วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 90 เพื่อเธอ ฉันเต็มใจ

การแสดงออกของมู่เวยเวยเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด และพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย ” เย่ฉ่าวเฉิน ฉันมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธไม่คุยกับคุณ? คุณคิดว่าหลังจากที่คุณทำเรื่องเลวเลวพวกนั้นกับฉันลงไปแล้ว แล้วฉันยังจะพูดกับคุณเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้อยู่อีกหรอ?”

เย่ฉ่าวเฉินทำหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า ” เธอคิดว่าเธอมีสิทธิ์จะปฎิเสธงั้นหรือ? ”

มู่เวยเวยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเหนื่อยล้ามากและไม่อยากมองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวจากนั้นพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น ” ฉันเหนื่อยแล้ว ตอนนี้คุณออกไปก่อน ”

” เหอะเหอะ……” เย่ฉ่าวเฉินหัวเราอย่างเยือกเย็นแล้วพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็น่าเสียดายจริงๆเลย ตอนแรกกะว่าจะพาเธอไปดูฉากเด็ดๆสักหน่อย ”

มู่เวยเวยหันหลังแล้วไม่สนใจเขาอีกเลย

เย่ฉ่าวเฉินมองแผ่นหลังของมู่เวยเวย ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดเขาก็ค่อยๆออกจากห้องไป

เย่ฉ่าวฉินปิดประตูเบาๆ ดวงตาสีน้ำเงินของเขาแผ่รังสีอำมหิตออกมา แล้วเดินลงบันไดมาที่ชั้นหนึ่งพุดขึ้นเสียงเข้มว่า ” จางเห่อ ”

เสียงพูดพึ่งจบไป จางเห่อก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูแล้วเดินเข้าไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นอย่างนอบน้อมว่า ” คุณชาย ”

” เรื่องที่ฉันสั่งให้นายไปทำไปถึงไหนแล้ว? “สีหน้าท่าทางของเย่ฉ่าวเฉินเย็นชาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึก

” ผมให้คนไปจับตัวมู่จางรุ่ยมาเรียบร้อยแล้วครับนาย ตอนนี้รอเพียงคำสั่งท่าน ”

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้าแล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา น้ำเสียงของเขาดุดันขึ้นพูดว่า ” เอาตัวมามา ฉันจะสอบปากคำมันเอง”

” ครับ ”

ผ้าปิดตาสีดำถูกถอดออก มู่จางรุ่ยมองไปรอบรอบด้วยความหวาดกลัว เขาพบว่าที่นี่เป็นที่ที่แปลกมาก ในห้องมีเพียงเตียงหนึ่งเตียงและเก้าอี้หนึ่งตัวเท่านั้น

ความรู้สึกแรกของเขาก็คือโดนลักพาตัว!

เป็นใครกันแน่? ทำไมต้องลักพาตัวเขา?

เขาดิ้นสุดแรง แต่ว่าแขนขาของเขาถูกมัดไว้แน่นมาก เขาจึงไม่สามารถหลุดออกมาได้!

ในตอนนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดออก ใบหน้าที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีปรากฎตรงหน้า มู่จางรุ่ยตกใจมาก

เย่ฉ่าวเฉิน! ทำไมถึงเป็นเขา?

เย่ฉ่าวเฉินมองเขาด้วยสายตาเย็นชา สังเกตุได้ถึงความกลัวของเขาแล้วพูดขึ้นอย่างนิ่งว่า ” คุณมู่ เห็นหน้าฉันแล้วตกใจมากเลยหรอ? ”

มู่จางรุ่นอึ้งไปเลย เขาเรียกว่าคุณมู่งั้นหรอไม่ใช่คุณลุง ดูแล้วเรื่องราวในห้องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กนะ

” ฉ่าวเฉิน นี่มันหมายความว่าอะไร? แล้วที่นี่ที่ไหน? ทำไมต้องให้คนพาฉันมาที่นี่ด้วย? ”

เมื่อเห็นคนที่เข้ามา สีหน้าของมู่จางรุ่ยลุ่มลึก และน้ำเสียงของเขากระวนกระวาย

ผู้ชายบึกบึนที่เดินตามหลังเข้ามา ในมือของเขาถือเบาะหนังไว้แล้วเอามาวางไว้ข้างหลังของเย่ฉ่าวเฉิน

นั่งลงบนโซฟาอย่างช้าๆแล้วจ้องไปที่เขาอย่างไม่แยแส ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นมีรังสีบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้แล้วเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นมาก ” มู่เทียนเย่อยู่ที่ไหน? ”

มู่จางรุ่ยหน้าตาอึ้งไปเลย สติเขาหลุดออกจากตัว แล้วค่อยๆคิดอย่างถี่ถ้วนว่าที่ให้คนไปพาตัวเขามาที่แท้ก้เป็นเรื่องมู่เทียนเย่งั้นหรอ?

ระหว่างเขาและเทียนเย่มีเรื่องอะไรกันกันแน่? เป็นเรื่องที่ดีหรอเรื่องร้าย?

มู่จางรุ่ยคิดไปต่างๆนาๆ สีหน้าของเขาจริงจังแล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย ” ฉ่าวเฉิน คุณรู้จักกับเทียนเย่หรอ?มู่เวยเวยบอกให้นายมาหาฉันงั้นหรอ? ”

เย่ฉ่าวเฉินยังคงนิ่ง ท่าทีของเขาดูออกว่าเขาหมดความอดทนแล้ว พูดขึ้นน้ำเสียงที่เย็นชาเชิงบังคับ ” ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด คุณรีบบอกมาดีกว่า ไม่งั้นฉันจะไม่ใจดีกับคุณเพราะมู่เวยเวยหรอกเนอะ! ”

เสียงของเขานั่นเย็นชามาก ทำให้มู่จางรุ่นแข็งทื่อไปทั้งตัว เขาพอจะรู้ข่าวลือขิงเย่ฉ่าวเฉินมาบ้าง ถึงแม้ว่าต่อหน้าเขาจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จแต่เบื้องหลังตัวตนของเขานั้นก็ไม่ธรรมดา ถึงว่าเขาจะไม่รู้อย่างถ่องแท้แต่ว่าเขาก็ไม่กล้าจะทำให้เขาโกรธ

” ฉันไม่รู้การเคลื่อนไหวของมู่เทียนเย่จริงๆ ฉันไม่ได้เจอเขามานานมากแล้วอย่าพูดถึงว่าเขาอยู่ที่ไหนเลย ” มู่จางรุ่ยสีหน้าไม่ดีแล้วพูดขึ้นอย่างช้าๆ

” คนในตระกูลมู่นี่สร้างเรื่องโกหกกันเก่งจริงๆ “เย่ฉ่าวเฉินหัวเราะอย่างเยือกเย็น เขายกมือขึ้นแล้วพยายามข่มความโกรธของขาไว้

” ฉันจะให้โอกาสคุณครั้งสุดท้าย ”

เย่ฉ่าวเฉินทวีความโกรธขึ้นไปอีกแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา ” ต้องให้ฉันเตือนความจำหน่อยมั้ย? เงินหนึ่งล้านที่มู่เวยเวยให้กับคุณ คุณเอาไปใช้ที่ไหน? ”

สีหน้าของมู่จางรุ่ยตกใจมาก มองไปที่ผู้ชายที่อันตรายอย่างยิ่งตรงหน้าเขา ทำให้เขาไม่กล้าสบตาเขา

“เย่ฉ่าวเฉินไม่ได้รีบร้อนอะไร แล้วพูดขึ้นอย่างสบายๆว่า ” ถ้าดูจากมุมมองอื่นๆแล้ว เราก็มีเป้าหมายเดียวกันนะ ”

มู่จางรุ่ยถามขึ้นด้วยความสับสน ” หมายความว่าไง? ”

” บริษัทมู่ซื่อเป็นบริษัทของน้องชายคุณ ถึงแม้ว่าเขาจะตายไปแล้ว แต่ว่ามู่เทียนเย่มีตำแหน่งเป็นทายาทสืบทอดสมบัติ คุณเองก็กลัวการกลับมาของมู่เทียนเย่กลัวว่าเขาจะกลับมาแย่งของที่เป็นของพ่อเขาคืนไม่ใช่หรอ?

มู่จางรุ่ยตกใจสุด ผู้ชายคนนี้เดาใจเขาได้อย่างง่ายดาย ช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ!

” ที่ท่านพูดว่าเป้าหมายเดียวกันมันหมายความว่ายังไง? “มู่จางรุ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยมาก

” ฉันกับมู่เทียนเย่มีเรื่องบาดหมางกันอยู่ ขอแค่คุณพูดมาว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ฉันรับรองได้ว่าตำแหน่งประธานบริษัทมู่ซื่อจะเป็นของคุณ ” เย่ฉ่าวเฉินอย่างนิ่งๆแต่น้ำเสียงเขาชัดเจนมาก

มู่จางรุ่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาเข้าใจความหมายของเขา และดูจากความสามารถเย่ฉ่าวเฉินแล้วมู่จางรุ่ยเชื่อในสิ่งที่เขาพูด

แต่นี่แหละปัญหา เขาไม่รู้จริงๆว่ามู่เทียนเย่อยู่ที่ไหน จริงๆเงินหนึ่งล้านนั้น……

” ยังคิดไม่ได้งั้นหรอ? ” สีหน้าของเย่ฉ่าวเฉินเยือกเย็น พูดขึ้นเสียงเข้ม “อย่ามาท้าทายกับความอดทนของฉัน เชื่อฉันเถอะ มันไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถต้านทานได้! ”

มู่จางรุ่ตัวสั่นไปหมด เขารู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายของเขาลดลงในทันที จากนั้นก็ถอนหายใจไปเฮือกหนึ่งแล้วพูดขึ้นอย่างหมดหนทางว่า ” ฉ่าวเฉิน จริงๆแล้วฉันไม่ได้รู้กานเคลื่อนไหวของมู่เทียนเย่หรอก เงินหนึ่งล้านนั้นฉันเก็บไว้ที่บัญชีส่วนตัว ”

เย่ฉ่าวเฉินตกใจเล็กน้อย แล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างไม่แยแสแล้วพูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์ว่า ” คุณจะเป็นศัตรูกับฉันจริงๆใช่มั้ย? ”

มู่จางรุ่ยกลัวจนคอหดแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ร้อนรนว่า ” คุณเชื่อฉันเถอะ ถ้าคุณไม่เชื่อคุณให้คนไปสืบดูได้ฉันไม่กล้าโกหกคุณหรอก! ”

เย่ฉ่าวเฉินเงียบไม่พูดอะไร และลองพิจารณาคำพูดของเขาว่าเป็นความจริงหรือไม่

โล่งอกไปทีแล้วมู่จางชั่วก็พูดต่อว่า ” ฉ่าวเฉิน ฉันไม่กล้าเป็นศัตรูกับคุณหรอก คุณให้คนไปสืบดูได้เลย ถ้าฉันโกหกยังไงฉันก็หนีไปไหนไม่รอด คุณจะจัดการกับฉันยังไงก็ได้! ”

ไม่ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาจะเป็นอะไร มู่จางรุ่ยในตอนนี้ไม่กล้าปิดบังอะไรเขาเลย สัญชาตญาณของเขาบอกมาอย่างชัดเจนว่าที่ตัวเองต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้เป็นเพราะอะไร

ต่อหน้าผู้ชายที่น่ากลัวอย่างปีศาจชั่วร้ายคนนี้ การพูดโกหกหลอกลวงเป็นวิธีที่โง่มากที่สุด

” เย่ฉ่าวเฉินจ้องเขาตาเป็นมัน เห็นถึงท่าทางกระวนกระวายของเขา ก็ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาแล้วพูดนิ่งๆว่า ” ฉันจะเชื่อคุณสักครั้ง ช่วงนี้คุณก็อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกันแล้วฉันจะให้คนส่งข้าวส่งน้ำมาให้ ”

มู่จางรุ่ยขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจออกมาได้แต่พูดว่า ” โอเค ”

เย่ฉ่าวเฉินค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองสักนิด สองคนที่ยืนข้างนั้นก็ค่อยปิดประตูแล้วล็อคกุญแจไว้

มู่จางรุ่ยนั่งลงบนเตียงแข็งๆนั้น

……

มู่เวยเวยนอนอยู่บนเตียงมองไปที่เพดานแล้วคิดถึงเรื่องราวต่างๆนานๆในใจ

เธอคิดไปถึงความทรงจำที่สุดแสนจะมีความสุขของเธอ ตอนนี้มีทั้งพ่อ แม่ พี่ชาย คุณครูและเพื่อนๆ ไม่มีอะไรจะมีความสุขมากไปกว่านี้แล้ว

ความสุขคงเป็นได้แค่ความทรงจำ?

เธอยังจำได้หนึ่งวันก่อนพี่ชายจะหายตัวไป ตอนนั้นเธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้า จู่ๆพี่ชายเธอก็มายืนรอที่หน้าห้องรอยยิ้มของเขาสง่างามมากพร้อมกับพูดว่า ” เวยเวย มานี่หน่อย ”

พอเห็นว่าเป็นพี่ชาย เธอก็ยิ้มออกมาอย่างสดใจ แล้วลุกออกจากที่นั่งเดินตามลังพี่ชายไป

พี่ชายเธอดูเหมือนว่าจะสูงขึ้นอีกแล้ว……

มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ในใจ เธอสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสำหรับผู้หญิงถือว่าสูงมากแล้ว แต่ว่าเมื่อเทียบกับพี่ชายมันเทียบไม่ติดเลย!

ในขณะนั่นเองที่เธอกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่ จู่ๆพี่ชายเธอก็หยุดเดินสะงั้นทำให้เธอเกือบชนเข้าที่หลังพี่ชายสะแล้ว

” ทำไมถึงได้กระโดกกระเดกแบบนี้เนี่ย? ” มู่เทียนเย่ยิ้มอย่างอบอุ่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

มู่เวยเวยแลบลิ้นแบบกวนๆแล้วค่อยๆพูดขึ้นว่า ” พี่ชาย วันนี้ไม่เข้าบริษัทหรอคะ? ทำไมถึงมาหาหนูที่โรงเรียนได้? ”

สีหน้าของมู่เทียนเย่แสดงออกถึงความอาลัยอาวรณ์อย่างชัดเจน แต่ในขณะนั้นมู่เวยเวยไม่ได้สังเกต เขายื่นมือมาลูบหัวมู่เวยเวยเบาเบาแล้วพูดต่อว่า ” บริษัทมีโครงการใหม่ที่ต่างประเทศ พี่เธอไปจัดการด้วยตัวเอง ช่วงนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆนะ ”

มู่เวยเวยอึ้งไปชั่วขณะแล้วถามว่า ” แล้วพี่จะไปนานเท่าไหร่? ”

มู่เทียนยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นแล้วพูดนิ่งๆว่า ” อันนี้พี่ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ”

” อืออือ ” มู่เวยเวยพยักหน้าแล้วพูดว่า ” พี่สบายใจได้ หนูจะดูแลตัวเองให้ดี ”

มู่เทียนเย่รู้สึงโล่งอกแล้วพูดว่า ” โอเค ”

“พี่อยู่ต่างประเทศก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ เดี๋ยวหนูจะโทรหา ”

” โอเค ”

……

หลังจากนั้นไม่มีหลังจากนั้นแล้ว นับตั้งแต่ตอนนั้นพี่ก็หายไปจากโลกนี้เลย

เธอโทรหาเขา แต่กลับบอกว่าไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียก เธอใช้บัตรประขำตัวของพี่ชายไปสืบหาเบาะแสการเดินทางแต่กลับได้คำตอบมาว่าไม่มีข้อมูลของบุคคลนี้……

” พี่ชาย พี่จะกลับมาเมื่อไหร่กันแน่? ฉันคิดถึงพี่ คิดถึงพี่มากจริงๆ ”

ในตอนนี้เอง ก็มีคนมาเคาะประตูห้องจากนั้นก็ได้ยินเสียยงของคุณอาหวังพูดขึ้นว่า ” คุณหนู คุณชายหนานกงเฮ่ามาเยี่ยม ”

เธอเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว และสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดนิ่งๆวา ” ฉันรู้แล้ว จะลงไปเดี๋ยวนี้ ”

เธอลุกออกจากเตียงทันทีแล้วออกจากห้องไปจากนั้นค่อยๆเดินลงบันไดไปที่ห้องรับแขกชั้นล่าง เขาก็เห็นบุคคลที่คุ้นเคยนั่งอยู่ที่โซฟา

” หนานกง คุณมาได้ไงคะเนี่ย? ” มู่เวยเวยยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

หนานกงเฮ่าเมื่อได้ยินเสียงของเธอก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส แต่เมื่อสังเกตเห็นเฝือกบนคอเธอ รอยยิ้มนั้นก็ได้หายไปทันที

” ฉ่าวเฉินรังแกเธอใช่มั้ย? ”

ไม่ใช่คำถามที่ต้องเอาคำตอบ แต่มันต้องใช่แน่แน่

มู่เวยเวยฝืนยิ้ม จมูกของเธอแดงเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” ไม่เป็นไร ฉันชินแล้ว ”

เธอไม่อยากให้หนานกงเฮ่าเป็นห่วง ความเจ็บปวดของเธอก็คงมีเพียงเธอที่ต้องรับความเจ็บปวดนั้น

มองดูเธอที่พยายามทำตัวเข้มแข็ง หนานกงเฮ่าก็ขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปกอดเธอไว้แน่นๆเขารับรู้ได้ถึงความอ่อนแอของเธอ ใจของหนานกงเฮ่าเหมือนโดนอะไรต่อยเขขารู้สึกเจ็บแทนเธอ

” เธอจะทนอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ครั้งก่อนคุณหมอหลิวเตือนฉันแล้วว่าเธอไม่ควรบาดเจ็บอีก ไม่อย่างนั้น……” หนานกงเฮ่าไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นว่า ” เธอต้องไปกับฉันเดี๋ยวนี้! ”

มู่เวยเวยรู้สึกอบอุ่น

พอพูดจบเขาก็ไม่รอช้าดึงมือมู่เวยเวยเดินออกไปทางประตูทันที แต่ในขณะนั้นเองเย่ฉ่าวเฉินก็ปรากฏตัวตรงหน้าทั้งสอง

เย่ฉ่าวเฉินทำหน้านิ่งๆและสังเกตเห็นเขาทั้งสองคนจับมือกันอยู่สีหน้าก็เย็นชาขึ้นทันทีแล้วพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า ” เฮ่า นายดึงมือเมียฉันไว้แบบนี้ นี่กำลังจะไปไหน? ”

หนานกงเฮ่าหน้าตาจริงจัง และพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธมาก ” นานเคยคิดว่าเวยเวยเป็นภรรยาด้วยหรอ? ทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉ่าวเฉินนายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่รึป่าว? ”

วันวันก็เอาแต่ทำร้ายผู้หญิงมีปัญญาแค่นี้หรอ?

เย่ฉ่าวเฉินเหลือบไปมองคนที่อยู่ข้างหลังเขา แต่กลับเห็นเธอจ้องเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ในใจของเขาก็รู้สึกหวิวหวิวแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า ” นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน นานอย่ามายุ่ง ”

หนานกงเฮ่ากระตุกยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดอย่างเฉนเมยว่า ” เรื่องของนานฉันไม่อยากยุ่งหรอ แต่นี่มันเกี่ยวกับเวยเวยฉันเลยต้องยุ่ง! ”

ท่าทางของหนานกงเฮ่าคือยังไงก็ต้องยุ่งให้ได้

” นายอยากจะยุ่งนักใช่มั้ย? อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทน! ”

” นี่ฉันก็หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน! ”

ทั้งสองคนจ้องกันตามันมัน คนรอบข้างเองก็รู้สึกว่าความกดอากาศต่ำลงเรื่อยๆจนทำให้ทุกคนรุ้สึกจะขาดอากาศหายใจ

มู่เวยเวยรู้สึกไม่สบายใจ เธอไม่อยากให้หนานกงเฮ่าต้องลำบากเพราะตัวเธอ เธอไม่ต้องการให้หนานกงเฮ่าโดนทำร้าย

บรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆชายสองคนที่ไม่มีใครยอมใคร มู่เวยเวยรีบเข้าไปแทรกกลางระหว่างสองคนนั้นแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่อยากเห็นคนทำร้ายกันอีกแล้ว! เย่ฉ่าวเฉิน นายจะยอมทำร้ายเพื่อนสนิทตัวเองเพื่อนผู้หญิงอย่างฉันงั้นหรอ? ”

ตอนที่เธอพูดประโยคนี้ น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความโกรธ เหมือนธอจะพูดว่า “ในใจของเขาเธอสำคัญขนาดนั้นเชียวหรอ?

มู่เวยเวยหันหลังไปมองหนานกงเฮ่าด้วยท่าทีที่อ่อนโยวแล้วค่อยๆพูดขึ้นว่า “หนานกง ขอบคุณมากที่ออกหน้าแทนฉัน แต่ว่าฉันไม่ต้องการให้คุณใช้วิธีแบบนี้ ”

ถ้าหากว่าเขาต้องบาดเจ็บเพราะเธอ เธอต้องเสียใจมากแน่ๆ

หนานกงเฮ่ารู้ว่าเธอต้องการจะสื่อถึงอะไร แล้วค่อยๆฉีกยิ้มอกแล้วพูดอย่างนิ่งว่า ” เธอสบายใจได้ ฉันไม่ทำให้เธอเสียใจหรอก ”

พอได้ยินคำพูดของเขา มู่เวยวยก็รู้สึกซาบซึ้งมากแล้วพูดขึ้นอย่างอบอุ่นว่า ” ขอบคุณนะ”

ขอบคุณที่เป็นห่วง ขอบคุณที่เข้าใจ

หนานกงเฮ่าส่ายหัวเบาๆด้วยท่าทีที่นุ่มนวลแล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า ” เพื่อเธอ ฉันเต็มใจ ”

มองดูทั้งสองที่กำลังพลอดรักกันต่อหน้า ในสายตาของเย่ฉ่าวเฉินก็มีรังสีอำมหิตอะไรบางอย่าง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหนานกงเฮ่าจะชอบมู่เวยเวย เพื่อเธอ ถึงขั้นกล้าเป็นศัตรูกับเขา!

มู่เวยเวยมีเสน่ห์มากขนาดนั้นเลยหรอ?

เมื่อฟังคำอธิบายของจางเห่อแล้ว คนที่รักความสนุกสนานอย่างเขา ตอนนี้กลับไม่เข้าผับเลย ถึงนานๆไปทีแต่ก็ไม่มีสาวๆนั่งข้างกายเหมือนแต่ก่อน สำหรับเขาแล้วนี่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เยฉ่าวเฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจ

เขาชอบอะไรในตัวมู่เวยเวยกันนะ?

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset