” อะไรนะ? ”
เย่ฉ่าวเฉินอึ้งไปเลย แล้วถามขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
มู่เวยเวยกางมือออกแล้วพูดซ้ำอย่างช้าๆอีกครั้ง ” เย่ฉ่าวเฉิน เราหย่ากันเถอะ ”
ใบหน้าของเฉียวซินโยวแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอดีใจสุด ในที่สุดเธอก็ชนะ ชัยชนะนี้เป็นของเธอ
สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินมึนงงไปหมด ดวงตาสีน้ำเงินของเขาจ้องมองไปที่เธอ เขาสังเกตุเห็นถึงท่าทีของเธอที่นิ่งมาก ราวกับว่าไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ทำให้ในใจของเขายิ่งรู้สึกไม่พอใจมากกว่าเดิม
เขาทำไมต้องไม่พอใจด้วย?
เมื่อวานเขายังอยากให้เธอหายไปต่อหน้าต่อตาเขาอยู่เลยไม่ใช่หรอ?
เธอร้ายกาจขนาดนี้ ยังจะลังเลอะไรอีก?
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพอเขาได้ยินคำว่า ” หย่า ” ออกจากปากเธอ ในใจของเขากลับรู้สึกโกรธมาก มันเหมือนกับว่า……ไม่เต็มใจ
ใช่ เขาไม่เต็มใจ!
ยัยผู้หญิงคนนี่นิ กล้าดียังไงพูดก่อนฉัน?
เธอมีสิทธิ์อะไรในการขอหย่าก่อน!
คำว่าหย่า ควรเป็นเขาต่างหากที่เป็นคนพูดไม่ใช่หรอ!
เธอมีสิทธิ์อะไรมาขอหย่ากับฉัน? เธอก็แค่ของเล่นที่ฉันซื้อมาด้วยเงิน ขนาดฉันยังไม่พูดเรื่องนี้เลย แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้? ” เย่ฉ่าวเฉินโกรธจนเลือดขึ้นหน้า น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นราวกับยมทูตในนรก
มู่เวยเวยยังคงทำหน้านิ่งแล้วพูดอย่างใจเย็น ” หรือว่าฉันควรจะพูดแบบนี้ คุณเย่ค่ะ ปลดฉันออกจากตำแหน่งเถอะค่ะ ”
” เธอฝันไปเถอะ ”
เมื่อเย่ฉ่าวเฉินพูดประโยคนี้ออกมา ต่างคนก็ต่างอึ้งกันหมด
เฉียวซินโยวกังวลแทบแย่ เธอไม่รู้ว่าแผนการของเธอมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่เธอก็ยั่วยุให้เขาทั้งสองทะเลาะกันได้แล้ว มู่เวยเวยเองก็ขอหย่าตามที่เธอต้องการ แต่เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเย่ฉ่าวเฉินถึงไม่ยอมหย่า มันเป็นเพราะอะไรกันแน่?
เย่ฉ่าวเฉินอาจจะแผนการอื่น หรือว่า……เขาอาลัยอาวรณ์เธอ?
มู่เวยเวยรู้สึกโกรธมาก ก็ตั้งแต่แต่งงานกันมาเย่ฉ่าวเฉินก็รังเกียจเธอมาโดยตลอด อีกทั้งยังดูถูกเธอต่างๆนาๆ เขายังทรมานเธอไม่พออีกหรอ?
ก็เป็นไปได้ ในเมื่อเขายังหาพี่ชายเธอไม่เจอ เขาจะปล่อยเธอไปง่ายๆได้ยังไงกัน?
เฉียวซินโยวใช้เล็บขูดเข้าไปในเนื้อของตัวเอง แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด รู้สึกเพียงว่าใจของเธอมันเจ็บเหมือนโดนไฟเผาไปทั้งใจ
เธอพยายามซ่อนความรู้สึกเอาไว้ และพูดออกมาอย่างหน้าตายิ้มแย้ม “ฉ่าวเฉิน อย่าพูดจากับเวยเวยแบบนี้สิ มีอะไรก็พูดกันดีๆ!
ใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินดีขึ้นมากๆ แล้วหันไปพูดกับเวยเวยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ” เธอยังยืนอยู่ทำไมอีก รอให้ฉันเชิญเธอออกไปรึยังไงกัน? ”
มู่เวยเวยตอบกลับด้วยทีท่าไม่สนใจว่า ” งั้นฉันก็จะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอของทั้งสองคน ”
พอพูดจบเธอค่อยๆเปิดประตูออกแล้วก็เดินออกไป และเธอก็คิดขึ้นได้เลยกระตุกยิ้มแล้วหันหลังกลับไปมองไปที่เฉียวซินโยวจากนั้นค่อยๆพูดว่า “คุณเฉียวคะ เป้าหมายของคุณกำลังจะสำเร็จแล้วนะคะ ”
เฉียวซินโยนสตั้นเล็กน้อยแล้วตอบกลับอย่างนิ่งๆว่า ” ฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดเรื่องอะไร ”
เมื่อวานตอนที่คุณอยู่ในห้องผ่าตัด คุณเย่เซ็นรับรองการผ่าตัดให้คุณในฐานะแฟน ฉันเชื่อว่าพวกคุณจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันในอีกไม่ช้า ”
พอพูดจบเธอก็ปิดระตูห้องทันที
เฉียวซินโยวที่รู้สึกใจหานในตอนแรก ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที ดีใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว
อย่างน้อย ฉ่าวเฉินก็ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลย
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้ว เขาไม่รู้จริงๆว่าทำไมจู่ๆเธอถึงได้พูดเรื่องนั้น ก็เหมือนกับว่าเขาก็ไม่รู้จริงๆว่าทำไมเมื่อกี้เขาถึงโกรธมากขนาดนั้น
มู่เวยเวยที่พึ่งเดินออกจากโรงพยาบาล และไม่รู้ว่าจะไปไหน ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงบีบแตรดังขึ้น เธอหันไปมอง ปรากฏว่าเป็นหนานกงเฮ่า!
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?
เขามารอนานแค่ไหนแล้ว?
พอมานั่งข้างคนขับ มองไปที่หน้าอันหล่อเหลาของเขา เธอก็รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยและสบายใจขึ้นมากๆ จากนั้นค่อยๆพูดว่า “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ”
” ฉันตามเธอมาตลอดนั่นแหละ ”
มู่เวยเวยเบิกตากว้าด้วยความตกใจ และถามอย่างไม่น่าเชื่อว่า “คุณหมายถึงตั้งแต่คุณให้คนมาส่งฉัน คุณก็ตามอยู่ข้างหลังตลอดเลยหรอ?
หนานกงเฮ่าพยักหน้าเบาๆ
มู่เวยเวยรู้สึกจุกอยู่ที่อก แล้วค่อยๆพูดขึ้นว่า “ฉันไม่มีค่าพอที่คุณจะทำแบบนี้ ”
หนานกงเฮ่ารีบใช้มือไปปิดปากของเธอไว้ แล้วค่อยๆฉีกยิ้มออก ” ไม่มีใคร มีค่ามากไปกว่าเธออีกแล้ว ”
มู่เวยเวยถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอปวดหัวมากๆจึงไม่อยากถามอะไรเขาต่อ เธอต้องจัดการปัญหาของเธอในตอนนี้ก่อนว่าเธอจะไปอยู่ที่ไหน จะอยู่บ้านหนานกงเฮ่าอย่างนี้ต่อไปก็ดูไม่ค่อยดีนัก
พอกลับถึงคฤหาสน์ของหนานกงเฮ่า มู่เวยเวยก็ขึ้นห้องทิ้งตัวลงนอนทันที เมื่อกี้ยังไม่ปวดหัวมากขนาดนี้ พอทิ้งตัวลงนอนเธอกลับวิงเวียนและปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิดยังไงยังงั้นเลย
หนานกงเฮ่ารู้สึกได้ว่าเธอไม่สบาย ก็เลยรีบโทรหาหลิวเฮ่าหยานทันที
“เฮ่าหยาน ตอนนี้เวยเวยรู้สึกเวียนหัวมาก เธอเป็นอะไรกันแน่? ”
พอหลิวเฮ่าหยานรับสาย ก็วางงานในมือลงทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ” นายต้องพยายามควบคุมอารมณ์ของเธออย่าให้อารมณ์เธอแปรปรวนมากเกินไป เดี๋ยวฉันจะจ่ายยาบำรุงให้เธอ คุณช่วยส่งคนมารับที”
หนานกงเฮ่ารู้สึกโล่งอกไปที แล้วพูดขึ้นอย่างจริง ” โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ต่อไปฉันจะดูแลเธอมากกว่านี้ ฉันจะส่งคนไปรับยามาเดี๋ยวนี้ ”
“ตู้เหิง ! ”
ประตุถูกเปิดออก ตู้เหิงค่อยๆเดินมาหาหนานกงเฮ่าและพูดขึ้นอย่างอ่อนน้อมว่า ” ท่านเรียกหาผมหรือครับ? ”
“นายไปหาคุณหมอหลิวเฮ่าหยานแล้วไปมาเอายามาให้ฉันโดยเร็วที่สุด ”
“ครับ ”
พอตู้เหิงออกไปแล้ว เขาหันกลับไปมองมู่เวยเวย ก็เห็นเธอนอนนิ่งอยู่ตรงของเตียง เรารู้สึกแปลกๆจึงรีบเดินเข้าไปดูเธอใกล้ๆ
เมื่อเขารู้ว่ามู่เวยเวยยังหายใจอยู่เขาก็รู้สึกโล่งอกไปที มองดูหน้าตาน่ารักของเธอที่กลังนอนอยู่เขาก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขแล้วกระซิบข้างหูเธอว่า “ยัยหมูน้อยขี้เซา ”
ทันใดนั้นมู่เวยเวยก็พลิกตัวกลับมา หนานกงเฮ่าก็ก้มลงไปที่หน้าผากเธอ และหอมเธออย่างทะนุทะนอน
……
มู่เวยเวยที่กำลังสะลึมสะลือ. ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ดังมากจนเธอลำคาน เธอจึงทำได้เพียงลืมตาตื่นขึ้นมาดู
สายเรียกเข้าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย
มู่เวยเวยคิดว่าอาจจะเป็นสายที่โทรมาก่อกวนจึงตัดสายทิ้ง หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง
มู่เวยเวยถอนหายใจ และสุดท้ายเธอก็กดปุ่มรับสาย
” ฮัลโหล? ”
“ทำไมพึ่งรับสาย! ”
เสียงผู้ชายที่คุ้นเคยดังขึ้น มู่เวยเวยอึ้งไปเล็กน้อย และพูดอย่างเย็นชาว่า ” คุณเย่ ดึกขนาดนี้แล้วโทรหาฉันมีอะไรรึป่าวคะ? ”
” ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ”
มู่เวยเวยยกยิ้มมุมปากและพูดอย่างนิ่งๆว่า “ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย? ฉันจะอยู่ที่ไหนมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ”
เย่ฉ่าวเฉินพอได้ยินน้ำเสียงสบายๆของมู่เวยเวย หัวใจของเขารู้สึกเจ็บแปลบๆ และเขาก็พูดต่ออย่างเยือกเย็น ” ฉันแค่อยากแน่ใจว่าเธอตายรึยัง! ”
” ตอนนี้คุณก็รู้แล้วสินะ งั้นฉันวางสายก่อนนะ ”
” เดี๋ยวก่อน –”
มู่เวยเวยแสดงออกอย่างเบื่อหนาว หัวใจของเธอหดหู่มากๆ แล้วเธอก็ค่อยๆพูดขึ้นอย่างรีบร้อน ” ยังมีเรื่องอะไรอีก? ”
เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนอันกว้างใหญ่นอกหน้าต่าง ทำให้ในใจของเขารู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว และเขาก็ค่อยๆพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมองว่า ” พรุ่งนี้ไปทำงานที่บริษัทด้วย ”
มู่เวยเวยมองไปที่เพดานห้องอย่างเหลือเชื่อ แล้วพูดอย่างนิ่งว่า ” ฉันรู้แล้ว ”
เธอรีบวางสายโทรศัพท์ เธอไม่มีกระจิตกระใจที่จะนอนต่อ เธอจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เธอมองแสงสีอันสวยงามนอกหน้าต่าง ใจของเธอก็ค่อยๆรู้สึกสงบลง
มู่เวยเวย เธอต้องเข้มแข็งนะ มีทางนี้ทางเดียวที่เธอจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไป
……
ในห้องที่เป็นที่เหลืองอมส้ม และมีผ้าโปร่งสีทึบปกคลุมอยู่ด้านนอกอีกที และบนเตียงนั้นมีร่างสูงยาวของคนขี้เกียจอยู่
หนานกงเฮ่าโยนนิตยสารในมือออก และเอามือท้าวคางเหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ทันใดนั้นเอง เสียงสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เขาเหลือบไปดูหมายเลขสายเรียกเข้า จากนั้นกดรับทันที
” คุณเฉียว โทรมาดึกขนาดนี้มีอะไรรึป่าว? ”
ปลายสายเป็นเสียงที่อ่อนหวานของเฉียวซินโยว เธอตั้งใจใช้น้ำเสียงที่ที่จริงจัง ” หนานกงเฮ่า วันนี้เวยเวยอยู่กับคุณที่นั่นใช่มั้ย? ”
ที่เธอถามแบบนี้เพราะในวันนั้นที่เกิดเรื่องและเย่ฉ่าวเฉินไล่มู่เวยเวยออกจากบ้านเธอได้โทรบอกให้หนานกงเฮ่าไปรับมู่เวยเวยเอง
” อือ ” หนานกงเฮ่ายอมรับ
เฉียวซินโยวมองไปที่เพดานอย่างเบื่อหนาย เธอรู้สึกไม่ค่อยพอใจ น้ำเสียงของเธอหงุดหงิดเล็กน้อย ” คุณต้องเกลี้ยกล่อมให้มู่เวยเวยหย่ากับเน่ฉ่าวเฉินให้เร็วที่สุด ฉันกังวลว่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ”
หนานกงเฮ่าขมวดคิ้วแล้วถามว่า ” เกิดอะไรขึ้น? ”
เดิมทีตามแผนที่เราวางไว้ เย่ฉ่าวเฉินไล่มู่เวยเวยออกจากบ้านเพื่อฉัน และฉันบอกความจริงกับมู่เวยเวยแล้ว มู่เวยเวยเองก็ขอหย่ากับเย่ฉ่าวเฉินแล้ว แต่ว่า…… ”
“แต่ว่าอะไร? ”
เฉียวซินโยวส่ายหัวอย่างหงุดหงุดแล้วพูดต่อว่า ” แต่ว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่ยอมหย่า คุณคิดว่าทำไมฉ่าวเฉินถึงทำแบบนี้ คงไม่ใช่ว่าเขารู้สึกดีกับมู่เวยเวยไปแล้วนะ? ”
หนานกงเฮ่าครุ่นคิดและพูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมว่า “เป็นไปไม่ได้หรอก”
” ทำไมคุณถึงมั่นใจขนาดนี้? ”
” ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอ เวยเวยได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้คงเป็นฝีมือเธอสินะ? ” เสียงของหนานกงเฮ่าแดกดันและคมชัดไม่เหมือนกับปกติที่อ่อนโยนและสง่า
เฉียวซินโยวรู้ดีว่าผู่ชายคนนี้ต่อหน้าถึงจะดูอ่อนโยนและนุ่มนนวล แต่ในความเป็นจริงแล้วโหดเหี้ยมไม่น้อย แต่ตอนนี้เขาสองคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว เธอก็ไม่อยากทำให้เขาโกรธ
ถ้าหากว่าเขาแพล่งพลายเรื่องนี้ออกไป เกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ
” ไม่ใช่ฉัน! ” เฉียวซินโยวแสร้งทำเป็นรู้สึกและพูดขึ้นทันทีว่า ” ฉันก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวจะทำร้ายเธอได้หนักขนาดนั้นเลยหรอ? คุณคิดว่าเป็นไปได้หรอ? ”
ถึงเธอจะเคยทำร้านเวยเวย. แต่เธอคงไม่เคยทำร้ายร่างกายของเธอ
หนานกงเฮ่าครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นว่า ” ก็ขอให้ไม่ใช่เธอนะ ไม่งั้นเธอก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ”
” ฉันรู้อยู่แล้วหน่า ” เฉียววินโยวพูดออกมาอย่างโล่งอก ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาเกลียดชัง มู่เวยเวยนางอสรพิษ โชคดีจังนะ แต่งงานกับเย่ฉ่าวเฉิน กลับทำใหเหนานกงเฮ่าหลงจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้ได้!
เฉียวซินโยวกำลังบ่นอยู่ทันใดนั้น หนานกงเฮ่าก็พูดขึ้นว่า “เย่ฉ่าวเฉินกับเวยเวยรักกันไม่ได้แน่นอน ”
” เพราะอะไร ”
หนานกงเฮ่ายิ้มมุมปากแล้วค่อยๆพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ” เพราะว่าระหว่างเขาสองคนมีเรื่องบาดหมางที่รุนแรงมาก ”
เย่ฉ่าวเฉินและพี่ชายของมู่เวยเวยมีเรื่องบาดหมางกันรุนแรงมาก แค่เหตุผลนี้เหตุผลเดียวเขาทั้งสองก็ไม่อาจรักกันได้แล้ว!
เกลียดเท่านั้น!
” แล้วเราจะทำยังไงต่อไปกันดี ”
“ต่อไป เธอต้องหาปัญหาระหว่างเขาทั้งสองให้เจอ และใช้มันให้เป็นประโยชน์ ”
เฉียวซินโยวพยักหน้า เธอเองก็คิดว่าความคิดนี้ไม่เลว เธอยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า ” ฉันเข้าใจแล้ว ”
“อือ ”
ในรุ่งเช้านาฬิกาปลุกบนหัวเตียงดังขึ้น มู่เวยเวยค่อยๆลืมตาเหลือบไปมองนาฬิกาเหมือนกับทุกวัน แล้วค่อยๆลุกออกจากเตียง
เข้าไปในห้องน้ำ ใช้น้ำอุ่นๆล้างหน้า หลังจากนั้นก็กลับห้องนอนก็พบว่ามีคนอยู่ในห้อง
” ฮาย ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจัง? ” หนานกงเฮ่าพูดขึ้นด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม
มู่เวยเวยคิดถึงเรื่องที่คุยโทรศัพท์เมื่อวาน แล้วพูดอย่างนิ่งว่า ” ฉันกำลังเตรียมตัวจะไปบริษัทน่ะ ”
พอได้ยินประโยคนั้น ใบหน้าของหนานกงเฮ่าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที น้ำเสียงของเขาดูเหมือนเขาจะรู้สึกขัดใจเล็กน้อย ” เวยเวย คุณหมอหลิวบอกแล้วนะว่าร่างกายของเธออ่อนแอ หากไม่พักผ่อนให้เพียงพอ อาจจะส่งผลต่อคุณในภายหลังได้ ”
ที่จริงแล้วหลิวเฮ่าหยานไม่ได้พูดแบบนั้นหรอก แต่ว่าร่างกายของมู่เวยเวยอ่อนแอเป็นเรื่องจริง ไม่ได้โกหก
มู่เวยเวยอึ้งไปเล็กน้อย แล้วค่อยๆพูดขึ้นด้วยหน้าตายิ้มแย้ม “ร่างกายของฉันเป็นยังไงฉันรู้ดี แต่ยังไงสะวันนี้ฉันก็ต้องไปทำงานที่บริษัท ”
สีหน้าของหนานกงเฮ่าบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ” เธออยากกลับไปอยู่ข้างๆเขามากขนาดนั้นเลยหรอ เขาทำร้ายเธอถึงขนาดนี้แล้ว เธอไม่รู้สึกอะไรเลยใช่มั้ย? ”
เขาไม่เข้าใจเลย ทั้งๆที่เย่ฉ่าวเฉินทำร้ายเธอสารพัด แต่ทำไมเธอถึงยังอยากกลับไปอยู่ข้างๆเย่ฉ่าวเฉิน แต่กับเขา เขาทำดีกับเธอแทบตาย แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดเธอได้
ฟ้าลิขิตมาให้เป็นแบบนี้หรอ?
มู่เวยเวยทำหน้าตกใจ เธอสัมผัสได้ว่าเขาเริ่มรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย แต่เธอไม่รู้จะพูดปลอบเขายังไงดี ได้แต่พูดว่า ” ที่ฉันกลับไปทำงานไม่ใช่เพราะเขา แต่ฉันทำเพื่อตัวเอง ฉันเพียงอยากรักษางานของฉันไว้ ”
หนานกงเฮ่าขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า ” ถ้าเป็นเพราะเรื่องงานจริงๆ ฉันสามารถช่วยหางานใหม่ที่ดีกว่าเดิมและได้เงินมากกว่าเดิมให้เธอได้ ทำไทเธอต้องกลับไปทำที่เย่ฮวางด้วย? ”
มู่เวยเวยสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที และพูดขึ้นอย่างจริงจัง ” หนานกง งานดีๆแยะแยะก็จริง แต่ว่าเวลาและโอกาสไม่ได้มีมาบ่อยๆ แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้เลือกงานที่เงินเดือน ฉันเลือกงานที่เหมาะกับฉัน นายรู้มั้ย? ความฝันของฉันคือเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าที่ดีและยอดเยี่ยม”
พอได้ยินเธอพูดแบบนั้น หนานกงเฮ่าก็รู้เลยว่าไม่ควรบังคับเธอมากเกินไป ไม่งั้นจำทำให้เธอห่างจากเป้าหมายของเขามากขึ้นเรื่อย
เขาจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เข้าใจมู่เวยเวยว่า ” ฉันเข้าใจเธอ ถ้างั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จฉันจะส่งเธอไปบริษัทเอง ”
มู่เวยเวยหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้นด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มว่า ” หนานกงเฮ่า ขอบคุณมากนะ ”
หนานกงเฮ่าส่ายหัว แล้วเอามือลูปผมเธออย่างเบามือ และพูดขึ้นอย่าอ่อนโยนว่า “ยัยบื่อ อย่าทำตัวห่างเหินกับฉันขนาดนี้สิ ”
มู่เวยเวยหน้าแดงต่อการกระทำที่เขาทำ จากนั้นก็ค่อยๆถอยหลังสองก้าว แล้วพูดขึ้นว่า ” ช่วงเวลาที่ผ่านมารบกวนคุณมากแล้ว ฉันจะย้ายออกไปให้เร็วที่สุดนะ ”
มู่เวยเวยพูดอย่างจริงใจ แต่หนานกงเฮ่ากลับไม่รู้สึกยังงั้น
เขาขมวดคิ้วและทำหน้าตาจริงจัง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงของเขาไม่พอใจ ” เธอจะย้ายออก?”