จากนั้น เย่ฉ่าวเฉินก็มองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา
นัยตาของมู่เวยเวยดูว่างเปล่า เธอจ้องมองไปที่ชายตรงหน้า เขาคือคนที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วย ตอนนี้เธอได้รู้แล้วว่าชายคนนี้แท้จริงก็คือ ปีศาจนี่เอง
“ทำไมคุณถึงอยากแต่งงานกับฉัน ?” มู่เวยเวยเอ่ยปากถาม หลายวันที่ผ่านมาเธอไม่เข้าใจเลย ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เขาปฏิบัติกับเธอ มันยิ่งทำให้เธอไม่เข้าใจ
เย่ฉ่าวเฉินชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นความมืดมนก็ครอบคลุมตัวเขาดวงตาเขาสั่นเทา “อยากรู้ใช่ไหม?ฉันจะบอกให้ ที่ฉันแต่งงานกับเธอก็เพราะว่าฉันจะทรมานเธอไง”
มู่เวยเวยตกตะลึง “เพราะอะไร” ?
“ก็ถามมู่เทียนเย่ดูสิ ! “เย่ฉ่าวเฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
มู่เวยเวยยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ แค่เพราะไม่พอใจพี่ชาย ? ถ้างั้นทำไมถึงต้องแต่งงานกับเธอด้วย ?
ขณะที่มู่เวยเวยกำลังคิดอยู่นั้น เย่ฉ่าวเฉินก็ก้มหัวลงมากระซิบที่ข้างหูเธอว่า “ถ้าหากว่าเธอนอนลงที่โซฟามองฉันด้วยสายตาที่เย้ายวน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าจะทำอีกครั้ง !”
ในขณะที่พูด เขาก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย ตอนนี้ตระหนักได้ถึงสัมผัสที่อบอุ่นจากด้านหน้าของเขา
มู่เวยเวยลุกขึ้นนั่งบนโซฟาจัดชุดแต่งงานของเธอ ขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง
เมื่อเห็นเช่นนั้น เย่ฉ่าวเฉินยิ้มเยาะออกมา ” มีอะไรที่ต้องปิด ”
คิดถึงเรื่องเมื่อครู่ หน้าของมู่เวยเวยก็แดงไปถึงหู เธอกัดริมฝีปาก แย้งขึ้นมาว่า “คุณอย่ามารังแกฉันตามอำเภอใจนะ” !
“ไม่ได้หรอ ? หึ !” เย่ฉ่าวเฉินพูดดูถูก” บอกฉันมาเถอะ คุณว่าที่ภรรยา เธอมอบครั้งแรกของเธอให้กับผู้ชายคนไหน ?”
“ฉัน…..”มู่เวยเวยรู้สึกกระอักกระอ่วน
ครั้งแรกของเธอ เธอไม่รู้จริงๆว่าเป็นใคร เหมือนจะชื่อคุณชายหนานกงรึเปล่านะ ?
ยังไงก็ตาม คืนนั้นมันมืดเกินไป เธอเลยไม่เห็นหน้าของชายคนนั้น
เมื่อเห็นมู่เวยเวยไม่ยอมปริปาก เย่ฉ่าวเฉินแสดงสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา “ฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้หรอกว่าใครเป็นคนแรกของเธอ และฉันก็ไม่สนด้วยว่าเธอจะผ่านมาแล้วกี่คน แต่ตอนนี้ เธอต้องจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เมื่องานแต่งเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ เธอห้ามทำให้ฉันขายหน้าเป็นอันขาด !”
หลังจากเย่ฉ่าวเฉินพูดจบ เธอก็มายืนอยู่ข้างๆเขาแล้ว มู่เวยเวยโดนเขาดูถูก เธอยืนกัดฟันนิ่งไม่ยอมขยับไปไหน
เธออยากให้คนอื่นเห็นเธอในสภาพนี้รึไง ? เมื่อเห็นมู่เวยเวยยืนนิ่ง เขาจึงลากเธอมาหน้ากระจก
เมื่อเธอมองเข้าไปในกระจก เธอก็ตกตะลึง ผู้หญิงในกระจกสวมชุดแต่งงานสีขาวมีร่องรอยอยู่เต็มใบหน้าลำคอและแขนของเธออย่างเห็นได้ชัด
มู่เวยเวยหน้าแดงขึ้นมา และพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณ…..คุณออกไปก่อน ฉันจะจัดการตัวเอง !”
“ไม่เห็นมีอะไรน่ามองเลย รีบหน่อยนะ ฉันไม่มีเวลาแล้ว” เย่ฉ่าวเฉินพูดพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือของเขา
มู่เวยเวยรู้สึกอาย แต่เมื่อชายคนนี้ไม่ยอมออกไป เธอจึงต้องจำใจถอดชุดแต่งงานและเช็ดร่องรอยพวกนั้นต่อหน้าเขาอย่างไม่มีทางเลือก เธอหยิบรองพื้นมาทาปกปิดร่องรอยพวกนั้นไว้ ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย
มู่เวยเวยหันไปมองเย่ฉ่าวเฉิน ก็พบว่าเขานั้นมองเธออย่างไม่วางตา
” เธอ….. ”
เรือนร่างของเธอช่างมีเสน่ห์เย้ายวนใจ เย่ฉ่าวเฉินพูดพร้อมมองด้วยแววตาที่หลงใหล
“….. “สีหน้าของมู่เวยเวยแดงระเรื่อยขึ้นด้วยความอาย