มู่เวยเวยมองเห็น ด้านหลังของหญิงสาวที่คุนเย่ นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน
มู่เวยเวยตัวสั่น แยกไม่ออกระหว่างความโกรธหรือผิดหวัง เธอรู้สึกเหมือนถูกคนเอามีดมาฉีกเป็นครึ่งๆ เธอสิ้นหวังเหมือนกระแสน้ำที่พัดผ่าน !
เธอจำผู้หญิงคนนั้นได้ ก็คือคนที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อนที่แสนดี เฉียวซินโยว !
เธอเชื่อใจเพื่อนที่แสนดีคนนี้มาตลอด แต่ตอนนี้เธอกับนั่งอยู่บนตักของสามีเธอ ราวกับสนิทสนมกัน !
เย่ฉ่าวเฉินสังเกตว่าในห้องมีคนเพิ่มขึ้นมา จึงเงยหน้าขึ้นมอง เห็นมู่เวยเวยมีสีหน้าซีดเซียวยืนอยู่เงียบๆ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเทา
เย่ฉ่าวเฉินเริ่มแข็งกระด้าง เขารีบทำเป็นปกติในทันที แต่สีหน้าของเขานั้นดูเหนื่อยล้า
เฉียวซินโยวไม่ทันสังเกตเห็นมู่เวยเวย เธอเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเย่ฉ่าวเฉิน พอพยายามที่จะเดาความคิดของเขา
เมื่อครู่เธอเห็นเขากำลังจัดการเอกสาร เฉียวซินโยวไม่สามารถยับยั้งความปรารถนาในใจของเธอได้ เธออยากได้เขา อยากเป็นผู้หญิงของเขา เมื่อคิดได้อย่างนั้น ความคิดเธอก็เหมือนกับก๊อกน้ำที่ไหลอยู่
ทันใดนั้นเธอก็ฉุกคิดขึ้นมาในใจเธอต้องการทดสอบว่าเย่ฉ่าวเฉินนั้นสนใจเธอหรือไม่ !
เธอจึงวางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะทำงานของเขา และเดินเข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆ จนมาถึงข้างหน้าเขา และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ประธานเย่ “
เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าเขาไม่แสดงออกอะไร ทำให้เดาไม่ได้
เฉียวซินโยวทำตามคำพูดที่เธอนั้นคิดไว้ล่วงหน้า และพูดด้วยความคมคายและรวดเร็ว ไม่ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะตอบสนองอย่างไร เธอก็เตรียมใจรับมือเอาไว้อยู่แล้ว !
แม้ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะผลักเธอออกด้วยความโกรธ แต่เธอก็ให้คำตอบที่สมบูรณ์แบบได้
นี่เป็นฉากที่มู่เวยเวยเห็น แต่ที่น่าประหลาดใจคือเย่ฉ่าวเฉินไม่ได้ผลักไสเธอ แม้ว่าจะดูคลุมเครือ แต่เธอก็สังเกตเห็น…..การยอมรับของเขา
ดูเหมือนว่าเธอจะทายถูก !
เฉียวซินโยวรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย ก่อนที่เย่ฉ่าวเฉินจะพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ ไสหัวออกไป !”
ใจของเฉียวซินโยวตกลงตาตุ่ม เธอกำลังจะพูดด้วยความตื่นตระหนก แต่ก็ได้ยินเขาพูดขึ้นว่า “มู่เวยเวย วางเอกสารลงบนโต๊ะ และรีบไสหัวออกไป !”
เฉียวซินโยวตัวแข็งและหันไปช้าๆ เธอเห็นมู่เวยเวย ใบหน้าที่น่าเกลียดของเธอไม่แสดงความตื่นตระหนก เธอมองดูอย่างเงียบๆ ในใจคิดว่าจะพูดประเลาะเธอยังไงดี
เย่ฉ่าวเฉินยังไม่ยอมรับเธออย่างสมบูรณ์ เธอต้องการให้มู่เวยเวยเป็นตัวกลาง ไว้รอความสัมพันธ์ของเธอกับเย่ฉ่าวเฉินดีขึ้นกว่านี้ ถึงเวลานั้นค่อยเปิดเผยกับเธอก็ยังไม่สาย!
ใจของมู่เวยเวยดูเศร้าหมอง เธอกับเย่ฉ่าวเฉินมองหน้ากันครู่หนึ่ง สีหน้าเขาไม่แสดงความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ประโยคแรกที่เขาพูดออกมาคือให้เธอไสหัวออกไป !
มู่เวยเวยสูดหายใจกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ร้องไห้ เธอเดินตัวแข็งไปที่โต๊ะทำงาน วางเอกสารลงและหันออกไปทันที
เมื่อหันกลับไป น้ำตาเธอก็ไหลลงมาราวกับเขื่อนแตก…..
เมื่อมู่เวยเวยออกไป เย่ฉ่าวเฉินก็ค่อยๆผลักเฉียวซินโยวออก และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ คุณออกไปเถอะ ”
เฉียวซินโยวพยักหน้า และหันหลังออกจากห้องไป
เมื่อออกมา เฉียวซินโยวก็ยิ้มอย่างมีชัย นึกถึงตอนที่เย่ฉ่าวเฉินอยู่ตรงหน้า ไล่มู่เวยเวยออกไป นึกถึงมู่เวยเวยตอนที่วางเอกสารและม้วนตัวออกไปด้วยความเจ็บปวด เธอก็อยากจะหัวเราะให้ดัง !
” มู่เวยเวย เธอสู้ฉันไม่ได้หรอก เย่ฉ่าวเฉินต้องเป็นของฉัน ตำแหน่งคุณหนูตระกูลเย่ต้องเป็นของฉัน ! ” เฉียวซินโยวพูดขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง
…….
มู่เวยเวยขอเหอเหม่ยหลิงลาในช่วงบ่าย จากนั้นเธอก็เรียกแท็กซี่กลับบ้าน ภาพของทั้งสองปรากฎขั้นในหัวของเธอ และน้ำตาก็ไหลออกมา
เหตุผลที่เธอโศกเศร้าไม่ใช่เพราะ เย่ฉ่าวเฉิน แต่เป็นเพราะเฉียวซินโยวทรยศเธอ !
ถึงแม้ว่าเธอกับเขาจะเป็นสามีภรรยากัน แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นเพราะพี่ชายของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่มีวันที่จะรักเย่ฉ่าวเฉิน ยิ่งไปกว่านั้นเธอจะไม่ยอมเสียใจให้กับเขา
แต่เฉียวซินโยวคือคนที่สำคัญที่สุดนอกจากพี่ชายของเธอ เธอปฎิบัติต่อเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ไม่คิดเลยว่าจะโดนเธอทำร้าย !
ทำไมต้องเป็นเย่ฉ่าวเฉิน ? !
แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดูเย็นชา แต่ในสายตาของคนภายนอกพวกเขายังเป็นสามีภรรยากัน ทำไมเฉียวซินโยวถึงต้องการสามีของเธอ !
แม้ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะไม่พอใจเธอ แต่ทำไมต้องเอาเฉียวซินโยวมาแก้แค้นเธอด้วย !ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเธอจะไม่ว่าเลย แต่ทำไมต้องเป็นเพื่อนที่เธอไว้ใจและสนิทของเธอด้วย ? !
มู่เวยเวยเสียใจจนแทบตาย ซินโยว เธอรู้ไหมว่าฉันเจ็บปวดขนาดไหน !ทำไมต้องเป็นเธอ !
เย่ฉ่าวเฉินจุดบุหรี่ พ่นควันออกมาอย่างช้าๆ ทำให้ใบหน้าของเขาเบลอ แสงยามเย็นสะท้อนดวงตาเย็นชาคู่นั้น
ในหัวก็คิดถึงมู่เวยเวย แม้ว่าเธอจะแสร้งทำเป็นสงบ แต่ไหล่ที่สั่นของเธอเผยให้เห็นอารมณ์ทีเจ็บปวดหรือโกรธล่ะ?
เหอเหม่ยหลิงมาที่นี่ และบอกกับเขาว่ามู่เวยเวยขอลากลับบ้าน ในตอนนั้นสีหน้าเธอดูแย่มาก
เย่ฉ่าวเฉินส่ายก้นบุหรี่และมองออกไปนอกหน้าต่าง และพูดอย่างไม่แยแสว่า ” มู่เวยเวย ต้องโทษพี่ชาย
เธอที่มายั่วโมโหฉัน แต่สำหรับเธอ อย่าเพิ่งล้มไปง่ายๆล่ะ เพราะการทรมานของฉันมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้น !”
มู่เทียนเย่ ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน ? ถ้าหากว่าทนไม่ไหวที่เห็นน้องสุดที่รักต้องทนทุกข์ทรมาน แกก็รีบแสดงตัวออกมา…..
……..
ตระกูลเย่
มู่เวยเวยพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง มองไปที่เพดานหัวใจของเธอเหมือนถูกแมลงตัวเล็กๆกัด มันเจ็บไปหมด แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหยุดความคิดเธอ
เมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เธอก็เห็นข้อความเข้า qq เมื่อเธอล็อคอินเข้าไปก็ปรากฎภาพเพื่อนที่คุ้นเคยกำลังเต้นอยู่
นั่นก็คือภาพของเฉียวซินโยว
มู่เวยเวยแสดงสีหน้าที่เจ็บปวด เธอรีบกดปุ่มปิด และหน้าจอโทรศัพท์ก็กลายเป็นสีดำ
เธอในตอนนี้เป็นเหมือนเต่าที่ขี้ขลาด ที่มุดตัวอยู่ในกระดอง
เธอกลัวที่จะได้ยินเสียงของเฉียวซินโยว ฟังคำอธิบายจากเธอสารพัด เรื่องทั้งหมดเธอเห็นด้วยตาของตัวเองยังมีอะไรต้องอธิบายอีก ? อธิบายแล้วสามารถลดความเจ็บปวดของเธอได้เหรอ ?
เธอจะรู้ไหมว่าตัวเองหวงแหนมิตรภาพนี้ขนาดไหน ? เธอไม่รู้ เธอกลัวมากว่าจะได้ยินคำพูดที่ทำร้ายเธอ นับแต่นี้ต่อไปเธอไม่ต้องการเพื่อนคนนี้ !
”กริ๊งกริ๊ง— ”เสียงแจ้งเตือนข้อความในโทรศัพท์ดังไม่หยุด มู่เวยเวยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะปิดเครื่อง แต่ในที่สุดก็ลังเล
บางทีซินโยวอาจจะขอโทษเธอ บางทีเรื่องทุกอย่างอาจจะไม่เป็นแบบที่เธอคิด !มู่เวยเวยหลอกตัวเองและคิดว่า เธอรู้ว่าซินโยวใม่ใช่คนแบบนั้น บางทีเธออาจจะคิดไปเองก็ได้ !
มู่เวยเวยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สักพักเธอก็ตัดสินใจล็อคอิน qq กดไปที่โปรไฟล์ของเฉียวซินโยว ไอค่อนและข้อความเสียงมากมายเด้งขึ้นมา
สูดหายใจเข้าลึกๆ มู่เวยเวยกดฟังเสียงที่ส่งมา และเสียงของเฉียวซินโยวก็ดังขึ้นมา :
ข้อความแรก : เวยเวย เรื่องเมื่อตอนบ่ายไม่ใช่อย่างที่เธอคิด หวังว่าเธอจะฟังฉันอธิบายนะ !
ข้อความที่สอง : จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันเอากาแฟมาให้ประธานเย่ แต่ไม่ระวังทำกาแฟหกใส่เขา อาจจะเป็นเพราะท่าทางเลยทำให้เธอเข้าใจผิด เธออย่าโกรธฉันเลยนะ !
ข้อความที่สาม : เธอ…..เธอไม่ตอบฉัน หรือว่าจะโกรธจริงๆ ฉันอยากขอโทษเธอ เธอไม่โกรธฉันได้ไหม
ข้อความที่สี่ :เวยเวย เมื่อตอนบ่ายฉันเห็นเธอกลับไป ฉันไม่กล้ารั้งเธอไว้ สีหน้าของประธานเย่ในตอนนั้นดูน่ากลัวมาก แต่ว่าเขาไล่เธอแบบนั้น มันก็เกินไป
……
ข้อความสุดท้าย :ถ้าเธอหายโกรธแล้ว ก็โทรกลับหาฉัน ไม่อย่างนั้นคืนนี้ฉันนอนไม่หลับทั้งคืนแน่
ยิ่งมู่เวยเวยฟัง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เธอคิดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจโทรหา
อีกด้านหนึ่งเฉียวซินโยว หลังจากส่งข้อความไปแล้วไม่เห็นเธอตอบกลับ ในใจก็รู้สึกโกรธและพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายว่า ” มู่เวยเวย แกใส่ใจอะไรฉัน แกไม่สนใจฉันแล้วใช่ไหม ฉันจะไม่ส่งไปแล้ว ต่อจากนี้อย่าคิดว่าฉันจะสนใจแกอีกเลย !”
พูดจบเธอก็โยนโทรศัพท์ทิ้ง หรี่ตานอน ในขณะที่เธอกึ่งกลับกึ่งตื่น ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา เอื้อมมือไปจับโทรศัพท์และพูดด้วยเสียงเบื่อหน่ายว่า “ฮัลโหล ? “
” ซินโยว ฉันเอง ” มู่เวยเวยรู้สึกว่าเสียงของเธอแหบ ก็คิดว่าคงเป็นเพราะรอข้อความ น้ำเสียงเธอเลยนุ่มลง
เมื่อได้ยินเสียงของมู่เวยเวย เฉียวซินโยวก็กระแอมเสียงในลำคอ และพูดอย่างรวดเร็วว่า ” เวยเวย เธออย่าโกรธเลยนะ ที่จริงมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันจะบอกเธอว่า…..”
หลังจากฟังคำอธิบายของเธอ ในใจของมู่เวยเวยก็รู้สึกดีขึ้นมาก เธอหายใจออกและพูดด้วยเสียงเรียบว่า ” ซินโยว ฉันเชื่อเธอ พูดตามจริง ฉันกลัวว่ามิตรภาพหลายปีของเราจะจบลง ”
เฉียวซินโยวกลอกตา ในใจรู้สึกเยาะเย้ยกับความไร้เดียงสาของเธอ ฉันไม่เคยนับเธอเป็นเพื่อน เมื่อก่อนเข้าหาเธอเพราะว่าเพิ่มความพึงพอใจให้ตัวเอง ตอนนี้เข้าหาเธอก็เพราะว่าเย่ฉ่าวเฉิน !
เฉียวซินโยวเลียริมฝีปาก พร้อมพูดว่า ” ไม่หรอก พวกเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป ”
หลังจากมู่เวยเวยฟังจบ เธอก็รู้สึกถึงความอบอุ่นในใจ และพูดไปว่า “ อืม ”
เมื่อปรับความเข้าใจกันแล้ว มู่เวยเวยก็นึกถึงตอนที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้ เฉียวซินโยวก็อดทนฟังเธอ
เมื่อเริ่มดึกมากขึ้น เฉียวซินโยวหาว เธอง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น แต่ว่ามู่เวยเวยยังคงพูดต่อไปไม่หยุด เฉียวซินโยวจึงวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ และก็ห่มผ้านอนหลับไป
มู่เวยเวยพูดจบด้วยความตื่นเต้น เธอถามเฉียวซินโยว แต่เธอก็ไม่ตอบอะไร เธอก้มมองนาฬิกา ถึงได้รู้ว่าเวลาดึกขนาดนี้แล้ว พลางพูดขอโทษ ” ซินโยว เธอนอนรึยัง ? ”
ปลายสายไม่มีเสียงตอบกลับ
แต่เธอก็ยังคงพูดต่อ ” วันนี้ดึกมากแล้ว ฉันวางก่อนนะ ”
รอสักครู่ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีเสียงตอบกลับ มู่เวยเวยจึงวางสายไป
ความง่วงเข้ามาจู่โจม มู่เวยเวยพลิกตัวหลับในทันที
จากเหตุการณ์นี้ ความสัมพันธ์ของเธอกับเฉียวซินโยวแตกแยก แต่กลับแน่นแฟ้นขึ้นกว่าเดิม เธอคิดถึงเรื่องในตอนนั้น นอกจากเฉียวซินโยว จะไม่ระวังนั่งไปบนตัวของเย่ฉ่าวเฉินแล้ว ทั้งสองก็ไม่ได้มีท่าทีอย่างอื่น
เธอไม่ได้ที่จะกลัว เรื่องเล็กๆน้อยๆจะนำไปสู่การสูญเสียเพื่อนคนนี้เฉียวซินโยว
เฉียวซินโยวรู้ความคิดในใจเธอ เบื้องหลังเธยิ่งรุนแรงขึ้น ขอแค่มีเวลาอีกหน่อย เธอก็จะไปที่ห้องทำงานของเย่ฉ่าวเฉิน กระชับความสัมพันธ์ให้ใกล้ขึ้น
เพราะยิ่งเธอสนิทกับเย่ฉ่าวเฉินมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เธอประหลาดใจอย่างมากที่เย่ฉ่าวเฉินกับมู่เวยเวยไม่ได้แสดงออกรักใคร่กลมเกลียวกัน แต่กลับพูดได้ว่าเย็นชา ยิ่งกว่าความรู้สึกที่มีต่อพนักงานเสียอีก
หรือว่าที่เย่ฉ่าวเฉินแต่งงานกับมู่เวยเวย ไม่ใช่เพราะว่าชอบ ? แต่เพราะว่ามีเหตุผลอื่น ?
เฉียวซินโยวมองไปที่เขา ลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า ” เฉ่าเฉิน สีหน้าเวยเวยยังไม่ดีขึ้น ฉันถามเธอ แต่เธอก็ไม่ตอบ คุณรู้เหตุผลไหมว่าทำไม ? ”
เมื่อเวลาผ่านไปสักพักในที่สุดความพยายามของเฉียวซินโยวก็ได้ผล เธอได้ปลี่ยนจากคำว่า ” ประธานเย่ ”เป็น ” ฉ่าวเฉิน ”
เป็นไปตามที่คาดไว้ เพียงแค่เธอเอ่ยถึงมู่เวยเวย เย่ฉ่าวเฉินก็มีท่าทีที่ไม่ดี
เขาพูดอย่างเฉยเมยและเย็นชาว่า ” ไม่รู้ ตอนกินข้าวไม่ต้องพูดถึงเธอ ”
” ค่ะ ” เฉียวซินโยวเงียบลง ในใจเธอเบ่งบานมีความสุข เธอวิเคราะห์เย่ฉ่าวเฉินอย่างรอบคอบ หรือว่าเมื่อพูดถึงมู่เวยเวยตอนกินข้าว จะทำให้เขากินข้าวไม่ลง ? !
หึหึ เรื่องนี้น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆแล้ว…..
มู่เวยเวยเหลือบไปมองเก้าอี้ว่างข้างๆเธอ ในเมื่อเฉียวซินโยวไม่อยู่ หลังจากทานข้าวเสร็จ เธอก็หยิบกระดาษออกมาและเริ่มร่างแบบ
ในฐานะนักออกแบบอุตสาหกรรมเสื้อผ้าของเย่ฮวาง งานของมู่เวยเวยคือวาดแบบร่างเส้อผ้า หลังจากผ่านการประชุม แผนกจะใช้เงินลงทุนทำแบบตัวอย่างออกมา ถ้าหากตีตลาดได้เป็นอย่างดี บริษัทก็จะลงทุนเพื่อผลิตเป็นจำนวนมาก
ในความคิดของมู่เวยเวย เธออยากเป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียง ในตลาดจะยอมรับเสื้อผ้าของเธอหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถในการออกแบบ ดังนั้นเธอจึงพยายามอย่างหนัก เพื่อทำให้ความฝันของเธอนั้นเป็นจริง
” เวยเวย เธอมาที่ห้องทำงานฉันหน่อย ” ทันใดนั้น เสียงของเหอเหม่ยหลิงก็ดังขึ้น
ตามเธอเข้าไปในห้องทำงาน มู่เวยเวยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า ” ผู้จัดการเหอ คุณเรียกฉันมีธุระอะไรไหม ? ”
เหอเหม่ยหลิง มองเธอพร้อมกับพูดว่า ” เวยเวย ฉันเห็นเธอมีความตั้งใจและขยันขันแข็งมาก หวังว่าเธอจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆนะ ”
มู่เวยเวยมองอย่างตกตะลึง และตื่นเต้น พร้อมกับพูดว่า ” ขอบคุณค่ะ ”
อีกเดี๋ยวก็จะถึงฤดูร้อนแล้ว อีกไม่นานบริษัทก็จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์แฟชั่นฤดูร้อน เวลาปกติเธอก็ดูแฟชั่นหน้าร้อนของปีที่แล้วเยอะๆนะ เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะคอยดูผลงานเธอ
หลังจากฟังเหอเหม่ยหลิงพูดจบ มู่เวยเวยก็ยิ้มอย่างสดใส เธอพยักหน้าอย่างหนักแน่นพร้อมกับพูดว่า “ฉันจะพยายามค่ะ ”
……
เธอไม่ต้องไปทำงานในสุดสัปดาห์นี้ มู่เวยเวยคิดถึงมู่จางรุ่ย เธอจึงโทรไปหาเขา ถามเรื่องพี่ชายเธอ และเรื่องรูปภาพ เมื่อโทรติด มู่เวยเวยก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยและพูดด้วยความคาดหวังว่า ” คุณลุง สถานการณ์พี่ชายเธอตอนนี้ดีขึ้นบ้างรึยัง ? ”
หลังจากฟังเธอพูด มู่จางรุ่ยก็แสดงท่าทีที่ไม่พอใจออกมา และพูดกับเธอว่า ” เวยเวยเธอไม่ต้องรีบ เทียนเย่เจ็บหนัก ต้องใช้เวลารักษาตัวนาน เรื่องแบบนี้เธอต้องรอสักพัก จะมารีบแบบนี้ไม่ได้ ”
มู่เวยเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย และพูดต่อว่า ” ถ้าอย่างนั้นพี่ชายฉันได้รับเงินแล้วรึยัง ? ”
” ส่งไปอเมริกาแล้วว ”
” ถ้าอย่างนั้นมีรูปของพี่ชายส่งมาที่บ้านบ้างไหม ? ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มู่จางรุ่ยก็มองถากถางและพูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า ” ตอนนี้ยังไม่มี แต่ว่าฉันเร่งให้แล้ว ”
” อ่อ ”
” เวยเวย อีกเดี๋ยวฉันมีประชุม วางสายก่อนนะ ถ้าเธอมีเวลาก็มาบ้านนะ
ป้าของเธอและอี้เหยาเป็นห่วงเธอมาก ” มู่จางรุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
มู่อี้เหยาเป็นห่วงเธอ ?
มู่เวยเวยยิ้มอย่างประชดประชัน ในใจคิดว่า หลายวันมาแล้วที่เธอไม่เห็นมู่อี้เหยา ไม่รู้ว่าเธอกับลู่จื่อหางจะเป็นยังไงบ้าง ?
บางคนไม่ควรแก่การคิดถึง นึกถึงไปก็ไม่มีอะไรดี ลู่จื่อหางเคยพูดกับเธอว่า เป็นเพียงหมีผู้เคราะห์ร้าย ใครก็ตามที่พูดถึงเขา เธอก็คือคนที่โชคร้ายที่สุด !
หลังจากวางสาย มู่เวยเวยก็นั่งออกแบบอยู่ในห้อง ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มู่เวยเวยพูดเบาๆว่า ” เข้ามา ”
” เวยเวย เธอนี่น่าเบื่อจริงๆ วันๆรู้จักแต่การออกแบบ เธอไม่รู้จักการใช้ชีวิตซะเลย !” เฉียวซินโยวเห็นมู่เวยเวยกำลังจดจ่ออยู่กับการออกแบบ ก็พูดออกมาด้วยความรังเกียจ
มู่เวยเวยได้ยินเสียงของเฉียวซินโยว มุมปากเธอก็ยิ้มออกมา ที่แท้เป็นเธอมาหานี่เอง เพียงแต่ว่าทำไมเธอไม่ได้ยินคุณอาหวังมาบอก
แต่ว่ามู่เวยเวยก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนว่า ” นอกจากออกแบบแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ”
ดังนั้นเธอจึงคู่ควรกับชีวิตที่ธรรดาไง มู่เวยเวยเยาะเย้ยในใจ
เฉียวซินโยวก้าวไปข้างหน้าและจับแขนของเธอและบ่นอย่างไม่พอใจว่า ” ฉันมาหาเธอไม่ใช่ว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอทำงานนะ ครั้งที่แล้วฉันมาที่นี่มีเรื่องจึงกลับไปก่อน ยังไม่ได้ทันได้ชมทิวทัศน์ของคฤหาสน์ตระกูลเย่เลย ครั้งนี้เธอพาฉันชมดีๆหน่อยได้ไหม ”
เมื่อฟังเธอพูดจบ มู่เวยเวยก้ลุกขึ้น และพูดเบาๆว่า ” ได้สิ ”
มู่เวยเวยพาเธอเดินชมคฤหาสน์ตระกูลเย่ ทั้งสองเดินไปพูดไป จนมาถึงสระน้ำขนาดใหญ่ เฉียวซินโยวเบิกตากว้าง ใบหน้าแสดงความอิจฉาและพูดออกมาว่า ” สระว่ายน้ำของที่นี่ใหญ่จริง…..”
สีหน้าของมู่เวยเวยเยือกเย็นเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเย่ฉ่าวเฉินปล่อยให้เธอลงน้ำไปหาปากกา ในใจเธอลังเลเล็กน้อย เพราะเธอเกือบตายอยู่ที่นี่ !
มู่เวยเวยอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด และพูดอย่างเบาๆว่า ” ซินโยว คฤหาสน์เย่ไม่เพียงมีแต่สระว่ายน้ำ ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาเธอไปชมที่อื่นต่อนะ ”
เมื่อได้ยิน เฉียวซินโยวก็สนใจและพยักหน้า พร้อมพูดอย่างสบายๆว่า ” ได้ งั้นพวกเราไปกันเถอะ ”
ริมสระทางด้านตะวันตก มีสวนเล็กๆที่ในนั้นเต็มไปด้วยดอกโบตั๋น ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่น และก็มาศาลาเล็กๆตั้งอยู่กลางสวน
มู่เวยเวยจับมือเฉียวซินโยว สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพร้อมพูดว่า “ พวกเราไปที่ศาลากันเถอะ “
เฉียวซินโยวกำลังจะพูด ทันใดนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นบางอย่างเข้า ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และพูดเบาๆว่า ” ไปกันเถอะ ”
โต๊ะหินกลมวางอยู่ตรงกลางศา มีเก้าอี้หินรายล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน
เมื่อมู่เวยเวยกำลังจะนั่ง ก็ถูกเฉียวซินโยวดึงไว้ เธอกระซิบเบาๆว่า ” ฉันเบื่อที่นี่แล้ว พวกเราเปลี่ยนที่กันเถอะ ”
มู่เวยเวยไม่คิดอะไร และนั่งลงไปยังที่ของเธอ
เฉียวซินโยวมองไปที่เธอ และพูดเสียงดังว่า ” เวยเวย ลู่จื่อหางมาหาฉัน ”
เมื่อได้ยินเธอเอ่ยชื่อ มู่เวยเวยก็ขมวดคิ้วและพูดอย่างเรียบเฉยว่า ” เขามาหาเธอทำไม ? ”
” เขาบอกว่ายังชอบเธออยู่ อยากแต่งงานกับเธอ เขายังอยากเป็นเพื่อนกับเธอ ” เฉียวซินโยวยิ้มอย่างมีเลศนัย และพูดเบาๆ
มู่เวยเวยมีสีหน้าที่เศร้าลง และพูดว่า ” ที่จริงแล้วพวกเรา…..”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เฉียวซินโยวพูดแทรกขึ้นมาว่า ฉันรู้สึกได้ว่าเขาเสียใจมาก เขาพูดกับฉันว่า ถ้าหากว่าเธอไม่แต่งงานกับคุณชายเย่ ตอนนี้เธอก็กลายเป็นคนของเขาไปแล้ว ไม่แน่พวกเธออาจจะมีลูกกันแล้วด้วยซ้ำ !
มู่เวยเวยขมวดคิ้วขึ้น เธอไม่อยากฟังอีกต่อไป เมื่อเธอกำลังจะพูดแต่ก็ถูกเฉียวซินโยวขัดจังหวะ ” แต่เวยเวยเธอไม่จำเป็นต้องสนใจ ถึงแม่เธอทั้งสองจะเคยอยู่ด้วยกันมาก่อน แต่ว่าตอนนี้เธอก็แต่งงานกับคุณชายเย่แล้ว เธอไม่ต้องสนใจคำพูดของลู่หรอก !”
มู่เวยเวยก้มหัวลง และพูดด้วยความหนักใจว่า ” ฉันรู้แล้ว ”
นับตั้งแต่ลู่จื่อหางทรยศเธอ เธอก็มีแต่ความเจ็บปวดสำหรับเขา ไม่มีความรัก เมื่อรู้ว่าเขาส่งเธอให้ขึ้นเตียงกับคนอื่น เธอก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรกับเขาอีกแล้ว !
เพราะว่าเขาไม่คู่ควร !
เฉียวซินโยวมองไปที่เธอด้วยควมกังวล และพูดเบาๆว่า ” เวยเวย ลืมลู่จื่อหางไปเถอะ เธอดูสิว่าประธานเย่ดีกับเธอขนาดไหน ฉันยังอิจฉาเธอเลย ”
” อิจฉาเหรอ ? ” มู่เวยเวยมีสีหน้าที่ขมขื่นและดูผิดหวัง เธอพูดว่า ” มีบางอย่างที่เธอไม่รู้ ฉันอยากจะกลับไปตอนเป็นเด็ก มีพ่อแม่และพี่ชายอยู่เคียงข้างฉัน แต่ฉันรู้ดีว่าทุกอย่างย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว…..”
เฉียวซินโยวจับมือเธอในใจเต็มไปด้วยความเย็นชา และพูดอย่างเบาๆว่า “ วางใจเถอะ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น !”
ในเมื่อเธอไม่ชอบชีวิตแบบนี้ งั้นก็ยกให้ฉันเถอะ เฉียวซินโยวคิดเหน็บแนม
มู่เวยเวยพยักหน้าอย่างแรง ในใจรู้สึกสงบลง ” เธอต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ทุกอย่างในชีวิตจะต้องดีขึ้น !
” เวยเวย พวกเราไปดูที่อื่นกันเถอะ ” เฉียวซินโยวแนะนำเธออย่างตื่นเต้น
มู่เวยเวยลุกขึ้น ทั้งสองกำลังจะจากไป
เมื่อเงาของทั้งสองคนหายไป ร่างสูงก็โผล่ออกมาจากสวนดอกไม้ ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งของเขานั้นเป็นประกาย
เมื่อมู่เวยเวยส่งเฉียวซินโยวกลับ เธอก็กลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดด้วยแรงมหาศาลจนเกือบทำให้ประตูพัง
มองไปที่เย่ฉ่าวเฉินที่เดินเข้ามาช้าๆ ใจของมู่เวยเวยก็สั่น เธอสัมผัสได้ถึงความโกรธบนใบหน้าของเขา
มู่เวยเวยตกใจ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ และถามออกไปด้วยความประหลาดใจว่า “คุณแอบฟังบทสนทนาของพวกเราเหรอ ? ”