เย่ฉ่าวเฉินจ้องมองไปที่เธอ เขามองไปที่แววตาขอเธอที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นก็ได้แผ่รังสีอำมหิตออกมาแล้วถามอย่างเยือกเย็นว่า ” มู่เวยเวย เธอนี่เป็นคนยังไงกันเนี่ย กล้าทำเป็นมองไม่เห็นฉันหรอ? ”
มู่เวยเวยห้ามใจตัวเองสุดฤทธิ์เพื่อไม่ทำตามองบนใส่เขา เธออยากตะโกนออกมาเสียงดังๆ : เย่ฉ่าวเฉิน คุณจะหลงตัวเองมากไปแล้วนะ! ทุกคนบนโลกนี้ต้องทักทายคุณเมื่อได้เจอคุณงั้นหรอ!
แน่นอนว่าคำพูดพวกนี้เธอทำได้เพียงคิดในใจเท่านั้น เธอรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้เอาแต่ใจมากขนาดไหน ถ้าทำให้เขาไม่พอใจละก็คืนนี้เธอต้องได้เจอศึกหนักแต่ๆ
เธอยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงมู่อี้เหยาที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นว่า “พี่ฉ่าวเฉินคะ พี่ยังไม่รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของฉันเนี่ยหยิ่งมากขนาดไหน เขาไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาหรอกนะ! นอกจากคนๆนึง ”
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอแล้วถามอย่างนิ่งๆว่า ” ใคร? ”
เมื่อได้ยินคำถามของเขาแบบนั้น มู่อี้เหยาก็เผลอยิ้มมุมปาก และจ้องมองไปที่มู่เวยเวยพร้อมกับมีความคิดที่ไม่หวังดี และพูดอย่างช้าๆว่า “ก็ต้องเป็นลู่จื่อหางแฟนสุดรักของเธอไงหล่ะ! ”
“มู่อี้เหยา เธออย่าพูดมั่วๆเพื่อทำลายความสัมพันธ์ของฉันและพี่เขยเธอสิ! ” มู่เวยเวยกัดฟันพูดด้วยอารมณ์โกรธ
เธอรู้ดีว่าลู่จื่อหางสามคำนี้เป็นเหมือนคำที่มีระเบิดอยู่ในตัว ไม่ว่าพูดออกมาจากปากใครก็สามารถทำให้สัตว์ร้ายในตัวเย่ฉ่าวเฉินรู้สึกโกรธอย่างบ้าครั่งได้ เธอไม่อย่างได้รับความโหดร้ายบนเตียงเหมือนวันนั้นอีกแล้ว
แต่ว่า ไม่คาดคิดเลยว่าคนอย่างเย่ฉ่าวเฉินจะไม่มีการตอบสนองใดๆและยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา เขาเพียงแค่ชักสีหน้าเล็กน้อยไม่ได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างที่เธอคิด จึงทำให้มู่เวยเวยรู้สึกโล่งอกไปที
“พี่ฉ่าวเฉิน นี่พี่ไม่โกรธเลยหรอ? ฉันหมายถึง ในใจของพี่มู่เวยเวยพี่ไม่อาจสู้ลู่…… ” พอเห็นว่าเขาไม่ได้มีทีท่าอะไร มู่อี้เหยาก็ยังคงพูดต่อไป เรื่องของพวกเขาสามคนที่บ้านตระกลูมู่ในคืนนั้น เขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
“หุบปาก! “ครั้งนี้เย่ฉ่าวเฉินโกรธมาก ดวงตาสีฟ้าของเขาแผ่รังสีอันน่ากลัวออกมา แต่เขาไม่ได้จ้องมองไปที่มู่เวยเวยกลับมองไปที่คนข้างกายอย่างมู่อี้เหยา
มู่เวยเวยทำหน้าประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้
” พี่ฉ่าวเฉิน ฉันตกใจนะ……”
เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเหยาะๆ และไม่แยแสความน่าสงสารที่ทำกำลังแสดง แต่กลับยืนขึ้นและมองเธอด้วยสายตาน่ารังเกียจ ” มู่อี้เหยา เธอคิดว่าตัวเองฉลาดมากงั้นหรอ? ฉันขอเตือนเธอไว้เลยนะ ฉันไม่อยากได้ยินชื่อลู่จื่อหางออกจากปากเธออีก ถ้าไม่ยังงั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจหล่ะ? ฉันไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นอย่ามาหลอกใช้ฉัน! เอาหล่ะ ตอนนี้เธอออกไปได้แล้ว คุณอาหวังส่งแขก! ”
พอเย่ฉ่าวเฉินพูดจบก็หันหลังแล้วเบนสายตาไปทางอื่นโดยไม่สนใจว่ามู่อี้เหยาจะมีปฏิกิริยายังไง และเขาก็เดินตรงไปที่บันได พอผ่านหน้ามู่เวยเวยเขาก็คว้ามือของเธอให้เดินตามเขาไป
และเธอก็เดินตามเขาขึ้นไปโดยไม่ได้คิดอะไร พอหันหลังกลับไปมองเธอก็เห็นมู่อี้เหยาทำหน้าไม่พอใจ ทำให้ในใจของเธอรู้สึกมีความสุขมาก
……
ทั้งสองมาถึงที่ห้องหนังสือ เย่ฉ่าวเฉินปล่อยมือเธออทันที จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วหยิบเอกสารขึ้นมาดูโดยไม่สนใจมู่เวยเวยที่อยู่ในห้องนั้นเลยสักนิด
” เมื่อกี้ทำไมคุณถึงไม่โกรธ?เพราะอะไรกัน? มู่เวยเวยนิ่งไปชั่วขณะแล้วมองไปที่เขาพร้อมกับถามเขาอย่างประหลาดใจ
เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมามองเธอและพูดอย่างนิ่งๆว่า “ทำไม?เธออยากให้ฉันลงโทษเธอมากหรอ? ”
พอมู่เวยเวยได้ยินคำว่าลงโทษทำให้ใบหน้าของมู่เวยเวยเขินแดงขึ้นมาทันที และเธอตอบกลับด้วยความไม่พอใจว่า ” ป่าวสะหน่อย ก็บอกแล้วไงฉันแค่ประหลาดใจเฉยๆ! ”
เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆปล่อยปากกาลงแล้วพูดว่า”อยากรู้ขนาดนั้นเลยหรอ”
“อือ “