“มู่เวยเวย อย่าลืมสถานะของตัวเอง รีบมาหาฉัน ไม่งั้นรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!” เย่ฉ่าวเฉินขัดบทสนทนาระหว่างทั้งสองคน และพูดขึ้นอย่างเย็นชา
มู่เวยเวยจ้องมองเขาอย่างเย็นชา พูดขึ้นอย่างไม่ซาบซึ้งพระคุณเลยสักนิด “ทำไมฉันต้องฟังนายด้วย? นายคิดว่านายเป็นใคร? ”
เย่ฉ่าวเฉินรูปลักษณ์พราวไปด้วยเสน่ห์นิดหน่อย เดินไปหาเธออย่างช้าๆ จับข้อมือเธอไว้แล้วพูดขึ้น “เธออยากรู้เหรอ? ”
มู่เวยเวยต่อต้าน “นอกจากยกเรื่องบริษัทมู่ซื่อมาขู่ฉัน นายทำอะไรได้อีก? ! แต่ตอนนี้ฉันคิดออกแล้ว บริษัทมู่ซื่อเป็นของลุงฉันแล้ว งั้นฉันจะสนใจไปทำไม? ”
เธอหมายความว่า อย่าคิดจะใช้บริษัทมู่ซื่อมาขู่เธออีก เพราะเธอไม่สนใจอีกแล้ว!
เย่ฉ่าวเฉินยิ้มเย็นชา ควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ หลังจากบังคับให้เธอดูเสร็จก็รีบเก็บมัน น้ำเสียงปนไปด้วยความเย็นชานิดหน่อย “เห็นชัดหรือยัง? ตอนนี้ก็ตัดสินใจซะว่าอยากหนีไปกับเขาไหม”
มู่เวยเวยอ้าปากค้างทันที เมื่อครู่นี้ถึงจะแค่แวบเดียว แต่คนที่ปรากฏขึ้นในหน้าจอโทรศัพท์เย่ฉ่าวเฉิน คือลุงขอเธอจริงๆ ไม่ผิดแน่!
ใจสั่นทันที ผู้ชายคนนี้ทำบ้าอะไรอยู่กันแน่?
เมื่อครู่นี้เห็นลุงโดนเชือกมัดแขนขาเอาไว้ ปากถูกยัดด้วยผ้าฝ้าย หรือเขาโดนเย่ฉ่าวเฉินลักพาตัวไป? !
แต่ทำไมเขาถึงทำแบบนี้? !
มู่เวยเวยเต็มไปด้วยความสงสัย ถามขึ้นอย่างเย็นชา “นี่มันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ”
เธอกับลุงมีความสัมพันธ์กันปกติ ถ้าเขาคิดจะใช้มู่จางรุ่ย แล้วจะหยุดยั้งเธอได้ ถ้าอย่างนั้นความปรารถนาเขาก็ผิดแล้ว!
“ฮ่าๆ ……” เย่ฉ่าวเฉินมุมปากยกยิ้มอย่างไม่รู้ความหมาย เสียงทุ้มต่ำและไพเราะ “เย็นชาจริงๆ เลยนะ ยังไงเขาก็เป็นลุงเธอ”
“นายลืมไปแล้วเหรอว่าเขาก็เป็นลุงนายเหมือนกัน” พูดอย่างเยาะเย้ยช้าๆ
หนานกงเฮ่าเลิกคิ้วเล็กน้อย มองไปที่ใบหน้าด้านข้างเงียบขรึมของมู่เวยเวย แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “เวยเวย เธอรู้สึกเบื่อไหม ฉันออกไปชอปปิ้งกับเธอดีไหม”
มู่เวยเวยพยักหน้า หันหน้ากลับมามองเย่ฉ่าวเฉินอย่างเย็นชา พูดขึ้นอย่างเฉยเมย “ฉันจะออกไปของนอกแป๊บหนึ่ง”
หันตัวกำลังจะออกไป ทันใดนั้นเขาก็ดึงแขนเธอไว้ ทั้งร่างตกสู่อ้อมแขนเขาในพริบตาเดียว ลมหายใจอุ่นพ่นข้างหูเธอ แล้วพูดขึ้นเบาๆ “เธอไม่สงสัยเหรอว่าตอนนี้พี่ชายเธออยู่ที่ไหน? ”
มู่เวยเวยตกตะลึงไปทั่วร่าง ลืมดิ้นทันที แล้วถามขึ้นอย่างไม่แยแส “นายหมายความว่าไง? !”
“เธออยากรู้เบาะแสของพี่ชายเธอจากปากลุงเธอมากไม่ใช่เหรอ? ฉันช่วยเธอได้นะ”
“เย่ฉ่าวเฉิน นายใจร้ายเกินไปแล้ว!”
มู่เวยเวยดวงตาแดงก่ำ ในใจเกิดความหวาดกลัวอย่างรุนแรง
ถ้าเขารู้เบาะแสพี่ชายจากปากมู่จางรุ่ย ถ้าอย่างนั้นสถานการณ์พี่ชายจะอันตรายมากไม่ใช่เหรอ? !
เย่ฉ่าวเฉินเห็นความหวาดกลัวในแววตาเธอ มุมปากก็กระตุกยิ้มไม่แยแส แล้วพูดต่อ “ตอนนี้ให้ทางเลือกเธอสองทาง หนึ่งคือหนีไปกับหนานกงเฮ่า หรือไม่ก็เชื่อฟังกลับห้องของตัวเองไป”
สองมือกำเข้าหากันแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขามักมีวิธีจัดการเธอเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการทรมานร่างกาย หรือทรมานทางจิตใจ!
สิ่งที่น่าเศร้าคือ ทุกครั้งจะโดนเขาจับจุดอ่อนได้
มู่เวยเวยรู้สึกร่างกายอ่อนแรง สองขาหนักอึ้งเหมือนถูกฉีดด้วยตะกั่ว หันตัวกลับไปมองหนานกงเฮ่าที่ทำหน้าคาดหวัง พูดขึ้นด้วยเสียงแข็งทื่อ “หนานกง ขอโทษนะ ตอนนี้ฉันเหนื่อยนิดหน่อย ฉันอยากกลับห้องไปพักผ่อน”
หนานกงเฮ่าขมวดคิ้ว ใบหน้าปรากฏความเย็นชา พูดขึ้นอย่างไม่แยแส “ฉ่าวเฉินมันพูดอะไรกับเธออีกใช่ไหม? ”
นึกถึงที่เขาพูดแนบข้างหูเธอเมื่อครู่นี้ ถึงเขาจะไม่ได้ยินเนื้อหา แต่เขามั่นใจว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่!
“มันไม่เกี่ยวกับเขา ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อย ตอนนี้จะกลับห้องไปพักผ่อน”
มู่เวยเวยไม่กล้ามองปฏิกิริยาของหนานกงเฮ่า ขึ้นบันไดและเข้าไปในห้องตนทันที กระโดดไปที่เตียงอย่างรุนแรง ในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม!
เธอโกรธที่ตัวเองขี้ขลาด มักอยู่ในกำมือของเย่ฉ่าวเฉิน!
เธอไม่ยินยอมจริงๆ หรือเธอไม่มีโอกาสแข่งกับเขาเลยตลอดชีวิตเหรอ? โชคชะตากำหนดให้ไม่ได้รับอิสรภาพและความเท่าเทียมเหรอ? !
เมื่อเธอรู้สึกโกรธที่โชคชะตาไม่ยุติธรรม ประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นอย่างแรง มีแค่เสียงดัง ‘ปัง——’ ประตูห้องก็สั่นไหวจากแรงกระแทก
เย่ฉ่าวเฉินสีหน้าลำบากใจ เขารีบเดินมาหน้าเตียง จับผมของมู่เวยเวยไว้แล้วดึงเธอลงมาจากเตียงอย่างรุนแรง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “นังชั้นต่ำ! เธอทนความเหงาไม่ได้หรือไง! พูดมา! เธอกับหนานกงเฮ่าเริ่มติดต่อกันตั้งแต่เมื่อไร!”
มู่เวยเวยมองเขาอย่างเหลือเชื่อ ในใจรู้สึกแดกดันอย่างมาก โต้กลับอย่างเย็นชา “นายคิดว่าทุกคนหน้าด้านเหมือนพวกนายหรือไง!”
เธอพูดว่า ‘พวกนาย’ แน่นอนว่าหมายถึงเขาและเฉียวซินโยว
เย่ฉ่าวเฉินเดินไปข้างหน้าตบเธอ สีหน้าราวกับจะกินคน ปนด้วยความเกลียดชังที่รุนแรง “อย่าเปลี่ยนเรื่อง! พูดมา! เธอกับหนานกงเฮ่าถึงขั้นไหนกันแล้ว? ! ทำให้คนเจ้าชู้กังวลได้แบบนี้ ใช้ร่างกายทำให้มันพอใจใช่ไหม? ”
แค่คิดว่ามู่เวยเวยนอนกลิ้งบนเตียงเดียวกับผู้ชายคนอื่น เย่ฉ่าวเฉินก็อยากจะฆ่าเธอ!
ยัยสำส่อน! ก่อนแต่งงานก็ทำตัวออกนอกลู่นอกทาง ตอนนี้แต่งแล้วก็ยังกล้าสวมเขาให้เขา! เขาไม่ให้อภัยง่ายๆ เด็ดขาด!
มู่เวยเวยโดนเขาตบจนหัวหัน ปวดแสบปวดร้อนบนแก้ม แต่มันเทียบไม่ได้กับความอัปยศในใจเธอ!
“แล้วนายล่ะ? ! จูบกับเฉียวซินโยว ประเสริฐกว่าฉันมากเหรอ? !” มู่เวยเวยโกรธมากจริงๆ พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
เย่ฉ่าวเฉินมีสีหน้าหนักอึ้ง น้ำเสียงมืดมนและโหดร้าย “เธอลองพูดอีกทีสิ!”
“พวกนายมันหญิงร้ายชายเลวเหมาะกันดี ยังมีหน้ามาว่าฉันอีก!”
ฟังคำพูดเธอจบ ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งของเย่ฉ่าวเฉินก็จุดไฟกระหน่ำ เปลวไฟสีฟ้าเหมือนแผดเผาทุกสิ่ง เขาคว้าคอมู่เวยเวยเอาไว้ มองไปที่สีหน้าเจ็บปวดซีดเซียวของเธอ ในใจเกิดความรู้สึกแปลกๆ ทันที
มู่เวยเวยหน้าแดงก่ำ ช่องอกบวมและเจ็บปวดเพราะขาดออกซิเจน แต่เธอไม่ได้ดิ้น และหลับตาลงอย่างเงียบสงบ
เธอเหนื่อยมาก ถ้าตายแบบนี้ไป……
เย่ฉ่าวเฉินสีหน้ามืดมน สภาพเขาในตอนนี้ เหมือนกับปลากำลังจะตาย ล้มเลิกการต่อสู้อย่างสิ้นเชิง รออย่างเงียบๆ เพื่อใช้ออกซิเจนหยดสุดท้าย
หัวสมองมู่เวยเวยว่างเปล่า เนื่องจากช่องอกขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน มันทำให้สติสัมปชัญญะอ่อนแอลงเรื่อยๆ
เห็นใบหน้าเธอเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีม่วง เย่ฉ่าวเฉินก็ตกใจ ปล่อยนิ้วออกทันที ก็เห็นมู่เวยเวยนอนปวกเปียกอยู่บนเตียง อ้าปากหายใจเข้าสุดชีวิต
“อย่าให้ฉันเห็นเธออยู่กับหนานกงเฮ่าอีก! ไม่งั้นครั้งหน้าฉันจะหักคอเธอ!” เย่ฉ่าวเฉินมองเธอด้วยสีหน้าเย็นชา เอ่ยปากพูดขู่
ลำคอมู่เวยเวยเหมือนถูกไฟเผา เจ็บจนเธอขมวดคิ้วแน่น ถึงจะเป็นแบบนี้ เธอก็ยังพูดอย่างเด็ดเดี่ยวทีละคำ “นาย! ฝัน! ไปเหอะ!”
“เธอ!” เย่ฉ่าวเฉินมองสีหน้าเธอ เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ไร้การปรุงแต่ง สีหน้าอึ้งทันที ในใจเกิดความรู้สึกรุนแรงทันที
มองใบหน้าเล็กซีดเซียวของเธอ เย่ฉ่าวเฉินตัดสินใจไม่สนใจเธอในครั้งนี้ รีบหันตัวเดินออกไป
เย่ฉ่าวเฉินเดินออกจากห้องมู่เวยเวยไป ก็ตรงไปที่ห้องทำงานชั้นสามทันที นึกถึงการเผชิญหน้าเมื่อครู่นี้ มันทำให้เขาไม่มีสมาธิในการทำงานเลย
ในตอนนี้ ประตูห้องถูกเปิดออก ร่างเฉียวซินโยวปรากฏขึ้นสู่สายตา เห็นแค่รอยยิ้มสวยสง่าของเธอ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ฉ่าวเฉิน อย่าเพิ่งทำงานเลย พักผ่อนสักหน่อยเถอะค่ะ”
ผู้หญิงเหมือนกัน ทำไมต่างกันขนาดนี้?
ได้ยินการปลอบโยนจากเฉียวซินโยว ความเบื่อหน่ายในใจเย่ฉ่าวเฉินก็หายไปมาก ทันใดนั้นเขาก็พบว่า ทุกครั้งที่อยู่กับเฉียวซินโยวตามลำพัง หัวใจเขาก็เต็มไปด้วยความสงบ
เห็นเขามองตนอย่างเหม่อลอย ในใจเฉียวซินโยวก็เต็มไปด้วยความภูมิใจ ใบหน้าแดงระเรื่อนิดหน่อย อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างเขินอาย “มองฉันแบบนี้ทำไมคะ? หรือหน้าฉันมีอะไรติด? ”
เย่ฉ่าวเฉินส่ายหน้า เดินไปข้างหน้าจับมือเรียวของเธอ พูดขึ้นเรียบๆ “ซินโยว ใครที่ได้แต่งงานกับเธอในอนาคตต้องมีความสุขแน่ๆ ”
เฉียวซินโยวอึ้งไปเล็กน้อย ในใจเกิดความผิดหวังนิดหน่อยอย่างช่วยไม่ได้ พูดขึ้นในใจอย่างกังวล: คนที่ฉันอยากแต่งงานด้วยมาตลอดก็คือคุณ……
มองไปที่ใบหน้าหล่อสมบูรณ์แบบของเขา ความรู้สึกในใจเฉียวซินโยวก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอค่อยๆ เดินไปข้างกายเขา นั่งลงบนตักเขา แล้วกดแก้มลงบนหน้าอกอุ่นของเขา
เย่ฉ่าวเฉินตัวแข็งทื่อ รู้สึกร่างกายนุ่มนิ่มแนบชิดกับเขา น้ำเสียงแหบพร่า “ซินโยว อย่าทำแบบนี้——”
ไม่รอให้เขาพูดจบ เฉียวซินโยวก็โน้มตัวจูบปากรูปเพชรของเขา รู้สึกถึงลมหายใจเย็นๆ ผสมด้วยกลิ่นบุหรี่บนร่างกายเขา เธออดไม่ได้ที่จะเพิ่มความรุนแรงให้จูบนี้
สองมือวางบนหน้าอกกว้างของเขา ค่อยๆ ปลดเนกไทเขาออก ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเขา ลูบหน้าอกแกร่งของเขาอย่างยั่วยวน
เย่ฉ่าวเฉินจับมือเธอไว้ ดวงตาสีฟ้าน้ำแข็งเปล่งแสงมืดมิดและลึกซึ้ง “ซินโยว อย่าทำแบบนี้”
รู้สึกเขาหายใจหนักขึ้นเรื่อยๆ เฉียวซินโยวไม่สนอะไรทั้งนั้น ริมฝีปากแดงนุ่มแนบลงไปอีกครั้ง แขนเรียวโอบเอวเขาแน่น น้ำเสียงเจือปนด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า “ฉ่าวเฉิน อย่าปฏิเสธฉัน……”
เย่ฉ่าวเฉินดวงตามืดมน อุ้มร่างเธอวางไว้บนโต๊ะทำงาน จูบเร่าร้อนประทับลงแก้มเธอทันที จากนั้นก็ค่อยๆ ไล่ลงมา
ลมหายใจอุ่นร้อนอยู่กลางอากาศ ขณะที่เขาดื่มด่ำความอ่อนโยนอันไม่มีสิ้นสุดของเธอ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศในตอนนี้ทันที
เย่ฉ่าวเฉินตัวแข็งทื่อ มองเฉียวซินโยวที่เฝ้าปรารถนาอย่างไร้เสียง จู่ๆ ภายในใจก็เกิดความรู้สึกประหลาด ราวกับว่าคนที่สนิทแนบแน่นกับเขาเมื่อครู่นี้ในจิตใต้สำนึกไม่น่าจะเป็นเธอ
“ฉ่าวเฉิน……”
ดวงตาเย่ฉ่าวเฉินชัดเจนอีกครั้งเหมือนในอดีต โล่งใจขึ้นมาทันที พูดขึ้นด้วยเสียงเฉื่อยชา “ฉันไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ”
ภายในใจเฉียวซินโยวไม่พอใจมาก แอบสาปแช่งคนที่โทรมาอย่างไม่พอใจ แต่ใบหน้าแสร้งทำเป็นเข้าใจ พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
มองแผ่นหลังกว้างกำยำของเขา สองมือเฉียวซินโยวกำเข้าด้วยกัน เมื่อครู่นี้อีกนิดเดียวก็……ใกล้สำเร็จแล้ว
ได้ยินเสียงเขาคุยเรื่องธุรกิจรางๆ เฉียวซินโยวก็กระโดดลงจากโต๊ะเบาๆ ยืนเงียบๆ รอเขากลับมา
เวลาผ่านไปประมาณสิบกว่านาที ในที่สุดเย่ฉ่าวเฉินก็วางสายไป ในใจเฉียวซินโยวตื่นเต้น ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าเขาจะกอดเธอ สิ่งที่ทำให้เธอผิดหวังคือแววตาเย่ฉ่าวเฉินสงบนิ่งเกินไป
“ซินโยว มีเรื่องค่อนข้างสำคัญที่บริษัทต้องการให้ฉันไปจัดการให้เร็วที่สุด ฉันต้องไปเดี๋ยวนี้”
เฉียวซินโยวพยายามปกปิดความผิดหวังในใจ ใบหน้าเผยความน้อยใจออกมา ถามขึ้นเสียงเบา “ฉ่าวเฉิน คุณไม่ต้องการฉันใช่ไหม? ”
เย่ฉ่าวเฉินสีหน้าอึ้ง เขาแทบไม่คิดเลยว่า เฉียวซินโยวที่อ่อนโยนมาตลอดจะพูดประโยคเปิดเผยแบบนี้ นึกอะไรขึ้นได้ทันที ก็พูดออกไป “อย่าพูดไร้สาระ ฉันมีเรื่องด่วนจริงๆ ”
ขณะที่พูดประโยคนี้ ในใจเขาก็รู้สึกทำแบบลวกๆ เขาก็ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อครู่นี้คนที่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ไม่ใช่เธอ แน่นอนว่าเขาพูดแบบนี้ไม่ได้ แบบนี้มันจะทำร้ายจิตใจเธอ
เฉียวซินโยวสีหน้าผ่อนคลาย ช่วยเขาผูกเนกไทอย่างมีน้ำใจ มุมปากยกยิ้มอ่อนโยน พูดขึ้นเสียงเบา “ฉันเชื่อคุณ”
“อืมๆ ”
มองใบหน้าเรียบร้อยอ่อนโยนของเธอ เย่ฉ่าวเฉินโน้มตัวลงไปครึ่งหนึ่งแล้วจูบหน้าผากเธออย่างนุ่มนวล
หลังจากเย่ฉ่าวเฉินไปแล้ว มุมปากเฉียวซินโยวก็ยิ้มอย่างภูมิใจ เธอคิดว่าอย่างน้อยเย่ฉ่าวเฉินก็สนใจเธอ
เมื่อก่อนตอนเรียนหนังสือ มักได้ยินสาวๆ คุยกัน
เธอจำได้ว่าเคยได้ยินประโยคหนึ่งกล่าวว่า ถ้าผู้ชายคนหนึ่งจูบหน้าผากคุณ แสดงว่าเขาให้คุณค่าเธอมาก
เฉียวซินโยวเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผล ยังจำได้ตอนนั้นเธอหัวเราะเยาะกับประโยคนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ ในใจเธอกลับรู้สึกมีความสุขเพราะประโยคนี้
จู่ๆ เธอก็รู้ว่า ถ้าเธอตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ ถูกเขาปฏิบัติด้วยแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้จะต้องมีความสุขแน่ๆ
ฉ่าวเฉิน ฉันรักคุณแล้ว รู้ไหม?
เย่ฉ่าวเฉินพูดโกหก โทรศัพท์นั้นไม่ได้มาจากบริษัท และการสืบสวนของจางเห่อได้ผลลัพธ์แล้ว
มาถึงสถานที่ที่มู่จางรุ่ยเตรียมให้อีกครั้ง ไม่กี่วันนี้นอกจากกำจัดเสรีภาพของเขาแล้ว ก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาไม่ดีด้วยวิธีอื่น ดังนั้นสภาพจิตใจของมู่จางรุ่ยจึงยังโอเค
เดินออกจากห้องมาถึงลานบ้าน เย่ฉ่าวเฉินก็ได้ยินการตอบโต้ของจางเห่อ
“คุณชาย ผมส่งคนไปสอบสวนอย่างละเอียดแล้ว พบว่าสิ่งที่มู่จางรุ่ยพูดทั้งหมดเป็นความจริง เงินก้อนนั้นถูกฝากเข้าบัญชีส่วนตัวของเขา นอกจากนี้หลังจากสอบสวนแล้ว ที่มู่จางรุ่ยบอกคุณหนูว่ามู่เทียนเย่อยู่อเมริกาเป็นเรื่องโกหก”
“นายแน่ใจ? ”
“ครับ ผมแอบดึงบันทึกสื่อสารข้อมูลทั้งหมดของมู่จางรุ่ยมา และค้นหาในคอมพิวเตอร์ของเขา ไม่พบสิ่งที่น่าสงสัย และได้ข่าวจากพี่น้องทางอเมริกา ช่วงนี้ไม่มีคนที่มู่เทียนเย่ส่งไปเลย”
สีหน้าเย่ฉ่าวเฉินเย็นชาลงนิดหน่อย ไม่แน่ใจว่าผิดหวังหรืออะไร จู่ๆ เขาก็นึกถึงมู่เวยเวย เธอพยายามแสดงออกอย่างเต็มที่ว่าไม่มีข่าวคราวของพี่ชาย ความหงุดหงิดเกิดขึ้นใจอย่างไม่มีเหตุผล
เบาะแสเกี่ยวกับมู่เทียนเย่โป๊ะแตกแล้ว ตอนแรกเขาอยากใช้มู่เวยเวยให้ไปสืบหาที่อยู่ของเขา ไม่คิดว่าสุดท้ายก็ไม่พบอะไร
“คุณชายครับ” คำพูดของจางเห่อดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง
“มีอะไร? ”
“คุณคิดจะจัดการมู่จางรุ่ยยังไง? ”
เย่ฉ่าวเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดต่อแล้วพูดขึ้น “ปล่อยมันไป แต่นายให้มันเงียบๆ หน่อย นายไปบอกมันว่า ถ้ากล้าเผยข้อมูลแม้แต่นิดเดียว บริษัทมู่ซื่อจะหายไปจากที่นี่ รวมถึงมันและคนในครอบครัวมันด้วย!”
“ครับ”