วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 116 กลับบ้านตระกูลจิ่งอีกครั้ง

บทที่ 116 กลับบ้านตระกูลจิ่งอีกครั้ง

วันนี้จิ่งหนิงยุ่งมากทั้งวันเลย

งานเปิดตัวคอลเลคชั่นเสื้อผ้าใหม่ ถึงแม้มีของหลายอย่างที่ได้จัดเตรียมล่วงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว แต่ถึงยังไงแบรนด์เป็นอันดับแรกที่พบปะกับผู้ชม ดังนั้นความหมายต้องเป็นรู้กันโดยง่ายดาย

อีกอย่างทางแบรนด์ยังมีความกล้าที่ใช้คนใหม่ๆ เพราะกังวลเกิดอุบัติเหตุ เลยได้ทำการป้องกันล่วงหน้าหลายอย่าง ดังนั้นจึงยุ่งและวุ่นวายอย่างที่คิด

ด้วยเหตุนี้แม้แต่จิ่งหนิงเองก็อดใจไม่เป็นกังวลด้วยไม่ได้

เธอถือเป็นคนที่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ต่อให้ภายในใจกังวลมากแค่ไหน แต่บนใบหน้ายังคงสงบนิ่ง

เมื่อถึงเวลา เธอก็ไปให้กำลังใจกับนางแบบไม่กี่คนข้างหลังเวที จากนั้นก็ไปพูดคุยกับนักออกแบบสักพัก

U.MAXเป็นรูปแบบการผสมผสานของวัยรุ่นชายหญิง เสื้อผ้าทั้งหญิงทั้งชายล้วนมีหมด โดยเน้นช่วงอายุระหว่างสิบแปดปีถึงสามสิบปี ซึ่งเป็นช่วงอายุของกลุ่มคนที่มีกำลังในการบริโภคเครื่องแต่งกายมากที่สุด

รูปแบบการนำเสนอครั้งนี้ นอกจากชุดหลักสิบชุดแล้ว ยังมีชุดรองอีกยี่สิบสามสิบชุดในการจัดแสดงโชว์ด้วย

จิ่งหนิงพาคนมาตรวจสอบเสื้อผ้าที่นางแบบสวมใส่ด้วยตัวเองถึงจะวางใจ

ตอนบ่ายสองโมง งานจัดแสดงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

เริ่มต้นโดยการเชิญเจ้าภาพของแบรนด์ไม่กี่คนพูดเปิดพิธี จากนั้นก็เริ่มเดินแบบโชว์

เมื่อแสงสว่างถูกเปิดขึ้น และเสียงดนตรีดังขึ้น เหล่านางแบบก็พากันเดินออกมาบนเวที

แสงบนเวทีสวยงามเหมือนดั่งภาพลวงตา จากนั้นเหล่านางแบบหุ่นดีก็เดินออกมาทีละคน ซึ่งเสื้อผ้าของนางแบบแต่ละคนสวยงามสะดุดตามาก

หลินเทียนที่เป็นเจ้าภาพแบรนด์ขนาดใหญ่ แน่นอนว่าต้องปรากฏตัวคนสุดท้าย

วันนี้เขาสวมชุดหนังของนักซิ่งรถทั้งตัว ซึ่งดูแล้วทั้งเท่และหล่อระเบิดมาก

ซึ่งข้างล่างเวทีมีแฟนคลับของเขาอยู่จำนวนไม่น้อยเลย โดยแฟนคลับถือป้ายไฟสีม่วงเจิดจ้าจนเกือบบดบังผู้ชมหายหมดแล้ว ตอนที่เขาเดินออกมา เสียงกรีดร้องอันน่าชื่นชมก็ดังสนั่นขึ้น

จิ่งหนิงยืนอยู่ข้างล่างเวที พร้อมจ้องมองฉากนี้ ขณะเดียวกันก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย

สักพักก็มีคนของเจ้าภาพเดินมาคุยกับเธอว่า “ประธานจิ่ง สามารถเซ็นสัญญาทำงานร่วมกับคนมีชื่อเสียงอย่างหลินเทียนนับว่าเป็นเรื่องน่าอิจฉามากเลย”

ฝ่ายตรงข้ามคือผู้บริหารใหญ่ภายใต้บริษัทอานหนิงกั๋วจี้ เมื่อก่อนเคยร่วมงานกับจิ่งหนิงมาก่อน ดังนั้นเลยไม่รู้สึกแปลกหน้า

จิ่งหนิงยิ้มแย้ม และพูดว่า : “แค่ดวงดีเท่านั้นเองค่ะ”

ไม่มีใครรู้เลยว่า เธอกับ หลินเทียน รู้จักกันมาก่อน

ทุกคนต่างรู้สึกตื่นตระหนกกับเรื่องที่ หลินเทียน เซ็นสัญญาทำงานร่วมกับเธอ เพราะเธอแทบไม่มีความสามารถเพียงพอเลย

แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ก็เพียงพอทำให้ผู้คนต่างอิจฉาตาร้อน

ทั้งสองคนพูดคุยกันสักพัก ไม่นานโทรศัพท์ของจิ่งหนิงก็ดังขึ้น

เธอก้มหน้าเหลือบมองข้อความแจ้งเตือนบนโทรศัพท์ จากนั้นเธอก็เผยสีหน้าตกใจขึ้น

เมื่อฝ่ายตรงข้ามเห็นมีคนโทรมาหาก็รีบกล่าวลากับเธอทันที

จิ่งหนิงเผยสีหน้าเย็นชา และกดรับสาย

“ตอนนี้คุณอยู่ไหนหรอ?”

เมื่อรับสาย ก็ได้ยินเสียงเคร่งขรึมของคนแก่ขึ้น ซึ่งน้ำเสียงแฝงออกคำสั่งด้วย

จิ่งหนิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มีธุระอะไรหรอคะ?”

“คืนนี้ที่บ้านมีแขก เธอกลับมาหน่อย”

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว

มีแขกหรอ?

แล้วเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?

หลังจากที่เกิดเรื่องดุเดือดระหว่างเธอกับตระกูลจิ่งครั้งนั้น ยังมีแขกหน้าไหนที่ต้องการเจอเธออีกหรอ?

เธอปฏิเสธอย่างไม่คำนึง “ไม่ว่างคะ”

“จิ่งหนิง ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอเอาคุณชายลู่อยู่หมัดเลยปีกกล้าขาแข็ง และไม่ฟังคำพูดของฉันแล้ว แต่ฉันเป็นย่าของเธอนะ ที่นี้ยังเป็นบ้านของเธออยู่ เธอจะทำอะไรข้างนอก ฉันไม่เคยสนใจ แต่เรื่องเกี่ยวกับชื่อเสียงของตระกูลจิ่ง ฉันไม่สามารถไม่สนใจได้ ดังนั้นคืนนี้เธอต้องกลับมา!”

จิ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น

“ฉันยังไม่รู้เลยว่า ตัวเองสร้างผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลจิ่งอะไรกัน?”

“รอให้เธอกลับมาถึงก่อนเดียวก็รู้เองแหละ! เรื่องนี้ไม่สะดวกคุยทางโทรศัพท์”

จิ่งหนิงนิ่งเงียบชั่วขณะ

จู่ๆเธอก็นึกถึงสถานที่ที่ตัวเองติดตามจิ่งเสี่ยวหย่าขึ้น จากนั้นเธอก็ตอบขึ้นว่า : “อืม ฉันทราบแล้ว”

หลังจากวางสาย เธอก็ส่งข้อความต่อลู่จิ่งเซิน

บอกว่า คืนนี้ตัวเองไม่สามารถกลับไปกินข้าวที่บ้านด้วย และอาจจะกลับบ้านดึกหน่อย

คิดไม่ถึงข้อความเพิ่งส่งไป เขาก็โทรมาหาทันที

จิ่งอานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เลยกดรับสาย จากนั้นน้ำเสียงคมเข้มของผู้ชายก็ดังขึ้น

“คุณจะกลับบ้านตระกูลจิ่งหรอ?”

จิ่งหนิงพูดว่า “อืม”

“ต้องการให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม?”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปคนเดียวได้”

“……”

ลู่จิ่งเซินนิ่งเงียบสักพัก และไม่คิดจะบังคับ

เพราะถึงยังไงจิ่งหนิงไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมารังแกได้ ซึ่งข้อนี้เขารู้ดีกว่าใครที่สุด

แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องกำชับสักหน่อย “งั้นคุณระวังตัวด้วย หากเกิดอะไรขึ้นโทรหาผมทันทีเลย”

“คะ ฉันทราบแล้วคะ”

……

หกโมงเย็น

หลังจากสิ้นสุดงานทั้งวัน จิ่งหนิงก็ขับรถกลับบ้านตระกูลจิ่ง

เมื่อลงจากรถยนต์ก็เห็นรถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล

เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

รถยนต์ของตระกูลจิ่ง เธอรู้จักหมด แต่ไม่เคยเห็นรถยนต์คันนี้มาก่อน

ดูเหมือนนอกจากเธอแล้ว ในบ้านยังมีแขกคนอื่นอยู่อีก

เธอเดินเข้าคฤหาสน์ด้วยสายตาหนักแน่น

“คุณหนูกลับมาแล้ว”

คนที่เปิดประตูคือหวังฝูพ่อบ้านดูแลบ้าน เมื่อเห็นเธอ เขายังคงเผยรอยยิ้มและท่าทางดีใจ

ถึงแม้จิ่งหนิงไม่รู้ว่ารอยยิ้มนี้มีความปลอมมากแค่ไหน แต่ที่บ้านตระกูลจิ่งตอนนี้มีเพียงหวังฝูเพียงคนเดียวที่ยิ้มแย้มต่อเธอ

เธอไม่พูดอะไร แต่ยิ้มแย้มกับต่อเขา พร้อมพยักหน้าเล็กน้อย

“ทุกคนอยู่ที่ห้องรับแขกกันหมดแล้วครับ เชิญครับ!”

“คะ”

หลังจากจิ่งหนิงเปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็เดินเข้าห้องรับแขก

เป็นดั่งที่คาดคิด นอกจากสองสามีภรรยา หวังเสว่เหมยและจิ่งเซี่ยวเต๋อแล้ว ยังมีผู้ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวเกินพอดี

เธอรู้จักผู้ชายคนนี้ เขาคือซัฟฟรายเออร์ของตระกูลจิ่ง รู้สึกว่าชื่อว่า สวี่เทียนหง

สวี่เทียนหงคนนี้มีเครือข่ายกว้างขวาง ได้ยินมาว่า ไม่เพียงมีธุรกิจที่มั่นคงแล้ว ยังมีเบื้องหลังมืดด้วย เป็นคนที่มีความสามารถควบคุมได้ทั้งด้านขาวและด้านมืด

แต่ได้เคยได้ยินว่า เขาเคยแต่งงานมาหนึ่งครั้งก่อนเลย เพราะภรรยาทนถูกทำร้ายร่างกายไม่ไหว เลยกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

จิ่งหนิงไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเปล่า แค่เธอก็ไม่คิดมาก หลังจากเดินเข้ามาก็กล่าวทักทาย

“คุณย่า คุณพ่อ”

จากนั้นเธอก็เดินผ่านหยูซิ่วเหลียน

หยูเสี่ยวเหลียนเผยสีหน้าเก้อเขินเล็กน้อย ลุกขึ้นและยิ้มแย้ม พูดว่า : “เชิญพวกคุณนั่งกันก่อน เดียวฉันไปเตรียมอาหารในครัวว่าเป็นยังไงบ้างหน่อย”

ครั้งนี้หวังเสว่เหมยไม่ด่าทอที่จิ่งหนิงไม่เคารพเธอ แต่พยักหน้าเล็กน้อย

“อืม ไปเถอะ! ช่วยโทรหาเสี่ยวหย่ากับคุณชายมู่ด้วย ถามหน่อยว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”

“คะ”

หลังจากหยูซิ่วเหลียนจากไป จิ่งหนิงก็เดินมานั่งที่โซฟาอีกด้าน

“เรียกหนูกลับมามีเรื่องอะไรหรอคะ?”

หวังเสว่เหมยหันหน้ามองเธอ มองที่ใบหน้าที่สวยเย็นชา และรูปร่างที่เย้ายวน จากนั้นก็แอบตำหนิในใจเบาๆ

หากเปรียบเทียบระหว่างจิ่งหนิงกับเสี่ยวหน่าแล้ว แน่นอนว่าจิ่งหนิงสวยกว่านิดหน่อย

รูปร่างและหน้าตาแบบนี้ ถึงแม้มีความเป็นไปได้ที่จะยกระดับตระกูลจิ่ง และสามารถเป็นกำลังช่วยสำคัญของตระกูลด้วย

แต่น่าเสียดายที่เธอถูกสั่งสอนให้เป็นคนเอาแต่ใจ และไม่ยอมคนตั้งแต่เด็ก

ด้วยเหตุนี้เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อน เลยทำให้หวังเสว่เหมยเกลียดชังจิ่งหนิงจนถึงตอนนี้

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset