หนานกงเฮ่าหยิบโทรศัพท์ออกมา และรีบโทรออกอย่างรวดเร็ว แปปเดียวปลายสายก็รับ
” ฮัลโหล ? ใช่เฉียวซินโยวไหม ? ฉันคือหนานกงเฮ่า ”
เฉียวซินโยวที่นอนอยู่บนเตียง กระโดดลงจากเตียงด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินคนที่โทรมา จากนั้นก็ตั้งสติรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าเขา เธอรักษาท่าทีและพูดออกไปว่า ” หนานกง คุณโทรมาหาฉันมีธุระอะไร ? ”
” เธอพอมีเวลาไหม ? ฉันอยากเลี้ยงกาแฟคุณ “ หนานกงเฮ่าพูดพลางหมุนกุญแจรถในมือเล่นไปด้วย
” มีค่ะ !” เฉียวซินโยวตอบด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อเธอรู้สึกว่าเธอตื่นเต้นเกินไปจึงสงวนท่าทีและถามกลับไปด้วยเสียงเรียบว่า ” ร้านกาแฟที่ไหนคะ ? ”
” กุหลาบแดง “
……
ณ ร้านกาแฟกุหลาบแดง
เมื่อเฉียวซินโยวมาถึง หนานกงเฮ่าก็รออยู่ที่ร้านแล้ว หลังจากทั้งสองคนทักทายกัน หนานกงเฮ่าก็สั่งกาแฟไปสองแก้ว
เฉียวซินโยวมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ในใจเธอรู้สึกตื่นเต้น แต่พยายามรักษากิริยาท่าทางไว้ และถามออกไปเบาๆ ว่า “หนานกง คุณเรียกฉันมามีธุระอะไรรึเปล่า? ”
หนานกงเฮ่าจิบกาแฟพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้า เขาพูดเบาๆว่า ” คุณได้คะแนนสูง ดังนั้นฉันจึงอยากแสดงความยินดีกับคุณ ”
หลังจากได้ยินที่เขาพูด ใบหน้าที่สง่างามของเฉียวซินโยวเต็มไปด้วยความสุข และพูดว่า “ ขอบคุณค่ะ ”
เฉียวซินโยวรู้สึกภูมิใจมาก เธอรู้สึกถึงความสัมพันธ์ที่เพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแต่ทัศนคติของเย่ฉ่าวเฉินที่เปลี่ยนไป แม้แต่หนานกงเฮ่าที่อ่อนโยนก็ยังใส่ใจเธอ !
หนานกงเฮ่ามองเห็นชัยชนะในสายตาของเธออย่างชัดเจน เขาคิดอะไรในใจ และพูดออกมาว่า ” ซินโยว วันที่เธอแสดงผลงานได้เยี่ยมมาก ฉันว่าเธอเป็นนักออกแบบที่มีพรสวรรค์มาก แม้แต่เย่ฉ่าวเฉินยังชื่นชมเธอเลย !”
เฉียวซินโยวรู้สึกตกใจ เธอมีความสุขมากจนแทบจะตัวลอย เธอถามอย่างเริงร่าว่า ” ประธานเย่ก็ชื่นชมผลงานของฉันด้วยเหรอ ? ดีจังเลย !”
” ใช่สิ เขาบอกว่าคุณมีศักยภาพ คุณรู้ไหม ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะชมใคร แต่ฉันเห็นเขาชมเธอ !” ริมฝีปากของหนานกงเฮ่ากระตุกยิ้มเล็กน้อย และพูดอย่างใจเย็น
เย่ฉ่าวเฉินชื่นชมเธอ !!
เฉียวซินโยวยิ้มและพูดต่อไปว่า “ขอบคุณ คุณและคุณชายเย่สำหรับความคิดเห็นค่ะ “ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากเลย ”
หนานกงเฮ่าก้มศีรษะลงและจิบกาแฟต่อ เขาซ่อนความรังเกียจเอาไว้ภายในตา ผลงานชิ้นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นของเวยเวย เฉียวซินโยวแอบอ้างผลงานของคนอื่น และยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก เห็นได้ชัดว่าเธอนั้นหน้าหนาขนาดไหน !
” อันที่จริงมันค่อนข้างจะบังเอิญ เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันอยู่กับเย่ฉ่าวเฉิน และไปเห็นแบบร่างที่คล้ายกับผลงานชิ้นนี้ เขาบอกกับฉันว่า กำลังตามหาคนออกแบบงานชิ้นนี้ ซินโยว คุณเคยออกแบบร่างมาก่อนรึเปล่า ? ”
เฉียวซินโยวตกใจ เธอมีแบบร่างแค่ฉบับเดียว ถ้างั้นอาจจะเป็นของมู่เวยเวย…..
หลังจากกลืนน้ำลาย เฉียวซินโยวก็เงยหน้าขึ้นมา และพูดเบาๆว่า “ จำได้ว่าฉันทำมันหายไป จากนั้นเลยทำฉบับร่างขึ้นมาใหม่ เมื่อกี้คุณพูดว่า คุณชายเย่ กำลังตามหาคนออกแบบ จริงเหรอคะ ? ”
” อืม ใช่แล้ว เพียงแต่รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอก บางทีเย่ฉ่าวเฉินอาจจะกำลังหาเจ้าของ และส่งต้นฉบับคืนให้กับเขาก็เป็นได้นะ !” หนานกงเฮ่ากระตุกยิ้มพูดเบาๆ
” อ่อ เป็นแบบนี้นี่เอง ”
หลังจากทั้งสองคนคุยกันสักพัก หนานกงเฮ่าก็บอกว่ามีธุระต้องไปทำต่อ เขาแวะส่งเฉียวซินโยวกลับบ้าน และขับรถออกมา
เฉียวซินโยวระงับความตื่นเต้นไว้ในใจ ในใจก็คิดถึงเรื่องที่ทั้งสองคนพูด ตอนนี้ในหัวของเธอมีคำถามเดียว เรื่องที่เธอโกหกหนานกงเฮ่าว่าเป็นแบบร่างที่เธอทำหาย ตกลงแล้วมันใช่ของมู่เวยเวยไหม ?
เฉียวซินโยวหยิบโทรศัพท์ออกมา รีบโทรไปหามู่เวยเวย และพูดว่า ” เวยเวย ฉันมีเรื่องจะถามเธอ ”
เมื่อเวยเวยได้ยินเสียงของเฉียวซินโยว จึงถามออกไปว่า ” มีเรื่องอะไร ? ”
” งานที่ฉันเลียนแบบคุณเพื่อเข้าแข่งขัน เธอยังเก็บสำเนาเอาไว้อยู่ไหม ? ” เฉียวซินโยวถามด้วยความกังวล
มู่เวยเวยจำได้ว่าเธอทำแบบร่างหายที่โรงแรม และตอบไปตามจริงว่า ” ฉันทำสำเนาก่อนหน้านี้หายไป ”
” แบบนี้นี่เอง ! ” เฉียวซินโยวถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ใบหน้าแสดงออกถึงรอยยิ้มที่เดาไม่ถูก พร้อมกับพูดว่า “ ไม่เป็นไร ฉันก็แค่ถามดู “
” อ่อ ”
” ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระอยู่ งั้นฉันวางก่อนนะ ไว้มีเวลาพวกเราไปเที่ยวกัน ”
” โอเค ”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เฉียวซินโยวก็ฉีกยิ้มกว้าง ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในใจของเธอ
จากที่ได้ยินหนานกงเฮ่าพูดมา เย่ฉ่าวเฉินยังไม่รู้ว่าแบบร่างนั้นแท้จริงแล้วเป็นของมู่เวยเวย ที่เย่ฉ่าวเฉินเจอเธอวันนี้ ไม่ได้มีท่าทีเย็นชาบนใบหน้าของเขา แต่กลับยังชมว่าผลงานของเธอมีความคิดที่ดี หรือเป็นเพราะว่าเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นเจ้าของผลงานนั้น ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น เธออาจจะใช้ประโยชน์จากวิธีนี้เข้าใกล้เย่ฉ่าวเฉินได้ !
สวรรค์เข้าข้างเธอจริง !
เพียงแต่ เธอรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมเย่ฉ่าวเฉินถึงตามหาคนที่วาดภาพนั้น ?
หรือว่าจะเป็นอย่างที่หนานกงเฮ่าพูดมา ?
จากที่เธอรู้เกี่ยวกับเย่ฉ่าวเฉิน เขาไม่ใช่คนที่น่าเบื่ออะไรขนาดนั้น เขามีความลับอะไรที่เธอไม่รู้กันแน่นะ ?
……
คฤหาสน์ตระกูลเย่
มู่เวยเวยเท้าคาง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบปากกาขึ้นมาเขียนลงบนกระดาษสีขาว ภายในห้องที่เงียบสงบมีเพียงเสียงกร๊อบแกร๊บของปากกาที่กระทบกับกระดาษ
ทันใดนั้น…..
” อ๊ะ ! ! ” ผี….. ! ! ”
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าใหญ่ปรากฎขึ้นต่อหน้าเธอ ทันใดนั้นมู่เวยเวยกรี๊ดร้องขึ้นด้วยความตกใจ
” ชู่ว…..อย่าเสียงดัง ฉันเอง ” น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
มู่เวยเวยกลับมามีสติอีกครั้ง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเสี่ยวจื่อปรากฎขึ้นต่อหน้าเธอ
เมื่อมองเขาไปด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่มู่เวยเวยกัดฟันโกรธ และพูดเสียงดังว่า ” คุณออกมาทำไมไม่ส่งเสียง ฉันเกือบหัวใจวายตายแล้ว !”
” โอ้ ” เสี่ยวจื่อแตะคางของเธอ ดวงตาสีม่วงเปล่งประกาย พร้อมพูดเบาๆว่า ถ้าคุณตกใจฉันจนตาย พวกเราก็กลายเป็นพวกเดียวกันนะสิ…..
มู่เวยเวยนึกถึงสิ่งที่เขาเคยเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับการตาย เธอกลอกตาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำไรไม่ถูกว่า ” ฉันคงไม่เลือกตายแบบนี้หรอก…..มันน่าอายเกินไป…..”
มุมปากของเสี่ยวจื่อกระตุก ในใจนึกถึงประโยคสุดท้ายของเธอ และพูดเบาๆ ว่า” เป็นแบบฉันก็ดีออก อยากบินไปไหนก็ได้ อยากมาก็มา อยากไปก็ไป ไม่เจ็บป่วย และก็ไม่หิวหรือหนาวด้วย ”
มู่เวยเวยเม้มริมฝีปาก ไม่แสดงสีหน้าอะไร ” ร้องไห้ไม่ได้ หัวเราะไม่ได้ วันๆจะมีอะไรสนุก ? ”
” เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ร้อง ฉันไม่หัวเราะ ? ” เสี่ยวจื่อยกริมฝีปากยิ้มที่ดูแย่ราวกับร้องไห้ เหมือนจะยืนยันคำพูดของเขา
มู่เวยเวยแตะที่หน้าผาก และพูดเบาๆว่า “ เสี่ยวจื่อ คุณน่าจะหนักหนากว่าฉัน….. ”
” อะไรหนักหนา ? ” เสี่ยวจื่อถามด้วยความแปลกใจ
มู่เวยเวยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก กระแอมคอและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า ” มันนอนอยู่บนพื้น ขาสองข้างลากเดินไปเป็นวงกลม !”
เสี่ยวจื่อพยักหน้าอย่างครุ่นคิดและค่อยๆพูดว่า “ น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถลงไปที่พื้นได้…. ”
มุมปาของมู่เวยเวยกระตุก เหมือนกับว่ามีอีกาสามตัวบินผ่านหน้าเธอไป…..
แล้วก็ตาย——–
ในขณะเดียวกัน เสียงคุณอาหวังดังขึ้นจากข้างนอกประตู ” คุณหนู คุณหนูเฉียวมาหาคุณ ”
มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมา เธอส่งสัญญาณให้เสี่ยวจื่อหายตัวไป และพูดออกไปว่า ” รู้แล้ว เดี๋ยวฉันลงไป ”
เมื่อเธอพูดจบ ร่างเสี่ยวจื่อก็หายไปจากห้อง
เป็นคนที่ประหลาดจริงๆ มาอย่างไร้ร่องรอยไปก็ไร้ร่องรอย…..
มู่เวยเวยไม่คิดอะไรมาก รีบเดินลงไปห้องรับแขก เธอมองเห็นเฉียวซินโยวนั่งอยู่บนโซฟา
มู่เวยเวยยิ้มอย่างร่าเริง และพูดอย่างเร็วว่า ” ซินโยว วันนี้เธอมีเวลามาหาฉันเหรอ ? ”
เฉียวซินโยวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และพูดว่า ” วันนี้ฉันไม่มีธุระอะไร คิดว่าเธออยู่บ้านคงเหงา เลยมาเที่ยวหาเธอ ”
มู่เวยเวยพยักหน้า และพูดต่อว่า “ เป็นเรื่องที่ยากนะที่เธอจะคิดถึงฉัน ฉันซาบซึ้งจนแทบจะร้องไห้….. ”
สีหน้าของเฉียวซินโยวเป็นประกาย ก่อนกลับมาเป็นปกติ และถามอย่างเบาๆว่า ” คุณชายเย่ไม่อยู่บ้านเหรอ ? ”
มู่เวยเวยมองอย่างเรียบเฉย ก่อนจะพูดอย่างใจเย็นว่า ” เขาไปทำงานที่บริษัทตั้งแต่เช้าแล้ว ”
เฉียวซินโยวรู้สึผิดหวังเล็กน้อย เธอตั้งใจตื่นแต่เช้า แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะคลาด !
เธอปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ เฉียวซินโยวพูดอย่างประชดประชัน ” เวยเวย เธอนี่โชคดีจริงๆ ! วันๆอยู่ในคฤหาสน์ อยู่ดีกินดีไม่ต้องกังวลอะไร เย่ฉ่าวเฉินก็ออกไปทำงานทุกวัน ถ้าหากว่าฉันสามารถหาคนแบบนี้ได้ เดาว่ามันคงเป็นฝันที่สวยงาม !”
สีหน้าของมู่เวยเวยดูเศร้า เธอไม่มีความสุขเลย บางทีคนอื่นอาจคิดว่าเธอได้ใช้ชีวิตดุจเจ้าหญิง แต่ใครจะรู้ว่าเธอต้องทนความเจ็บปวดขนาดไหน ?
เย่ฉ่าวเฉินแต่งงานกับเธอ ไม่ใช่เพราะความรัก เธอเป็นเพียงแค่ข้อต่อรองของพี่ชายเธอเท่านั้น !
มู่เวยเวยพยายามอย่างหนักที่จะซ่อนความรู้สึกนี้ไว้ ในใจเธอไม่อยากให้เฉียวซินโยวเป็นกังวลกับความเศร้าของเธอ เธอพยายามยิ้มที่มุมปากและพูดอย่างขมขื่นว่า ” ซินโยว ฉันหวังว่าเธอจะได้อยู่กับคนที่เธอรักและคนที่รักเธอ….. ”
เมื่อฟังจบ เฉียวซินโยวเม้มริมฝีปากในใจรู้สึกตลก ความรักคืออะไร ?
คือสามารถซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมได้ หรือว่าซื้อเครื่องประดับเงินทองได้ ? ของถูกๆเช่นนั้นไม่ใช่ของหายากสำหรับเฉียวซินโยวเลย !
สิ่งที่เธอต้องการคือ การทำให้ผู้หญิงทุกคนอิจฉาชีวิตของเธอ !
ไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระกับเธอแล้ว เฉียวซินโยวมองไปที่เธอ และถามด้วยความแปลกใจว่า ” เวยเวย ครั้งที่แล้วเธอบอกว่า แบบร่างของเธอหายไป ทำไมมันถึงหายไปได้ ? เกิดอะไรขึ้น ? แล้วสุดท้ายไปทำหายไว้ที่ไหน ? ”
มู่เวยเวยตกตะลึงไป เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถามเรื่องพวกนี้ เธอไม่รู้จะตอบยังไง
เห็นเธอหน้านิ่งเงียบ เฉียวซินโยวมองด้วยสีหน้าเย็นชา และพูดว่า ” เวยเวย เธอเห็นฉันเป็นเพื่อนไหม ? เธอเคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอ ว่าเพื่อนที่ดีต้องซื่อสัตย์กัน !”
เธอพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างไร ?
บอกว่าเธอถูกแฟนเอาไปขาย และหายไปไหนก็ไม่รู้ ในใจเธอรู้สึกกังวลมาก บอกว่าเธอไม่ระวังลืมผลงานทิ้งไว้ที่โรงแรม ?
เรื่องแบบนี้เธอจะไม่มีวันพูดออกมาเด็ดขาด !
มู่เวยเวยคิดอยู่ครู่หนึ่ง สายตาเธอแน่วแน่และพูดออกมาอย่างเก้ๆกังๆว่า ” ตอนนั้นฉันไปดื่มกาแฟ บางทีอาจจะลืมเอาไว้ที่นั่น ”
“อ่อ แบบนี้นี่เอง…..” เฉียวซินโยวพูดอย่างรู้ทัน
หลังจากส่งเฉียวซินโยว มู่เวยเวยกำลังจะเดินขึ้นมาที่ชั้นสามเพื่อไปหาเสี่ยวจื่อ ในขณะเดียวกันเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากทางมหาลัย ให้เธอรีบไปมหาลัยเดี๋ยวนี้
คุณอาหวังให้คนขับรถไปส่งเธอ พอใกล้ถึงมหาลัยมู่เวยเวยลงจากรถเดินไปที่ประตู พอดีกับที่เธอเห็นด้านหลังของเฉียวซินโยว
” ซินโยว รอฉันด้วย !” มู่เวยเวยวิ่งเหยาะๆ ไปหยุดอยู่ที่ข้างหน้าเธอ
เฉียวซินโยวหันกลับมา สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “ เวยเวย ทำไมเธอถึงมาที่โรงเรียน ? ”
” ทันทีที่เธอหันกลับไป ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์ใหญ่ ให้ฉันมาที่โรงเรียน เธอล่ะ ? ”
” ฉันก็ด้วย !” เฉียวซินโยวโกรธ เธอควรจะโทรหามู่เวยเวยก่อน ให้มารับเธอไปด้วย เธออยู่บนรถบัสเป็นครึ่งชั่วโมงอึดอัดจะตายอยู่แล้ว !
ทั้งสองมาถึงห้องอาจรย์ใหญ่ อาจารย์ใหญ่ซุนกำลังมานั่งที่โต๊ะ เห็นทั้งสองคนมา เขาก็ยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ ในที่สุดพวกคุณก็มา ”
มู่เวยเวยโค้งศีรษะด้วยความเคารพ และพูดเบาๆว่า “ อาจารย์ใหญ่ คุณเรียกพวกเรามา มีธุระอะไรรึเปล่า ? ”
อาจารย์ใหญ่ซุนจับแว่นและพูดอย่างสง่าว่า ” นั่นสินะ ผลงานการแข่งขันของพวกเธอเป็นที่ชื่นชอบของเย่ฮวางอินเตอร์เนชันแนลกรุ๊ป ตอนนี้พวกเธอก็ศึกษาชั้นปีที่ 4 แล้ว สามารถไปฝึกงานได้แล้ว พรุ่งนี้ไปรายงานตัวที่เย่ฮวางนะ !”
เฉียวซินโยวตื่นเต้นมาก ในที่สุดเธอก็จะได้ไปทำงานที่เย่ฮวางแล้ว ?
งั้นก็ต้องเห็นหน้าเย่ฉ่าวเฉินทุกวัน ถ้าเป็นอย่างนี้…..
มู่เวยเวยตกตะลึงและตื่นตระหนกเล็กน้อย ปกติเวลาอยู่บ้านเย่ เธอก็ถูกเขาทรมานอยู่แล้ว ถ้าหากว่าไปทำงานที่เย่ฮวางกรุ๊ป แสดงว่าโอกาสที่ทั้งสองจะเจอกันก็ยิ่งมากขึ้น เธอก็ยิ่งรู้สึกทรมานจนแทบตายหน่ะสิ !
มู่เวยเวยคิ้วขมวด และพูดอย่างเคารพว่า “ อาจารย์ใหญ่ ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่สามรถทำตามความคาดหวังของประธานเย่ได้ ”
หลังจากเฉียวซินโยวได้ยินคำพูดของเธอ ในใจเธอก็มีความสุขมาก จนแทบอยากจะพูดแทนอาจารย์ใหญ่ว่า ไม่ไปก็ไม่ต้องไป !
อาจารย์ใหญ่ซุนประหลาดใจจ้องมองเธอผ่านแว่นตาดำ และถามด้วยความงงงวยว่า ” มู่เวยเวย เธอน่าจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของเย่ฮวางกรุ๊ปนะ เย่ฮวางอินเตอร์เนชันแนลกรุ๊ปเป็นผู้นำในเมือง A คนตั้งมากมายอยากจะเข้า ทำไมคุณถึงปฎิเสธล่ะ? ”
มู่เวยเวยสีหน้าเรียบเฉย และพูดอย่างเคารพว่า “ ฉันรู้สึกว่าความสามารถ——- ”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ อาจารย์ใหญ่ซุนก็ขัดจังหวะเธอ และพูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า ” เธอถ่อมตัวเกินไป ผลงานเธอในครั้งนี้ได้รับคำชมจากกรรมการทั้งสี่คน ถ้าเธอพูดแบบนี้ ในหนานฮวาก็คงจะไม่มีใครทำได้แล้ว !”
” แต่ว่า……. ”
” งั้นก็ตามนี้นะ !” อาจารย์ใหญ่ซุนพูดอย่างหนักแน่น ” มู่เวยเวย พรุ่งนี้คุณกับเฉียวซินโยวไปลงทะเบียนที่เย่ฮวาง ฝึกงานหนึ่งปี ภายในหนึ่งปีนี้ เย่ฮวางจะจ้างพวกเธอต่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ความสามารถของพวกเธอแล้ว ! ”
หลังจากฟังอาจารย์ใหญ่พูดจบ มู่เวยเวยก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือก ในใจรู้สึกเป็นทุกข์
ขณะเดียวกันในใจของเฉียวซินโยวรู้สึกไม่ดี จริงๆแล้วเธอหวังว่ามู่เวยเวยจะไม่ไปทำงานที่เย่ฮวาง ไม่เช่นนั้นเธอจะเป็นอุปสรรคในการเข้าใกล้เย่ฉ่าวเฉิน !
……
เมื่อมู่เวยเวยกลับมาถึงบ้าน เย่ฉ่าวเฉินกำลังกินข้าวอยู่ เห็นเธอกลับมา ก็พูดขึ้นมาว่า ” เธอยังรู้จักกลับมาเหรอ ? ไปทำอะไรข้างนอกทั้งวัน ? ”
เมื่อรู้ว่าเขาจงใจหาเรื่อง มู่เวยเวยก็รู้สึกปวดตับ เธอรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไร เธอจึงพูดงงๆว่า ” ฉันจะไปไหนได้ ? ฉันเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนไหมล่ะ ? ”
เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างเย็นชาและพูดย่างเฉยเมยว่า แบบนี้นี่เอง ถ้างั้นอาจารย์ใหญ่คงบอกพวกเธอแล้วสินะ ?
” ทำไมคุณวางแผนให้ฉันไปทำงานที่บริษัทคุณ ? ” มู่เวยเวยถามด้วยความไม่เข้าใจ
เย่ฉ่าวเฉินเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย พูดอย่างเย็นชาว่า ” แน่นอนว่ามันสะดวกที่จะทรมานเธอ !”
ไอ้นี่ !
มู่เวยเวยจ้องมองไปที่เขา เธอไม่อยากได้ยินเสียงยั่วโมโหของเขา หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน กลับไปที่ห้องนอน ในขณะที่กำลังจะปิดประตู ก็มีแรงผลักประตูทำให้เธอเซไปสองสามก้าว
เมื่อร่างของเย่ฉ่าวเฉินปรากฎขึ้น มู่เวยเวยก็หดตัวและแสดงออกไปด้วยความตึงเครียด และเสียงสะท้าน “ คุณ…..คุณมาทำไม ? ”
เย่ฉ่าวเฉินมองเธออย่างไม่แยแสพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากของเขา และพูดอย่างเย็นชาว่า ” แน่นอนว่าเธอต้องทำตามหน้าที่ ถอดเสื้อผ้าออกและไปนอนรอฉันบนเตียง !”
มู่เวยเวยกัดริมฝีปากแน่นและสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธและความอับอายว่า “ ฉันไม่ทำ !”
เย่ฉ่าวเฉินตะคอกอย่างเย็นชา น้ำเสียงของเขาบึ้งตึงและพูดออกมาว่า ” อย่าแสร้งทำตัวเป็นสาวบริสุทธิ์ต่อหน้าฉัน เธอก็เป็นแค่อีตัวที่ผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน จะมาทำตัวสูงส่งอะไร ? ”
สีหน้าของมู่เวยเวยดูเจ็บปวด และพูดอย่างเศร้าๆว่า ” เย่ฉ่าวเฉิน คุณพูดอย่างนี้ออกมาได้อย่างไร !คุณทำเกินไปแล้ว คุณรู้จักคำว่าเคารพบ้างไหม ? ”
หลังจากเธอพูดจบ เย่ฉ่าวเฉินก็เยาะเย้ยและพูดด้วยความเหยียดหยามว่า ถ้าอย่างนั้นในฐานะที่เธอเป็นผู้หญิง เธอมีความละอายบ้างไหมที่ชิงสุกก่อนห่าม?
ใบหน้าของมู่เวยเวยซีดเผือด เธอส่ายหัวอย่าสั่นๆ พร้อมพูดอย่างเศร้าๆ ว่า ” ไม่ใช่อย่างนั้น ที่จริงแล้วฉัน….. ”
เพียง พูดไปได้ครึ่งเดียว มู่เวยเวยก็พูดอะไรไม่ออก…..
เธออยากบอกว่าเธอถูกขืนใจ เธอไม่รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร แต่ถ้าเป็นแบบนี้ เขาจะทำให้เธออับอายกว่าเดิมแน่นอน !
เห็นเธออาเจียน
หลังจากอาเจียนเป็นเวลานาน และยังพูดไม่ทันเสร็จ หน้าของเย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความร้อนรน เขาผลักเธอลงเตียง ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาทับเธอไว้ทันที และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า ” ในเมื่อเธอเป็นอีตัว เธอก็อย่ามาแสร้งทำเป็นรังเกียจฉัน !”
มู่เวยเวยกัดฟัน น้ำตาเธอไหลในดวงตาเธอดูรั้น เธอกำลังสับสน เธอจึงทำเพียงแค่ปิดปากและอดทนต่อความโหดร้ายที่เขาทำกับเธอ
เช้าวันรุ่งขึ้น มู่เวยเวยถูกเย่ฉ่าวเฉินลากลงจากเตียง บอกว่าวันนี้เธอต้องบริษัทพร้อมกับเขา
เมื่อมองไปที่ตาแพนด้าในกระจก มู่เวยเวยก็ถอนหายใจออกมา เธอถูกเขาทำทั้งคืน และเพิ่งผล็อยหลับไปเมื่อตอนตีสาม แต่สุดท้ายก็ถูกเขาปลุกแต่เช้า
เย่ฉ่าวเฉินเจ้าคนโหดร้าย !
ในใจของมู่เวยเวยโกรธเคืองมาก
หลังจากทานข้าวเช้าด้วยความเร่งรีบ มู่เวยเวยก็รีบตามเขาไปขึ้นรถ หลังจากเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถก็มาหยุดที่อาคารธุรกิจที่สูงตระหง่าน
เมื่อเดินมาถึงโถงทางเข้า ก็เห็นเฉียวซินโยวแต่งตัวสวย เธอดูตื่นเต้น และพูดเสียงอ่อนว่า ” ประธานเย่ สวัสดีตอนเช้าค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณ เป็นโชคดีของฉันจริง ! ”
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอและพยักหน้า
เมื่อเป็นแบบนี้ ทั้งสองคนเดินตามเย่ฉ่าวเฉินมาถึงประตูลิฟต์ทางด้านตะวันออกของล็อบบี้ พวกเขาเห็นคำว่า Persident Only อยู่บนนั้น นั่นหมายความว่ามีเพียงเย่ฉ่าวเฉินเท่านั้นที่ใช้ได้
หลังจากขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 28 ประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออก เย่ฉ่าวเฉินเห็นทั้งสองเดินตามเข้ามาในห้องทำงาน เขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า ” ชั้นที่ 16 เป็นของแผนกออกแบบ อีกเดี๋ยวจะมีคนพาพวกเธอไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ”
เฉียวซินโยวพยักหน้าและพูดด้วยเสียงอ่อนหวานว่า ” เข้าใจแล้วค่ะ ประธานเย่ ฉันจะตั้งใจทำงานค่ะ !”
มู่เวยเวยขมวดคิ้ว เธอไม่พูดอะไรออกมา อยู่ที่บ้านเจอเย่ฉ่าวเฉินก็ว่าแย่แล้ว มาฝึกงานยังต้องเจอเขาอีก เธอโชคร้ายจริงๆ !
ขณะเดียวกัน มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
” เข้ามา ” เย่ฉ่าวเฉินพูด
ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก ผู้หญิงคนหนึ่งวัยสามสิบกว่า ใบหน้าของเธอและดวงตาสีอำพันของเธอช่วยทำให้รูปลักษณ์ที่ไม่ยิ้มแย้มของเธอดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น ทำให้คนนึกถึงคำว่า ‘ผู้หญิงสวยเย็นชา’
ชุดสูทสีดำแบบมืออาชีพดูเหมาะสม ช่วยเพิ่งความเคร่งขรึมให้กับเธอ ป้ายชื่อที่ติดไว้ที่อกของเธอเขียนว่า ‘ผู้จัดการฝ่ายออกแบบ’ เหม่ยหลิง เขียนอยู่
เหอเหม่ยหลิงเดินไปที่โต๊ะทำงานด้วยท่าทีสุภาพ ตาก็เหลือบไปที่คนสองคนอย่างรวดเร็ว และกลับมาพูดกับเย่ฉ่าวเฉินว่า ” ประธานเย่ คุณเรียกฉันเหรอคะ ”
เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและพูดอย่างเฉยเมยว่า ” ผู้จัดการเหอ สองคนนี้เป็นนักเรียนจากหนานฮวา เรียนคณะการออกแบบ หลังจากนี้เขาจะอยู่ในความดูแลของคุณ ”
เหอเหม่ยหลิงพยักหน้า และพูดอย่างเย็นชาว่า ” โปรดวางใจ ฉันจะปลูกฝังเป็นอย่างดี ”
” อืม งั้นก็ดี คุณพาพวกเขาไปทำความคุ้นเคยกับบรรยากาศก่อนเถอะ ”
” ค่ะ เมื่อเหอเหม่ยหลิงพูดจบ ก็หันหลังและพูดกับมู่เวยเวยและเฉียวซินโยวว่า พวกเธอตามฉันมา ”
ในขณะเดียวกัน……
” มู่เวยเวย เธออยู่นี่ก่อน ” เย่ฉ่าวเฉินพูดกะทันหัน
มู่เวยเวยตกใจ และหันกลับมามองเขา เฉียวซินโยวที่อยู่ด้านข้างแสดงความหึงหวง แต่ก็ถูกเหอเหม่ยหลิงส่งสัญญาณ เธอเลยจำใจจากไป
” ยังมีอะไรอีก ? ” มู่เวยเวยถามด้วยความระแวดระวัง
เย่ฉ่าวเฉินมองเธออย่างไม่แยแส พร้อมพูดขู่ว่า ” ฉันแค่จะเตือนว่า ตอนอยู่บริษัท เธอเป็นเพียงพนักงานในบริษัท อย่าแสร้งทำเป็นว่าเป็นคุณหนู ถ้าหากฉันรู้ละก็ เธอต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา ! ”
มือของมู่เวยเวยจับคอเสื้อแน่นด้วยท่าทางที่เจ็บปวด เธอกัดฟันพูดว่า “ ประธานเย่โปรดวางใจ จะไม่มีวันเกิดเรื่องแบบนั้นอย่างแน่นอน !”
เธอไม่สนใจหรอก !
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มมุมปากอย่างพอใจ และพูดเสียงเบาว่า ” เธอลงไปได้แล้ว ”
มู่เวยเวยกลับลงมาที่แผนกออกแบบ เฉียวซินโยวก็รีบมาล้อมเธอ และถามด้วยความสงสัยว่า ” เวยเวย เมื่อครู่ที่ประธานเย่ให้เธออยู่ก่อน ตกลงมีเรื่องอะไรเหรอ ? ”
มู่เวยเวยส่ายหน้า และพูดเบาๆว่า ” แค่บอกให้ฉันตั้งใจทำงาน ”
” แค่นี้เองเหรอ ? ”
” ใช่ ”
เฉียวซินโยวเม้มริมฝีปาก เธอแสดงท่าทีที่ไม่ค่อยชัดเจน และพูดเบาๆว่า ” ผู้จัดการเหอเรียกเธอไปพบที่ห้องทำงาน ”
” ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ”
เมื่อมาถึงห้องทำงานของเหอเหม่ยหลิง เธอที่กำลังหมกมุ่นกับการทำงาน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามา เธอก็เงยหน้ามองมู่เวยเวยและพูดอย่างเย็นชาว่า ในระหว่างการประชุมเมื่อวานนี้ ” ประธานเย่ได้แจ้งให้พนักงานทุกคนทราบแล้วว่า ระหว่างที่ทำงานอยู่ที่นี่ เธอจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ เธอมีข้อโต้แย้งอะไรไหม? ”
มู่เวยเวยหายใจเข้าลึกๆ และพูดอย่างหนักแน่นว่า ” ไม่ค่ะ คุณปฎิบัติต่อฉันในฐานะพนักงานคนหนึ่งก็พอ ”
” ตกลง ” เหอเหม่ยหลิงแสดงออกด้วยท่าทางชื่นชม และพูดต่อว่า ” ผลงานการแข่งขันของคุณ ฉันได้ดูแล้ว ความคิดไม่เลวเลย หวังว่าคุณจะพยายามต่อไปนะ !”
มู่เวยเวยยิ้มด้วยความดีใจ และพูดเบาๆว่า ” ฉันจะพยายามค่ะ ”
เมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยง มู่เวยเวยกับเฉียวซินเย่ก็สั่งอาหารให้มาส่ง รสชาติปากของมู่เวยเวยค่อนข้างอ่อน เธอจึงสั่งโจ๊กกับขนมปังในเน็ตของร้านจินฝอมา
เฉียวซินโยวสั่งด้วยความเพลิดเพลิน เธอสั่งพิษซ่าหน้าเนื้อพริกไทยดำ และสั่งกาแฟอีกสองแก้ว
มู่เวยเวยดื่มโจ๊กอย่างช้าๆ เมื่อมองเห็นเซียวซินโยวเดินมาพร้อมกับถุงอาหารจำนวนมาก เมื่อมานั่งข้างๆ เธอก็ถามด้วยความแปลกใจว่า ” ซินโยว คุณซื้ออาหารมาตั้งมากมายจะกินเหรอ ? ”
เฉียวซินโยวมองไปที่มู่เวยเวยด้วยสายตาที่ดูถูก ริมฝีปากเธอกระตุกและพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า ” ชีวิตคนเรามันสั้น ฉันขอเพลิดเพลินก่อน !”
มู่เวยเวยไม่พูดอะไร ในขณะเดียวกัน เฉียวซินโยวก็ถือถุงและเดินจากไป
มู่เวยเวยตกใจ และถามว่า ” ซินโยว เธอจะไปไหน ? ”
เฉียวซินโยวหันกลับมามองเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า ” ฉันจะไปนั่งแถวที่พักริมถนนฝั่งตรงข้ามตึก ที่นี่มันไร้บรรยากาศเกินไป !”
มู่เวยเวยมองไปที่ข้างหลังเธอ และถอนหายใจออกมา
เฉียวซินโยวเดินเข้าไปในลิฟต์ รอจนประตูลิฟต์ปิดลง จ้องมองไปที่ปุ่มบนลิฟต์ ในที่สุดเธอก็กดปุ่ม 28 ซ้ำๆ
เมื่อมองไปที่ลูกศรที่กะพริบตามจำนวนตัวเลขที่เพิ่มขึ้น เฉียวซินโยวก็ยิ้มออกมาอย่างมีชัย
เธอไม่ได้จะลงไปข้างล่าง แต่จะไปหาเย่ฉ่าวเฉิน !
เมื่อก้าวออกจากลิฟต์ เฉียวซินโยวก็เดินไปที่ห้องทำงานของท่านประธาน ประตูห้องเปิดแง้มอยู่ และมองเห็นเย่ฉ่าวเฉินนั่งทำงานอยู่ในนั้น
เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา เฉียวซินโยวก็ใจเต้นออกมา ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากว่าเขาเป็นของเธอ มันจะดีขนาดไหนกันนะ !
‘ ปัง ปัง ——’
มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้น และพูดอย่างเยือกเย็นว่า ” เข้ามา ”
เมื่อเขาเห็นร่างของเฉียวซินโยว เย่ฉ่าวเฉินก็ตกใจ ดวงจาสีฟ้าดูเคร่งขรึมและพูดอย่างเย็นชาว่า ” คุณเฉียวมาหาฉันมีธุระอะไร ? ”
เฉียวซินโยวมองไปที่เขาด้วยความประหม่า และถามด้วยความเป็นห่วงว่า ” ประธานเย่ คุณทานอาหารกลางวันรึยัง ? ”
” ยัง ”
เมื่อได้ยินเขาบอกว่ายัง เฉียวซินโยวก็โล่งใจ เธอค่อยๆเดินไปข้างหน้าเขา จะชี้ไปที่ถุงอาหารในมือ และพูดอย่างคาดหวังว่า ” ฉันเพิ่งสั่งพิษซ่าหน้าเนื้อกับกาแฟมาจากอินเตอร์เน็ต คุณอยากทานหน่อยไหม ? ”
เดิมทีเย่ฉ่าวเฉินจะปฎิเสธ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอคือผู้หญิงในคืนนั้น เขาคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า ” ขอบคุณ ไปทานที่ห้องนั่งเล่นกับฉัน ”
” ค่ะ ” มองตามหลังเขาไป เฉียวซินโยวยิ้มอย่างชัยชนะ และเดินตามเขาด้วยความภาคภูมิใจ
ห้องพักผ่อนในห้องทำงานของเขามีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน พูดได้เลยว่าเป็นเสมือนห้องนอนขนาดเล็ก ทิศตะวันออกของห้องมีเตียงเดี่ยว ข้างๆมีตู้เสื้อผ้าและตู้หนังสือ ด้านทิศตะวันตกมีโซฟาสุดสวย และด้านหน้าโซฟาก็เป็นโต๊ะกาแฟที่หรูหรา
เฉียวซินโยววางอาหารบนโต๊ะชา รีบถอดถุงอาหารออกและพูดอย่างเร็วว่า ” เนื้อผัดพริกไทยดำและกาแฟที่ไม่หวาน ไม่รู้รสชาติจะถูกปากคุณรึเปล่า ? ”
” ก็พอใช้ได้ ” เย่ฉ่าวเฉินพูดเบาๆ
ทั้งสองทานอย่างเงียบๆ เฉียวซินโยวครุ่นคิดว่าจะพูดยังไงดี กระแอมที่คอเบาๆ และพูดว่า ” ประธานเย่ ครั้งที่แล้วคุณบอกว่าผลงานของฉันมีแนวคิดที่ดี คุณคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ ? ”
เย่ฉ่าวเฉินจิบกาแฟและพูดเบาๆว่า ” ใช่ ”
” อิอิ…..” เฉียวซินโยวยิ้มอย่างมีความสุขและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า ” ที่จริงแล้ว ฉันเคยกังวลว่าจะไม่เข้ารอบ เพราะว่าแบบดีไซน์นั้นไม่ใช่ต้นฉบับเดิม แต่เป็นสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นมาใหม่ตามความจำเดิม แต่ก็คิดว่ายังเทียบไม่ได้กับอันแรก !”
เมื่อฟังเธอพูดจบ สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินก็ดูตึงขึ้น และถามออกไปอย่างไม่เป็นทางการว่า ” งั้นทำไมคุณถึงไม่ใช้แบบต้นฉบับ ? ”
แววตาเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นในดวงตาของเฉียวซินโยว พร้อมกับมองใบหน้าของเขาและพูดอย่างเสียใจว่า ” ต้องโทษที่ฉันไม่รู้จักระวัง ไม่รู้ว่าไปทำหล่นไว้ที่ไหน !”
เย่ฉ่าวเฉินก้มหัวลงให้คนอื่นมองไม่เห็นอารมณ์เขา และพูดด้วยเสียงต่ำว่า ” เป็นแบบนี้นี่เอง ”
เฉียวซินโยวแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร เธอยิ้มที่มุมปากและพูดอย่างอ่อนโยนว่า พิษซ่าพวกนี้พอไหม ? ” ถ้าไม่พอฉันจะไปซื้อเพิ่มให้ หลังจากนี้คุณต้องทานข้าวให้ตรงเวลา ไม่อย่างนั้นมันจะเสียสุขภาพ ”
เมื่อได้ยินเธอเป็นห่วง ใจของเย่ฉ่าวเฉินก็รู้สึกผ่อนคลายลง และพูดเบาๆว่า ” ฉันกินอิ่มแล้ว ลำบากคุณแล้วล่ะ ”
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา เฉียวซินโยวก็นำอาหารมาขึ้นมาให้เย่ฉ่าวเฉินตลอด
เฉียวซินโยวรู้สึกประหลาดใจมากที่ทัศนคติของเย่ฉ่าวเฉินที่มีต่อเธอนั้นจะดีขึ้น เขาไม่เย็นชาใส่เธอเหมือนแต่ก่อน บางทียังพูดกับเธอประโยคสองประโยค มันทำให้เธอรู้สึกดีมาก
เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ดวงตาของเฉียวซินโยวก็เต็มไปด้วยความหลงใหล ความคิดที่จะครอบครองเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่แค่คิดว่า ทุกๆวันคนที่นอนข้างเขาคือมู่เวยเวย มันก็ทำให้เธอแทบคลั่ง !
เย่ฉ่าวเฉินเป็นของเธอ !มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะเหมาะกับการเป็นคุณหนูตระกูลเย่ !
ว่าแต่…..เย่ฉ่าวเฉินจะรู้สึกยังไงกับเธอ ? จะมีความรู้สึกดีๆบ้างไหมนะ ?
…….
ในทางกลับกัน หลังจากมู่เวยเวยทานข้าวเสร็จ เธอก็เปิดคอมหาข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ออกแบบ และจัดเรียงเป็นไฟล์ เพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต ขณะเดียวกันก็มีเสียงของเหอเหม่ยหลิงดังขึ้นต่อหน้าเธอ
มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้น เห็นสีหน้าที่เย็นชาของเหอเหม่ยหลิง เธอยื่นเอกสารมาให้เธอพร้อมบอกว่า ” เวยเวย รบกวนไปส่งเอกสารนี้ที่ห้องประธานเย่หน่อย ฉันจะรีบไปโกดัง ปลีกตัวไปไม่ได้ ”
มู่เวยเวยรีบรับเอกสาร และพูดว่า ” ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ”
พูดจบ มู่เวยเวยก็รีบลุกจากที่นั่งทันทีและไปอย่างรวดเร็ว
” เวยเวย ” เหอเหม่ยหลิงมองข้างหลังเธอและพูดออกมา
มู่เวยเวยหันกลับมา ถามด้วยความสงสัยว่า ” ผู้จัดการ ยังมีเรื่องอะไรอีกไหมคะ ? ”
” ขอบคุณ ”
มู่เวยเวยยิ้ม และพูดอย่างอบอุ่นว่า ” ไม่เป็นไรค่ะ ”
มู่เวยเวยขึ้นลิฟต์ มายังชั้นที่ 28
เมื่อมาถึงหน้าห้อง กำลังจะเคาะประตูแต่ก็พบว่าประตูเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง เธอจึงผลักและเดินเข้าไป เมื่อเธอเลื่อนสายตามองไปยังโต๊ะทำงาน สีหน้าของเธอก็ซีดลงและยืนนิ่งราวกับถูกฟ้าผ่า