” ผู้หญิงมักจะมองแคบเกินไป ตราบใดที่เธอยังเป็นภรรยาแห่งตระกูลเย่ คนอื่นๆก็ไม่ได้มีค่าอะไรหรอกนะ ผู้ชายก็แบบนี้แหละชอบเล่นๆเป็นธรรมดา พอเล่นเสร็จยังไงก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้ว เธอก็แค่ทำหน้าที่ภรรยาให้ดีก็พอ เรื่องอื่นๆก็หลับตาข้างหนึ่งก็โอเคแล้ว! ”
มู่เวยเวยรู้สึกโกรธมากในใจเธอไม่เห็นด้วยกับการ ‘ พูดโน้มน้าว’ ของคุณลุง
ผู้ชายมีสิทธิ์อะไรที่จะมีบ้านเล็กบ้านน้อยได้ แล้วผู้หญิงต้องทำเป็นหูหนวกตาบอดมองไม่เห็นด้วย
แต่ว่าเธอก็ไม่อยากเถียงอะไรกับเขา ถึงเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
” เวยเวย ฉันพูดไปเยอะขนาดนี้แล้ว เธอฟังเข้าใจรึยัง? ”
มู่เวยเวยยิ้มแล้วมองไปที่เขาด้วยสีหน้าจริงแล้วพูดขึ้นว่า ” คุณลุง ฉันมีคำถามจะถามหน่อย? ”
” คำถามอะไร? ”
” ถ้าหากว่าวันหนึ่งอี้เหยาแต่งงานไป แล้วมีปัญหาแบบนี้ คุณลุงก็จะพูดแบบนี้ให้อี้เหยาฟังด้วยรึป่าว? ”
มู่จางรุ่นหน้าชาไปเลย ในของของเขารู้สึกถึงประหลาดใจถึงการเปลี่ยนไปของมู่เวยเวย ถ้าเป็นแต่ก่อนเธอไม่กล้าพูดจาแบบนี้ออกมาหรอก
มู่เวยเวยยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาแล้วค่อยๆพูดอย่างนิ่งๆว่า ” คุณลุง ฉันมีธุระต่อฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ”
มองไปที่แผ่นหลังบางๆของเธอ มู่จางรุ่ยยังอึ้งอยู่
หรือว่าเธอเริ่มจะสงสัยแล้ว?
หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องของเย่ฉ่าวเฉินทำให้มู่เวยเวยเปลี่ยนไป?
ไม่ว่าจะเป็นยังไงเขาก็ต้องส่งคนไปสืบดูว่าสิ่งที่มู่เวยเวยพูดเป็นความจริงหรือไม่ เพราะเรื่องนี้อาจกระทบถึงบริษัทมู่ซื่อได้เขาจะทำเป็นไม่ใส่ใจเลยไม่ได้เด็ดขาด!
มู่เวยเวยออกจากร้านกาแฟแล้วตรงไปที่บ้านตระกูลเย่เลย เธอต้องการพักผ่อนสักหน่อยเพื่อสงบจิตสงบใจของเธอ
เห็นได้ชัดเจนว่าคำพุดของคุณลุงไม่น่าเชื่อถือ ข่าวสารของพี่ชายเธอก็ไม่ทางรู้ได้แล้วต่อไปนี้เธอคงต้องพึ่งตัวเองจริงๆแล้วล่ะ
อีกด้านหนึ่ง เมื่อมู่จางรุ่ยออกจากร้านกาแฟไปแล้ว เฉียวซินโยวก็ค่อยๆหยิบเครื่องดักฟังออกจากกระเป่าอย่างระมัดระวัง เธอยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
ขอแค่เครื่องดักฟังนี้ตกไปอยู่ในมือของเย่ฉ่าวเฉิน เธอมั้นใจว่าทั้งสองต้องได้หย่ากันแน่ๆ
เฉียวซินโยวเดินออกจากร้านกาแฟ เธอแวะไปซื้อเครื่องดักฟังอีกอันที่ห้างแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ก๊อปปี้สนทนาของเขาทั้งสองเมื่อสักครู่นี้ลงไปแล้วเธอก็เดินทางไปบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งแล้วทำการเขียนที่อยู่ที่ต้องการส่งไปบนหลังกล่องพัสดุ
คนที่รับผิดชอบในการจัดส่งพัสดุครั้งนั้นคือหนุ่นน้อยวัยยี่สิบปี หนุ่มน้อยเห็นว่าเธอไม่ได้เขียนชื่อผู้ส่งจึงบอกกับเธอด้วยความหวังดีว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณต้องกรอกชื่อผู้ส่งด้วยชื่อและนามสกุลจริงของคุณลงไปด้วยนะครับ ”
เฉียวซินโยวหัวเราแล้วพูดขึ้นเบาๆว่า ” ฉันรู้แล้ว ”
หลังจากนั้นเธอก็กรอกชื่อและนามสกุลที่เธอคิดขึ้นมามั่วๆลงไปแล้วยื่นให้กับพนักงานรับพัสดุ
หนุ่มน้อยคนนั้นดูไปบนที่อยู่ที่ให้จัดส่งแล้วพูดขึ้นว่า ” ค่าจัดส่ง ห้าสิบ หยวน ไม่ทราบว่าคุณสะดวกจ่ายตอนนี้เลยหรือจะให้เก็บปลายทางครับ? ”
” ฉันจะจ่ายตอนนี้เลย ขอถามหน่อยนะคะว่าจะส่งถึงที่หมายวันไหนคะ? ”
” ด้วยความที่อยู่ในเมืองเดียวกัน ภายในวันเดียวก็ส่งถึงแล้วครับ ”
” โอเค ฉันรู้แล้ว ขอบคุณมาก ”
” อืออือ ”
เฉียวซินโยวมองไปรอบๆและเมื่อเธอแน่ใจแล้วว่าไม่มีกล้องวงจรปิดเธอจึงออกจากที่นั่นอย่างสบายใจ
……
เย่ฮวางอินเตอร์เนชั่นนอลกรุ๊ป
เย่ฉ่าวเฉินที่กำลังก้มดูเอกสารอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงกริ่งของประตูดังขึ้น เย่ฉ่าวเฉินพูดขึ้นทันทีว่า ” เชิญเข้ามาได้ ”
เมื่อประตูเปิดออกคนที่เข้ามาคือเลขาหลิว เธอเดินตรงเข้ามาหาเย่ฉ่าวเฉินแล้วยื่นพัสดุให้กับเย่ฉ่าวเฉินจากนั้นพูดขึ้นอย่างนอบน้อมว่า ” ประธานเย่คะ พึ่งมีพัสดุของคุณมาส่ง กรุณาเซ็นรับด้วยค่ะ ”
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ที่อยู่ผู้จัดส่งที่ไม่คุ้นเคยเลย แต่เจาก็ไม่คิดอะไรมากแล้วเซ็นรับเอกสารแต่โดยดี
หลังจากที่เลขาหลิวออกไปแล้ว เย่ฉ่าวเฉินจ้องพัสดุชิ้นนี้อยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็แกะกล่องพัสดุออก
หน้าตาตกใจมาก นี่มันคือ……เครื่องดักฟัง
เย่ฉ่าวเฉินปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเปิดเครื่องดักฟัง เสียงจากเครื่องดักฟังค่อยๆดังขึ้น
” เวยเวย เธอเรียกฉันมามีเรื่องอะไรรึป่าว? ”
โทนเสียงเข้มแบบนี้ เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกว่าคุ้นเคยมา
” คุณลุง ฉันอยากถามถึงความเป็นอยู่ของพี่ชายฉันสักหน่อย ”
เย่ฉ่าวเฉินตกใจเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำเงินของเขาเป็นประกายคมกริบ เสียงในตอนแรกเขายังไม่ค่อยแน่ใจว่าเสียงนั้นเป็นของใคร แต่เสียงคมชัดและอ่อนโยนที่พึ่งได้ยินเมื่อกี้นี้เขาแน่ใจมากว่ามันเป็นเสียงของภรรยาเขาอย่างมู่เวยเวย!
เย่ฉ่าวเฉินกลั้นใจฟังต่อไป
” มันเป็นแบบนี้นะ ทางเทียนเย่มีปับหานิดหน่อย ตอนนี้ติดต่อไม่ได้ชั่วคราว ”
” คุณลุง คุณพูดให้ชัดเจนหน่อย ตอนนี้พี่ชายฉันเป็นยังไงบ้าง? ”
เย่ฉ่าวเฉินยิ่งฟังสีหน้าขอเขาก็ยิ่งเย็นชามากขึ้น ปากกาในมือเขาก็ทนแรงบีบของเขาไม่ไหวจนหักไปเลย เย่ฉ่าวเฉินพูดออกมาอย่างนิ่งๆด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น ” มู่เวยเวยยัยตัวดี จริงๆแล้วเธอรู้ข่าวสารของมู่เทียนเย่ว่าอยู่ที่ไหนหรอเนี่ย? ”
จากสรรพนามที่มู่เวยเวยเรียก ทำให้เย่ฉ่าวเฉินแน่ใจทันทีว่ามันเป็นเสียงของมู่จางรุ่ย!
แท้จริงแล้วผู้ชายคนนี้ก็รู้ความเคลื่อนไหวของมู่เทียนเย่
” เธออย่ากังวลไปเลย จริงๆก็ไม่ได้มีปัญหาหนักขนาดนั้นหรอก พี่ชายเธอเจอศัตรูนิดหน่อย ตอนนี้เลยเปลี่ยนที่หลบซ่อนชั่วคราว จึงบอกให้ทางเราว่าอย่าติดต่อไปชั่วคราว ”
” เวยเวย พี่ชายเธอฝากฉันมาบอกเธอว่าตอนนี้เขามีปัญหาด้านการเงินนิดหน่อยอยากให้เธอส่งเงินไปให้เขาอีกสักก้อน ”
” แล้วพี่ชายฉันได้บอกรึป่าวว่าต้องการเงินอีกเท่าไหร่? ”
” ยังต้องการอีก……หนึ่งล้าน ”
” ฉันจะไปมีเงินมากมายขนาดนั้นได้ยังไงกัน? ”
ตอนนี้เธอเป็นคุณหนูของตระกูลเย่แล้ว เธอต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์ จากฐานะของเย่ฉ่าวเฉินแล้วเงินแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก! ”
เครื่องดักฟังสิ้นสุดเพียงเท่านี้ ทำให้เย่ฉ่าวเฉินรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
มู่เวยวยยัยคนชั้นต่ำ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีแผนการเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ทีแท้เงินที่เธอยืมเขาหนึ่งล้านคือเอาไปส่งให้กับพี่ชายเธองั้นหรอ!
ตอนนั้นเขาก็สงสัยอยู่ว่าทำไมมู่เวยเวยถึงได้ใส่ใจคุณลุงของเธอมากขนาดนั้น? ตอนนี้เขาก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะพ่อเธอเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็ก เหลือเพียงคุณลุงที่เป็นญาติสนิทของเธอเพียงคนเดียวเขาจึงยอมให้เธอยืมเงิน มันคือคำหลอกลวงทั้งนั้น!
” มู่เวยเวยยัยคนโกหก! กล้าปิดปังแล้วยังกล้าโกหกฉันอีก! รอดุเถอะฉันจะกลับไปจัดการเธอยังไง! ” เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยอารมณ์โกรธมากมาก เขารีบลุกขึ้นแล้วหยิบกุญแจรถ
อยู่บนโต๊ะทำงานแล้วเดินออกทันที
บนถนนใจกลางเมืองที่มีรถแลมโบกินี่คันหนึ่งขับผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือไว้เพียงเงาสีน้ำเงิน ขับรถผ่านไปเลยโดยไม่สนใจสัญญาณไฟจราจรใดๆ ขับเข้าตามตรอกออกตามซอยผ่านไปอย่างชำนาญ
ขับรถมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่อย่างรวดเร็ว ลงจากรถมาด้วยความเร่งรีบแล้วก็เจอกับคุณอาหวังที่กำลังสั่งให้คนงานทำความสะอาดสวนดอกไม้อยู่ พอคุณอาหวังเห็นเย่ฉ่าวเฉินก็พูดขึ้นด้วยความนอบน้อมว่า ” คุณชาย ทำไมวันนี้ท่านกลับมาเช้าจัง? ”
เย่ฉ่าวเฉินทำหน้าเคร่งขรึมแล้วถามอย่างเย็นชาว่า ” คุณหนูอยู่บ้านมั้ย? ”
” บังเอิญมากเลย คุณหนูพึ่งจะกลับมา ตอนนี้พักผ่อนอยู่ที่ห้องครับ ”
เธอยังมีกระจิตกระใจที่จะพักผ่อนอยู่อีก!
เย่ฉ่าวเฉินเดินผ่านห้องรับแขกแล้วขึ้นบันไดตรงไปที่หน้าห้องทันที เขาพังไประตูเข้าไปสุดแรงพอประตูเปิดออกก็เห็นมู่เวยเวยที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และกำลังออกแบบผลงานของเธออยู่
อาจจะเป็นเพราะเสียงเปิดประตูดังมาก ทำให้มู่เวยเวยหันมามองทันทีแล้วค่อยขมวดคิ้วแบบงงแล้วพูดอย่างไม่สนใจว่า ” นี่คูณทำอะไรเนี่ย? ”
เย่ฉ่าวเฉินโกรธอย่างบ้าคลั่ง เขาเดินตรงไปดึงผมของมู่เวยเวยทันทีพร้อมกับถามขึ้นด้วยท่าทีที่โหดร้าย ” พูด! มู่เทียนเย่อยู่ที่ไหน? พูดออกมาเดี๋ยวนี้! ”
มู่เวยเวยขมวดคิ้วแต่ก็พูดด้วยท่าทีนิ่งและแฝงด้วยความเย็นชาว่า ” เย่ฉ่าวเฉิน ที่คุณเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก? พี่ชายฉันอยู่ที่ไหนฉันเองก็ไม่รู้! ”
ถ้าเธอรู้จริงเธออยากจะอยู่ที่นี่ให้เขาทรมานอีกหรอ? พี่ชายต้องไม่ปล่อยเขาไว้แน่ๆ!
เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะอย่างเยือกเย็นตอนนี้เขาแทบจะเสียสติในสมองเขาตอนนี้คิดเพียงเรื่องเดียวคือทำยังไงก็ได้ให้หาตัวมู่เทียนเย่ให้เจอ!
ในใจของเขายังคงคิดว่าคำพูดของมู่เวยเวยเป็นคำโกหกทั้งสิ้น เขาดึงผมมู่เวยเวยสุดแรง และผลักเธอลงบนเตียงนุ่มๆทันที ตอนนี้เขากลายเป็นคนขาดสติไปแล้ว ” อย่าท้าทายความอดทนของฉัน ไม่งั้นฉันจำให้เธอตายทั้งเป็น! ”
มู่เวยเวยกัดฟันแน่น เธอพยายามอดทนต่อความเจ็บและชาบนหนังหัวเธอแล้วค่อยๆตะโกนออกมาอย่างเย็นชาว่า ” คุณมันบ้าไปแล้ว! ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้! คุณยังจะเอาอะไรกับฉันอีก! ”
เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะออกมาด้วยความโกรธแค้น เขาในตอนนี้โกรธอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าถ้ามีดาบอยู่ในมือเขาก็พร้อมจะแทงลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้!
” เธอต้องให้ฉันเอาหลักฐานออกมาก่อนใช่มั้ยเธอถึงจะยอมพูด? ” เย่ฉ่าวเฉินพูดเสียงต่ำแต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวมาก
” ถึงต้องตายก็ให้ฉันต้องตายให้ชัดเจนหน่อยได้มั้ย! “มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาอย่างแรงกล้าถึงแม้ว่าเขาในตัวนี้จะน่ากลัวมากก็ตาม
” ได้ “เย่ฉ่าวเฉินพูดออกมาด้วยความโกรธ และยกยิ้มมุมปาก ” ในเมื่อต้องการแบบนี้ งั้นฉันก็จะทำให้เธอพูดไม่ออกเลย! ”
เย่ฉ่าวเฉินหยิบเครื่องดักฟังออกจากกระเป๋า และเขวี้ยงมันไปที่หัวมู่เวยเวยจนหัวของเธอนั้นม่วงช้ำไปหมดและพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า ” เธอลองฟังก็แล้วกัน ฉันจะรอดูว่าเธอจะมีข้ออ้างอะไรอีก! ”
มู่เวยเวยไม่สนใจเขาต่อแล้วยื่นมือไปรับเครื่องดักฟังสีดำเครื่องนั้นมาฟังทันที เมื่อค่อยๆได้ยินเครื่องดักฟังนั้นหน้าของมู่เวยเวยก็ซีดเซียวไปหมดเมื่อฟังไปเรื่อยๆหน้าของมู่เวยเวยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าผิดหวังมากๆ
เธอประมาทเกินไป! หลงกลเขาสะแล้ว!
ทีนี้จะเอายังไงดีล่ะ!
ผู้ชายที่น่ารังเกียจอย่างเย่ฉ่าวเฉินไม่ปล่อยเธอไปแน่!
” เย่ฉ่าวเฉิน คุณนี่มันน่ารังเกียงจริงๆ! กล้าดียังไงให้คนสะกดรอยตามฉัน! ทำไมคุณถึงใจไม้ไส้ระกำขนาดนี้! ” มู่เวยเวยพยามอย่างเต็มที่ที่จะข่มความกังวลของเธอไว้และพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขา
แต่ว่าเย่ฉ่าวเฉินไม่หลงกล เขาบีบคางเธอแน่น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า ” รีบบอกฉันมาเดี๋ยวนี้! ตอนนี้มู่เทียนเย่อยู่ที่ไหน? ”
เธอไม่รู้จริงๆ แต่ว่าถ้าเธอพูดออกมาเย่ฉ่าวเฉินก็ไม่เชื่อคำพูดเธออยู่ดี ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็เป็นไงเป็นกัน
ไม่ว่ามู่จางรุ่ยจะรู้ข้อมูลของพี่ชายเธอจริงหรือไม่ แต่เธอก็ไม่เสี่ยงดีกว่า เธอยอมที่จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับดีกว่า
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะปฎิเสธผู้ชายคนนี้ก็ไม่เชื่อเธออยู่ดี งั้นเธอก็คงต้องยอมรับผลกรรมนี้มันคงเป็นโชคร้ายของเธอเอง!
” ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ฉันก็ไม่มีวันที่จะพูดหรอกนะเย่ฉ่าวเฉิน คุณอย่างหวังเลย! “มู่เวยเวยตะโกนออกมาอย่างเย็นชา
‘ เพี้ยะ–! ’
มีแรงตบกระแทกเข้าที่หน้าเธออย่างจัง มู่เวยเวยรู้สึกหน้าแดงชาไปครึ่งหน้า และรู้สึกหูอื้อไปหมด
มู่เวยเวยจ้องเขานิ่งๆแทบจะอยากไปกระชากหนังเขาออกมา และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ถึงแม้ว่าคูนจะตบฉันจนตายฉันก็ไม่มีบอกออกมาเด็ดขาด! ”
‘ เพี้ยะ–! ’
แรงตบกระทบไปที่หน้าเธออีกครั้ง เย่ฉ่าวเฉินโกรธจนตาแดงและท่าทางไร้มนุษยธรรมสิ้นดี
มู่เวยเวยใช้หลังมือเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาแต่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยว่า ” คุณมีปัญญาเท่านี้เองหรอ? ”
เย่ฉ่าวเฉินจ้องเธอด้วยสายตาที่เด็ดขาดมาก ดวงตาสีน้ำเงินของเขาเต็มไปด้วยความโหดร้ายแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ” จางเห่อ! ”
ทันทีที่เขาพูดจบประตูก็ถูกเปิดออกทันที มีคนเดินเข้ามาที่ข้างๆเขาแล้วพูดอย่างนอบน้อมว่า ” คุณชาย สั่งมาได้เลย ”
” เรียกคนมาหน่อยสักสองสามคน ”
จางเห่อประหลาดใจเล็กน้อยและพยักหน้าจากนั้นตอบรับทันทีว่า ” ครับ ”
มู่เวยเวยจ้องที่ไปที่เย่ฉ่าวเฉินคนไร้มนุษยธรรมในใจของเธอมีความกลัวอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็พยายามข่มความรู้สึกนั้นไว้แล้วมองไปที่เขาอย่างไม่เกรงกลัว
” ตอนนี้เธอยังมีโอกาสนะ อีกเดี๋ยวฉันจะทำให้เธอรู้ว่าตกนรกมันเป็นยังไง! ” มองใบที่ใบหน้าอันงดงามของเธอ ราวกับว่าเธอเป็นดอกไม้ที่อยู่ท่ามกลางสายฝนและลมพายุที่พัดกระหน่ำ ตัวของเธอสั่นไปทั้งตัว
” ตั้งแต่ที่ฉันแต่งงานกับคุณ ฉันก็ตกนรกแล้ว! ” มู่เวยเวยหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง
ร่างการที่พังทลาย ศักดิ์ศรีที่ถูกทำลาย ชีวิตที่มืดหม่น นอกจากลมหายใจของเธอ ชีวิตของเธอตอนนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว!
” เหอะเหอะ……”เย่ฉ่าวเฉินหันหลังกลับแล้วนั่งลงบนโซฟาอย่างสง่าผ่าเผย
มู่เวยเวยไม่รู้เลยว่าเมื่อเขายิ่งโกรธเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเงียบสงบเท่านั้น เขาก็เหมือนกับเสือดาวผู้สูงศักดิ์และหยิ่งผยองเขาจะค่อยๆเฝ้าดูเหยื่อตรงหน้าถูกฉีกสลายไปทีละชิ้นๆ จนไม่มีลมหายใจแล้วตายไปในที่สุด
ประตูห้องถูกเปิดออก ชายบึกบึนสี่คนข้างหลังจากเห่อพูดด้วยความนอบน้อมว่า ” คุณชาย ”
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า แล้วรินไวน์แดงลงในแก้วแล้วจิบไวน์อย่างสง่างามจากนั้นชี้ไปที่มู่เวยเวยแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆราวกับว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา ” ถ้าหากว่าเธอขัดคำสั่งฉัน พวกนายก็ถอดเสื้อผ้าบนตัวเธออกทีละชิ้น เมื่อถอดจนหมด ฉันขอยกตัวเธอให้กับพวกนาย ”
มู่เวยเวยตกใจหนักมา สีหน้าทางทางของมู่เวยเวยอึ้งและแข็งทื่อไปหมด เขากล้าทำกับเธอถึงขนาดนี้เชียวหรอ!
เย่ฉ่าวเฉิน นายมันเลวได้ใจจริงๆ!
ความเกลียดชังในแววตาของเธอค่อยๆแสดงออกมาอย่างชัดเจน มู่เวยเวยกัดฟันแน่น พยายามข่มความกลัวของเธอเอวไว้ แล้วนั่งตัวสั่นแข็งทื่ออยู่บนเตียง
” คุณชาย แบบนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะ? ทำแบบนี้จะทำลายชื่อเสียงของคุณหนูจนป่นปี้นะ” จางเห่อรวบรวมความกล้าแล้วพูดเตือนสติเขา
เย่ฉ่าวเฉินไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมอง และกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชั่วลาย ” จางเห่อ นายลืมกฎไปหมดแล้วรึยังไง? ”
แต่ว่านั่นคือคุณหนูนะ เขาคิดมาตลอดว่า มู่เวยเวยเป็นคนพิเศษในใจของเขา ถึงแม้เขาทั้งสองจะทะเลาะกันทุกวัน แต่ว่าคุณชายคงไม่ทำร้ายเธอได้ลงคอ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า คุณชายก็ยังเป็นคุณชาย ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น!
ขนาดคำของจางเห่อคุณชายยังไม่ฟังทั้งสี่คนนั้นก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยคำใดๆ พวกเขาเดินไปข้างหน้าอย่างเย็นชาและเป็นระเบียบ พวกเขายืนเป็นวงกลมอย่างเป็นระเบียบ……