ในฐานะคุณชายของตระกูลหนานกง สถานะของเขานั้นสูงส่งและมีความมั่งคั่งอย่างมากในเมือง A แต่ในขณะเดียวกันตระกูลหนานกงก็ได้สร้างศัตรูไว้มากมายในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลอื่นๆพยายามทุกวิถีทางที่จะกำจัดเขา แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ เพราะตระกูลหนานกงปกป้องเขาไว้ได้ตลอด
เขาเบื่อหน่ายกับการปกป้องแบบนี้ เขามีผู้ติดตามจำนวนมากจนทำให้เขารู้สึกไม่มีพื้นที่ส่วนตัว ในคืนหนึ่งเขาดื่มไวน์เข้าไปเล็กน้อยและกำจัดผู้ติดตามออกไป พอเขาได้รับอิสระ เขาก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งล้อมไว้
เขาต่อสู้กับพวกมันอย่างสุดความสามารถ และในที่สุดเขาก็รอดพ้นจากพวกมัน แต่ก็สาหัสอยู่มาก เขาถูกฟันเข้าที่กลางอก
เขาเสียเลือดไปมาก เนื่องจากบาดแผลใกล้หัวใจ ท้ายที่สุดเขาก็ตกอยู่ในอาการโคม่า
เขาคิดว่าตัวเองจะต้องตายไปเสียแล้ว แต่เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมาก็เจอกับใบหน้าเล็ก นั่นคือมู่เวยเวย
เมื่อเธอเห็นเขาตื่นขึ้นมา สีหน้าของเธอก็ผ่อนคลายลง เธอยิ้มและพูดกับเขาว่า ในที่สุดคุณก็ฟื้น “ฉันเห็นคุณเสียเลือดมากนึกว่าคุณจะ…..”
หนานกงเฮ่าสังเกตว่า เขานอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล ในห้องมีเพียงพวกเขาสองคน เขาจึงถามด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เธอเป็นคนช่วยฉันไว้หรอ” ?
หญิงสาวคนนั้นพยักหน้าและพูดเบาๆว่า “ฉันเห็นคุณหมดสติอยู่ จึงเรียกรถพยาบาล เขาจึงพาคุณมาที่โรงพยาบาล แต่ว่าฉันไม่รู้จักชื่อคุณ ไม่รู้ว่าจะติดต่อครอบครัวของคุณยังไงดี จึงทำได้เพียงนั่งรอคุณตื่นขึ้นมา
จริงสิ คุณบอกข้อมูลติดต่อครอบครัวคุณให้ฉันหน่อยสิ”
หนานกงเฮ่าเห็นเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จึงบอกข้อมูลติดต่อให้เธอไป เธอจะรอจนกว่าครอบครัวเขามา เธอจึงจะกลับไป
“ฉันยังไม่ทราบชื่อของเธอเลย” หนานกงเฮ่าพูดขึ้นขณะมองข้างหลังเธอ
หญิงสาวคนนั้นหันกลับมา พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า ” ฉันชื่อมู่เวยเวย ”
นับตั้งแต่ตอนนั้น ใบหน้าของเธอและคำสามคำนั้นก็ฝังลึกอยู่ในใจของเขา เขาส่งคนไปตามสืบเรื่องของเธอ เขารู้ว่าเธอเรียนการออกแบบที่มหาวิทยาลัยหนานฮวา รู้ว่าพี่ชายเธอชื่อมู่เทียนเย่ และยังรู้ว่าเธอมีแฟนชื่อ ลู่จื่อหาง…..
เดิมทีเขาอยากเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตของเธอ นึกถึงเรื่องที่เธอกำลังเรียน เขาจะรอให้เธอเรียนจบก่อนแล้วค่อยทำให้เธอกลายมาเป็นผู้หญิงของเขา
เพียงแต่ไม่คิดเลยว่า ในช่วงเวลาสั้นๆ เธอได้เข้าไปพัวพันกับเพื่อนสนิทของเขาเย่ฉ่าวเฉิน มันทำให้เขาเสียใจมาก เขาควรที่จะลงมือให้เร็วกว่านี้ !
แต่สิ่งที่ทำให้เขาเสียใจมากที่สุดคือ เวยเวยของเขานั้นจำเขาไม่ได้แล้ว !
แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องเอาเธอคืนมา ความอ่อนโยนของเธอ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเธอจะต้องเป็นของเขา หนานกงเฮ่าพนมมือขึ้นสาบาน
……
หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จ มู่เวยเวยก็เดินขึ้นไปที่ชั้นสอง เธออยากจะกลับไปพักที่ห้องแล้ว ในขณะเดียวกัน เธอก็ได้ยินเสียงลมพัดกระดิ่งดัง
มู่เวยเวยสะดุ้งตกใจกลัว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวห้องนั้น…..ตาสีม่วง…..
คงไม่ใช่ชายตาสีม่วงคนนั้นปรากฎตัวขึ้นมาหรอกนะ ?
แม้ว่าเธอจะรู้สึกกลัว แต่มู่เวยเวยก็อยากรู้ตัวตนของชายคนนั้น เขาปรากฎตัวในห้องนั้นได้อย่างไร และทุกครั้งเขาหายไปได้ยังไง และเขาหายไปไหน ?
ในใจนึกถึงข้อสงสัยของเย่ฉ่าวเฉินและดูถูกเธอ มู่เวยเวยสาบานว่า จะหาเขาให้พบและพาเขาไปพบเย่ฉ่าวเฉิน เพื่อพิสูจน์ว่าเธอนั้นไม่ผิด !
มู่เวยเวยเดินกลับมาที่ห้องนั้นอีกครั้งด้วยท่าทีที่สงสัย แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ประตูห้องไม่ปิด เธอมองผ่านประตูมองเข้าไปข้างในอย่างชัดเจน
ราวกับถูกแรงโน้มถ่วงดูด กาน้ำชาและถ้วยชาลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ ชายคนนั้นมายืนอยู่ข้างๆเธอ
เมื่อเห็นเขาใช้มือชี้ออกไป กาน้ำชาลอยก็ขึ้นไปใกล้ๆกับถ้วยน้ำชา แล้วรินน้ำสีแดงลงในถ้วยน้ำชาที่ลอยอยู่
ก่อนที่มู่เวยเวยจะเห็นท่าทีของเขาอย่างชัดเจน ร่างกายของเขาก็ปรากฎอยู่บนถ้วยชาที่ห่างออกไปสามเมตร…..
มู่เวยเวยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอเห็นชายตาสีม่วยรูปร่างคล้ายคลึงเย่ฉ่าวเฉินมาก หยิบถ้วยชาขึ้นมาก่อนยกดื่มด้วยท่าทีที่เกียจคร้าน
ในขณะเดียวกัน————
“คุณเป็นใคร ? มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเย่ฉ่าวเฉิน ?” มู่เวยเวยทนไม่ได้เลยเปิดประตูเข้าไป มองหน้าชายที่แปลกประหลาดคนนี้ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา