วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ – ตอนที่ 92 วางแผนร้ายอีกครั้ง

เฉียวซินโยวผิดหวังมาก เธอเห็นมู่เวยเวยอยู่ต่อหน้าทุกวัน คิดแผนการที่ดีขนาดนั้น ผลสุดท้ายนอกจากทำให้เธอทนทุกข์ทรมานแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ เธอกัดฟันด้วยความโกรธ!

เป้าหมายเธอคือการขับไล่มู่เวยเวยออกไป ทำไมมันยากขนาดนี้?

แต่เธอไม่มีวันยอมแพ้ เธอไม่เชื่อว่าเจ้าขนมหนิวผีถังอย่างมู่เวยเวยชิ้นนี้จะไม่ทำอะไรเธอ!

เฉียวซินโยวครุ่นคิดอย่างหนัก สุดท้ายก็นึกถึงคนหนึ่ง เขาก็คือแฟนเก่าของมู่เวยเวย——ลู่จื่อหาง

เธอจะติดต่อลู่จื่อหางได้อย่างไร?

จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย มู่เวยเวยเคยให้เธอยืมโทรศัพท์ เคยโทรหาลู่จื่อหางที่ตอนนั้นยังเป็นแฟนเธออยู่ นึกถึงตรงนี้ เธอก็รีบเปิดรายชื่อโทรศัพท์ และเจอเบอร์โทรศัพท์หนึ่งจริงๆ

พยายามโทรออก สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ ไม่นานโทรศัพท์มีเสียงดัง ‘ตื้ดๆ ——’ จากนั้นก็มีคนรับสาย เสียงทุ้มสงบนิ่งก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล? ”

เฉียวซินโยวเคลียร์ลำคอ น้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยน “สวัสดีค่ะ นี่คุณลู่จื่อหางหรือเปล่า? ”

เห็นได้ชัดว่าลู่จื่อหางฟังไม่ออกว่านี่คือเสียงใคร เอ่ยถาม “คุณคือใคร? ”

เฉียวซินโยวจิบชาดำ พูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “ฉันคือเฉียวซินโยวเพื่อนนักเรียนสมัยมหาวิทยาลัยของเวยเวย เมื่อก่อนเราเคยเจอกัน แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องอยากเจอคุณ คุณสะดวกออกมาเจอกันหน่อยไหม? ”

ลู่จื่อหางขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนครุ่นคิดสักพัก แล้วถามขึ้น “คุณมีเรื่องอะไร? คุยในโทรศัพท์ไม่ได้เหรอ? ”

“คุยในโทรศัพท์ไม่ค่อยสะดวก คุณหาเวลาออกมาเจอกันหน่อยได้ไหม? ” เฉียวซินโยวโกหกแบบลวกๆ ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนใจ

ลู่จื่อหางคิดสักครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานก็ตอบตกลงในที่สุด “ก็ได้ ไปเจอกันที่ไหน? ”

“ร้านกาแฟฮุยเชว่ ฉันจะสวมแว่นกันแดดสีดำ”

“โอเค”

ณ ร้านกาแฟฮุยเชว่

ผลักประตูเข้า ก็มีเสียงดนตรีไพเราะข้างหู กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นโชยมา ลู่จื่อหางมองสำรวจรอบๆ ในที่สุดก็จ้องไปที่ตำแหน่งทิศตะวันออก

นี่คือสาวสวยแต่งตัวมีสไตล์คนหนึ่ง สวมแว่นกันแดดสีดำยี่ห้อไทแรนโนซอรัส ทั้งคู่เคยพบกันมาก่อน แต่เขาจำไม่ค่อยได้

เดินเข้าไปข้างเธอแล้วนั่งลง จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ถอดแว่น มองสำรวจเขาขึ้นลง สุดท้ายก็ยกยิ้มหวาน พูดขึ้นเบาๆ “คุณลู่จื่อหาง เชิญนั่งค่ะ”

เฉียวซินโยวสั่งกาแฟสองแก้ว มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ และเอ่ยถามขึ้น “ฉันชื่อเฉียวซินโยว เป็นเพื่อนนักเรียนของเวยเวย คุณก็รู้นี่คะ!”

ลู่จื่อหางพยักหน้า ถามขึ้น “คุณนัดผมออกมา เพื่ออะไร? ”

เฉียวซินโยวจิบกาแฟ พูดขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ฉันมีเรื่องอยากให้คุณช่วย”

“เรื่องอะไร? ”

“แน่นอนว่าเป็นเรื่องดี” เฉียวซินโยวตอบด้วยรอยยิ้ม

พูดจบก็หยิบถุงกระดาษหนึ่งออกมา ในถุงกระดาษนั้นปูด ด้านในเหมือนมีสิ่งของมากมาย เธอค่อยๆ ดันถุงกระดาษวางด้านหน้าลู่จื่อหาง แล้วพูดขึ้นเบาๆ “ในนี้มีเงินห้าหมื่นหยวน”

ลู่จื่อหางทำหน้าอึ้ง เปิดออกมาก็เห็นว่าเป็นเงินหมื่นจริงๆ

“ให้เงินผมทำไม? ” ลู่จื่อหางมีสีหน้าระแวดระวัง ถามขึ้นเสียงเย็นชา

โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ เธอควักเงินออกมาอย่างหน้าตาเฉย แน่นอนว่ามีจุดประสงค์บางอย่าง ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีสำหรับเขา เขาก็สงสัยอยู่แล้ว

เหมือนเห็นความกระวนกระวายของเขา เฉียวซินโยวก็หัวเราะสองที สีหน้าผ่อนคลายอยู่ตลอดเวลา พูดขึ้น “คุณไม่ต้องกังวล ฉันไม่กินคุณหรอกค่ะ ฉันแค่อยากร่วมมือกับคุณ”

ลู่จื่อหางครุ่นคิดความหมายเธออย่างรอบคอบ ถามขึ้นเรียบๆ “ร่วมมือยังไง? ”

“คุณแค่ช่วยฉันทำเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไร? ”

เฉียวซินโยวส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดต่อ “ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก ถึงเวลาคุณก็จะรู้ คุณแค่รับเงินไว้ก็พอ”

ลู่จื่อหางไม่ขยับไปไหน เขาไม่รู้ว่าเฉียวซินโยวคิดอะไรอยู่ จึงพูดทันที “ในเมื่อคุณเฉียวไม่จริงใจแบบนี้ งั้นผมคงทำงานร่วมกับคุณเฉียวไม่ได้”

เฉียวซินโยวสีหน้านิ่งสงบ เธอคิดประเด็นนี้ไว้ตั้งนานแล้ว นิ้วลากขอบผ้าอย่างไม่รีบร้อน พูดขึ้นเบาๆ “คุณอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ เอาแบบนี้ดีไหมคะ? คุณรับเงินไปก่อน ถึงเวลาฉันจะติดต่อคุณไป ถ้าคุณไม่อยากทำ คุณค่อยคืนเงินให้ฉัน”

น้ำเสียงเจรจาต่อรองของเฉียวซินโยวทำให้ลู่จื่อหางตื่นตัวน้อยลง เขาอดคิดไม่ได้ แม้ว่าถึงเวลานั้นเขาไม่อยากทำ เฉียวซินโยวก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ในเมื่อได้ห้าหมื่นหยวนมาฟรีๆ ทำไมจะไม่เอาล่ะ?

ลู่จื่อหางคิดแผนการในใจ ใบหน้าแสร้งทำเป็นพูดอย่างเต็มใจ “งั้นก็ได้ ถ้าสิ่งที่คุณให้ผมทำมันละเมิดเส้นผม ผมจะคืนเงินให้คุณ”

“Ok! งั้นก็เอาตามนี้” เฉียวซินโยวเผยยิ้มพอใจบนใบหน้า ยื่นมือไปวางตรงหน้าลู่จื่อหาง แล้วพูดขึ้น “ยินดีที่ได้ร่วมงานค่ะ”

ลู่จื่อหางกุมมือเธอ พบว่าแขนเธอบอบบางเรียบเนียน ทันใดนั้นก็รู้สึกแปลกประหลาดในใจนิดหน่อย มุมปากยกยิ้มขึ้นมา พูดขึ้นเรียบๆ “ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ”

……

ตึกใหญ่เยว่ฮวาง

เมื่อเช้ามู่เวยเวยได้ยินเพื่อนร่วมพูดขึ้นว่าผลงานการคัดเลือกในสองวันนี้จะออก ผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการ ผลงานที่มีคะแนนเสียงมากที่สุด จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ในฤดูร้อนปีนี้

ตัวอย่างผลงานนี้จะแสดงอยู่หน้าเคาน์เตอร์ร้านเสื้อผ้าแบรนด์เยว่ฮาง ชื่อผู้สร้างผลงานจะแสดงร่วมกัน

ด้วยอิทธิพลของเยว่ฮวาง สำหรับผู้สร้าง ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย

มู่เวยเวยตั้งใจสร้างสรรค์มาก บังคับให้ตัวเองนิ่งสงบเหมือนน้ำ ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เธอก็พยายามอย่างเต็มที่ เธออยากทำให้จิตใจสงบตลอดเวลา ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ไม่ท้อถอย

และในตอนนี้ โทรศัพท์บ้านข้างกายก็ดังขึ้น มู่เวยเวยกดปุ่มรับสาย จากนั้นเสียงผู้จัดการเหอก็ดังขึ้น “เวยเวย ตอนนี้เธอมาห้องทำงานฉันหน่อย”

ในใจมู่เวยเวยสงสัยนิดหน่อย แต่พูดขึ้นอย่างใจเย็น “ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันไป”

เฉียวซินโยวข้างๆ มองแผ่นหลังมู่เวยเวย ขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที เธอมักรู้สึกว่ามีข่าวไม่ดี กำลังจะออกมา

เคาะประตูห้องทำงาน ได้ยินเสียงตอบสนองดังมาจากข้างใน มู่เวยเวยจึงผลักประตูเดินเข้าไป

เดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงานเหอเหม่ยหลิง ก็ถามขึ้นด้วยท่าทางเคารพและใจเย็น “ผู้จัดการเหอ เรียกฉันมีเรื่องอะไรเหรอคะ? ”

เหอเหม่ยหลิงเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารบนโต๊ะ หลังจากได้พบเธอก็โล่งใจ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “วันนี้เช้าฉันไปประชุมมา ผลการคัดเลือกรอบสุดท้ายออกมาแล้ว”

มู่เวยเวยทำหน้าตึงเครียด ในใจรู้สึกตึงเครียด ไม่รู้ว่าควรตอบว่าอย่างไรไปชั่วขณะ แค่พยักหน้าเบาๆ

เหอเหม่ยหลิงเห็นความเครียดของเธอ ก็ไม่อุบไว้อีก พูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “ผลิตภัณฑ์ฤดูร้อนที่เยว่ฮวางใช้ในปีนี้คือผลงาน ‘ปลิวไสว’ ของเธอ”

มู่เวยเวยทำหน้าอึ้ง แต่ภายในใจดีใจอย่างมาก บนหน้ามีความสุขอย่างไม่อาจคาดเดาได้ แต่น้ำเสียงยังคงสงบ “ผู้จัดการเหอ ฉันขอถามหน่อยนะคะ คณะกรรมการประเมินผลงานฉันยังไง? ”

ถึงแม้เหอเหม่ยหลิงไม่คิดว่าเธอจะถามคำถามนี้ มองเธอด้วยความชื่นชมมากมาย พูดขึ้นแผ่วเบา “เวยเวย ฉันชื่นชมทัศนคติเธอมาก คณะกรรมการบอกว่าผลงานเธอมีศิลปะมาก มีนวัตกรรมมากกว่าผลงานชิ้นอื่น”

มู่เวยเวยโล่งอกนิดหน่อย ใบหน้ายิ้มแย้มแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณการเทรนด์ของคุณ ไม่งั้นฉันไม่มีวันนี้หรอกค่ะ”

เหอเหม่ยหลิงส่ายหน้า พูดขึ้น “ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับตัวเธอเอง เวยเวย เธอมีความสามารถในด้านนี้มาก แน่นอนว่าไม่ได้ดีที่สุด สิ่งล้ำค่าที่สุดคือเธอมีจิตใจที่ปกติ”

มู่เวยเวยเข้าใจความหมายของเขา พูดต่อ “ผู้จัดการเหอ ฉันจะพยายามต่อไปค่ะ”

เหอเหม่ยหลิงพยักหน้า สีหน้าอ่อนโยนอย่างหาได้ยาก พูดขึ้นเรียบๆ “ครั้งนี้เธอทำให้ฉันมีหน้ามีตา เพื่อเป็นการตอบแทน ฉันจะเชิญเธอและพนักงานทุกคนในแผนกไปทานอาหารค่ำที่ร้านลั่วอวี่เซวียน”

มู่เวยเวยมุมปากยกยิ้มจางๆ พูดขึ้นเบาๆ “งั้นฉันขอขอบคุณผู้จัดการล่วงหน้า”

“อืม เธอกลับไปทำงานเถอะ”

“อืม”

มู่เวยเวยกลับไปที่ตำแหน่งตัวเอง สำหรับเรื่องการเลือกผลิตภัณฑ์ของมู่เวยเวย ราวกับมีปีกกางออก แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในแผนกต่างๆ เพื่อนร่วมงานต่างมาแสดงความยินดี ทำให้มู่เวยเวยเขินอายอย่างมาก

เฉียวซินโยวได้ยินข่าวนี้ คิ้วสวยก็ขมวดเป็นเกลียว คำชมที่เหล่าเพื่อนร่วมงานชมเธอดังในหูเธอ ก็รู้สึกระคายเคืองหูทันที เธอใช้กำลังอย่างมากในการระงับความแค้นในใจ

ได้สติกลับมาแล้ว ได้ยินพวกเขากำลังคุยเรื่องอาหารค่ำในคืนนี้ ที่แท้ผู้จัดการเหอก็ชวนทุกคนไปทานอาหารที่ร้านลั่วอวี่เซวียน ไม่คิดว่าเย่ฉ่าวเฉินก็อยู่ในรายชื่อรับเชิญด้วย

เฉียวซินโยวท่องชื่อร้านอาหารนี้สองรอบในใจ ทันใดนั้นแผนการที่ยอดเยี่ยมก็เกิดขึ้นในสองเธอ

เฉียวซินโยวมองมู่เวยเวยที่ถูกเพื่อนร่วมงานล้อมรอบ มุมปากยกยิ้มบึ้งตึง พูดขึ้นอย่างเย็นชา “มู่เวยเวย ตอนนี้เธอภูมิใจมากเลยสิ? เดี๋ยวก็ยิ้มไม่ออกแล้ว!”

แอบส่งข้อความไปหาลู่จื่อหาง บอกเขาว่าให้มารอเธอที่ร้านลั่วอวี่เซวียนเวลาสองทุ่ม และไม่นานก็ได้รับข้อความตอบกลับ

ตอนเย็นเลิกงานแล้ว คนกลุ่มหนึ่งค่อยๆ มาถึงร้านลั่วอวี่เซวียน

ร้านลั่วอวี่เซวียนเป็นร้านอาหารจีนชื่อดังในละแวกนี้ ว่ากันว่าอาหารในนั้นอร่อยมาก อร่อยจนหยุดไม่ได้

เนื่องจากเป็นการรวมตัวกันของพนักงาน เข้าร้านไปก็ได้รับการต้อนรับจากบริกรสาว นำไปยังห้องหรูหราชั้นสอง ห้องบรรจุคนได้ประมาณสามสิบถึงสี่สิบคน ซึ่งค่อนข้างมั่งคั่งสำหรับแผนกพวกเขา

หลังจากเข้าไปนั่งแล้ว ผู้จัดการร้านก็นำอุปกรณ์สั่งอาหารมา ผู้จัดการเหอให้ทุกคนสั่งได้ตามใจ เริ่มด้วยตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดอย่างเย่ฉ่าวเฉิน

สองมือเย่ฉ่าวเฉินพลิกสองครั้ง สุดท้ายนิ้วก็หยุด หนึ่งในอาหารจานพิเศษของร้าน ‘ปูชุบเกล็ดหิมะ’ จิ้มลงไปเบาๆ เมนูก็ถูกส่งต่อไปที่ครัวด้านหลังทันที

ต่อมาก็ให้มู่เวยเวยผู้มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดสั่งอาหาร มู่เวยเวยไม่ค่อยมาร้านอาหารแบบนี้ เธออาศัยแค่รูปร่างหน้าตาของมัน สั่งอาหาร ‘ผัดตำรับคุณยาย’ ที่หน้าตาดูดี

สำหรับลำดับต่อไป ก็ให้เหล่าพนักงานสั่งกันได้อย่างอิสระ ครบรอบวงแล้ว อาหารที่สั่งก่อนหน้านี้ก็วางไว้บนโต๊ะแล้ว เห็นอาหารอุดมสมบูรณ์ ทุกคนก็ต่างเริ่มทานกัน

ในตอนนี้ เหอเหม่ยหลิงก็มองไปรอบๆ น้ำเสียงพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ทุกคนหยุดก่อน ให้เกียรติประธานเย่หน่อย เรามาดื่มให้ความเคารพประธานเย่สักแก้วไหม? ”

เหล่าพนักงานได้ยินก็ต่างพยักหน้า มุมปากยกยิ้ม พูดขึ้นอย่าเคารพ “ประธานเย่ เราดื่มคารวะคุณหนึ่งแก้ว”

หมายความว่าไม่เมาไม่กลับ

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้าอย่างสงบ สายตาเหลือบมองมู่เวยเวยโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็เบนสายตาออกมาอย่างรวดเร็ว

“ประธานเย่ ฉันดื่มคารวะคุณแก้วแรก”

เย่ฉ่าวเฉินพยักหน้า จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าข้างๆ มาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

และเมื่อมีคนอยากดื่มคารวะแก้วที่สอง เหอเหม่ยหลิงก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ดื่มคารวะประธานเย่คนเดียวไม่ได้ ครั้งนี้เวยเวยช่วยแผนกเราไว้มาก ควรจะดื่มให้เธอด้วย”

ทันทีที่พูดออกไป สายตาทุกคนก็มองมาทางมู่เวยเวย

มู่เวยเวยสีหน้าเต็มไปด้วยความหมดหนทาง เธอกำลังจะพูดว่าเธอดื่มไม่ได้ อย่าว่าแต่เหล้าขาวที่มีแอลกอฮอล์สูงเลย แต่พอเห็นสีหน้าคาดหวังบนหน้าเพื่อนร่วมงาน เธอก็ขัดใจพวกเขาไม่ได้

หายใจเข้าลึกๆ ยกแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วพูดขึ้น “ฉันดื่มไม่เก่ง ทุกคนให้อภัยฉันด้วยนะคะ”

พูดจบก็เงยคอขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ท่าทางสง่างามมาก แค่รู้สึกรสชาติร้อนแรงไหลลงคอ และไหลลงสู่กระเพาะอาหาร แม้แต่ตรงนั้นก็รู้สึกแย่เป็นพิเศษ

มู่เวยเวยขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้มีคนจะดื่มคารวะเธอแก้วที่สอง เธอทำได้แค่อดทนและดื่มแก้วสอง

เย่ฉ่าวเฉินหรี่ตา มองเธอด้วยสีหน้าที่เจือปนด้วยเสน่ห์อันชั่วร้าย ไม่รู้ว่าเพราะดื่มเหล้าหรือไม่ แก้มมู่เวยเวยแดงเล็กน้อย แม้แต่ดวงตาสีเข้มยังย้อมไปด้วยเสน่หา ทำให้ร่างกายเขาเกิดปฏิกิริยา

ให้ตายเถอะ! ไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกผู้หญิงคนนี้ปลุกเร้าได้ง่ายแบบนี้!

ดื่มไปประมาณห้าหกแก้ว มู่เวยเวยก็รู้สึกทนไม่ไหวแล้ว กระเพาะเธอทรมานมากเพราะถูกกระตุ้นด้วยแอลกอฮอล์ เธอค่อยๆ ยืนขึ้นจากที่นั่ง พูดด้วยน้ำเสียงมึนเมา “ทุกคนดื่มไปก่อนนะคะ ฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง”

“เธอไปเถอะ เราดื่มคารวะประธานเย่ก่อน” ทุกคนไม่ได้ลำบากใจ พูดขึ้นอย่างเข้าใจ

มู่เวยเวยเดินออกจากห้องไป

มองฝีเท้าเธอที่ดูลอยๆ เล็กน้อย มุมปากเฉียวซินโยวเผยรอยยิ้มชั่วร้าย เธอก้มหน้าลงแอบส่งข้อความไปหาลู่จื่อหาง

มู่เวยเวยไปเข้าห้องน้ำแล้ว

มาถึงห้องน้ำ มู่เวยเวยก็ฟุบอาเจียนบนอ่างล้างล้างหน้า เพราะเมื่อครู่นี้ไม่ได้กินอะไร หลังจากอาเจียนน้ำเปรี้ยวไม่กี่คำ ก็ไม่สามารถอาเจียนได้อีกต่อไป

ในท้องปวดแสบปวดร้อน ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ขึ้นมาแล้ว ทำให้เธอเริ่มหมดสติ ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่ ตอนนี้เธอไม่คิดเลยว่าจะได้ยินเสียงลู่จื่อหาง

มู่เวยเวยค่อยๆ หันตัวไป ร่างลู่จื่อหางปรากฏตัวต่อหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “จื่อหาง? ”

ลู่จื่อหางมองสีหน้าเธอที่เมา ดวงตาลึกซึ้งขึ้นมาก เมื่อครู่นี้เฉียวซินโยวส่งข้อความหาเขา ให้เขาพามู่เวยเวยออกไปจากที่นี่ นึกถึงตรงนี้ เลือดในกายลู่จื่อหางก็เดือดพล่าน

ตอนเขาและมู่เวยเวยคบกัน เพราะมู่เวยเวยเป็นคนหัวโบราณ พวกเขาเคยแค่จับมือกัน การกระทำที่ใกล้ชิดที่สุดก็คือหอมแก้ม จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้รสชาติของเธอเลย!

ถ้าอย่างนั้นในคืนนี้ ในที่สุดเขาก็ทำตามความปรารถนานี้ได้แล้ว……

มู่เวยเวยยื่นมือออกไปจับ ไม่คิดว่าจับแล้วจะรู้สึกเหมือนจริง ในใจรู้สึกตื่นเต้นทันที รู้แล้วว่าคนตรงหน้าคือลู่จื่อหางจริงๆ

“นายมา……ทำอะไร? ” เพราะเมาเหล้า ความคิดมู่เวยเวยจึงไม่ค่อยชัดเจน คำถามที่จะถามตอนแรกพอมาถึงตอนนี้ ยิ่งเหมือนกับกำลัง……ออดอ้อน……

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ

“ผู้หญิงคนนี้ ฉันต้องการแล้ว” มู่เวยเวยซึ่งถูกแฟนหนุ่มขายตัวเธอไป จนเธอต้องกลายเป็นภรรยาของเย่ฉ่าวเฉิน ภายในห้อง ความดุของเขาทำให้เธอทรุดลง “คุณแต่งงานกับฉันด้วยเหตุผลอะไร” ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่งงานกับคุณ แน่นอนว่าเพื่อที่จะได้รังแกคุณไง” หลังจากนั้น…………. “คุณห้ามคิดถึงผู้ชายคนนั้น ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเขา” “ผู้หญิงของผมมีแค่ผมเท่านั้นที่จะรังแกได้ ใครกล้ามาแตะต้องคุณแม้แต่ปลายผม มันต้องตาย” “ใครบอกให้คุณไม่กลับบ้านตอนค่ำ ได้บอกผมรึยัง” ความทรมานที่ฉันพูดถึงมันเปลี่ยนรสชาติไปได้อย่างไร …………. เขาช่วยเธอ และปกป้องเธอเหมือนขุมทรัพย์ จนกระทั่งเธอพบว่าสามีที่เพิ่งแต่งงานคนนี้มีความลับที่เธอไม่รู้ … ห้องที่ห้ามเข้าใกล้ … ผู้ชายที่มีม่านตาสีม่วงและดวงตาเป็นประกาย … ทั้งสองหน้าเหมือนกันมาก … ใครคือสามีที่แท้จริงของเธอ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset