วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 535 การติวเฉพาะ

ฉีฉีแสดงสีหน้าอย่างพอใจ “ต่อไปฉันต้องเป็นผู้จัดการให้เธอ ก็ต้องรู้หน่อยสิ”

หลังจากได้ยินคำพูดของฉีฉี มู่ยู่วฉีเขาพูดอย่างจริงจัง “ฉีฉีถ้าเธอสนใจทางด้านนี้ ฉันจะเปิดบริษัทหนัง และเป็นผู้บริหาร”

เอ่อ….

ท่าทางจริงจังของมู่ยู่วฉี ทำให้ฉีฉีรู้สึกอาย

เวลานี้เซี่ยอันน่าควรจะรักษาความเงียบ แต่เธอทนกับท่าทีอวดใหญ่ของมู่ยู่วฉีไม่ไหว ถึงส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา “คิดจะใช้เงินมาล่อหรอ ฉีฉีไม่ใช่คนแบบนั้น เธอเป็นคนชอบต่อสู้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอฝนตกลงมาจากฟ้า”

มู่ยู่วฉีมองไปที่เซี่ยอันน่าอย่างไม่ยอมแพ้ “เธอรู้จักฉีฉีดีมาก แต่ต่อจากนี้ฉันจะเข้าใจฉีฉีให้มากกว่าเธอ”

ผู้ชายคนนี้ปากจัดไม่น้อย

เซี่ยอันน่าเลิกคิ้วมองไปที่มู่ยู่วฉี “งั้นก็มารอดูกัน”

ถ้ามองจากมุมนี้ ทั้งสองคนดูจะทะเลาะกัน ทำให้หนางกงเจารู้สึกไม่สบายใจ

ต้วนอีเหยามองท่าทีของหนางกงเจาออก จึงพูด “ใกล้ถึงเวลาแล้ว ฉีฉีกับเซี่ยอันน่าอยู่ที่นี่ ที่เหลือไปซ่อนให้หมด”

เมื่อได้ยินคำพูดของต้วนอีเหยา หนางกงเจาก็มองไปที่เธออย่างขอบคุณ

และทุกคนก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมา เซี่ยอันน่ากับมู่ยู่วฉีหยุดเรื่องของตัวเองไว้ และดำเนินไปตามแผน

เย่ชูวเสวี่ยที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรรีบกลับมาอย่างรีบร้อน ก่อนจะเห็นเซี่ยอันน่ากับฉีฉีอยู่หน้าประตู

“เป็นยังไงบ้าง น้ำยังรั่วอยู่ไหม”

“รั่วอยู่ แต่เริ่มน้อยลงแล้ว”

“ฉันจะเข้าไปดูก่อน”

ตอนที่เย่ชูวเสวี่ยผลักประตูเข้าไป ห้องทั้งห้องก็มืดมิด มองไม่เห็นอะไรเลย

น้ำรวมไม่ใช่หรอ ทำไมไฟถึงดับด้วย ไม่ใช่สิตอนนี้เป็นตอนกลางวันนี่นา ถึงไฟดับก็ไม่น่าจะมืดขนาดนี้

เย่ชูวเสวี่ยเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงหันหลังกลับไป

แต่ไม่รู้ว่าใครมาผลักหลังเธอ ทำให้เธอต้องเดินเข้าไปในห้อง และทันทีที่ประตูปิดลง แสงสุดท้ายก็ดับไป

“พวกเธอ….”

เย่ชูวเสวี่ยยังไม่ทันพูดจบ โปรเจ็คเตอร์ข้างหน้าของเธอก็เริ่มทำงาน ใช้ภาพขึ้นมาทีละภาพ

ในภาพมีเธอแล้วก็มีหนางกงเจา ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุข

เย่ชูวเสวี่ยเริ่มปากสั่นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ประทับใจ และแปลกใจด้วย

เสียงดนตรีเบาๆดังขึ้น ความทรงจำของเย่ชูวเสวี่ยถูกถ่ายทอดออกมาผ่านภาพเหล่านั้น ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกอบอุ่น

ทันใดนั้นห้องก็สว่างขึ้น จนเธอต้องหรี่ตาลง

เธอมองไปข้างหน้าก่อนจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่พร้อมดอกไม้ในมือ

เย่ชูวเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “หนานกง คุณทำอะไรเนี่ย”

หนางกงเจามองที่เธออย่างจริงจัง และเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น อยู่แฟนออกมา และพูดอย่างซื่อสัตย์ “ชูวเสวี่ย แต่งงานกับผมนะ”

ทันทีที่พูดจบ กีบดอกไม้ก็ร่วงลงมาจากข้างบนราวกับเป็นความฝัน

เย่ชูวเสวี่ยตะลึง เธอมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหล่าของหนางกงเจา และมองไปที่เพื่อนทั้งหลายที่สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข จากนั้นก็มองไปที่กล้องวิดีโอที่อยู่อีกข้าง เธอน้ำตารื้นขึ้นมา พร้อมสะอื้น

เมื่อเห็นเย่ชูวเสวี่ยร้องไห้ คำสัญญาที่เขาจะพูดก็ลืมไปหมด เขารีบกอดเธอไว้อย่างปวดใจ และพูด “ชูวเสวี่ย คุณไม่ต้องร้อง คุณไม่ตกลงก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้อง”

หนางกงเจาพูดพลางช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอ

แต่เช็คยังไงน้ำตาของเธอก็เช็คไม่หมด ราวกับเขื่อนแตก

หนางกงเจาเริ่มรู้สึกตื่นตระหนก คนรอบข้างก็รู้สึกงงเช่นกัน

ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีมาก แต่ทำไมเมื่อถึงตอนสุดท้ายถึงไม่เป็นไปตามบท

ต้วนอีเหยาเดินมายืนข้างเย่ชูวเสวี่ย ยื่นมือไปตบไล่เธอ และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและหนักแน่น “ชูวเสวี่ยไม่ต้องร้องแล้ว บอกพวกเรามาว่าทำไมเธอถึงร้องไห้ ไม่ชอบอะไรแบบนี้ใช่ไหม”

“ไม่ใช่ ฉัน…. ฉันชอบมาก”

“แล้วทำไมถึงร้องไห้ขนาดนั้น”

“เพราะ….”เธอเพิ่งจะสงบไปก็เริ่มปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง “เพราะวันนี้ฉันไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ ผมก็ยุ่ง ถ้าฉันกลับมาดูวีดีโอย้อนหลังเป็นความทรงจำ ฉันต้องดูน่าเกลียดมากแน่”

ที่แท้ก็เพราะเหตุผลนี้

เหตุผลของเย่ชูวเสวี่ยทำให้ทุกคนพูดไม่ออก

หนางกงเจาถอนหายใจอย่างโล่งอกและรีบสงบสติอารมณ์ “ใช่ที่ไหน คุณสวยที่สุด แล้วตอนนี้คุณก็ไม่ได้ดูแย่ เสื้อผ้าก็เข้ากับคุณดี ผมก็ไม่ได้ยุ่ง และผมก็ชอบคุณตอนหน้าสด ทุกอย่างกำลังดี”

หนางกงเจาพูดอย่างจริงใจ “ไม่น่าเกลียดจริงหรอ”

“ไม่เลยสักนิด”หนางกงเจาหายใจเข้าลึกๆ และถามด้วยสีหน้ากังวล “ชูวเสวี่ย คุณต้องตอบผมแล้วนะ”

เย่ชูวเสวี่ยสูดหายใจเข้าจมูก และพยักหน้าอย่างเขินอาย

เมื่อเธอพยักหน้าทุกคนก็โล่งใจ และส่งเสียงเชียร์พร้อมกับโรยดอกไม้ ปรบมือ ทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาขึ้นมา

หนางกงเจากอดเย่ชูวเสวี่ยด้วยความขอบคุณ

หลังจากผ่านความยากลำบากด้วยกันมา ในที่สุดเขาก็ได้เป็นเจ้าของเธออย่างเป็นทางการ

เมื่อมองไปที่ทั้งคู่ที่มีความสุข ฉีฉีก็รู้สึกดีใจไปด้วย

ฉีฉีพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ดีจังเลย เดี๋ยวจะมีขนมกินแล้ว”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เซี่ยอันน่าก็หัวเราะออกมา “ฉีฉี จุดโฟกัสของเธอผิดนะ”

ฉีฉีแลบลิ้นออกมาโดยไม่พูดอะไร

แต่ก็มีบางคนที่ทนฟังไม่ได้อีกต่อไป จึงพูดขัดเซี่ยอันน่า

“ฉันว่าจุดโฟกัสของฉีฉีไม่ได้ผิด ขนมแต่งงานถือเป็นการส่งความสุข ให้คู่แต่งงานมีชีวิตที่สวยงาม”

เธอแค่พูดเล่นกันตามประสา แต่ก็ถูกมู่ยู่วฉีพูดอธิบายอย่างจริงจัง ทำให้รู้สึกว่ามันมากเกินไป

แต่ฉีฉีไม่ได้คิดอย่างนั้น เธอรู้สึกว่ามู่ยู่วฉีใส่ใจมาก เธอจึงประทับใจในตัวของเขา

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งสองคน เซี่ยอันน่าก็ได้แต่แอบส่ายหน้า

ผู้ชายคนนี้เริ่มซื้อใจคนแล้ว เขาดำเนินการไปทีละขั้น ฉีฉีจะตามเขาทันได้ยังไง

แถมต้วนอีเหยายังมาให้เธอปล่อยมือ ถ้าเธอปล่อยมือ ฉีฉีต้องเป็นปลาย่างของมู่ยู่วฉีแน่ เธอต้องโดนกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก”

แต่ก็มีประโยคหนึ่งที่ต้วนอีเหยาพูดถูกมาก เธอไม่สามารถดูแลฉีฉีไปได้ตลอดชีวิต บางเรื่องเธอก็ต้องไปเผชิญเอาเอง

เธอสามารถให้คำแนะนำได้ แต่ไม่สามารถควบคุมชีวิตของใครได้

ความคิดที่ขัดแย้งกันทำให้เซี่ยอันน่าสับสนมาก

เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าขมวดคิ้ว เสี่ยวอวี้หลินก็โน้มตัวไปกระซิบข้างหูเธอ “วันนี้วันดี ทำไมทำหน้าไม่ดีอย่างนั้น”

เซี่ยอันน่าหันตาไปมองทางอื่น “ไม่มีอะไร”

แม้เซี่ยอันน่าจะไม่ได้พูดอะไร แต่เสี่ยวอวี้หลินก็เข้าใจความสับสนของเธอ

เขายกมือขึ้นมาตบไหล่เซี่ยอันน่า และพูดอย่างหนักแน่น “คุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้น ทุกคนมีทางเดินของตัวเอง ถึงคุณจะระวังทุกด้าน แต่มันก็สามารถปกป้องได้แค่เล็กน้อย ทำไมต้องทำให้ตัวเองลำบากด้วย”

ประโยคนี้เซี่ยอันน่าไม่อยากฟัง เธอหันไปมองเขา “พวกคุณไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบนี่นา ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง”

“คุณรู้ได้ยังไงว่ามู่ยู่วฉีไม่เสียเปรียบ”

เซี่ยอันน่าหัวเราะออกมาอย่างดูถูก “ยังต้องให้พูดอีกหรอ แค่ดูก็รู้แล้วว่าดีไม่ดี”

เสี่ยวอวี้หลินส่ายหน้าและพูด “ช่วงนี้ฉีฉีกินอิ่มนอนหลับ ไปโรงเรียนได้ทุกวัน ใช่มั้ย”

“ใช่”

“แต่มู่ยู่วฉีน่าสงสารกว่านั้นมาก เขาไม่กินไม่นอน เอาแต่คิดถึง เขาผอมขนาดนั้น คุณคิดว่าใครทรมานกว่ากัน”

“จริงหรือเปล่า เวอร์ไปหรือเปล่า”

“ถ้าไม่เชื่อก็ถามหนางกงเจาดูสิ”

เซี่ยอันน่ายังมีท่าทีสงสัย “พวกคุณเป็นพวกเดียวกัน ถามใครๆก็เหมือนกัน มีแต่ทำลายความสงบ”

เสี่ยวอวี้หลินเอือมระอา “ภรรยาคุณอย่ามีทิฏฐิ ผมช่วยมู่ยู่วฉีโกหกแล้วจะมีประโยชน์อะไรกับผม ผมต้องช่วยเขาจีบผู้หญิงคนหนึ่ง จนถึงขนาดถูกเมียตัวเองโกรธหรอ มันเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ ผมจะทำธุรกิจขาดทุนอย่างนั้นทำไม”

คำพูดพวกนี้ดูมีเหตุผล

“ตอนนี้ผมมั่นใจว่า ในใจของมู่ยู่วฉีมีฉีฉีจริง แม้แต่มู่ยู่วฉีก็อาจจะยังไม่รู้ตัว”

เซี่ยอันน่ามองมู่ยู่วฉี เหมือนคิดอะไรบางอย่าง

เมื่อเห็นว่าเซี่ยอันน่าดูจะประทับใจกับคำพูดนั้นแล้ว เสี่ยวอวี้หลินก็ยิ้มขึ้นมา ไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากดึงมือของเธอไปข้างหน้าและพูดว่า “กินเค้กกันเถอะ ไป”

เธอเดินตามหลังเสี่ยวอวี้หลินมาจนถึงหน้าเค้ก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าที่ร่าเริงของฉีฉี ใบหน้าของเธอเป็นสีแดงราวกับลูกแอปเปิ้ล

และสายตาของมู่ยู่วฉีที่มองฉีฉีก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น

เมื่อเห็นอย่างนั้นเซี่ยอันน่าก็ผ่อนคลายอารมณ์ลง

…..

เพราะต้องเตรียมงานแต่งงาน มีเรื่องต้องเตรียมเยอะ เย่ชูวเสวี่ยจึงกลับไปพักที่บ้าน ในอพาร์ทเมนท์จึงเหลือแค่เซี่ยอันน่ากับฉีฉี

ทั้งสองคน คนหนึ่งถ่ายหนังจนถึงดึกตื่น ส่วนอีกคนอ่านหนังสือจนเช้าตรู่ ทั้งสองคนยุ่งมากจึงไม่มีเวลาเจอกัน และได้คุยกันแค่เล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เซี่ยอันน่าก็ไม่มีเวลามาพูดเรื่องมู่ยู่วฉีกับฉีฉีให้ชัดเจนสักที

ในขณะที่เธอไม่มีเวลา อีกคนกลับว่างมาก เขาถือโอกาสตอนที่ฉีฉีอ่านหนังสือข้างนอก ไปให้กำลังใจเธอทุกวัน

ฉีฉีนั่งอยู่ในห้องทบทวนของตัวเอง เธอดูนาฬิกา เมื่อถึงเวลาสิบโมง ก็ได้ยินเสียงเท้าเดินเข้ามา

ทันทีที่คนนั้นปรากฏตัว ทุกคนก็มองไปที่ฉีฉีด้วยความอิจฉา

สำหรับฉีฉีเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องดี

เธอก้มหน้าลงไม่สบตากับอีกฝ่าย และเขาก็ไม่ได้มารบกวนเธอ เขาทำแค่นั่งทำงานอยู่ข้างหลังเธอ

ทำอย่างนี้อีกแล้ว

ฉีฉีรู้ว่ามู่ยู่วฉีมาหาเธอ

แต่เธอไม่พูดด้วย เขาก็ไม่รบกวน เอาแต่นั่งเงียบอยู่ข้างหลัง บางทีก็เอาน้ำ เอาขนมมาให้ เขาทำอย่างพอดี จึงทำให้เธอไม่รู้สึกรำคาญและกดดัน

แต่เธอไม่อยากให้มู่ยู่วฉีทำอย่างนี้ เธอไม่สามารถตอบตกลงเขาได้ เขาจะทำดีกับเธอขนาดนี้ทำไม มันจะทำให้เธอต้องโทษตัวเอง ว่าทำให้เขาเสียเวลา

เธอหายใจเข้าลึกๆ ตัดสินใจว่าจะคุยกับเขาให้ชัดเจน ไม่ให้เขามาพรุ่งนี้

เธอตั้งสมาธิ ดึงสติไปที่การทบทวน

เวลาล่วงเลยไปถึงตอนเที่ยงอย่างรวดเร็ว

ทุกคนต่างเก็บของเตรียมไปกินข้าวในโรงอาหาร

ฉีฉีก็จัดเก็บหนังสือของตัวเอง แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจะไปที่โรงอาหาร เธอมีเรื่องต้องพูดกับมู่ยู่วฉี

เธอหันไปมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

ทั้งคู่พูดออกมาพร้อมกัน ทำให้ฉีฉีเรียกความกล้าออกมาได้ยากมาก เรากับลูกบอลที่ลมออกไปกว่าครึ่ง

มู่ยู่วฉียิ้ม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

“ครั้งนี้ผมให้คุณพูดก่อน”พูดจบเขาก็ยื่นใบปลิวใบหนึ่งให้เธอ และบอกว่า “นี่เป็นห้องเรียนพิเศษทบทวน อาจารย์ชื่อเสียงดังมาก ผมจะช่วยคุณสมัคร คุณสนใจไหม”

เธอมองใบปลิวนั้นด้วยสายตาเบิกกว้าง

“ที่นี่มีชื่อเสียงมาก มากสุดสุด คนที่จะเตรียมสอบเข้าปริญญาโทมักจะรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี แต่ว่าห้องทบทวนนี้มีคนต้องการเข้าเยอะมาก และปีนึงก็รับจำนวนจำกัด มีคนจำนวนมากที่เข้าไม่ได้”

“แล้วคุณอยากไปไหม”

ฉีฉีพยักหน้าอย่างไม่ทันคิด “แน่นอนว่าอยากไป”

“งั้นคุณก็ไปสิ มันเปิดเรียนอาทิตย์หน้า ใช้เวลาทบทวนหนึ่งเดือน เมื่อเรียนจบแล้วเขาถึงเวลาสอบพอดี ผมว่าคุณจะได้เข้าใกล้ความสำเร็จอีกนิด”

ฉีฉีรู้สึกประทับใจมาก แต่เธอก็รู้ว่าโรงเรียนกวดวิชานี้แพงมาก

“ราคาต้องแพงแน่ๆ”

“เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่มีเงินก็หาใหม่ได้ แต่โอกาสไม่สามารถเอากลับมาอีกได้ ไม่ว่าจะมีเงินมากแค่ไหนก็ไม่สามารถเอากลับมาได้”

คำพูดของมู่ยู่วฉีมีเหตุผลมาก ฉีฉีคิดและพูดออกมา “งั้นรอฉันสอบเสร็จ ฉันจะพยายามหาเงินคืนคุณ”

“เรื่องนั้นรอสอบเสร็จค่อยคุยกัน ตอนนี้คุณจะไปกินข้าวใช่ไหม”

“ใช่”

“ผมหิวอยู่พอดี ผมอุตส่าห์ช่วยคุณเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ช่วยเลี้ยงข้าวผมหน่อยได้ไหม”

ฉีฉีฉีกยิ้มสดใส “แน่นอนอยู่แล้ว ไปกันเถอะฉันจะพาคุณไปกินข้าวข้างนอก”

“ตอนบ่ายผมมีประชุม ถ้าไปกินข้าวข้างนอกจะกลับมาไม่ทัน พวกเราไปกินข้าวในโรงอาหารก็พอ”

“อย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน ถึงแม้ในโรงอาหารคนจะแน่นไปหน่อย แต่ก็มีร้านอาหารมากมาย รสชาติดีมาก เดี๋ยวคุณสั่งได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”

“โอเค ผมไม่เก่งใจแน่นอน”

ฉีฉียิ้มเดินไปกับมู่ยู่วฉี ลืมเรื่องที่เธอจะแบ่งเขตกับเขาโดยสิ้นเชิง

โรงอาหารมีคนเยอะมาก เมื่อมู่ยู่วฉีปรากฏตัวก็กลายเป็นจุดเด่นทันที

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset