้”

เซี่ยอันน่าเลิกคิ้วไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ใช่สิ ตั้งแต่เธอกับเสี่ยวอวี้หลินกลับมา ฉันยังไม่ได้ต้อนรับเลย วันนี้ฉันจะเป็นคนเชิญพวกเธอกินข้าวเอง”

ประโยคนี้ทำให้เซี่ยอันน่าต้องหัวเราะออกมา “เมื่อกี้เพิ่งจะแสดงความจริงใจออกมา ตอนนี้จะเริ่มช่วยเสี่ยวอวี้หลินกับมู่ยู่วฉีแล้วหรอ”

“เธอเข้าใจฉันผิดแล้ว ถึงจะบอกว่าต้อนรับ แต่ฉันไม่ได้หมายถึงว่าจะเชิญมู่ยู่วฉีมา ฉันอยากเชิญต้วนอีเหยามาฉลองด้วยกัน”

คำตอบนี้อยู่นอกความคิดของเซี่ยอันน่า

หลังจากที่กลับประเทศมา เซี่ยอันน่าก็ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของฉีฉี ไม่ได้คิดไปเยี่ยมต้วนอีเหยาเลย

และคำแนะนำของเย่ชูวเสวี่ยก็สามารถชดเชยความรู้สึกเสียดายนั้นได้พอดี

ดังนั้นนายเอกจึงพยักหน้าและพูดว่า “ก็ดีเหมือนกัน ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้ติดต่อกับต้วนอีเหยาเลย ฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกัน”

“งั้นเรื่องนี้ให้ฉันจัดการเอง พวกเธอพักผ่อน ทบทวนหนังสือ ส่วนเรื่องเวลาและสถานที่ฉันจะบอกอีกที”

เย่ชูวเสวี่ยแสดงออกด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือร้น ทำให้คนมองรู้สึกแปลกๆ

ดังนั้นเซี่ยอันน่าจึงต้องเตือนอีกครั้งว่า “เรื่องนี้เกี่ยวกับความไว้วางใจของเรา อย่าทำให้ฉันผิดหวัง”

“สบายใจได้ไม่มีทางแน่นอน”

เย่ชูวเสวี่ยจัดงานเลี้ยงต้อนรับในวันถัดไป

เย่ชูวเสวี่ยตั้งใจจะลงครัวทำอาหารให้ทุกคนประหลาดใจ

แต่ก็ถูกฉีฉีห้ามไว้ ว่ายังไงก็แล้วแต่ห้ามเข้าครัวเด็ดขาด

แม่เย่ชูวเสวี่ยจะอยากแสดงทักษะการทำอาหารของเธอแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางทำได้ ตอนนี้ฉีฉีได้รับสิทธิ์ขาด เธอพูดอะไรทุกคนก็สนับสนุน ดังนั้นเย่ชูวเสวี่ยจึงต้องยอมแพ้ไป

ในที่สุดเย่ชูวเสวี่ยก็เลือกร้านอาหารเสฉวนชื่อดัง รสชาติอร่อย คนเยอะมาก

แต่ก็ยังดีที่เย่ชูวเสวี่ยจองห้องพิเศษ จึงหลบหนีจากความวุ่นวายภายนอกมาได้ เหล่าผู้หญิงต่างอยู่ในห้องเพื่อเตรียมจะฉลอง

เย่ชูวเสวี่ยยืนขึ้นและยิ้มพูด “วันนี้พวกเรามารวมตัวกัน เพื่อจะฉลองสองเรื่อง เรื่องแรกก็คืออันน่ากลับประเทศ เอาจึงต้องต้อนรับ และเรื่องที่สองก็คือ ต้วนอีเหยากำลังท้อง เราต้องต้อนรับหลาน ส่วนเรื่องที่สาม…”

ยังไม่ทันที่เย่ชูวเสวี่ยจะพูดถึงเรื่องที่สาม ฉีฉีก็หัวเราะเตือนว่า “เย่ชูวเสวี่ยเมื่อกี้เธอบอกว่าจะฉลองสองเรื่อง ทำไมถึงมีเรื่องที่สามได้ล่ะ”

“ทำไมต้องฟังละเอียดขนาดนั้น เรื่องน่ายินดีมันเยอะเกินไปไม่ได้หรือไง”

“ได้ เธอใหญ่ที่สุด ขอแค่เธอไม่ทำอาหาร อะไรก็ได้ทั้งนั้น”

คำพูดของฉีฉีทำให้ทุกคนยิ้มออกมา

เมื่อถูกเยาะเย้ย เย่ชูวเสวี่ยก็ไม่ได้โกรธ เธอพูดงอนๆว่า “เกลียดเธอจริงๆ ฉันอุตส่าห์สร้างบรรยากาศตั้งนาน แต่ก็โดนเธอทำลาย”

เซี่ยอันน่ายกแก้วขึ้นมาพูดว่า “พอแล้วไม่ต้องพูดแล้ว พวกเราได้เจอกันถือว่าเป็นเรื่องดี ชนแก้ว”

ทุกคนยกแก้วขึ้นมาชนกันจนเกิดเสียง

เพราะต้วนอีเหยาท้อง ดังนั้นเธอจึงดื่มน้ำเปล่าแทนเหล้าเพื่อร่วมฉลอง

เย่ชูวเสวี่ยวางแก้วลง มองไปที่ท้องของต้วนอีเหยา และพูด “ในนี้มีชีวิตน้อยๆอยู่ อัศจรรย์จริงๆ”

เมื่อเห็นเย่ชูวเสวี่ยมองท้องของตัวเอง ต้วนอีเหยาก็ลูบท้องและพูด “ใช่ ไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“พี่อีเหยาอยากได้ลูกสาวหรือลูกชายคะ”

“อะไรก็ได้”

เย่ชูวเสวี่ยพยักหน้าเงียบๆ “ก็ถูก ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชาย ก็โดดเด่นในฝูงชนทั้งนั้น”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเซี่ยอันน่าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เธอนี่ปากหวานจริงๆ ขนาดกินเหล้ายังปากหวานเป็นน้ำผึ้ง”

“ฉันพูดเรื่องจริงนะ พี่ชายกับพี่สะใภ้โดดเด่นขนาดนั้น ลูกของพวกเขาต้องโดดเด่นแน่”

ต้วนอีเหยาหัวเราะกับคำพูดของเย่ชูวเสวี่ย “พอแล้วไม่ต้องพูดถึงฉันแล้ว วันนี้ตัวหลักคืออันน่า อันน่าเธอบอกว่ามีของขวัญไม่ใช่หรอ ฉันอยากเห็นแล้ว”

คำพูดไม่กี่คำของต้วนอีเหยาเปลี่ยนความสนใจของทุกคนโดยเฉพาะฉีฉี เธอมองไปที่เซี่ยอันน่าอย่างกระตือรือร้น “ใช่ของขวัญล่ะ”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset