บทที่ 110 ฉลองปีใหม่ด้วยกัน
ออกมาอีกครั้ง ก็ผ่านไปสิบกว่านาทีแล้ว
ลู่จิ่งเซินคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว กำลังนั่งรอเธออยู่ที่โต๊ะ
จิ่งหนิงสูดหายใจเข้าลึกๆ จัดการอารมณ์ของตนเองให้ดี แล้วเดินเข้าไป
“เข้าไปนานขนาดนี้ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
จิ่งหนิงส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ”
ตอนนี้พลุยังไม่จุด ภายในภัตตาคารมีนักไวโอลินที่กำลังบรรเลงเพลงอันแสนไพเราะน่าฟัง รอบๆด้านล้วนแต่เป็นแสงเทียนที่โรแมนติก ในแสงสียามราตรีอย่างนี้ น่าหลงใหลชวนเพ้อฝันเป็นพิเศษ
ลู่จิ่งเซินกำลังมองเธอ ยิ้มๆ: “คุณนายลู่ เต้นรำด้วยกันสักหน่อยไหม?”
จิ่งหนิงตกตะลึง
ฝ่ายชายยืนขึ้นแล้ว เดินมาถึงข้างกายเธอ โค้งคำนับอยู่ที่ด้านหลัง
เมื่อเธอเห็นมือข้างนั้นที่ด้านหน้าของตนเอง ก็ค่อนข้างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ลู่จิ่งเซิน ฉันไม่ได้ใส่ชุดราตรี”
“ผมก็ไม่ได้ใส่สูท”
เขาไม่สนใจ ยังคงจับมือของเธอ ดึงให้เธอลุกจากเก้าอี้
เสียงไวโอลินเนิบนาบนุ่มนวล คนสองคนที่สวมเสื้อขนเป็ดกำลังเต้นรำอยู่ด้วยกันบนที่ว่างด้านหน้าของภัตตาคาร คงจะเหมาสถานที่ไว้แล้ว ชั้นนี้จึงไม่มีลูกค้า ลมหนาวเย็นของเดือนสิบสองโดนกระจกแก้วตัดขาดอยู่ภายนอก ไม่นึกเลยว่าจะมีความรู้สึกที่อบอุ่นสบายใจเป็นพิเศษอย่างนี้ให้กับพวกเขา
จิ่งหนิงโดนเขาจูงมือเอาไว้ เต้นรำตามเขาอย่างช้าๆ ฝ่ามือที่อบอุ่นของฝ่ายชาย สามารถรู้สึกได้ถึงพละกำลังในฝ่ามือนั้นได้อย่างชัดเจน
เนื่องจากเศษกระดาษแผ่นนั้นในตอนแรก ใจของเธอยังคงกระสับกระส่ายอยู่บ้าง ไม่นึกว่าในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ จะค่อยๆคลายกังวลได้แล้ว
“คุณคิดอะไรอยู่?”
จู่ๆลู่จิ่งเซินก็ถามขึ้น
จิ่งหนิงได้สติกลับมา รีบส่ายหัวทันที
“ไม่มีอะไรค่ะ”
ลู่จิ่งเซินมองเข้าไปในดวงตาของเธออย่างลึกซึ้ง
จิ่งหนิงโดนเขามองก็ค่อนข้างอึดอัด จึงหันหน้าหนีเล็กน้อย ถามเบาๆ: “ทำไมคะ?”
“ผมไม่ชอบท่าทางใจลอยของคุณ”
จิ่งหนิงตกตะลึง
แล้วก็ ได้ยินฝ่ายชายพูดต่อ: “ราวกับว่าผมไม่มีเสน่ห์อย่างชัดเจน”
จิ่งหนิง: “……”
สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหว “ฮ่าๆ” หัวเราะเบาๆออกมา เม้มปาก ยิ้มๆ: “ไม่ใช่สักหน่อย คุณมีเสน่ห์มากเลย”
สายตาของฝ่ายชายเป็นประกาย
“ฉันแค่ไม่ค่อยชิน หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้ฉลองปีใหม่อย่างจริงจัง แต่ก่อนไม่นอนดูโทรทัศน์อยู่ในห้องคนเดียวก็หลับไปเลย จู่ๆวันนี้เป็นอย่างนี้ ทำให้ตอนนี้ฉันปรับตัวไม่ค่อยได้”
ดวงตาของฝ่ายชายลึกซึ้งเล็กน้อย
ในแววตาที่ลึกล้ำคู่นั้น มีบางอย่างที่เธอบอกไม่ถูก แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ที่หลากหลาย
“วางใจเถอะ ต่อไปวันนี้ของทุกๆปี ผมจะอยู่กับคุณ จะไม่ให้คุณเก็บตัวดูโทรทัศน์อยู่ในบ้านคนเดียวอีกแล้ว”
จิ่งหนิงตกตะลึงเล็กน้อย เงยหน้ามองเขา แค่เห็นท่าทางที่จริงจังของเขา ไม่เหมือนกำลังล้อเล่น
เธอก็ใจอ่อนยวบเล็กน้อย ยิ้มๆ: “ขอบคุณค่ะ”
“ปุ้ง–!”
เสียงดังดังขึ้น จู่ๆด้านนอกก็จุดพลุ เสียงไวโอลินหยุดลงทันที นักไวโอลินวางไวโอลินลงแล้วเดินเข้ามา ยิ้มแล้วพูดขึ้น: “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง งานดอกไม้ไฟเริ่มขึ้นแล้วครับ”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า โบกมือให้เขาถอยออกไป แล้วดึงจิ่งหนิงเดินไปที่หน้าต่าง
เพียงเห็นไม่ไกล พลุราวกับไฟ แต่ละดอกๆที่บานสะพรั่งอยู่กลางอากาศ
สีฟ้าสีเหลืองสีขาวสีม่วงสีเขียว…..ผสมผสานปนเปอยู่ด้วยกันอย่างนับไม่ถ้วน สุดท้ายก็กลายเป็นประกายดอกไม้ไฟที่สว่างพร่างพราวอยู่ทั่วท้องฟ้า แวววาวบานสะพรั่ง
แม้แต่จิ่งหนิงที่ไม่ชอบความอึกทึกครึกโครมเสมอมา ตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึงกับฉากที่อลังการอย่างนี้ ตาเบิกกว้างอยู่ใกล้ๆบนกระจกแก้ว ร้อง “ว้าว” ออกมาเบาๆ
ลู่จิ่งเซินกอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง วางหัวลงบนไหล่ของเธอ
“สวยไหม?”
“อื้ม สวยมาก”
“ถ้าชอบ ผมจะจุดให้คุณดูทุกปีเลย”
จิ่งหนิงตกตะลึง
หันมามองเขาอย่างเหลือเชื่อ
“นี่คุณตั้งใจจุดพลุให้ฉัน?”
ลู่จิ่งเซินยิ้มๆ พยักหน้า
จิ่งหนิง: “……”
เธอไม่รู้ว่า แม้ลานกว้างๆที่นอกเมืองจะสามารถจุดพลุได้ แต่ก็จุดแค่พลุธรรมดาๆเพื่อความคึกคักเท่านั้น จะเหมือนคืนวันนี้ได้ที่ไหนกัน ดอกไม้ไฟที่สวยงามเป็นประกาย แทบจะสามารถใช้คำว่ายิ่งใหญ่มโหฬารมาอธิบายได้เลย
บางส่วนในใจ จมลงไปในความเงียบ
จิ่งหนิงก้มหน้าเล็กน้อย ครู่หนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้นมา เบ้าตาแดงระเรื่อเล็กน้อย
“ขอบคุณนะคะ”
ลู่จิ่งเซินมองแล้วอบอุ่นหัวใจ
“ไม่ต้องเกรงใจผมอย่างนี้หรอก”
เขายื่นมือ ไปลูบรอยแดงๆที่หางตาแทนฝ่ายหญิง พูดเสียงทุ้ม: “หวังว่าต่อไปในทุกๆปี พวกเราก็จะมีความสุขด้วยกันอย่างนี้นะ”
จิ่งหนิงมองเขา ครู่หนึ่ง ก็พยักหน้าอย่างแน่วแน่
“อื้ม”
พลุจุดไปครึ่งชั่วโมงเต็มๆ
ตอนที่จุดเสร็จ ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี
เสียงนาฬิกาของปีใหม่ดังขึ้น ฝ่ายชายโอบเธอจากด้านหลัง พูดเบาๆที่ข้างหูเธอ: “ภรรยา สวัสดีปีใหม่!”
ใจของจิ่งหนิงอ่อนยวบไปหมด เผยอๆปาก แล้วก็พูดด้วยเสียงทุ้ม: “สวัสดีปีใหม่”
และตอนนี้ ในมุมมืดที่พวกเขาไม่รู้ตัว ร่างของผู้ชายที่อ้างว้างคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น มองร่างของคู่นั้นที่กำลังกอดกันอยู่ใต้ดอกไม้ไฟ ดวงตาที่เลิกขึ้นเล็กน้อยเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง
มีพนักงานเดินเข้ามา เตือนขึ้น: “คุณผู้ชาย ที่นี่โดนเหมาไปแล้ว คุณเข้ามาไม่ได้” เขาหันกลับไป มองพนักงานคนนั้นอย่างเย็นชา
พนักงานเห็นหน้าของเขาอย่างชัดเจน อ้าปากกว้างอย่างตื่นตกใจ
แล้วก็ เห็นเขาหมุนตัวเดินออกไปข้างนอก อย่างรวดเร็ว ร่างก็หายไปในความมืดที่แสงส่องไม่ถึงแล้ว
หลังจากนั้นกลับมาได้อย่างไร จิ่งหนิงก็แทบจะลืมไปหมดแล้ว
เธอง่วงเหลือเกิน หลังจากดูพลุเสร็จแค่ขึ้นรถ ก็หลับไปเลย
ตื่นขึ้นมาอีกที เป็นเช้าของวันที่สองแล้ว เธอนอนอยู่บนเตียงใหญ่นุ่มๆ ผู้ชายข้างกายที่หลับตาอยู่ ใบหน้าที่หล่อเหลาท่ามกลางแสงยามเช้าแพร่กระจายประกายของความอบอุ่นอ่อนโยนออกมา กำลังหลับสนิท
เธอหรี่ตาลง ยันตัวขึ้นเตรียมจะลุกจากเตียง แต่ทว่าเพิ่งจะขยับ ฝ่ายชายก็ยกมือขึ้นมาดึงกลับไป
“นอนต่ออีกหน่อย”
เสียงของผู้ชายในตอนเช้ายังคงมาพร้อมกับความแหบพร่าที่ดึงดูดใจอยู่เล็กน้อย
จิ่งหนิงยิ้ม “ไม่เช้าแล้ว ฉันจะไปดูเหยาเหยาหน่อย”
“เธอไปแล้ว”
จิ่งหนิงตกตะลึง
ในที่สุดลู่จิ่งเซินก็ลืมตาในแววตาที่ลึกล้ำคู่นั้นยังคงอ่อนเพลียขี้เกียจที่ต้องตื่นเช้าอยู่นิดหน่อย แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนหัว พูดเรียบๆ: “ไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว คุณหลับสนิทมาก ก็เลยไม่ได้บอกคุณ”
“เธอไปไหนแล้ว?”
ลู่จิ่งเซินไม่ได้พูดอะไร
แต่สายตาคู่นั้นกำลังพูดอย่างชัดเจน ว่าเขาจะรู้ได้อย่างไร?
หัวเหยาไม่ใช่ภรรยาเขาสักหน่อย ทำไมเขาต้องสนใจว่าเธอจะไปไหน?
นี่จิ่งหนิงถึงมีปฏิกิริยากลับมา คำถามนี้ไม่ควรถามเขา รีบปีนขึ้นไปหยิบมือถือมาโทรหาเธอ
โทรศัพท์ดังอยู่ครู่หนึ่งจึงมีคนรับ
อีกด้านเสียงใสๆของหัวเหยาแพร่เข้ามา
“หนิงหนิง ตื่นแล้วเหรอ?”
“เธอไปไหนแล้ว?”
“กลับบ้านสิ”
“กลับบ้าน?”
“ใช่น่ะสิ พ่อลูกจะโกรธกันข้ามคืนได้ไง ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันแรกของปีใหม่ ฉันต้องกลับมาฉลองปีใหม่กับพ่ออยู่แล้ว”
จิ่งหนิง: “……”
“ก็ได้! แค่เธอไม่มีเรื่องอะไรก็ดีแล้ว”
“สบายใจได้! อย่าเป็นห่วงฉันเลย ฉันสบายดีมากๆ สวัสดีปีใหม่นะ! วางแล้วนะจ๊ะ”
จิ่งหนิงยิ้มๆ “จ้า สวัสดีปีใหม่”
วางโทรศัพท์แล้ว เธอก็เป่าปากอย่างคลายกังวล ไปบ้วนปากล้างหน้าในห้องน้ำ
และอีกด้านหนึ่ง หัวเหยาวางมือถือลง มองผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านหน้า สีหน้าหม่นหมองลงทันที
“พ่อคะ หนูไม่แต่งงานกับเขานะ พ่อเลิกล้มความตั้งใจไปเถอะ!”