วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 114 ได้เป็นแม่โดยบังเอิญ

บทที่ 114 ได้เป็นแม่โดยบังเอิญ

เวลานี้ เด็กน้อยคนนั้นก็เห็นเธอแล้ว

เธอกระพริบๆดวงตากลมโตที่ชุ่มชื้น บนใบหน้าเล็กๆที่เนียนละเอียดเต็มไปด้วยความสงสัยและระวังตัว

ก็ตอนที่จิ่งหนิงอยากจะพูดอะไรต่อไป ก็ได้ยินเธอเรียกออกมาอย่างกะทันหัน: “หม่ามี้!”

จิ่งหนิง: “……”

ครู่หนึ่ง เด็กน้อยก็ยืนขึ้นมา หน้าตาตื่นเต้นดีใจวิ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว

“หม่ามี้! ในที่สุดหนูก็เจอหม่ามี้แล้ว!”

จิ่งหนิง: “?????”

นี่……ใครสามารถบอกเธอได้บ้าง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?

ดึกดื่นค่อนคืน ก็เป็นแม่โดยไม่ได้ตั้งใจ?

จิ่งหนิงมองเด็กน้อยที่กระโจนเข้ามาในอ้อมอกเธอด้วยความตกใจ ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงตอบสนองกลับมา

“หนูน้อย หนูจำผิดคนแล้ว ฉันไม่ใช่แม่ของหนูนะ”

“หม่ามี้ หนูคิดถึงหม่ามี้จังเลย! พวกเขาบอกว่าแค่มาที่นี่ก็จะได้เจอหม่ามี้ หนูยังไม่เชื่อหรอก แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอหม่ามี้ที่นี่จริงๆ!”

เด็กน้อยดีใจอย่างชัดเจน แขนเล็กๆสองข้างกอดขาจิ่งหนิงไว้แน่น อย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือ

จิ่งหนิงทำตัวไม่ถูก แต่จากในคำพูดของเด็กน้อย ก็พอจะฟังออกว่า เธอมาตามหาแม่ เป็นไปได้ว่าพลัดหลงกับคนที่บ้าน

อยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ เธอก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงถือโอกาสยังไม่พูดเรื่องนี้ไปก่อน

จิ่งหนิงมองดูรอบๆด้าน ไม่เห็นคนอื่น จึงถามขึ้น: “หนูน้อย หนูอยู่คนเดียวเหรอ? คนที่บ้านล่ะ?”

“หนูหลงทางกับคุณย่าแล้ว หนูหาคนที่บ้านไม่เจอ!”

จิ่งหนิงถอนหายใจเงียบๆ ในใจคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้

ที่นี่เปลี่ยวอยู่ห่างจากชุมชนมาก ก็เกือบจะถึงชานเมืองแล้ว ก็ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่พวกนั้นคิดอะไรอยู่ ไม่นึกว่าจะทำเด็กที่อายุน้อยขนาดนี้หายที่นี่ได้

ในใจเธอค่อนข้างโมโห ก้มตัวลงไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา

“หนูน้อย หนูชื่ออะไรเหรอ?”

“หนูชื่ออานอานค่ะ”

“อานอานไม่ต้องกลัวนะ น้าจะพาหนูไปหาคุณลุงตำรวจดีไหม? คุณลุงตำรวจจะช่วยหนูตามหาคนที่บ้านให้แน่นอน”

ในดวงตาโตๆที่ใสแจ๋วคู่นั้น เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและสับสน ดวงตาแวววาว

จิ่งหนิงมองจนใจจะละลายแล้ว

“หม่ามี้ จะไปหาคุณลุงตำรวจให้จับตัวคุณย่าเหรอคะ?”

จิ่งหนิงชะงัก

ในใจบอกว่าถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะให้คนไปจับผู้ปกครองที่ไม่มีความรับผิดชอบคนนั้นขึ้นมา

แต่เธอก็รู้ว่า มันเป็นไปไม่ได้

ดูการแต่งกายของเด็กคนนี้ ชัดเจนว่ามีครอบครัวที่ร่ำรวยคอยเอาอกเอาใจ น่าจะพลัดหลงกับผู้ปกครอง

ดังนั้นเธอจึงส่ายหน้า “ไม่ใช่จ๊ะ เพียงแค่อยากให้พวกเขาช่วยตามหาคุณย่าของหนูก็เท่านั้น”

“แต่ตอนนี้คุณลุงตำรวจเลิกงานกันหมดแล้ว อีกอย่างอานอานเหนื่อยมากเลย ง่วงมากด้วย หม่ามี้ พาหนูกลับบ้านได้ไหมคะ? อานอานอยากกลับบ้านไปนอน”

จิ่งหนิง: “……”

เธอมองเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด ในดวงตาโตๆใสแป๋วคู่นั้น ค่อนข้างเหนื่อยล้าจริงๆ

ในใจอดไม่ได้

ช่างเถอะๆ พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้!

อย่างไรก็แค่คืนเดียว พาเด็กกลับบ้านก่อน พรุ่งนี้รอเธอพักผ่อนให้เต็มที่แล้ว ค่อยพาเธอไปหาคนในครอบครัวก็ได้ คิดอย่างนี้ จิ่งหนิงก็อุ้มเด็กน้อยกลับไปที่รถ

ทางกลับคฤหาสน์บ้านลู่

วันนี้ป้าหลิวลา คนรับใช้อื่นๆฉลองปีใหม่เสร็จแล้วแต่ยังไม่กลับมาทำงาน ดังนั้นวันนี้ในบ้านก็แทบไม่มีคน

จิ่งหนิงอุ้มเธอเข้าห้องนอนแขก ครั้งแรกที่เด็กน้อยได้มาถึงสภาพแวดล้อมใหม่ๆ อยากรู้อยากเห็นไปกับทุกอย่าง ลูบๆคลำๆ สนอกสนใจ ดวงตาที่สวยงามคู่นั้นมีความสุขมากเหลือเกิน

“หม่ามี้ นี่เป็นบ้านของหม่ามี้เหรอ? บ้านสวยจังเลยค่ะ!”

จิ่งหนิงยิ้มแล้วแก้ให้ถูกต้อง “พูดอีกครั้งแล้วกันนะ ฉันไม่ใช่หม่ามี้ของหนู เรียกฉันว่าน้าก็พอแล้วจ๊ะ”

อานอานมองเธอ ค่อนข้างน้อยใจ

“แต่หม่ามี้ก็เป็นหม่ามี้ของหนูนี่คะ ~~”

จิ่งหนิงชะงัก

เธอมองดวงตาที่น้อยใจจนแดงระเรื่อของเด็กน้อยคู่นั้น ในใจก็เจ็บอย่างบอกไม่ถูก ราวกับโดนเข็มทิ่มเข้ามา ค่อนข้างเจ็บปวด

เธอก็บอกได้ไม่ชัดเจนว่าทำไมตนเองถึงมีความรู้สึกอย่างนี้ เจอเด็กคนนี้ครั้งแรกชัดๆ แต่กลับมีความรู้สึกคุ้นเคยอยู่จางๆ เหมือนกับแต่ก่อนเคยเจอกันเมื่อนานมากแล้ว

จิ่งหนิงถอนหายใจ

ยอมที่จะไม่แก้ไขคำเรียกของเธออีก นั่งยองๆลงไปมองเธออย่างอ่อนโยน เสียงนุ่มนวล: “เอาล่ะ ดึกมากแล้ว หนูนอนที่นี่ดีไหม?”

อานอานพยักหน้าอย่างว่าง่าย

“หม่ามี้ นอนกับหนูได้ไหมคะ?”

จิ่งหนิงลังเลเล็กน้อย

เธอไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน แต่เด็กคนนี้อายุยังน้อย ให้นอนคนเดียวก็ไม่สบายใจจริงๆ

ครั้นแล้วก็พยักหน้า “ได้จ๊ะ”

เห็นเธอตกลง อานอานก็ดีใจอย่างถึงที่สุด

รีบดึงจิ่งหนิงนอนลง แล้วพูดขึ้น: “งั้นหม่ามี้เล่านิทานให้หนูฟังด้วยได้ไหมคะ?”

จิ่งหนิงตกตะลึง

เล่านิทาน?

เอ่อ……เหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยได้นะ!

จิ่งหนิงอยากจะปฏิเสธ แต่สบเข้ากับดวงตาที่ชุ่มชื้นและเต็มไปด้วยความคาดหวังของเด็กน้อยคู่นั้น อย่างไรก็ปฏิเสธไม่ลง

สุดท้าย ทำได้เพียงฝืนใจตกลง “ก็ได้จ๊ะ!”

“เย้ หนูอยากฟังเรื่องของเอลซ่า!”

“เอ่อ…..ก็ได้!”

โชคดีที่ก่อนหน้านี้จิ่งหนิงเคยดูการ์ตูนเรื่องนี้โดยบังเอิญ แม้จะเล่าได้ไม่ทั้งหมด แต่ปะๆปนๆกันไป แต่งขึ้นใหม่ด้วยตนเองเล็กน้อย ก็สามารถเล่าออกมาได้พอประมาณ

เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานเท่าไหร่ อานอานก็หลับไปแล้ว

จิ่งหนิงหยุดลง มองหน้าตาตอนหลับแสนสงบของเด็กน้อย ในที่สุดก็ผ่อนลมหายใจออกมา

คืนนี้ เด็กน้อยหลับสนิทเป็นพิเศษ กลับเป็นจิ่งหนิง ที่นอนอยู่บนเตียงตั้งกี่ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่หลับสักที จนกระทั่งค่อนคืน ตอนที่ฟ้าเกือบจะสว่างแล้ว จึงฝืนหลับลงไปได้

วันที่สอง จิ่งหนิงให้อานอานกินข้าวเช้า แล้วพาเธอไปสถานีตำรวจ

เด็กน้อยก็ว่าง่าย รู้ว่าเธอจะช่วยตนเองหาคนในครอบครัว ดังนั้นจึงไม่ร้องไห้ไม่งอแงตลอดทางเลย เป็นเด็กดีมาก ถึงสถานีตำรวจ ด้านนั้นก็ได้ยินว่าเมื่อคืนเกิดเหตุ ประจวบเหมาะกับเมื่อคืนมีคนมาแจ้งความว่าพลัดหลงกับเด็ก จึงรีบติดต่ออีกฝ่ายทันที

จิ่งหนิงนั่งรอเป็นเพื่อนอานอานอยู่ที่เก้าอี้ยาว ไม่นาน ก็เห็นหญิงชราผมขาวโพลนคนหนึ่งเดินเข้ามา

“อานอาน!”

“คุณย่า!”

หน้าตาเด็กน้อยดีใจ กระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งเข้าไปหาหญิงชรา

หญิงชรากับเด็กน้อยกอดกันแน่น จิ่งหนิงดูจากสถานการณ์ ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนในครอบครัวของอานอานไม่ผิดแน่ จึงคลายกังวลลงได้

“คุณผู้หญิงคนนี้ คุณเป็นคนช่วยอานอานของพวกเราใช่ไหมคะ?”

หญิงชรามองเธอแล้วถามขึ้น

จิ่งหนิงพยักหน้า เงียบไปชั่วครู่ ในที่สุดก็พูดออกมาอย่างทนไม่ไหว: “อานอานยังเด็กมากนะคะ พวกคุณประมาทเกินไป ทำไมถึงให้เธออยู่ในที่อย่างนั้นคนเดียว? หากว่าเกิดเรื่องจะทำอย่างไรคะ?”

หญิงชราโดนเธออบรมไปกี่ประโยค ก็ไม่โกรธ แต่กลับพยักหน้ายิ้มแย้ม

“ค่ะ ค่ะ ครั้งหน้าพวกฉันจะระมัดระวังค่ะ”

จิ่งหนิงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก อันที่จริงก็เป็นลูกหลานของคนในครอบครัวของเธอ อีกอย่างมองออกว่า ความสัมพันธ์ของอานอานและหญิงชราคนนี้ดีมาก เธอในฐานะที่เป็นคนนอก พูดแค่สองประโยคก็ปากมากไปแล้ว ให้พูดอีกอาจจะเขี้ยวจนเกินเหตุไปหน่อย

ครั้นแล้ว จิ่งหนิงก็เซ็นชื่อเตรียมตัวจะกลับออกไป แต่กลับโดนหญิงชราเรียกเอาไว้

“คุณผู้หญิงคะ ครั้งนี้คุณช่วยเหลือพวกเรา นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ โปรดรับไว้ด้วยนะคะ”

แค่เห็นหญิงชราถือซองจดหมายออกมา ไม่ต้องเปิดดู เพียงเห็นรูปร่างจากด้านในเท่านั้น จิ่งหนิงก็รู้แล้วว่าคืออะไร

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset