มู่เวยเวยพยักหน้าเบาๆแล้วพูดนิ่งว่า ” ขอบคุณมากที่ดูแลฉัน ถ้าฉันอยู่ที่นี่มันดูไม่ดี ”
หนานกงเฮ่าหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วพูดอย่างนิ่งว่า ” เธอจะย้ายไปอยู่ไหน ”
มู่เวยเวยหยุดคิดไปชั่วขณะ “โรงแรม หรือไม่ก็บ้านเช่า ยังไงสะที่อยู่มีเยอะอยู่แล้วแหละ”
“อยู่ที่นี่เธอกลัวเย่ฉ่าวเฉินเข้าใจผิดหรอ? ” หนานกงเฮ่าถามอย่างไม่พอใจ
มู่เวยเวยไม่เข้าใจว่าเขาต้องการสื่ออะไร เธอรู้เพียงความหมายของคำถาม และเธอก็ค่อยๆพยักหน้าแล้วพูดว่า “ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดมันเป็นไม่ดี ”
เธอพึ่งจะพูดจบ หนานกงเฮ่าก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าและใช้มือจับไหล่เธอแล้วถามว่า ” เพราะอะไร? เธอคิดว่าอยู่ที่นี่มันลำบากหรอ เธอถึงอยากกลับไปหาเย่ฉ่าวเฉิน? ”
มู่เวยเวยตกใจกับการกระทำของเขา เธอรีบส่ายหัวแล้วพูดว่า ” ไม่ใช่อย่างนั้น คุณฟังฉันก่อน– ”
ในใจของหนานกงเอ่าเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เขารู้สึกเพียงว่าเจ็บไปทั้งใจ ทำให้เขาในตอนนี้อยากพูดทุกอย่างออกมา เขาเพียงแค่อยากให้เธออยู่กับเขา! เขาต้องทำให้เธออยู่กับเขาให้ได้!
เมื่อผู้ชายขาดสติไปแล้วก็จะพูดอะไรออกมาโดยไม่ได้คิด
” ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไม เวยเวย เย่เฉ่าเฉินไล่เธออกจากบ้านเพราะเขาเลือกเฉียวซินโยว ทำไมเธอถึงยังอยากกลับไปอยู่บ้านหลังนั้นอีก?”
ในใจของเขสคิดว่าที่มู่เวยเวยอยากออกจากบ้านไปไม่ใช่เพราะเกรงใจเขา แต่เธออยากกลับไปอยู่บ้านตระกูลเย่ เธออยากกลับไปอยู่ข้างๆเย่ฉ่าวเฉิน
เมื่อเขาพูดจบ มู่เวยเวยก็รู้สึกประหลาดใจและถามเขาไปตรงๆว่า ” คุณรู้ได้ยังไงว่าเย่ฉ่าวเฉินไล่ฉันออกจากบ้านเพราะเฉียวซินโยว ”
เย่ฉ่าวเฉินบอกเขางั้นหรอ?
หนานกงเฮ่าอึ้งไปชั่วขณะ เขาได้ใช้สมองอันชาญฉลาดของเขาและกระแอมสองทีแล้วค่อยตอบอย่างนิ่งๆว่า”เธอลืมไปแล้วหรอว่าความสัมพันธ์ของฉันกับเย่ฉ่าวเฉินเราเป็นอะไรกันก็ต้องเป็นเขาบอกกับฉันอยู่แล้วสิ ”
ได้ยินเขาพูดอย่างนั้น ความสงสัยในใจของมู่เวยเวยก้หายไปทันที มิน่าล่ะเมื่อสองวันก่อนจู่ๆหนานกงเฮ่าก็มาหาเธอที่ข้างถนนนั้นได้ ที่แท้ก็เป็นอย่างงั้นนี่เอง
เธอลองคิดเปรียบเทียบในใจ เธอรู้สึกว่าหนานกงเฮ่าก็เหมือนอัศวินที่ขี่ม้าขาวมาช่วยหญิงสาวที่ตกทุกข์ยากลำบาก แต่เย่ฉ่าวเฉินคือปีศาจที่โหดเหี้ยม
เมื่อเห็นว่ามู่เวยเวยทำหน้าอึ้ง หนานกงเฮ่าก็รู้สึกใจไม่ดี และรีบถามเธอทันทีว่า “เวยเวย เธอไม่เชื่อฉันหรอ? ”
เวยเวยเมื่อได้สติก็รีบส่ายหัวอย่างไว แล้วค่อยๆพูดว่า ” ฉันก็ต้องเชื่อคุณอยู่แล้วสิ ”
พอได้ยินคำตอบของเธอ หนานกงเอ่าก็รู้สึกโล่งอกไปที เขารีบฉีกยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยนว่า ” ฉันให้หลิวหม่าเตรียมโจ๊กแล้วก็ผัดผักอีกสองสามอย่างไว้ให้ เธอรีบลงไปชิมดูเถอะ ฝีมือของหลิวหม่าดีมากเลยนะ! ”
เมื่อเผชิญกับคำเชิญที่แสนอบอุ่นของเขา มู่เวยเวยก็ไม่อยากให้เขาเสียน้ำใจจึงค่อยๆพูดว่า ” ได้เลย ”
นั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร อาหารวันนี้รถชาติยังคงจืดชืดเหมือนเดิม เธอรู้ดีว่าเขาตั้งใจทำเพื่อเธอ ในใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
หนานกงเฮ่าคีบอาหารให้เธอไม่หยุด และพูดกับเธอเสมอว่ากินเยอะหน่อย เขามองหน้าสุดสวยของเธอและลองถามขึ้นว่า ” เธอชอบฉ่าวเฉินใช่มั้ย? ”
“หื้ม? ”
ไม่ควรถามแบบนี้สินะ พวกเธอแต่งงานกันก็ต้องมีความรู้สึกดีๆให้กันอยู่แล้ว ฉันคงถามมากไปเอง “หนานกงเฮ่าก้มหัวลงและกินอาหารต่อ แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอชอบเย่ฉ่าวเฉิน?
พูดเป็นเล่นไป เธอจะกล้าชอบเขางั้นหรอ?
“ความรักของเราสองคนไม่ได้มีพื้นฐานมาจากความรัก มากสุดก็แค่คนใช้ชีวิตร่วมกัน ” มู่เวยเวยพูดด้วยท่าทีนิ่ง
อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ เธอถือว่าหนานกงเฮ่าเป็นคนที่เธอสนิทไปแล้ว คนสนิมที่เธอกล้าพูดกล้าทำทุกอย่างต่อหน้าเขา
“อ้อ? “หนานกงเฮ่าเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัยและค่อยๆถาม “แล้วคุณจะใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดไปหรอ เวยเวย เชื่อฉันเถอะ ชีวิตแบบนี้ไม่ทำให้เธอมีความสุขหรอก ”
“ฉัน……” มู่เวยเวยครุ่นคิด เธอตัดสินใจพูดไปตามจริง “เพราะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ทำให้ฉันตัดสินใจกำลังจะตัดขาดกับเขา ”
หนานกงเฮ่ารู้สึกดีใจมาก แต่เขาแสดงออกด้วยท่าทีนิ่งๆ แต่เสียงเขาสั่นเล็กน้อย ” เธอตัดสินใจจะหย่ากับเย่ฉ่าวเฉินจริงๆหรอ? ”
“อือ ”
” ไม่เสียใจที่หลังแน่นะ? ”
มู่เวยเวยส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “มีอะไรน่าเสียใจ? จริงๆแล้วการแต่งงานในครั้งนี้มันผิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ”
หนานกงเฮ่าดีใจมาก เมื่อได้ยินเธอพุดแบบนั้น เขาก็ไม่มีอะไรจะพูด
ขอแค่เวยเวยเต็มใจที่จะเย่กับเย่ฉ่าวเฉิน เขามั่นใจว่าจำให้การหย่าร้างเกิดขึ้นมาจริงๆได้
” เธอเองก้อย่ากดดันตัวเองเกินไป ถึงแม้อยากหย่าก็ต้องลองไป
คุยกับเย่ฉ่าวเฉืนดีๆก่อน ในใจฉันไม่อยากให้ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดนทำร้าย ” หนานกงเฮ่ายิ้มและพูดเกลี้ยกล่อมเธอ
มู่เวยเวยหยักหน้าแล้วพูดว่า ” ฉันรู้แล้ว ”
หลังจากกินข้าวเสร็จ หนานกงเฮ่าขับรถไปส่งมู่เวยเวยที่เย่ฮวางอินเตอร์เนชชั้นนอลกรุ๊ปด้วยตัวเอง และเขากล่าวลากันนั้นๆ มุ่เวยเวยก้เดินขึ้นตึกไป
เฉียวซินยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ดังนั้นเธอยังคงพักผ่อนอยู่ที่โรงพยาบาล นี่ก็คือสิ่งที่มู่เวยเวยรู้สึกว่าดีแล้ว เพราะตั้งแต่ที่เธอเห็นธาตุแท้ของเฉีบวซินโยวแล้วเธอก็ไม่รู้ว่าถ้าเจอหน้าเธอ เธอจะทำตัวยังไง
มู่เวยเวยไม่อยากเจอเขา นี่เป็นเรื่องจริง
มู่เวยเวยเปิดคอมพิวเตอร์ เธอวางแผนว่าจะดูแบบการออกแบบสะหน่อย แล้วลงมือออกแบบงานใหม่
และในขณะนั้นเอง โทรศัพท์ในกระเป๋าเธอก็มีสายเรียกเข้า หลังจากเห็นหมายเลขโทรศัพท์ เธอก็ขมวดคิ้วทันที และคิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจรับสาย
“ฮัลโหล? ”
” ตอนนี้รีบมาที่ห้องทำงานฉันด่วน ” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆและตัดสายไปอย่างรวดเร็ว
มู่เวยเวยมองไปที่โทรศัพท์อย่างอึ้งๆ เธอคิดในใจเขาคงไม่ได้จะไล่เธอออกหรอกมั้ง?
จากนั้นเขาก็คิดว่าถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่เลวนะ การแต่งงานที่สุดแสนจะแย่ของพวกเขาจะได้จบลงสะที
……
เย่ฉ่าวเฉินนั่งเฉยๆอยู่บนโซฟา ในมือของเขาถือบุหรี่อยู่ มีควันสีขาวคลุ้งปกปิดทั่วใบหน้าของเขาไปหมด
“สืบได้รึยัง ”
จางเห่อยืนอยู่ตรงหน้าเขา ด้วยท่าทีที่นิ่งสงบและพุดขึ้นด้วยความเคารพว่า” สองสามวันมานี้คุณหนูไม่ได้นอนที่โรงแรมแต่เธอพักอยู่ที่บ้านหนานกงเฮ่าครับ วันนี้รถที่มาส่งคุณหนู ก็เป็นเฟอร์รารารี่คันใหม่ของหนานกงเฮ่าครับ ”
เขาดูดบุหรี่ไปหนึ่งที ควันสีขาวฟุ้งเต็มหน้าเขาไปหมด ได้ยินเพียงน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองว่า ” รู้แล้ว ออกไปได้แล้ว ”
จางเห่อโค้งรับคำ และตอบว่า ” ครับ ”
จางเห่อก้าวขาไปเปิดประตูและกำลังจะออกไป แต่ประตูห้องทำงานกลับถูกเปิดออกสะก่อน เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือใคร เขาทักทายด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ” คุณหนู ”
มู่เวยเวยพยักหน้ารับ และเดินเข้าไปในห้องทำงาน ประตูถูกปิดจากคนข้างหลัง
มองไปที่เย่ฉ่าวเฉินที่เหมือนถูกก้อนเมฆกลืนกินไปแล้ว มู่เวยเวยถามขึ้นด้วยท่าทีนิ่งๆ ” คุณเรียกหาฉันมีเรื่องอะไร? ”
เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆดับไฟที่ก้นบุหรี่เบาๆ แล้วค่อยโยนบุหรี่ทิ้งไปในถังทิ้งบุหรี่ และเขาก็ค่อยๆถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ” เมื่อคืนเธอนอนที่ไหน? ”
มู่เวยเวยตกใจเล็กน้อยกับคำถามและท่าทีของเขา แต่เธอก็ได้สติอย่างรวดเร็สแล้วตอบกลับไปอย่างนิ่งๆว่า ” ฉันนอนโรงแรม ”
เธอกล้าโกหกเขา?
” โรงแรมไหน? ”
มู่เวยเวยแค่พูดขึ้นมั่วๆ ไม่คิดว่าเขาจะถามต่อ เธอจึงรีบตอบกลับว่า ” ฉันจะนอนโรงแรมไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ? ”
เขาเป็นไล่เธอไปเอง ตอนนี้ทำไมต้องทำมาเป็นอยากรู้ด้วย?
เย่ฉ่าวเฉินลุกขึ้น แล้วเดินตรงไปที่เธอ จากนั้นใช้มือเชยคางเธอขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจมาก ” ถ้าเธอนอนโรงแรมจริงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน แต่นี่เธอไปนอนบ้านหนานกงเฮ่ามันเกี่ยวกับฉันเต็มๆ! ”
มู่เวยเวยอึ้งไปเล็กน้อย แต่เธอก็สะบัดหน้าออกจากมือเขาสุดแรง จากนั้นก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วพูดขึ้นอย่านิ่งๆว่า ” ถึงจะเป็นยังงั้น ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเย่นะคะ ถ้าคุณว่างมาก ก็เอาเวลาไปใส่ใจเฉียวซินโยวที่นอนติดเตียงอยู่ตอนนี้จะดีกว่า! ”
เย่ฉ่าวเฉินคิดไม่ถึงเลยว่าไม่ได้เจอเธอแค่สองสามวัน เธอจะกลายเป็นคนที่ฟันคมปากคล่องมากขนาดนี้
แต่ว่าถึงจะเป็นเช่นนี้ เขาก็จะหาวิธีถอดเคี้ยวของเธอให้ได้
” ตอนนี้เธอควรห่วงตัวเองก่อน! ”
เย่ฉ่าวเฉินพูดอย่างเฉยชา ” มู่เวยเวย เธออย่าลืมนะว่าเธอยังไม่ได้หย่ากับฉัน เธอกล้าสวมเขาให้ฉัน เธอทำแบบนี้ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาบ้างหรอ? ”
เมื่อได้ยินคำพูดที่คมชัดของเย่ฉ่าวเฉิน มู่เวยเวยสั่นสะท้านไปทั้งตัว และเธอก็ตั้งใจที่จะยิ้มเยาะเขาแล้วพูดออกมาอย่างเฉยเมยว่า ” ถ้าจะพูดถึงเรื่องการสวมเขา ฉันอยากจะถามคุณเย่ว่า คุณสวมเขาให้ฉันได้ แต่กลับไปให้ฉันเลียนแบบงั้นหรอ? ”
เย่ฉ่าวเฉินหรี่ตาลง เขารู้สึกถึงความโกรธที่รุนแรงของเธอ แล้วเขาก็ถามเบาๆ ” เลียนแบบ? ”
ม่เวยเวยหัวเราแห้ง และตอบกลับอย่างเย็นชา ” ฉันเห็นนะว่าเมื่อวานก่อนตอนเช้าตรู่เฉียวซินโยวมาเดินออกจากห้องของคุณ! ถ้าจะพูดถึงการสวมเขา ฉันมันก็แค่มือสมัครเล่น
เย่ฉ่าวเฉินขมวคิ้ว และทำหน้าตาหน้ากลัวพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงดุร้าย ” เพราะแบบนี้ใช่มั้ยเธอก็เลยผลักซินโยวตกบันได? ”
มู่เวยเวยยิ้มเยอะเย้ยและพูดอย่างไม่เยแส “ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้ทำคุณจะเชื่อมั้ย? ”
“ไม่ได้ทำ? ” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยันที่มุมปากของเขา แล้วพูดอย่างเยือกเย็น “วันก่อนเธอเป็นคนยอมรับเองว่าเธอเป็นคนทำ แต่ตอนนี้เธอกลับบอกว่าไม่ได้ทำ? ”
มู่เวยเวยโกรธเล็กน้อย เธอรู้ว่าว่าไอ้ซื่อบื่อนี่ต้องโทษว่าเป็นความผิดของเธออยู่แล้ว และเธอก็ไม่อยากอธิบายอะไรมากไปกว่านี้ เธอไม่ได้คาดหวังให้ชายคนนี้เชื่อเธออยู่แล้ว และไม่ได้คาดหวังด้วยว่าเขาจะเห็นธาตุแท้ของเฉียวซินโยว
แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการ
” ไม่ว่าฉันจะใช่คนทำหรือไม่ใช่ คุณก็คิดว่าฉันเป็นคนทำอยู่ดี “มู่เวยเวยพูดอย่างเย็นชา ” แต่ว่ามีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ถึงเวลาต้องจัดการให้เรียบร้อยสักที ”
” เรื่องอะไร? ”
“หย่า ”
ท่าทางของเย่ฉ่าวเฉินโกรธมาก และในแววตาสีน้ำเงินของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ แล้วเขาก็จับคางของเธอแน่ และพูดขึ้นอย่างเย็นชาและไร้มนุษยธรรมว่า ” มู่เวยเวย เธอขอหย่ากับฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหตุผลจริงๆของเธอคืออะไร? ”
” ฉันก็แค่เคลียร์ที่ว่างให้กับคุณ ”
มู่เวยเวยอดทนต่อความเจ็บที่คางของเธออย่างสุดฤทธิ์แล้วตอบกลับเขาอย่างเฉยเมย
เย่ฉ่าวเฉินสบถออกมาเล็กน้อย แล้วค่อยๆเอาหน้าเข้าไปใกล้ที่หูของเธอ และพูดใส่หูของเธอ ” เธอใจดีขนาดนั้นเชียวหรอ? ฉันอยากรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอ ”
ลมหายใจอุ่นๆของเขาข้างหู ทำให้เธอตัวสั่นไปหมด และเธอพยายามจัดการกับความรู้สุกของเธอแล้วค่อยๆพูดขึ้นว่า “นี่แหละจุดประสงที่แท้จริงของฉัน ”
เธออยากที่จะจบปัญหาความขัดแย้งระหว่างเธอกับเฉียวซินโยวจริงๆ เพราะตอนนี้เธอเหนื่อยมาก เธอยอมแพ้เพื่อแลกกับชีวิตที่สงบสุขของเธอ
” ฉันคิดว่าเธอน่าจะอยากไปอยู่กับหนานกงเฮ่ามากกว่ามั้ง! “เย่เฉ่าเฉินพูดออกมาอย่างเย็นชา เขาพยายามระงับความโกรธของเขาเอาไว้แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล
ตอนนี้เขาอยากทำลายทุกสิ่งให้หมดสิ้นไป!
“คุณอย่าพูดมั่วๆ! ” มู่เวยเวยด้วยอารมณ์แต่ท่าทางเธอนิ่งมาก แล้วพูดต่อว่า ” หนานกงเฮ่าไม่ได้เลวอย่างที่คุณคิด! ”
ถึงยังไงเขาก็เคยช่วยเธอไว้หลายครั้ง อย่างน้อยก็อย่างดีกว่าผู้ชายคนนี้ที่คอยเอาแต่ทำร้ายเธอเสมอ!น่าจะพูดว่า เย่ฉ่าวเฉินเทียบเขาไม่ได้เลยสักนิดจะดีกว่า
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ผู้หญิงคนหนึ่งจะพูดถึงชายคนอื่นต่อหน้าเขา อีกทั้งยังเอาเขาไปเปรียบเทียบกับผู้ชายคนอื่น และยิ่งไปกว่านั่นยังชมว่าผู้ชายอื่นดีกว่าเขาต่อหน้า ความโกรธในครั้งนี้เขาสุดจะทนแล้วจริงๆ