ทางด้านของมู่เวยเวย ช่วงนี้เธอเงียบสงบมาก เย่ฉ่าวเฉินเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอกำลังยุ่งๆกับเรื่องอะไรอยู่ หลายวันมานี้เขาไม่เห็นหน้าเธอเลย เขาได้แต่สงสัย
ครั้งก่อนคุณลุงบอกว่าได้ข่าวพี่ชายของเธอ แต่ในวันนั้นเกิดเรื่องนิดหน่อย ทำให้เธอไม่ทันได้ถามอะไรคุณลุงเลน แล้วช่วงสองสามวันมานี้เธอติดต่อคุณลุงกับคุณป้าไม่ได้เลย มู่เวยเวยรู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ ดังนั้นหลังเลิกเรียนเขาจึงขะไปที่บริษัทมู่ซื่อสักหน่อย
ตอนเย็นหลังเลิกเรียน นั่งอยู่ในรถแล้ว มู่เวยเวยไม่ได้บอกให้คนขับรถขับกลับบ้านเย่ แต่เธอกลับบอกให้ขับไปที่บริษัทมู่ซื่อ
“ฉันมาหาประธานมู่ เขาอยู่ในห้องทำงานมั้ย? “มู่เวยเวยถามพนักงานต้อนรับของ
บริษัทมู่ซื่อ
“เอ่อ…..อยู่ค่ะ! ” พนักงานคนสวยพยักหน้า และกำลังจะถามต่อว่าได้นัดไว้มั้ยคะ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าคือมู่เวยเวย พนักงานคนนั้นกลับพูดขึ้นว่า ” ขอโทษนะคะคุณหนู ท่านประธานไม่ได้อยู่ในห้องทำงานค่ะ”
สีหน้าของมู่เวยเวยเปลี่ยนไปทันที ” เมื่อกี้คุณยังบอกว่าอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงกลับคำสะงั้นหล่ะ! ”
พนักงานคนสวยยิ้มแห้งๆแล้วพูดว่า ” คือฉันจำผิดเองค่ะ เอางี้มั้ยคะคุณหนู คุณหนูค่อยมาอีกทีมั้ยคะ! ”
เธอก็ไม่มีทางเลือก เพราะเธอเองก็ได้รับคำสั่งมาว่า ถ้าหากมู่เวยเวยมาหาให้บอกไปว่าไม่อยู่เท่านั้น
มู่เวยเวยกัดฟันแน่น และจ้องมองไปที่เธอ แต่มู่เวยเวยไม่ยอมไม่กลับไปง่ายๆหรอก ในขณะที่เขากำลังคิดหาวิธีขึ้นไปชั้นบนอยู่ ทันใดนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงที่เธอที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
“ประธานหลิว คุณจะมาขอร้องผมก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เงินรายรับของบริษัทเรายังไม่เข้าเลย ผมจะหาตังจากไหนมาให้คุณได้ ขอเวลาผมอีกสองสามวันแล้วผมจะให้คำตอบคุณโดยเร็วที่สุด! เสียงของมู่จางรุ่ยดังมาจากด้านขวาของล็อบบี้
มู่เวยเวยรู้สึกตกใจและรีบหันไปมอง ภาพที่เห็นคือคุณหลิวซึ่งเป็นชายวัยกลางคนกำลังกระชากคอเสื้อของมู่จางรุ่ยอยู่ “ครั้งที่แล้วก็บอกขอเวลาสองสามวัน ครั้งนี้ก็ยังบอกขอเวลาอีกสองสามวัน คุณจะผัดวันประกันพรุ่งไปถึงเมื่อไหร่กันเนี่ย เงินที่คุณติดผมอยู่สามแสนหยวนคุณจะคืนผมได้เมื่อไหร่?”
มู่จางรุ่ยทำท่ากางมือออก ” ไม่ใช่ว่าไม่อยากคืนแต่ช่วงนี้บริษัท……”
มู่เวยเวยที่กำลังฟังอยู่สมองแทบจะระเบิดออกเป็นส่วนๆ เธอเข้าใจอย่างโจ่งแจ้งเกี่ยวกับสนทนานั้น เศรษฐกิจบริษัทไม่ดี ทำให้บริษัทเป็นหนี้ ดังนั้นบริษัทจึงต้องจ่ายเงินให้กับหุ้นส่วน
แต่ว่า พี่ชายเธอพึ่งออกจากบริษัทไปเพียงเวลาสั้นๆแค่ครึ่งปี ทำไมบริษัทถึงเป็นแบบนี้ไปได้ นี่……
มู่เวยเวยที่ตกตะลึงอยู่ พอเสียงทะเลาะกันของสองคนนั้นจบลง ประธานหลิวเดินออกไปด้วยอารมณ์ไม่พอใจ มู่เวยเวยก็รีบเดินไปขวางทางมู่จางรุ่ยไว้
” คุณลุง เมื่อกี้ที่คุณคุยกับประธานหลิวฉันได้ยินหมดแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมบริษัทถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้? มู่เวยเวยถามขึ้นทันที
มู่จางรุ่ยพอเห็นว่าเป็นมู่เวยเวย ก็ได้แต่หลบตาเธอ ” โครงการล่าสุดที่ลงทุนไปถูกหยุดชะงักไปหมดแล้ว ก็เลย……”
“แต่ว่าฉันแต่งงานกับเย่ฉ่าวเฉิน เขาก็ได้ยื่นมือมาช่วยมู่ซื่อไม่ใช่หรอ? มู่เวยเวยรู้สึกแปลกใจ
มู่จางรุ่ยคิดขึ้นได้และรีบตอบกลับว่า ” เงินที่คุณชายเย่ช่วยเหลือนั้น ส่วนใหญ่ก็ถูกส่งไปให้ทางด้านพี่ชายของเธอสะหมด และส่วนที่เหลือก็ไม่เพียงพอที่จะหมุนเวียนภายในบริษัท เห้อ!
พอพูดอย่างงี้แล้ว เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า อันที่จริงแล้วการเงินของมู่ซื่อก็มีปัญหาจริงๆแต่บริษัทก็ได้พยายามประคับประคองไว้อย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆ
อะไรนะ? มู่เวยเวยตกใจมากกว่าเดิม “ส่งเงินให้พี่ชายฉันงั้นหรอ? แสดงว่าได้ข่าวของพี่ชายฉันแล้วใช่มั้ย ”
มู่จางรุ่ยพยักหน้า แล้วได้สร้างเรื่องตอบกลับไปว่า ” ตอนนี้พี่ชายของคุณอยู่ที่สหัรัฐอเมริกา เขาได้รับบาดเจ็บสาหัต และตอนนี้เขาจำเป็นต้องใช้เงินด่วน ผมได้จัดการส่งไปให้เขาแล้วส่วนหนึ่ง แต่ว่าก็ยังไม่พออยู่ดี ทางบริษัทมู่ซื่อนั้นจนปัญญาแล้วจริงๆ ดูสิประธานหลิวคนเมื่อกี้ถึงขั้นมาทวงเงินคืนถึงในบริษัท ”
มู่เวยเวยจับไหล่ของมู่จางรุ่ยแล้วพูดอย่างตื่นเต้น ” พี่ชายได้รับบาดเจ็บงั้นหรอ? ต้องการเงินรักษา? ตอนนี้พี่ชายจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง? ”