มือขวาของเขาเขย่าแก้วไวน์แดงเบาๆ มองไปที่คนบนเตียงด้วยหน้าตาเฉยเมย พูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้เยื่อใยว่า ” มู่เทียนเย่อยู่ที่ไหน? ”
มู่เวยเวยกัดฟันแน่นสุดชีวิต เธอพยายามขามความกลัวของเธอที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของเธอคมราวกับมีดแล้วพูดขึ้นอย่างแน่วแน่ว่า ” ฉัน. ไม่ รู้ ! ”
เย่ฉ่าวเฉินกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ” ถอด! ”
” ไม่! เสียงของมู่เวยเวยแหลมคบแต่ก็แฝงไปด้วยความกลัว เธอกำเสื้อผ้าเธอแน่นและมองไปที่ผู้ชายพวกนั้นที่ขยับเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเธอก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ” เย่ฉ่าวเฉิน! ไอ้ปีศาจชั่ว! นายไม่ตายดี! ”
ไม่ว่าเธอจะตะโกนจนคอแหบใบหน้าของเย่ฉ่าวเฉินก็ไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อนสักนิด มีมือของคนใดคนหนึ่งในชายสีคนนั้นฉีกเสื้อมู่เวยเวยออกในพริบตา ได้เสียงเพียงเสียง ‘ฉีก ฉีก – – ‘ ลอยมากับอากาศ
เมื่อกี้ที่ฉีกขาดไปไม่ใช่เสื้อผ้าของเธอแต่มันเป็นจิตใจของเธอต่างหาก เชือกฟางเส้นสุดท้ายของเธอที่ยังมีอยู่ได้ขาดไปหมดแล้ว น้ำตาเย็นๆของเธอไหลผ่านแก้มลงมาทันที
ในดวงตาของมู่เวยเวยราวกับว่าเธอนั้นตายทั้งเป็น มันเหมือนกับสระน้ำที่มองไม่เห็นอะไรเลย เธอหยุดนิ่งราวกับว่าไม่มีชีวิตแล้ว
สีหน้าเย่ฉ่าวเฉินตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นในใจของเขาก็รู้สึกทนไม่ได้ที่ต้องทำแบบนี้ หลังจากนั้นเพราะคิดถึงเย่ฉ่าวเหยียนน้องชายของเขา อารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ก็หายไปทันทีแล้วแทนที่ด้วยความเกลียดชังแทน
” เธอจะยอมพูดมั้ย! บอกฉันมา มู่เทียนเย่อยู่ที่ไหนกันแน่! ”
“มู่เวยเวยจ้องเขาอย่างตายด้าน และไม่มีการตอบสนองใดๆ
” ถอดต่อไป! ”
มู่เวยเวยไม่ขัดขืนอีกต่อไปเพราะยังไงสะเธอก็สู้แรงพวกนั้นไม่ได้อยู่ดีครึ่งท่อนล่างของเขาที่ใส่กระโปรงเรียบๆไว้แต่ก็โดนชายคนหนึ่งกระชากออกจนไม่เหลือชิ้นดี
บนร่างของเธอเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียวที่ปกคลุมท่อนล่างของเธอเอาไว้ แล้วผิวขาวราวกับหิมะของเธอก็ถูกเปิดเผยให้ทุกคนเห็น เธอรู้สึกหนาวแข็งทื่อไปทั้งตัว.เธอพยายามซ่อนความอับอายที่เธอมี เธอกัดฟันแน่น แล้วข่มความโกรธในใจเธอไว้อย่างสุดฤทธิ์
มู่เวยเวย อย่าไปกลัว มากสุดก็แค่ตาย เธออย่ายอมก้มหัวให้ไอ้โรคจิตนี่เด็ดขาด
เย่ฉ่าวเฉินมองดูความกล้าหาญของเธอแล้วพูดขึ้นว่า ” ยังไม่คิดจะพูดอีกหรอ? ”
” คุณฆ่าฉันสะเถอะ! ” การแสดงออกของมู่เวยเวยเย็นชาราวกับน้ำแข็งอาบยาพิษ
” ฆ่าเธองั้นหรอ? ” เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะเยาะแล้วพูดอย่างเย็นชา ” ฉันกลัวว่าถ้าฉันฆ่าเธอแล้วมือฉันจะสกปรก!รีบบอกมา มู่เทียนเย่อยู่ที่ไหนกันแน่? ”
” ฝันไปเถอะ! ” มู่เวยเวยพูดอย่างไม่ลังเล
” ดูเหมือนว่าเธอจะยังได้รับการสั่งสอนไม่เพียงพอสินะ! พวกนายจัดการได้! ฉันจะรอดูว่าเธอจะยังปากแข็งไปถึงเมื่อไหร่! “เย่ฉ่าวเฉินสั่งอย่างโหดเหี้ยม และมองไปที่สีหน้าของมู่เวยเวย ทีเหมือเป็นมดน้อยที่ต่ำต้อย
มู่เวยเวยถอยหลังไปชนกับกำแพงที่เย็นเฉียบ และมองไปที่ชายทั้งสี่ที่กำลังเข้าใกล้เธออย่างไม่เกรงกลัว
เย่ฉ่าวเฉินมองดูฉากนี้อย่างเย็นชา แต่ในใจของเขากลับรู้สึกโกรธมาก ยัยผู้หญิงชั้นต่ำ มาถึงขนาดนี้แล้วยังจะปากแข็งอยู่อีก ในสมองของเธอมีแค่ก้อนหินหรือไง?
เธอพูดอ้อนวอนไม่เป็นเลยหรือยังไง ขอร้องให้เขาปล่อยเธอไปสิ!
ในขณะที่มือของพวกเขากำลังจะสัมผัสไปที่ผิวของเธอ เย่ฉ่าวเฉินทำหน้าเย็นชาและกำลังจะออกคำสั่งให้พวกนั้นหยุด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าในตอนนั้นเองมู่เวยเวยกลับหันหัวของเธอเข้ากำแพงแล้วกระแทกกับกำแพงสุดแรง!
เย่ฉ่าวเฉินตกใจมาก กำลังจะตะโกนบอกให้หยุด แต่ว่า……มันสายไปแล้ว
ร่างของมู่เวยเวยล้มลงทันทีราวกับว่าว่าวที่สูญเสียเชือกไป ล้มลงไปนอนบนเตียงเหมือนคนไม่มีแรง เลือดสีแดงสดของเธอไหลลงที่ผ้าปูเตียงสีขาวจนกลายเป็นสีแดงราวกับดอกไม้สีแดงสดที่กำลังเบ่งบานไปทั้งต้น
เย่ฉ่าวเฉินก้าวไปข้างหน้าและกอดร่างเธอเอาไว้ ดวงตาสีน้ำเงินของเขามีความรู้สึกกลัวอยู่ แล้วตะโกนออกมาอย่างเสียงดังว่า ” นิ่งอยู่ทำไม? ไม่เอากล่องยามาเดี๋ยวนี้! ”
” ครับ! ”
” จางเห่อ! ”
เมื่อได้ยินคำสั่งเขาก็รีบก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม ” คุณชาย สั่งมาได้เลยครับ ”
” ไปตามคุณหมอหานมาเดี๋ยวนี้! ให้ด่วนที่สุด! ”
” เข้าใจแล้ว! ”
จางเฮ่อเหลือไปมองมู่เวยเวยที่นอนไร้สติอยู่แล้วก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ดูแล้วคุณชายก็ใส่ใจคุณหนูอยู่มาก ในเมื่อใส่ใจเธอ แล้วทำไมถึงได้ทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่ากันนะ? ”
หลังจากนั้นพอคิดถึงเย่ฉ่าวเหยียน เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วรู้สึกว่า “นี่แหละคือโชคชะตา!
ลิขิตไว้แล้วว่าทั้งสองคนไม่สามารถรักกันได้ และลิขิตไว้แล้วว่าทั้งสองคนไม่อาจแยกจากกันได้
ในตอนที่ที่จางเห่อกำลังไปตามคนมาเย่ฉ่าวเฉินก็ใช้ผ้ามาพันแผลของเธอไว้ก่อนถึงแม้ว่าจะช่วยห้ามเลือดของเธอไว้ได้ชั่วคราว แต่ว่าเธอก็ไม่ทีท่าจะฟื้นเลย
การเคลื่อนไหวในบ้านทำให้เป็นจุดสนใจของเฉียวซินโยว เธอเดินออกจากห้องเธอ และดึงแขนของจางเห่อไว้จากนั้นถามว่า ” จางเห่อ นายรีบขนาดนี้ กำลังจะไปไหน ”
จางเห่อหยุดเดินแล้วคิดถึงความสัมพันธ์ของเย่ฉ่าวเฉินกับเฉียวซินโยวเขาจึงไม่ปกปิดเธอแล้วพูดอย่างนิ่งๆว่า “เมื่อกี้คุณชายและคุณหนูทะเลาะกัน คุณหนูบาดเจ็บนิดหน่อย คุณฉันสั่งให้ผมรีบไปตามคุณหมอหางมา ”
” เป็นแบบนี้นี่เอง ”
” คุณเฉียว ฉันไม่คุยกับคุณแล้วผมจะรีบไปตามคุณหมอหานมาก่อน! ”
มองตามจางเห่อที่กำลังเดินออกมา เฉียวซินโยวยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาและในใจของเธอก็มีความสุขดั่งดอกไม้บาน
อาการของมู่เวยเวยถึงขั้นต้องตามคุณหมอหาน แสดงว่าเมื่อกี้นี้ทะเลาะกันหนักแน่ๆ เรื่องนี้ดูจากท่าทีของจางเห่อก็ดูออก
เสียดายจริงๆ ที่เธอไม่ได้ไปเห็นฉากนี้
ตรงไปที่หน้าห้องมู่เวยเวย แล้วแอบส่องจากประตูเข้าไปมองสถานการณ์ข้างในห้อง มู่เวยเวยหลับตานอนอยู่บนเตียงเหมือนคนที่ไม่มีลมหายใจยังไงยังงั้น
เธอตายแล้ว?
เฉียวซินโยวอดไม่ได้ที่จะเดาไปต่างๆนาๆในขณะนั่นเองก็เสียงดังอันเคร่งขรึมดังมาจากข้างใน” ใครยืนอยู่ข้างนอก ไสหัวเข้ามาเดี๋ยวนี้! ”
เฉียวซินโยวคอหดแล้วหดอีก ในใจของเธอมีความกลัวนิดหน่อย เธอหยิกแขนตัวเองสุดแรง เธอรู้สึกเจ็บมากจนตาโตแล้วค่อยๆเปิดประตูแล้วค่อยสังเกตเห็นเย่ฉ่าวเฉินที่นั่งอยู่ริมกำแพง
เธอทำไมถึงรู้สึกได้ว่าเย่ฉ่าวเฉินกำลังมีความรู้สึก…….เป็นห่วง?
” ฉ่าวเฉิน เวยเวยเป็นอะไรไป? “เฉียวซินโยวอึ้งไปเลยแล้วเหมือนน้ำตาจะค่อยๆไหล
เธอค่อยๆเดินไปตรงหัวเตียงแล้วมองไปที่มู่เวยเวยที่นอนอย่างไม่มีสติอยู่สีหน้าเศร้าหมองแล้วพูดว่า ” เวยเวย เธอเป็นอะไรไป? เธออย่าทำให้ฉันตกใจสิ ฉันซินโยวไง! ”
มองไปที่เฉียวซินโยวที่ดูเหมือนมีอาการเป็นห่วงมาก เย่ฉ่าวเฉินก็รู้สึกลำคานนิดหน่อย จากนั้นก็ค่อยๆเดินไปหาเธอแล้วจับไหล่เธอเบาๆแล้วพูดอย่างนิ่งๆว่า ” ซินโยว คุณหมอหานกำลังรีบมา เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ”
เฉียวซินโยวพยักหน้าแล้วมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของมู่เวยเวย จากนั้นทำหน้าทำตาเยาะเย้ย
มู่เวยเวย ทีนี้รู้รึยังว่าฉันมันแน่ขนาดไหน? ฉันบอกแต่แรกแล้วว่าเธอไม่มีทางชนะฉันได้หรอก
เย่ฉ่าวเฉินก้มหน้าแล้วมองไปที่ใบหน้าอันซีดเฉียวของเธอ ภายในใจก็มีความรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
ถ้าเธอไม่ฟื้นขึ้นมาจะทำยังไง?
ในสมองของเขาวุ่นวายไปหมดดวงตาคู่นั้นของเขามีความเสียใจและผิดหวังซ่อนอยู่ราวกับว่าไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว
เย่ฉ่าวเฉินกำมือแน่นเข้าด้วยกัน กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาแข็งทื่อไปหมด สีหน้าท่าทางของเขาแสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน
มู่เวยเวย! ยัยผู้หญิงบ้ารีบฟื้นขึ้นมาสิ! เธอเกลียดฉันมากไม่ใช่หรอ? อยากแก้แค้นฉันมากไม่ใช่หรือไง? งั้นก็รีบฟื้นขึ้นมาสิ!
……
ในเวลาอันรวดเร็วจางเห่อก็พาหมอหานมา หมอหานมองไปที่มู่เวยเวยที่กำลังนอนอย่างไร้ชีวิตชีวาอยู่บนเตียง ในใจของเขาก็มีความรู้สึกสงสารเธอมากๆ
ตั้งแต่เธอมาถึงตระกูลเย่ สามวันดีสี่วันไข้ หลายครั้งที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ในฐานะหมออย่าเขายังไม่สามารถทนดูได้
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฉ่าวเฉินต้องทำกับผู้หญิงคนนึงแบบนี้? ระหว่างเขาสองคนมันมีเรื่องอะไรกันแน่?
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้เขาไม่ควรก้าวก่าย เขาทำได้เพียงแค่ตั้งคำถามอยู่ในใจ
คุณหมอหานเดินขึ้นมาข้างหน้า แล้วทำการตรวจเช็คร่างกายของ มู่เวยวยอย่างละเอียด เมื่อเขาเห็นบนบาดแผลบนศีรษะของมู่เวยเวยเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหลืออด
” คุณหมอหาน เวยเวยเป็นยังไงบ้าง? ” เฉียวซินโยวทำหน้าเป็นกังวลมากแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
คุณหมอหานทำท่าส่ายหัว เขาสัมผัสได้ถึงความอดทนอย่างมีขีดจำกัดของใครบางคนจึงไม่กล้าพูดแดกดันได้แต่พูดด้วยหน้าตาเฉยเมยว่า “ตรงบริเวณศีรษะของเธอได้รับแรงกระแทกเล็กน้อย ส่วนอื่นๆไม่ได้มีบาดแผลใดๆ ”
เฉียวซินโยวโล่งอกไปทีแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่า ” แล้วเมื่อไหร่เวยเวยถึงจะฟื้นล่ะ? ”
คุณหมอหานขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ” เรื่องนี้ยังไม่รู้แน่ชัด อาจจะสองสามวัน หรืออาจจะหนึ่งอาทิตย์หรืออาจจะนานกว่านั้น ”
เมื่อฟังที่เขาพูดจบ สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเคร่งเครียดแล้วถามขึ้นอย่างเคร่งเครียดว่า ” มันรุนแรงมากขนาดนั้นเลยหรอ? ”
” ตอนนี้ฉันก็แค่คาดเดาไว้ก่อนเท่านั้น แต่จะฟื้นตัวได้ช้าหรือไวต้องอยู่ที่ตัวผู้ป่วยเอง ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถบอกเวลาที่ชัดเจนให้ได้ ”
เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า แล้วสายตาก็มองที่เตียงโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ
” ฉันกลับไปเบิกยามาให้ คุณก็ส่งคนมาดูหน่อยละกันนะ ”
” โอเค ”
พอคุฯหมอหานเดินออกไปแล้ว เฉียวซินโยวก็เดินเข้าไปใกล้ๆเย่ฉ่าวเฉินแล้วจับมือของเขาไว้แน่นแล้วพูดปลอบเขาอย่างอ่อนโยนว่า ” ฉ่าวเฉิน คุณอย่างกังวลไปเลย เดี๋ยวเวยเวยก็ฟื้น ”
สีหน้าท่าทางของเย่ฉ่าวเฉินซับซ้อนมากยากที่จะอธิบาย แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้า
พอเฉียวซินโยวออกจากห้องไปแล้ว เย่ฉ่าวเฉินก็หลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ล้ามากๆว่า ” จางเห่อ ”
” คุณชาย พูดมาได้เลยครับ ”
” ไปที่ห้องหนังสือแล้วหยิบแล็บท๊อปของฉันมาให้หน่อย สองสามวันนี้ฉันจะไม่เข้าบริษัท แล้วทำงานที่บ้านแทน ”
จางเห่อทำตาเบิกกว้าง แล้วพอดึงสติกลับมาได้ก็ตอบอย่าอ่อนน้อมว่า ” รับทราบครับ ”
จางเห่อที่กำลังเดินออกจากห้องเหลียวหลังไปมองเย่ฉ่าวเฉินที่หน้าตาโศกเศร้ามากในใจเขาได้แต่ถอนหายใจ
เฉียวซินโยวเมื่อเห็นท่าทางของเขา เธอก็โกรธแค้นมาก เธอสังเกตเห็นท่าทางของเย่ฉ่าวเฉินที่นิ่งเงียบ เธอไม่รู้ว่านี่มันหมายความว่าอะไร แต่ที่ฉ่าวเฉินมีท่าทางแบบนี้เธอมั่นใจว่ามันต้องเกี่ยวกับเรื่องที่มู่เวยเวยที่นอนไม่ได้สติตอนนี้อยู่แน่ๆ!
และในเวลาเที่ยงของวันนั้น เธอได้ยกอาหารที่ฉินหม่าทำเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะไปหาเย่ฉ่าวเฉินที่ห้อง เธอก็ได้ยินเสียงดังที่น่ากลัวมากดังมาจากห้องๆหนึ่ง
เธอยืนเกาะประตูแน่น และพยายามฟังการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ข้างใน
” นี่มันก็สามวันผ่านมาแล้ว เธอจะฟื้นเมื่อไหร่กันแน่? ” ด้วยความที่เธออยู่ไม่ไกลนัก จึงทำให้เธอรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่โกรธมากของผู้พูด
ดูเหมือนว่าสองสามวันที่ผ่านมาที่เขาเห็นว่าเย่ฉ่าวเฉินนั้นนิ่งเงียบมากคงจะเป็นเธอเองที่คิดไปเอง ความจริงแล้วเย่ฉ่าวเฉินไม่ได้นิ่งสงบอย่างที่เธอคิด
ปลายสายอย่างคุณหมอหานไม่รู้ว่าพูดว่าอะไรบ้าง ได้ยินเพียงเสียงที่โกรธมากของเย่ฉ่าวเฉินว่า “นายเป็นหมอไม่ใช่หรือไง! ทำไมแค่บอกว่าคนไข้จะฟื้นมาเมื่อไหร่เรื่องแค่นี้ก็บอกไม่ได้? ”
เย่ฉ่าวเฉินจดจ่ออยู่กับการคุยโทรศัพท์กับคุณหมอหานิและไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเฉียวซินโยวแอบฟังอยู่
” คุณบอกเวลาประมาณมาให้ผมสักหน่อย! “เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมอง
ปลายสายอย่างคุณหมอหานเงียบไปชั่วขณะแล้วพูดต่อว่า ” ฉันได้ทำการตรวจเช็ค CT สมองของเธออย่างละเอียดแล้ว เห็นว่าสมองของเธอเริ่มฟื้นตัวแล้ว ถ้าพูดตามหลัก คนไข้น่าจะต้องฟื้นแล้ว ”
” แล้วในสถานการณ์ตอนนี้ล่ะจะอธิบายยังไง! ”
คุณหมอหานลูบคางไปมาแล้วใช้สัญชาตญาณพูดว่า ” ในกรณีนี้น่ามีเหตุผลเดียวที่น่าจะเป็นไปได้ ”
” เป็นยังไงกันแน่? อย่ามัวลีลา! ”
คุณหมอหานกระตุกยิ้ม ในใจรู้สึกไม่เข้าใจจริงๆ ตอนแรกก็ทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า พอเธอได้รับบาดเจ็บขึ้นมาก็เป็นห่วงเธอแทบตาย แล้วตอนแรกจะทำไปทำไม?
” นอกจากว่าตัวเธอเองที่ไม่อยากฟื้น และตั้งใจปิดกั้นสมองตัวเอง ” คุณหมอหานพูดอย่างหนักแน่น
อะไรนะ? มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ?
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วแล้วมองไปที่มู่เวยเวยที่นอนไม่ได้สติอยู่แล้วถามขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ “เธอเองที่ไม่อยากฟื้นงั้นหรอ? ”
” ฉ่าวเฉิน ฉันก็ไม่อยากจะพูดน่ะ ตั้งแต่เมียนายแต่งงานกับนายแล้ววันๆเธอก็ต้องอดทนกับคนบ้าพลังอย่างนาย สมองของเธอต้องทำรับการกระทบกระเทือนอย่างหนักแน่ๆเธอเลยไม่อยากฟื้นขึ้นมา ”
เย่ฉ่าวเฉินใช้ประสบการณ์ที่เขามีแล้วมาวิเคราะห์ร่วมกับชีวิตประจำวันของมู่เวยเวยที่ต้องเจอ จึงได้ผลสรุปออกมาแบบนี้
ยัยบ้า!
ยัยผู้หญิงบ้านี่! รีบฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!
เย่ฉ่าวเฉินกุมมือตัวเองไว้แน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและน้ำเสียงก็พูดขึ้นอย่างหนักแน่น ” แล้วยังมีวิธีอื่นๆอีกมั้ย? ”
” นอกจากต้องกระตุ้นอารมณ์ของเธอบังคับให้เธอต้องตอบสนองให้ได้ ”
” แล้วต้องกระตุ้นยังไงหล่ะ? ”
คุณหมอหานกระแฮ่มออกมาสองทีแล้วค่อยๆพูดขึ้นว่า ” คุณสามารถที่จะเอ่ยชื่อหรือพูดถึงเรื่องที่เธอใส่ใจมากๆ หรือไม่ก็เรื่องที่เธอมีปฏิกิริยาที่ตอบสนองอย่างรุนแรง ”
เย่ฉ่าวเฉินนำข้อมูลที่ได้มามาคิดวิเคราะห์ สมองเขาก็ทำงานอย่างรวดเร็วว่าจะทำวิธีใดเพื่อให้เธอฟื้นขึ้นมาให้ได้
เขาใช้สมองของเขาแล้วคิดขึ้นได้ทันทีว่าสิ่งที่มู่เวยเวยใส่ใจมากๆก็คงจะเป็นเรื่องพี่ชายของเธอหรือไม่ก็บริษัทมู่ซื่อ
พอคิดได้อย่างนี้ เย่ฉ่าวเฉินก็เดินเข้าไปใกล้เธอแล้วเขย่าหน้าเธอเบาๆแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมองว่า ” มู่เวยเวย! ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ! ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ยอมปล่อยมู่เทียนเย่ไปแน่! เธอแคร์เขามากที่สุดไม่ใช่หรอ?
เย่ฉ่าวเฉินตะโกนออกมาเสียงดัง แต่มู่เวยเวยที่นอนอยู่บนเตียงก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ
” เว้ย! เธอใส่ใจบริษัทมู่ซื่อมากไม่ใช่หรอ? ถ้าเธอไม่ตื่นขึ้นมา ฉันจะทำลายมันทิ้งเดี๋ยวนี้ เธอเชื่อมั้ย? ”
……
ไม่ว่าเขาจำทำอะไร มู่เวยเวยที่นอนอยู่บนเตียงก็ไม่มีทีท่าที่จะฟื้นขึ้นมาเลย เย่ฉ่าวเฉินโกรธมากกำมัดแน่นแล้วต่อยไปที่กำแพง ได้ยินเสียงดัง ‘ ปั๊ง – – ’ ทำให้เฉียวซินโยวตกใจจนหัวใจเต้นเร็วมาก
เฉียวซินโยวลูบอกแล้วหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
วันนี้ฉ่าวเฉินอารมณ์ไม่ดี เธอไม่อยากเข้าไปรบกวนเขา เกรงว่าเขาจะยิ่งโมโหมากกว่าเดิม
มู่เวยเวยยังคงหลับตาอย่างสนิทราวกับเป็นเจ้าหญิงนิทราในนิทานที่รอให้เจ้าชายมาจุมพิต