วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 89 ความจริง มู่เวยเวยฟื้นแล้ว

ต่อให้เย่ฉ่าวเฉินจะตะโกนออกมาเสียงดังหรือสุดเสียงยังไง มู่เวยเวยก็ไม่มีทีท่าที่จะฟื้นขึ้นมาเลย มองไปที่ใบหน้าที่นิ่งสงบของเธอ เย่ฉ่าวเฉินโกรธจนแทบคลั่ง!

เย่ฉ่าวเฉินหันออกไปมองบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแสงสีนอกหน้าต่าง ความรู้สึกผิดในใจของเขายิ่งอยู่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นเหมือนถูกเคลือบด้วยน้ำแข็งราวกับว่าอยู่ท่ามกลางไฟที่โหมกระหน่ำ ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นเหมือนเป็นประกายที่เต็มไปด้วยความลึกลับและมืดมิด

เมื่อหันกลับไปบนเตียง ร่างสูงยาวของเขาก็ไปนอนลงข้างๆเธอ หลังมือของเขาเผลอไปสัมผัสโดนผิวเนียนเนียนของเธอเย่ฉ่าวเฉินคิดขึ้นได้ทันใดว่า เธอไม่ได้ใส่!

คิดถึงการกระทำเมื่อสองวันก่อน แววตาของเย่ฉ่าวเฉินแฝงไปด้วยความโศกเศร้า และรีบดึงผ้าห่มของเธอออกทันที จากนั้นก็ใช้อกอุ่นๆกอดร่างเธอไว้

” มู่เวยเวย เธอแน่ใจนะว่าจะแกล้งหลับแบบนี้ต่อไป? ” เย่ฉ่าวเฉินก้มหน้าลงแล้วใช้ริมฝีปากบางๆของเขาลบลงไปบนผิวเนียนเนียนของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบซ่านว่า ” ถ้าเธอยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก ฉันจะ……”

จ้องมองใบหน้าของเธอนานมาก จนแน่ใจว่าเธอไม่มีการตอบสนองใดๆ เย่ฉ่าวเฉินยกมือขึ้นจับผมของเขาแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด ” มู่เวยเวย! เธอยังจะนอนอีกนานเท่าไหร่กัน? ”

แต่ว่าคนคนนั้นก็ไม่มีการตอบสนองใดใดเลย

เย่ฉ่าวเฉินหนักใจ จากนั้นก็ฉีกเสื้อผ้าออกทันที เข้าไปใกล้ๆเธอแล้วโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา เขารู้สึกได้ถึงผิวเนียนที่เย็นๆของเธอ……

ยัยนางฟ้าตัวน้อย……

” ฉือ – – ”

เย่ฉ่าวเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆมองไปที่มู่เวยเวยที่กำลังหลับใหล จากนั้นก็ค่อยๆก้มหน้าลงไปประกบริมฝีปากเธอ

ที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือมู่เวยเวยก็ยะงไม่มีวี่แววที่จะตื่นขึ้นมา

ผู้หญิงคนนี้นี่มันจริงๆเลย……

เย่ฉ่าวเฉินไม่สนใจว่าเธอจะการตอบสนองหรือไม่อีกต่อไป ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ เขาค่อยๆลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ……

ในตอนที่เขาไม่ได้สังเกต ก็คือตอนที่เขาหันหลัง ขนตาของมู่เวยเวยกระพริบเบาๆ

……

รุ่งเช้าในวันต่อมา เย่ฉ่าวเฉินได้รับสายจากเลขาหลิวว่าวันนี้จะมีการประชุมนานาชาติเขาจำเป็นต้องมาหน้างาน เย่ฉ่าวเฉินออกคำสั่งอย่างหนักแน่นให้ฉินหม่าดูแลมู่เวยเวยอย่างใกล้ชิด แล้วเขาก็ออกไปบริษัททันที

มองรถที่กำลังแล่นออกไปผ่านกระจกห้อง เฉียวซินโยวก็ลุกออกจาห้องไป เธอรู้สึกว่าต้องไปเยี่ยมมู่เวยเวยสักหน่อย ถึงยังไงที่มู่เวยเวยต้องนอนไม่ได้สติอยู่อย่างนี้ต้นเหตุก็มาจากเธอ

ทันทีที่เดินเข้ามาในห้อง เฉียวซินโยวรู้สึกได้ถึงกลิ่นอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอคลื่นไส้แทบจะอ้วก

มาถึงข้างเตียงเธอมองที่ผ้าปูที่นอนที่ยุงเหยิงไปหมด และมองไปที่คอของเธอที่มีรอยแดงเป็นจ้ำจ้ำ ในใจของเฉียวซินโยวก็เจ็บปวดขึ้นมาทันที จ้องที่มู่เวยเวยที่นอนนิ่งด้วยสายตาอาฆาตแค้น เธอแทบจะอยากก้าวไปข้างหน้าและกระชากหัวของมู่เวยเวย!

” เฉียวซินโยบาย เธอต้องอดทนเอาไว้! อย่าบุ่มบ่าม! “เฉียวซินโยวยับยั้งความโกรธของตัวเองเอาไว้และปลอบใจตัวเอง

ถ้ามู่เวยเวยได้มีสติดี เธอจะทำแน่ๆ!

แต่ว่าตอนนี้ทำไม่ได้ ปกติเย่ฉ่าวเฉินก็ไม่ค่อยใส่ใจเธออยู่แล้ว ถ้ายิ่งทำกับมู่เวยเวยแบบนี้ เดี๋ยวเธอจะทำให้เขาระแคะระคาย เธอรู้ดีว่าเย่ฉ่าวเฉินรุ้สึกดีกับมู่เวยเวยมากกว่า!

ในสองสามวันที่ผ่านมา เย่ฉ่าวเฉินดูแลใส่ใจมู่เวยเวยเป็นอย่างดี เธอต้องไม่แสดงพิรุธอะไรในเวลานี้เด็ดขาด!

ถ้าเย่ฉ่าวเฉินจับได้ เขาต้องตามสืบเรื่องนี้ต่อไปแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนี้การกระทำก่อนหน้านี้ของเธอก็จะถูกเปืดเผยต่อทุกคน จะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ไม่งั้นภาพลักษณ์ของเธอที่เธอพยายามสร้างมาตั้งนานมันก็ไม่มีประโยชน์นะสิ!

เธอจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเด็ดขาด!

มองไปที่มู่เวยเวยที่จะตายแหล่ไม่ตายแหล่ เฉียวซินโยวก็กระตุกยิ้มมุมปาก ในใจของเธอก็เอาแต่สาปแช่งให้มู่เวยเวยอย่าฟื้นขึ้นมาดีที่สุด!

ถึงแม้ว่าจะทำร้ายร่างกายเธอไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะทำร้ายเธอด้วยคำพูดไม่ได้? เธอจะพูดยังไงเธอก็พูดได้ทั้งนั้น!

ค่อยๆเดินไปใกล้เตียงของเธอแล้วมองไปที่ใบหน้าที่งดงามของมู่เวยเวยที่ซีดเซียวไปหมด เฉียวซินโยวกระตุกยิ้นมุมปากอย่างชั่วร้ายแล้วพูดขึ้นอย่างเหยียดหยาม” มู่เวยเวย ฉันแทบจะอยากฉีกใบหน้าที่งดงามของเธอให้เสียโฉมไปจริงๆ! เธอทำไมถึงได้น่าลำคานขนาดนี้!

มองไปที่ไม่มีการตอบสนองใดๆของเธอ แล้วพูดต่อว่า “เธอจะออกไปจากโลกของฉันและเย่ฉ่าวเฉินได้เมื่อไหร่? เธอคิดว่าเธอจะเอาชนะฉันได้หรอ? ดูสาระรูปที่ทุเรศของเธอตอนนี้สิ!เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอพ่ายแพ้อย่างราบคราบ! ”

” เธอคงคิดไม่ถึงสินะ” เฉียวซินโยวค่อยๆหันหลังไปอีกฝั่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างได้ใจมากขึ้น “เครื่องดักฟังเครื่องนั้นเป็นของขวัญสุดพิเศษที่ฉันเตรียมไว้ให้เธอเอง เหอะเหอะ…..เธอต้องคิดว่าฉันมันน่ารังเกียจแน่น แต่ฉันไม่สนใจหรอกนะ เพราะจุดประสงค์ของฉันคือกำจัดเธอ! ”

เฉียวซินโยวสีหน้ามีชีวิตชีวา เธอไม่ได้สังเกตสถานการณ์ข้างหลังมู่เวยเวยเธอกระพริบตาไปทีหนึ่ง แล้วเธอก็ได้สติขึ้นมาอีกครั้ง

” อย่าโทษว่าฉันโหดร้าย ใครเรียกเธอทำตัวเองทำไมต้องมายุ่งกับฉ่าวเฉินด้วย? ”

เสียงของเฉียงซินโยวเสียงดังฟังชัด ได้ยินคำพูดที่พูดอย่างรุนแรงของเธอ มู่เวยเวยรู้สึกอีดอัดและหายใจไม่ออกราวกับว่าโดนก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่ตรงอก

เดิมทีเธอไม่อยากฟื้นขึ้นมาเลย เธอรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่มันเหนื่อยจริงๆ เธออยากได้ชีวิตที่เงียบสงบสุขแบบนี้!

เธอรู้ดีว่าเมื่อเธอฟื้นแล้วเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับเย่ฉ่าวเฉินและเฉียนซินโยวที่น่ารังเกียจ แล้วเธอจะไปหาความสงบสุขของชีวิตได้ที่ไหน

เธอยอมรับว่าความคิดของเธอ……ขี้ขลาด

ถึงแม้ว่าเธอจะสลบไปแต่ถึงรู้สึกได้ชัดเจนว่าเมื่อคืนนั้นตัววเธอได้รับอุณหภูมิที่อบอุ่นจากร่างที่คุ้นเคย สัมผัสที่เร่าร้อนนั้นแทบจะแผดเผาเธอ!

ในช่วงเวลานั้นเองเธอจึงได้สติขึ้นมา ตอนที่เธอรับรู้ถึงการกระทำของเย่ฉ่าวเฉินเธอแทบจะอยากตะโกนด่าออกมาดังๆ!

ไอ้ผู้ชายที่น่ารังเกียจ ทำไมถึงได้กล้ารังแกเธอใน๘ณะที่เธอป่วยอยู่!

คำดูถูกต่างๆดังขึ้นข้างหูเธอ ช่างรบกวนจิตใจของมู่เวยเวยจริงๆ เธอพยายมที่จะลืมตาอย่าเต็มที่ แต่ว่าเธอพยายามเท่าไหร่เธอก็เหมือนกับว่าไม่มีแรงที่จะลืมตาได้

” ถึงแม้ว่าเธอจะรับรู้ทั้งหมดแล้วมันจะทำอะไรได้? ถึงยังไงเธอก็เป็นผู้แพ้ตั้งแต่ต้นจนจบอยู่แล้ว! ”

มู่เวยเวยรู้สึกว่าหูของเธอจะกลายเป็นรังไหมอยู่แล้ว เธอพยายามที่จะลืมตาอย่างเต็มที่ เธออยากบอกกับเฉียวซินโยวว่าเธอยังไม่ได้ยอมแพ้!

ในที่สุด เธอก็เห็นแสงแพรวพราวสว่างจ้า ทำให้รู้สึกไม่สบายตาแล้วเธอกระพริบตาและเอามือขยี้ตาจากนั้นเธอก็ค่อยๆปรับตัวได้

มู่เวยเวยลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก มู่เวยเวยจ้องมองไปที่ร่างผอมเพรียวของเธอ น้ำเสียงของเธอแหบแห้งเล็กน้อย ” เฉียวซินโยบาย เธอนี่มันชั่วช้าจริงๆ! ”

เธอกล้าทำกับเธอถึงขนาดนี้เชียวหรอ!

เมื่อคิดถึงตอนอยู่ที่ร้านกาแฟ เธอก็น่าจะนั่งอยู่ข้างหลังตัวเธอเอง ในมือของเขาก็จับเครื่องดังฟังไว้ด้วยหน้าตาที่จ้องจะเล่นงานเธอ เธอก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที!

สิ่งที่ป้องกันไม่ได้มันเป็นแบบนี้นี่เอง

เฉียวซินโยวตกใจแล้วรีบหันหลังกลับมาดู เธอเห็นมู่เวยเวยที่ไม่รู้ว่าเธอตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังใช้สายตามองเธออย่างกับเป็นคนแปลกหน้า

เมื่อกลับสู่สภาวะเดิมแล้ว เฉียวซินโยวยิ้มมุมปากอย่างพอใจ แล้วพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” แล้วยังไงล่ะ? ถึงจะเป็นแบบนี้ คนที่ฉ่าวเฉินเชื่อก้คือฉัน!”

เรื่องนี้มู่เวยเวยไม่สามารถเถียงได้ เรื่องบันไดคราวที่แล้วรวมถึงเรื่องนี้จุดจบของมันก็คงไม่ต่างกัน เย่ฉ่าวเฉินไม่มีวันที่จะสงสัยในตัวเธอแน่นอน

” ฉันแปลกใจมาก ว่าทำเธอถึงได้รู้เรื่องของพี่ชายฉันได้ เย่ฉ่าวเฉินบอกกับเธอหรอ? ” มู่เวยเวยหน้าตาเคร่งขรึมแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

” ใช่แล้ว ” เฉียวซินโยวตอบกลับอย่างหนักแน่น ” และเธออาจจะยังไม่รู้ ตอนเที่ยงของทุกวันฉันไม่ได้ไปกินข้าวใต้ตึก แต่ฉันไม่ทานข้าวกับเย่ฉ่าวเฉินต่างหาก ”

เฉียวซินโยวรู้สึกสะใจมาก ตอนที่เธอพูดประโยคนี้เธอแสดงออกถึงความพอใจอย่างชัดเจน

” มู่เวยเวยพูดด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่เย็นชา ” ฉันรู้มาตั้งนานแล้ว ”

ทั้งสองคนเคยนอนกลิ้งอยู่บนเตียงเดียวกันมาแล้ว แค่กินข้าวกลางวันด้วยกันมันก็ไม่ได้เป้นเรื่องที่แปลกอะไรไม่ใช่หรอ?

” เธอรู้ได้ยังไง? ”

มู่เวยเวยบิดขี้เกียจอย่างไม่แยแสเธอแล้วพูดอย่างช้าๆว่า ” เธอโพสต์ลงหน้าฟีดซะขนาดนั้น ถ้าฉันไม่รู้สิแปลก ”

” งั้นตอนที่เธอเห็นเธอต้องเสียใจมากแน่ๆใช่มั้ย? ”

เสียใจ? ตลก? เธอทำไมต้องเสียใจเพราะคนต่ำช้าสิงคนนี้ด้วย

” ทำไมฉันต้องเสียใจด้วย?” มู่เวยเวยหัวเราะเยาะแล้วพูดต่อว่า ” พวกเธอมีค่าอะไรให้ฉันต้องเสียใจด้วย? ”

เฉียวซินโยวมองไปที่เธออย่างเรียบเฉย ดวงตาสีดำสนิทของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ สีหน้าของเธอเคร่งขรึมและพูดด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงว่า ” ทำไมเธอถึงไม่รู้ตัว? ว่าเธอไม่เหมาะที่จะยืนข้างกายเย่ฉ่าวเฉิน เขายอดเยี่ยมขนาดนี้ คนข้างกายของเขาก็ต้องไม่ธรรมดา! ”

มู่เวยเวยค่อยหัวเราะเยอะเย้ยแล้วพูดขึ้นว่า ” เธอคิดว่าเธอไม่ธรรมดาสินะ? เธอน่าจะแซ่หวัง ”

ยัยหวังขายแตง ขายเองยกยอเองสินะ!

เฉียวซินโยวฟังออกว่าเธอพูดถากถางสีหน้าของเฉียวซินโยวบูดบึ้ง แล้วขยับเข้าไปใกล้เธอพร้อมกับสายตาที่พร้อมจะกลืนกินเธอ ” มู่เวยเวย! เธออย่าพึ่งดีใจไป! ถ้าเธอยังไม่ไสหัวออกไป! ครั้งหน้าจุดจบของเธอน่าสมเพชกว่านี้แน่!

มู่เวยเวยพูดขึ้นว่า ” ฉันจะรอนะ ”

” เธอ! ”

มู่เวยเวยไม่สนใจเธออีกต่อไป แล้วมู่เวยเวยก็เอางานออกแบบออกมาจากลิ้นชักข้างหน้า แล้วจดจ่อกับงานออกแบบราวกับว่าเฉียวซินโยวไม่มีตัวตน ทำให้เฉียวซินโยวโกรธมากจนเธอปัดงานพวกนั้นทิ้งหมดเลย

” เพราะกิริยาแบบนี้ไง ถึงจะมอบตำแหน่งภรรยาตระกูลให้กับเธอ เธอก็ไม่สามารถรักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้หรอก. ” มู่เวยเวยไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้วเงยหน้ามาพูดกับนางต่อ

เฉียวซินโยวหัวเราะเยาะเธอแล้วพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า ” คำพูดพวกนี้น่าจะเหมาะกับเธอมากกว่านะ ”

มู่เวยเวยไม่กล้าปฏิเสธ เพราะตั้งแต่เธออยู่ในตำแหน่งนี้ เธอก็ไม่เคยมีชีวิตที่สงบสุขอีกเลย ต้องเผชิญหน้ากับการดูถูกของสามีอย่างไม่สิ้นสุดทุกวัน อีกทั้งยังโดนเพื่อนสนิทเล่นงานอีก?

เธอรู้สึกเหนื่อยมาก เหนื่อยจนเธออยากจะไปให้ไกลๆ

แต่ว่าโลกมันกว้างใหญ่ขนาดนี้ แล้วเธอจะไปที่ไหนล่ะ? ถ้าหากว่าเธอไปแล้ว แล้วถ้าวันหนึ่งพี่ชายกลับมาแล้วหาเธอไม่เจอจะทำยังไง? และเธอก็ไม่สามารถปล่อยวางบริษัทมู่ซื่อได้

ที่นี่มีอข้อผูกมัดมากมาย ใช่ว่าเธออยากไปก็จะไปได้?

” เธอมีความสามารถมากนักไม่ใช่หรือไง? งั้นเธอก็ไม่ทำให้เย่ฉ่าวเฉินหย่ากับฉันให้ได้สิ! ”

เฉียวซินโยวยิ้มมุมปากแล้วพูดอย่างเยือกเย็น ” ฉ่าวเฉินก็จะอย่ากับเธออยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายตัวดีของเธอ เธอคิดว่าเย่ฉ่าวเฉินอยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอมากนักหรือไง? เธอมันก็เป็นได้แค่ของเล่นของเขาเท่านั้นแหละ! ”

คำพูดของเฉียวซินโยวแทงใจมาก แต่เวยเวยก็ไม่เข้าใจเธออยู่ดี ถึงแม้ว่าเธอจะอยากแย่งเย่ฉ่าวเฉินไป แต่ทำไมเธอถึงจ้องแทงข้างหลังมู่เวยเวยอยู่เรื่อยเลย?

ในเมื่อเธอก็รู้เหตุผลที่แท้จริงของเย่ฉ่าวเฉินที่ต้องแต่งงานกับเธอแล้ว แล้วทำไมต้องเปลืองแรงทำร้ายเธอลับหลังด้วยหล่ะ?

” ในเมื่อเธอมั่นใจในตัวเองมากขนาดนี้ ต่อไปก็เลิกแทงข้างหลังฉันสักที เธอก็ใช้เสน่ห์ของเธอมัดใจเย่ฉ่าวเฉินให้ได้สิ ” มู่เวยเวยพูดไปด้วยหัวเราะเยอะเย้ยเธอไปด้วย

เฉียวซินโยวรู้สึกเจ็บใจราวกับว่าคำพูดนั้นถูกแทงเข้าที่จุดอ่อนของเธอ เธอจ้องไปที่มู่เวยเวยแล้วพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” กลัวหรอ? ”

” ทำไมฉันต้องกลัวด้วย? ฉันทำตัวซื่อตรง ฉันเชื่อว่าฟ้าต้องมีคุณธรรม ฟ้าต้องลงโทษคนชั่วช้าพวกนั้นเป็นแน่ ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้รับโทษแต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง ”

” ไม่ต้องใช้คำพูดพวกนี้มาขู่ฉันหรอกนะ เอาไว้หลอกเด็กเถอะ! คนแบบฉันมีถมไปพวกเขาก็ยังใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ”

มู่เวยเวยไม่อยากเปลืองน้ำลายเถียงกับเธอ และนอนลงอย่างเย็นชา ค่อยๆปิดตาแล้วพูดขึ้นว่า ” คุณเฉียวคะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวพักผ่อนก่อนนะคะพอดีเหนื่อยมาก ตอนออกไปอย่าลืมปิดประตูนะคะ ”

สีหน้าของเฉียวซินโยวเปลี่ยนไปทันที และพยายามข่มอารมณ์ตัวเองให้นิ่ง.แล้วมองจ้องไปที่มู่เวยเวย จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป

มู่เวยเวยค่อยๆลุกออกจากเตียงแล้วไปเก็บงานออกแบบที่ถูกเฉียวซินโยวโยนทิ้งไปเมื่อกี้นี้ ปัดฝุ่นเล็กน้อยแล้วนั่งทำงานต่ออย่างเงียบๆ

ตอนที่เธออกแบบเท่านั้นที่เธอจะรู้สึกผ่อนลายและมีความสุขจริงๆ

ในตอนนี้เอง ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง เงาของเย่ฉ่าวเฉินปรากฏขึ้นเขาทำหน้าตกใจเล็กน้อย

เย่ฉ่าวเฉินทำหน้าประหลาดใจแล้วค่อยๆพูดว่า ” ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ก่อนที่เขาจะกลับบ้าน ตอนอยู่ที่บริษัทเขาได้โทรถามฉินหม่าถึงอาการของเธอฉินหม่าบอกว่ายังไม่ฟื้นนี่นา. คิดไม่ถึงว่าเวลาเพียงสั้นๆเธอจะเหมือนคนที่สบายดี

เวยเวยไม่อยากสนใจเขาแล้วออกแบบอย่างเงียบๆต่อไป

จับข้อมือเธอขึ้นทันที งานออกแบบในมือเธอก็ปลิวก่อน

มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ก็ว่าเขากับเฉียวซินโยวทำไมถึงเข้ากันได้ดี ที่แท้ก็คนแบบเดียวกันนี่เอง!

เมื่อกี้เฉียวซินโยวพึ่งจะโยนงานของเธอลงบนพื้นไป ตอนนี้เขาก็โยนงานออกแบบของเธอลงบนพื้นอีกครั้ง

” ฉันถามเธออยู่ ต้องมาแกล้งเป็นใบ้นะ! ”

ดูสิ เขาเป็นแบบนี้ตลอดเลย ไม่สนใจความรู้สึกเธอแม้แต่นิด นี่เขาบังคับให้เธอต้องคุยกับเขางั้นหรอ?

เธอไม่มีแม้แต่สิทธิที่จะปฏิเสธเลยหรอ?

เอาแต่ใจ เห็นแก่ตัว จองหอง

“ฉันรู้สึกหิวน้ำมากๆจนทนไม่ไหว ฉันก็เลยได้สติแล้วฟื้นขึ้นมา ” มู่เวยเวยหาข้ออ้างขึ้นมั่วๆว่าเธอตื่นด้วยเหตุนี้?

แน่นอนว่าตื่นเพราะความเกลียดชังเขาสองคนนั้นแหละ

มู่เวยเวยคิดว่าชาติก่อนต้องติดหนี้พวกเขาแน่ๆ ไม่งั้นชาตินี้คงไม่ทรมานขนาดนี้หรอก?

เย่ฉ่าวเฉินไม่หมกมุ่นกับคำถามนี้อีกต่อไป เขามองไปที่ใบหน้าอันซีดเซียวของเธอแล้วค่อยๆถามขึ้นว่า” ตอนนี้เธออยากกินอะไร? เดี๋ยวฉันจะให้ฉินหม่าทำมาให้ ”

มู่เวยเวยหันหน้าไปทางอื่นแล้วเงยหน้ามองเพดานไม่อยากสนใจเขาแล้วไม่พูดอะไรเลยสักคำ

เย่ฉ่าวเฉินเห็นการกระทำเธอแบบนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เขาบังคับให้เธอหันหน้ามามองเขา มองไปที่ใบหน้าเฉยเมยของเธอ เขาก็ค่อยๆพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ ” เธออย่าบอกฉันนะว่าเธอไม่ได้ยินที่ฉันพูด? มู่เวยเวย อย่าท้าทายความอดทนที่มีขีดจำกัดของฉัน! ”

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset