” เธอจะไปไหน ”
มู่เวยเวยคิดอยู่พักหนึ่งแล้วตอบกลับอย่างนิ่งๆว่า ” ฉันจะกลับตระกูลเย่ ”
“เธอทำเรื่องต่ำช้าน่ารังเกียจแบบนี้แล้ว ยังจะกล้ากลับไปตระกูลเย่อีกหรอ? ! “เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างประชดประชันด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “เธออยากไปไหนก็ไป แต่อย่าคิดเลยว่าจะได้กลับไปอยู่ที่บ้านตระกลูเย่! ”
มู่เวยเวยอึ้งไปเลย และค่อยๆหลบตาแล้วพยายามทำเหมือนไม่เสียใจจากนั้นพูดขึ้นว่า “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ”
“ฉ่าวเฉิน คุณไม่ให้เวยเวยกลับตระกลูเย่ แล้วเธอจะไปอยู่ไหนหล่ะ? เฉียวซินโยวถามขึ้นอย่างกังวล
“เธอทำให้คุณบาดเจ็บมากขนาดนี้ ฉันทำแบบนี้กับเธอก็ถือว่าดีมากแล้ว! ” เย่ฉ่าวเฉินจ้องเธอและพูดอย่างไม่แยแส
มู่เวยเวยไม่มีท่าทีใดๆ และพูดอย่างนิ่งๆว่า “ซินโยว เธอพักผ่อนเถอะ แล้วพรุ่งฉันจะมาเยี่ยมเธอใหม่ ”
มู่เวยเวยหันหลังออกจากห้องไปแล้วค่อยๆปิดประตูอย่างเบามือ ในขณะที่เธอไม่ทันสังเกต เฉียวซินโยวมองไปที่เธอและยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ
มู่เวยเวย เธอแพ้แน่ ฉันเคยบอกแล้วว่าฉันนี่แหละจะทำให้เธอออกจากตระกลูเย่ด้วยน้ำมือของฉันเอง!
แต่ว่าเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบก็มีแค่เธอที่แสดง!
……
บนถนนอันกว้างใหญ่ มองดูรถที่กำลังวิ่งไปมา ช่างเป็นบรรยากาศที่ครึกครื้นจริงๆ มู่เวยเวยรู้สึกวิงเวียนมึนๆ และหนาวสั่นไปทั้งตัว เธอนั่งลงที่ม้านั่งข้างถนนด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอคิดว่าก็สมควรแล้วที่เธอจะได้รับแบบนี้ ก็เธอทำให้ซินโยวบาดเจ็บนี่ ถึงแม้ว่าเย่ฉ่าวเฉินจะไล่เธอออกจากบ้าน แต่ความรู้สึกผิดในใจของเธอก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้แต่นิด
ในเมื่อเรื่องนี้เป็นความผิดของเธอ เธอก็จะรับผิดชอบเอง
ซินโยวอยากให้เธอออกจากชีวิตเย่ฉ่าวเฉินไม่ใช่หรอ? พรุ่งนี้เธอจะไปพูดกับเขาให้ชัดเจน เธอจะหย่ากับเย่ฉ่าวเฉิน
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ไม่นานพระอาทิตย์ก็ตกดิน บรรยากาศบนถนนที่เต็มไปด้วยความคึกครื้นก็ค่อยๆเงียบสงบลง อากาศก็เริ่มเย็น บนตัวของเธอใส่เพียงชุดเดรสบางๆ และเธอก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน ทำให้เธอหนาวสั่นไปทั้งตัว
เธอนั่งกอดเข่าเอาไว้ ใบหน้าก็เธอกระทบติดกับหัวเข่าของเธอ น้ำตาเม็ดใสใสของเธอก็ค่อยๆไหลริน
ไมรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ในขณะที่เธอกำลังใจลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทันใดนั้นเธอก็เห็นแสงส่องจ้ามาตรงใบหน้าก็เธอ เขารับรู้ได้ว่าเธอหนาวสั่นไปทั้งตัว เขาจึงรีบถอดเสื้อมาคลุมตัวเธอเอาไว้ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นหวง ” เวยเวย เธอเป็นไงบ้าง ”
มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันหล่อเหลาของคนตรงหน้า เธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างฟูมฟายและเสียงของเธอแหบไปหมด เธอพูดขึ้นอย่างเสียงแหบ ” หนานกง……”
หนานกงเฮ่าแตะไปที่หน้าผากของเธอแล้วรีบอุ้มเธอขึ้นรถไปนั่งในตำแหน่งข้างคนขับ และเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและอบอุ่น ” เวยเวย อดทนไว้นะ ฉันจะพาเธอไปส่งที่บ้านเดี๋ยวนี้ ”
มู่เวยเวยพยักหน้า แต่เธอไม่สามารถห้ามน้ำตาของเธอไม่ให้ไหลได้
ขอบคุณนะ หนานกง
เธอมองไปที่ใบหน้าของเขา มู่เวยเวยรู้สึกว่าหนังตาของเธอเหนื่อยหล้ามากๆ แล้วเธอก็ฝืนต่อไปไม่ไหวและสลบไปในที่สุด ก่อนที่เธอจะสลบหนานกงเฮ่าได้ยินเสียงแผ่วๆออกจากปากเธอ
เหนื่อยมากเลย
หนานกงเฮ่ามองไปที่เวยเวยที่ยังนอนสลบอยู่ เขาก็รีบเหยียบคันเร่งและออกรถไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลับถึงบ้าน หนานกงเฮ่าอุ้มเธอไปนอนบนเตียงอย่างเบามือ และมองไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอที่เต็มไปด้วยสีแดงเข้มผิดปกติ เขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงและกดโทรออกทันที
” ฮัลโหล ”
“หลิวเฮ่าหยาน ตอนนี้รีบมาหาฉันหน่อย ด่วนเลยนะ! ”
“คุณได้รับบาดเจ็บหรอ ”
” ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นอีอี ”
“อ้อ โอเค ฉันรู้แล้ว เป็นผู้หญิงของคุณ ได้ รอสิบนาทีนะ ”
” โอเค ”
เขาวางสายอย่างรีบร้อน หนานกงเฮ่ามองไปที่เธอด้วยสีหน้าเป็นห่วงแล้วตะโกนว่า “ตู้เหิง ไปเตรียมน้ำร้อนและผ้าเช็ดหน้ามาเร็วเข้า! ”
หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มรูปหล่อในชุดสบายๆก็เดินเข้ามาจากประตูโดยถือกล่องยาสีขาวเอาไว้ในมือ เขาเป็นหมอส่วนตัวของหนานกงเฮ่านั้นเอง
” เฮ่าหยาน รีบไปดูเวยเวยเร็ว เหมือนเธอจะมีไข้สูง! หนานกงเฮ่าพูดด้วยหน้าตากังวล
หลิวเฮ่าหยานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก่อนเขามีผู้หญิงเยอะแยะมากมายแต่ไม่เคยเห็นเขาเป็นห่วงใครมากขนาดนี้เลย? ถึงเขาจะมีอาการตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ลืมที่จะมองไปที่มู่เวยเวยและทำการตรวจเธออย่างรวดเร็ว
” เฮ่า ทำไมนานนายถึงทำกับสาวน้อยคนสวยแบบนี้? โหดจริงๆ “หลิวเฮ่าหยานยิ้มมุมปากและมองไปที่มู่เวยเวยอย่างเห็นใจ
” ไมใช่ฉัน นายรีบพูดมาเถอะว่าเธอเป็นอะไร? ” หนานกงเฮ่าพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เป็นกังวล
” เธอมีแผลที่มือขวาและศรีษะ ตอนนี้เหมือนพึ่งจะตกสะเก็ด และเธอยังมีอาการเลือดจางและร่างกายขาดน้ำอีกด้วย แล้วตอนนี้ก็กำลังมีไข้สูง…… “หลิวเฮ่าหยานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นเรื่อยๆ
“เชี่ย!!! ” หนานกงเฮ่าด่าออกมาอย่างดุเดือดทำ ทำให้ความโกรธในตัวเขาประทุออกมาอย่างรุนแรง
เย่ฉ่าวเฉิน นี่คุณดูแลมู่เวยเวยอย่างงี้หรอ! คุณไม่รักษาเขาเอง ถ้าฉันแย่งเธอกลับมาก็อย่ามาโทษฉันหล่ะ!
” นายอย่ากังวลไปเลย ” หลิวเฮ่าหยานสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของเขาจึงรีบพูดขึ้น “ฉันจะรีบจัดยาบรรเทาอาการและยาบำรุงให้กับเธอ ร่างกายเธอแย่มาก เธอต้องการพักผ่อน ”
หนานกงเฮ่าพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วพูดว่า ” โอเค ”
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น หนานกงเฮ่าให้ตู้เหิงส่งหลิวเฮ่าหยานกลับบ้าน ส่วนตัวเขานั้นก็อยู่แดแลมู่เวยเวยข้างกายโดยไม่ห่างไปไหนเลย
“เวยเวย เธอรีบฟื้นขึ้นมาสิ เธอต้องรีบฟื้นนะ……”
……
ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ มู่เวยเวยค่อยๆลืมตาขึ้น มองไปรอบห้องเธอรู้สึกว่าที่นี่คุ้นตามากๆ และจำได้คับคล้ายคับคาเหมือนว่าเมื่อคืนเธอเจอหนานกงเฮ่า ที่นี่คงเป็นคฤหาสน์ของหนานกงเฮ่า
เธอค่อยๆลุกออกจากเตียงอย่างยากลำบาก ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา เธอเห็นใบหน้าของคนตรงหน้าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยนอย่างหนานกงเฮ่า พอเห็นว่าเธอฟื้นแล้ว เขาเองก็โล่งอกไปทีและพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน ” ลุกขึ้นทำไม? จะทำอะไรเดี๋ยวฉันทำให้ คุณหมอบอกว่าเธอไม่ควรขยับตัวมาก รีบกลับไปนอนเร็ว
มู่เวยเวยแสดงออกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ และค่อยๆพูดว่า “ฉันไม่เป็นไร”
” ยังไงก็ไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้เธอไม่ควรขยับร่างกายมาก “หนานกงเฮ่าพูดอย่างอ่อนโยน แต่ก็แฝงไปด้วยความจริงใจ
มู่เวยเวยทำได้เพียงหยักหน้า และกลับไปนอนที่เดิม และเธอพึ่งเห็นว่าในมือเขาถือโจ๊กร้อนๆเข้ามา ในใจก็อบอุ่นขึ้นมากๆ
” ตอนนี้ร่างกายเธออ่อนแอมาก กินได้เพียงอาหารอ่อนๆ โจ๊กนี้ฉันให้หลิวหม่าเคี่ยวนานกว่าหนึ่งชั่วโมงรับรองว่าอ่อนแน่นอน ตอนนี้ยังร้อนๆอยู่เธอรีบกินเร็ว ”
พอพูดจบเขาก็ใช้ช้อนคนๆโจ๊ก และป้อนเข้าปากเธอ
มู่เวยเวยหน้าแดงเล็กน้อย และค่อยๆพูดว่า ” เดี๋ยวฉันกินเอง ”
“มือของเธอเจ็บอยู่ อย่าดื้อหน่า ”
พอมู่เวยเวยได้ยินประโยคหลัง เธอก็คัดจมูกขึ้นมาทันที เธอพยายามกลั้นน้ำตาของเธอเอาไว้ไม่ให้ไหล และค่อยๆกลืนโจ๊กที่เขาป้อนให้ลงท้องไป
” หนานกง ขอบคุณมากนะ ” มู่เวยเวยมองหน้าอันหล่อเหลาของคนตรงหน้าและพูดขึ้นด้วยความรู้สึกขอบคุณ
ในขณะที่หนานกงเฮ่าป้อนโจ๊กให้มู่เวยเวย ในแววตาของเขาก็เป็นประกายแล้วพูดขึ้นว่า ” ถ้าเธออยากขอบคุณฉันจริงๆก็มาอยู่ข้างๆฉันสิ……”
มู่เวยเวยอึ้งไปเล็กน้อย หน้าก็ค่อยๆแดง และก็ไม่รู้จะตอบคำถามเขายังไงดี
น้ำตาของเธอค่อยๆไหล เธอรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกค่อยๆก้มหน้าลงแล้วพูดว่า ” หนานกง อย่าดีกับฉันมากขนาดนี้เลย มันไม่คุ้มค่าหรอก ”
” คุ้มสิ ” หนานกงจับมือซ้ายของเธอที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น ” ถึงแม้ว่าเธอจะจำไม่ได้ แต่ฉันจำได้ทุกเรื่องนะ ”
” จำอะไรได้? ”
” ไม่มีอะไรหรอก รีบกินโจ๊กเถอะเดี๋ยวจะเย็น ”
“อือ ”
หลังจากกินเสร็จ มู่เวยเวยบอกว่าเธอจะไปโรงพยาบาลสักหน่อย แต่หนานกงเฮ่าเป็นห่วงเธอจึงไม่ตกลง มู่เวยเวยจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้หนานกงเฮ่าฟัง และเอาแต่โทษตัวเอง
พอหนานกงเฮ่าฟังที่เธอเล่าจนจบ เขาเชื่อว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ บวกกับเขาคิดว่าซินโยวเป็นคนเจ้าเล่ห์เขาคิดว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด
สุดท้ายหนานกงเฮ่าก็พ่ายแพ้ให้กับความนุ่นนวลของเธอก็พูดได้เพียงว่า ” งั้นเดี๋ยวฉันจะไปส่งเอง ”
มู่เวยเวยส่ายหัว เธอคิดถึงเรื่องราวในวันนี้ที่เขากับเย่ฉ่าวเฉินมีเรื่องกัน เธอเกรงว่าอาจจะเกิดเรื่องอีก จึงพูดขึ้นว่า ” ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้ ”
” แต่ว่าร่างกายของเธอ…..”
มู่เวยเวยฉีกยิ้มแล้วค่อยๆพูดว่า ” ไม่เป็นอะไรมากหรอก ”
หนานกงเฮ่าได้แต่พยักหน้าแล้วพูดว่า ” ที่นี่หารถไปยาก เดี๋ยวฉันให้คนไปส่งก็แล้วกัน ”
มู่เวยเวยก็รู้สึกแบบนั้นจึงตอบว่า ” โอเค ”
พอขึ้นรถของหนานกงเฮ่าแล้วเธอก็ตรงไปโรงพยาบาลใจกลางเมืองเลย เธอแวะซื้อผลไม้จากชั้นล่างก่อนจากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปเยี่ยมเฉียวซินโยวที่ห้องผู้ป่วย เธอแอบส่องตรงกระจกหน้าห้อง เห็นเฉียวซินโยวกำลังอ่านหนังสือเล่นเย่ฉ่าวเฉินไม่ได้อยู่ในห้อง
เวยเวยค่อยๆเปิดประตูและเดินไปข้างเตียงของเธอ เอาผลไม้วางไว้บนหัวเตียง แล้วพูดขึ้นอย่างเป็นมิตร ” ซินโยบาย วันนี้ดีขึ้นบ้างมั้ย ”
เฉียวซินโยวเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าหมองแล้วพูดขึ้นว่า “ก็ไม่แย่ เมื่อคืน……เธอไปนอนที่ไหน? ”
มู่เวยเวยอึ้งไปเล็กน้อย หยุดคิดไปชั่วขณะและรีบตอบว่า “ฉันก็นอนโรงแรมแถวนี้นั่นแหละ ”
เฉียวซินโยวมองหน้าเธอแล้วทำท่าครุ่นคิดพร้อมกับยิ้มมุมปากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน “แล้ววันข้างหน้าเธอจะเอายังไง?ยังจะอยู่บ้านตระกูลเย่ต่อไปอีกหรอ? ”
สีหน้ามู่เวยเวยเปลี่ยนไปทันที เขารับรู้ได้ถึงน้ำเสียงแดกดันของเธอ ยังไงสะเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเธอ เธอจึงตอบกลับว่า “ฉันจะคิดหาวิธีเอง ”
“เธอยังอยากอยู่บ้านตระกูลเย่อยู่อีกหรอ ” เฉียวซินโยวขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงที่ยิ่งตรอกย้ำเข้าไปอีก
มู่เวยเวยอึ้งไปและกำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่ก็ถูกเฉียวซินโยวขัดจังหวะขึ้นมาสะก่อน
เฉียวซินโยวจ้องเธอด้วยสายตาดุร้าย ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความร้ายกาจ เธอยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย ” ดูเหมือนว่าบทเรียนในครั้งนี้ยังไม่พอสินะ มู่เวยเวย เธอคิดว่าเธอจะเอาชนะฉันได้งั้นหรอ ฝันไปเถอะ! ”
ใบหน้าของมู่เวยเวยซีดไปหมด เธอพูดเสี่ยงสั่นว่า ” ซินโยว อย่าเป็นแบบนี้เลย ที่ฉันมาในครั้งนี้ก็เพื่อ……”
” เธอไม่มีวันเอาชนะฉันได้! “เฉียวซินโยวพูดอย่างนิ่งๆ จากนั้นใช้มือปัดผลไม้ที่เธอซื้อมาลงพื้นเต็มไปหมด พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตรอกย้ำ ” มู่เวยเวย เธอน่ารู้ดีที่สุดนะว่าวันนั้นฉันตกบันไดมาได้ยังไง? ”
” ฉันรู้…… ” มู่เวยเวยกัดริมฝีปากแน่นและพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
ฉันรู้ว่าเป็นความผิดของฉัน
“หยุดเสแสร้งได้แล้ว! ” เฉียวซินโยวพูดอย่างเย็นชา ” ฉ่าวเฉินไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นน่าเห็นใจหรอก! ”
มู่เวยเวยกัดริมฝีปากแน่น น้ำตาเม็ดใสๆค่อยๆไหลออกจากตาของเธอพร้อมกลับค่อยๆพัดว่า ” ฉันไม่ได้เสแสร้ง ฉันรุ้สึกผิดจริงๆ ”
” เหอะเหอะ เธอคิดว่าทำตัวน่าสงสาน ฉ่าวเฉินก็จะให้เธอกลับไปอยู่บ้านตระกูลเย่ใช่มั้ย? ฝันไปเถอะ! ยังไงสะเป้าหมายของฉันก็สำเร็จแล้ว ฉันจะบอกความจริงให้เอาบุญแล้วกันนะ คนที่ผลักฉันตกบันไดไม่ใช่เธอหรอก ” เฉียวซินโยวพุดด้วยสายตาเยาะเย้ยและน้ำเสียงของเขาเลวร้ายมาก
มู่เวยเวยอึ้งไปเลยแล้วถามขึ้นอย่างนิ่งว่า ” หมายความว่าไง ”
เฉียวซินโยวอามือกอดอกแล้วพูดอย่าสะใจด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า ” จริงๆแล้วฉันตั้งใจตกบันไดลงมาเอง ”
มู่เวยเวยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า และจ้องมองไปที่ใบหน้าเธอจากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เหลืออดจริงๆ ” ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ”
เฉียวซินโยวกระตุกยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า ” ก็เป็นเพราะว่าฉันอยากให้เย่ฉ่าวเฉินโกรธเธอจากนั้นก็เฉดหัวเธอออกจากบ้านไปไงล่ะ! ”
มู่เวยเวยสั่นสะท้านทันที หูอื้ออึงไปหมดแล้วเธอก็พูดขึ้นด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ ” เพื่อให้ฉันโดนไล่ออกจากบ้าน เธอถึงกลับกล้าเอาชีวิตของตัวเองมาล้อเล่นเลยหรอ? เฉียวซินโยว เธอมันบ้าไปแล้วจริงๆ! ”
เฉียวซินโยวหัวเราะเหยาะๆ ” ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอก ฉันได้วางแผนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ”
” ต้องวางแผนมาก่อนหน้านี้แล้วงั้นหรอ? ”
” ถูกต้อง! ”
มู่เวยเวยกำหมัดไว้แน่นราวกับว่ากำลังกลั้นความรู้สึกโกรธเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์ เธอรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวและหัวใจ เรี่ยวแรงที่เธอมีก็หมดไปทันที
เหมือนกับว่าจะยังไม่สะใจ เฉียวซินโยวยังคงพูดจาโหดเหี้ยมต่อว่า ” เธอบอกว่าฉันบ้า ที่ฉันต้องบ้าก็เป็นเพราะเธอนั่นแหละ บอกกับเธอดีๆเธอก็ไม่ฟัง ฉันเลยต้องวางแผนนิดหน่อย ”
เธอทำแบบนี้ได้ยังไง! เฉียวซินโยว ทำเหมือนฉันเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลย เธอคงสะใจมากสินะ? ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เห็นฉันเป็นเพื่อน แต่ฉันก็ไม่มีเคยทำร้ายเธอเลย ตอนเธอวางแผนจัดการฉันเธอคิดถึงความรู้สึกฉันบ้างมั้ยว่าฉันจะเสียใจมากขนาดไหน?
มู่เวยเวยรู้สึกว่าหัวใจเธอแตกสลายหมดแล้ว เหมือนมีมีดมาปักลงที่ใจเธอแล้วทิ้งรอยแผลเป็นแสนเจ็บปวดไว้ในใจเธอยังไงยังงั้น
เฉียวซินโยวกำลังจะตอบโต้ แต่ประตูกลับเปิดออกเธอมองเห็นเป็นเงาของเย่ฉ่าวเฉิน
เขารีบทำตัวน่าสงสารขึ้นมาทันที และพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสารว่า ” เวยเวย เธออย่าโกรธไปเลยนะ เป็นความผิดของฉันเอง เธอจะด่าจะว่าจะตีฉันยังไงก็ได้ แต่อย่าให้เย่ฉ่าวเฉินได้ยินนะ เดี๋ยวเขาจะโกรธเอา! ”
มองใบหน้าของเขาที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนี้ มู่เวยเวยรู้สึกน่าสมเพชมากแล้วก็พูดอย่างเย็นชาว่า ” อย่าทำหน้าทำตาน่ารังเกียจอย่างนี้เลย ฉัน — ”
‘เพี้ยะ–! ‘
มู่เวยเวยตกใจมาก เห็นใบหน้าเย็นชาของเย่ฉ่าวเฉินอยู่ตรงหน้า และได้ยินเสียงอันน่ากลัวว่า ” มู่เวยเวย เธอต่างหากที่น่าขยะแขยง! ”
ลูบแก้มซ้ายที่เจ็บแดงไปทั้งแก้ม ใจของเธอเจ็บปวดและอ้างว้างนี่มันสามครั้งแล้ว
ครั้งแรกคือเฉียวซินโยบาย และสองครั้งหลังมาจากเย่ฉ่าวเฉิน เธอรู้สึกสิ่งที่ถูกทำลายไม่ใช่ศักดิ์ แต่เป็นจิตวิญญาณที่ยังมีชีวิตของเธอ
ทำได้ดีมาก ตบสองสามครั้งนี้ทำให้เธอได้สติ และตัดสินใจจะสลัดความเจ็บปวดในอดีตออกไป
” คงตบคนจนตัวเป็นนิสัยแล้วใช่มั้ย? ” มู่เวยเวยยิ้มมุมปากอย่างไม่เกรงกลัว แล้วค่อยๆเช็ดเลือดที่มุมปากของเธอเบาๆ
” ฉันมันร้ายกาจ เลว โหดเหี้ยม งูพิษ ยังคำเปรียบเทียบที่เหมาะสมมากกว่านี้อีกมั้ยคะ คุณเย่” มู่เวยเวยมองไปที่ใบหน้าของเขาอย่างไร้ความรู้สึก ” ใช่ ฉันมันเลว ฉันมันหน้าหนา ”
ใบหน้าก็เย่ฉ่าวเฉินเต็มไปด้วยความเศร้ามอง และเขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย จากคำพูดของเธอเขารู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตของเขากำลังจะมีของสำคัญบางอย่างที่กำลังจะหายไป แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
เมื่อเทียบกับนางฟ้าอย่างคุณเฉียวแล้ว ฉันมันก็คือนางแม่มดดีๆนี่เอง! ” มู่เวยเวยกระตุกยิ้มอย่างไร้ความรู้สึก แล้วพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณเย่ก็รีบๆหย่ากับนางมารร้ายคนนี้สะทีเถอะ ”