บทที่ 123 ขอความช่วยเหลือบนถนน
ยาชนิดนี้ต้องผสมกับแอลกอฮอล์เท่านั้น ถึงจะได้ผลตามต้องการ
ไม่เช่นนั้น เมื่อไหร่ที่ยาหมดฤทธิ์ มันก็จะเป็นเพียงแค่ยาเบลอธรรมดาเท่านั้น
ถึงยาตัวนี้จะทำให้ร่างกายทรมานรู้สึก แต่ไม่ร้ายแรงเทียบเท่ากับยาเซ็กส์
จิ่งหนิงไม่รู้สรรพคุณของยาประเภทนี้เลย เธอนั่งพิงบนเบาะด้านหลังของรถยนต์ ทั้งที่รู้สึกปวดหัวตลอด แถมยังสะลึมสะลือด้วย
ราวกับหนังตาหนักหนึ่งพันกรัม ลืมตายังไงก็ลืมตาไม่ขึ้น
มีหลายครั้งที่เธอพยายามฝืนเรียกสติตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ
ต่อให้เธอพยายามจะกัดปลายลิ้นของตัวเอง แต่กลับเหมือนเธอหมดเรี่ยวแรงหมดแล้ว จนแทบไม่สามารถกัดได้เลย
คนขับรถแท็กซี่ที่อยู่ด้านหน้าเหลือบมองผ่านทางกระจก และพบว่าเธอมีอาการผิดปกติแล้ว
“แม่หนู เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
จิ่งหนิงไม่ได้ตอบ
ไม่ใช่ไม่อยากตอบ แต่ไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว
คนขับรถซักถามอีกว่า : “ดูจากท่าทางของคุณแล้ว คุณไม่สบายหรือเปล่าครับ? ให้ผมไปส่งที่โรงพยาบาลไหมครับ?”
จิ่งหนิงไม่ตอบ
จิ่งหนิงเริ่มมีสติเลือนรางขึ้นเรื่อยๆ ในหัวสมองของเธอเหมือนกับตกอยู่ในสภาวะสับสน
เธอรู้สึกร่างกายอ่อนแรงจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนอยู่ในฝันด้วย
แม้แต่ทุกสิ่งรอบตัว สัมผัสทั้งห้าของเธอก็เริ่มไม่มีประสิทธิภาพแล้ว
คนขับรอหยุดรถยนต์สักพัก และไม่ได้รอคำตอบของเธอ
เขาเหลือบมองผ่านกระจก เมื่อเห็นเธอมีสภาพหมดสติแล้ว เขาก็เผยสายตาเจ้าเล่ห์ขึ้น
ผู้หญิงสวยขนาดนี้ ทำไมถึงดื่มจนเมาแบบนี้
เมื่อเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของเธอ และเห็นท่าทางทรมานของเธอเมื่อกี้คงไม่ใช่เพราะถูกวางยาหรอกใช่ไหม!
เขาทำงานขับรถแท็กซี่มาหลายปี ดังนั้นผู้หญิงแบบไหนเขาล้วนเคยเจอมาหมดแล้ว
ผู้หญิงที่แต่งตัวแบบนี้ในยามกลางคืน แถมยังเดินทางไปสถานที่หรูหราอย่างคฤหาสน์บ้านลู่ ด้วย ดังนั้นแค่เหลือบมองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอะไร
ส่วนใหญ่ก็คงจะเป็นเมียน้อยของคนรวยสักคนแน่ เห้อ! เป็นคนรวยนี่มันดีจริงๆ เพียงมองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นสินค้าชั้นดี ซึ่งคนธรรมดาชั่วชีวิตไม่สามารถแม้แต่แตะต้อง แต่กลับถูกคนรวยถือใช้เป็นของเล่น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของคนขับแท็กซี่ก็เผยสายตาที่เต็มไปด้วยความใคร่ โดยเฉพาะเมื่อเห็นขาอันขาวเนียนใต้กระโปรงของจิ่งหนิง ซึ่งเหมือนกับร่างกายถูกจุดไฟเผา จนกระทั่งรู้สึกร้อนรุ่มทั่วร่างกาย
รถยนต์ขับใต้สะพานลอย แล้วขับตรงไปบนถนนที่เปล่าเปลี่ยว
คนขับรถกัดฟันแน่น จากนั้นก็หมุนพวงมาลัย แล้วจอดรถยนต์ริมถนน
เขาลงจากรถยนต์ แล้วเดินไปเปิดประตูหลัง
“แม่หนู ตื่นๆ! ตื่นเร็วๆ!”
เขายื่นมือตบบนใบหน้าของจิ่งหนิงเบาๆ
ผู้หญิงที่นอนอยู่เบาะหลังยังคงหลับตานอนหลับอยู่ และไม่มีท่าทีจะตื่นขึ้นมาเลย
ทันใดนั้นคนขับรถก็เผยสายตามืดครึ้มขึ้น
คนขับรถกวาดตามองรอบบริเวณ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีคนแล้ว ก็เดินขึ้นบนรถยนต์ แล้วปิดประตูรถยนต์ลง
……
ลู่จิ่งเซินขับรถมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์บ้านลู่
เขาไม่ได้ให้พวกเซ่เฟยตามมาด้วย เพียงสั่งให้ซูมู่ไปตรวจสอบว่าที่บ้านตระกูลจิ่งเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง ส่วนตัวเองนั้นก็ขับรถตามเส้นทางไปคฤหาสน์บ้านลู่ตามหาจิ่งหนิง
แต่ระหว่างขับรถตามหากลับไม่พบร่องรอยน่าสงสัยอะไรเลย
เขาพยายามโทรหาจิ่งหนิง แต่โทรศัพท์กลับไม่มีใครรับสายเลย
เขาโทรศัพท์กลับไปที่คฤหาสน์ ป้าหลิวเป็นคนรับสาย
“คุณผู้ชาย”
“คุณผู้หญิงกลับมาแล้วยัง?”
ป้าหลิวนิ่งอึ้งชั่วขณะ “ยังนะค่ะ”
ลู่จิ่งเซินยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น แล้วก็วางสายลง
ตอนที่ขับรถผ่านสะพานลอย เขาเหลือบมองเห็นรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ริมถนนไม่ไกล
ลู่จิ่งเซินไม่ได้สนใจอะไร แต่ขับรถมุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นไม่นาน เขาก็กลับรถกลับมา
ลู่จิ่งเซินเผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น หลังจากจอดรถยนต์ เขาก็ลงจากรถแล้วเดินไปที่รถแท็กซี่คันนั้น
ภายในรถแท็กซี่ คนขับรถกำลังจ้องมองสาวสวยที่กำลังหลับอยู่ ขณะที่จะยื่นมือถอดเสื้อของเธอด้วยความตื่นเต้นนั้น
ทันใดนั้นกระจกรถก็ถูกคนจากข้างนอกเคาะขึ้น
คนขับรถสะดุ้งตกใจทันที แล้วกดลดกระจกลง พร้อมกับตะคอกด้วยน้ำเสียงโมโหว่า : “ใคร? กล้ามาทำลายบรรยากาศดีของฉัน”
เขายังไม่ทันเห็นคนข้างนอกชัดเจนเท่าไหร่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง“ตึง”ดังขึ้น
หน้าต่างกระจกถูกคนทุบตีจนแตก เศษกระจกจำนวนนับไม่ถ้วนกระเด็นกระจัดกระจายเข้าข้างใน
คนขับรถร้องโหยหวนด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร วินาทีต่อมา ประตูรถก็ถูกคนเปิดออก จากนั้นเขารู้สึกเหมือนกับมีพละกำลังจำนวนมากหนึ่งดึงเขาออกมาจากรถยนต์ แล้วผลักเขาตกลงจากรถอย่างแรง
ใบหน้าของลู่จิ่งเซินเย็นยะเยือกมาก เขาจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ภายในรถมีสภาพไม่เรียบร้อย จากนั้นก็หันหน้าจ้องมองคนขับรถที่นอนฟุบบนพื้น
คนขับรถแท็กซี่เป็นคนที่ชอบกลั่นแกล้งคนอ่อนแอ แต่หวาดกลัวคนที่เข้มแข็งกว่า คืนนี้เป็นเพราะจิ่งหนิงหมดสติ เขาเลยมีความกล้า ปกติเขาไม่ใช่คนแบบนี้
เขาที่เพิ่งถูกผลักออกมารถยนต์ก็รู้เลยทันทีว่าคืนนี้เกรงว่าเขาคงถูกเล่นงานจนแหลกแน่ อีกทั้งเมื่อเห็นว่าด้านข้างเป็นรถยนต์ยี่ห้อไมบัค เขาก็เข้าใจเลยทันทีว่าตัวเองได้มีเรื่องกับคนที่ไม่ควรมีเรื่องแล้ว
เขารีบคุกเข่าขออภัยอย่างรวดเร็ว
“นายท่านครับ ผมผิดไปแล้ว ผมสมควรตาย! ผมไม่ได้ทำอะไรผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆครับ ผมเพียงแค่อยากดูว่าเธอเป็นอะไรบ้าง อยากพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล ผมไม่ได้ทำอะไรเธอจริงๆนะครับ”
ลู่จิ่งเซินแค่นเสียงหัวเราะประชดออกมา ซึ่งเสียงหัวเราะที่ออกมาในตอนกลางที่มืดแบบนี้เยือกเย็นราวกับเสียงผีสางรางสัตว์
“ไม่มีเจตนาจะทำอะไรกับเธออย่างนั้นหรอ? นี่แกคิดว่าฉันตาบอดเหรอ?”
คนขับรถแท็กซี่สะดุ้งตกใจจนก้มหัวลงเพื่อขอโทษ
“ผมขอโทษครับ ผม ผมหน้ามืดตามัวชั่วขณะครับ คุณเป็นคนมีอำนาจอย่ามาถือสากับคนธรรมดาอย่างผมเลยนะครับ ปล่อยผมไปเถอะนะ!”
“ตึง!”
ลู่จิงเซินขี้เกียจที่จะฟังเขาพูดอธิบาย เลยเตะเขาหนึ่งทีจนกระเด็นกระทบบนพื้นอย่างแรง
เมื่อคนขับรถเห็นลู่จิ่งเซินไม่ท่าทียอมปล่อยเขา เขาก็ยกมือกุมหน้าอก แล้วลุกขึ้นวิ่งหนีจากไป
ลู่จิ่งเซินขี้เกียจวิ่งไล่ตาม แต่เขาจดจำป้ายทะเบียนรถของรถแท็กซี่ไว้ แล้วหยิบใบขับขี่ของคนขับรถออกจากกล่องเก็บของด้านหน้าของรถยนต์
จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่เบาะหลังของรถยนต์ เขาถอดเสื้อออกแล้วคลุมให้กับจิ่งหนิง แล้วอุ้มเธอออกมา
เมื่อมีการเคลื่อนไหว จิ่งหนิงก็เริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง
เพียงแต่เธอมีสติสะลึมสะลือเท่านั้น แต่ถึงแม้เป็นแบบนี้ แต่เธอสามารถรับรู้ถึงกลิ่นของผู้ชายรางๆได้อยู่
อ้อมกอดที่ทั้งอบอุ่นและคุ้นเคยนั้น มาพร้อมกับกลิ่นหอมเย็นๆ นอกจากลู่จิ่งเซินแล้วก็คงจะไม่มีใครอีกแล้ว จิ่งหนิงเรียกชื่อเขาเบาๆ พร้อมยื่นมือโอบคอของเขา “ลู่จิ่งเซิน เป็นคุณใช่ไหม?”
ผู้ชายเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง พร้อมเผยสีหน้าทุกข์ใจ
“ฉันปวดหัวมาก ทรมานเหลือเกิน!”
จิ่งหนิงร้องเรียกอย่างพึมพำ ลู่จิ่งเซินวางเธอลงบนเบาะข้างคนขับ แล้วรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ จากนั้นก็พูดว่า : “ที่รัก นั่งดีๆ อย่าขยับนะครับ ไม่นานก็ถึงบ้านแล้ว”
จิ่งหนิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นลู่จิ่งเซินก็โทรหาซูมู่
“เรียกหมอคนหนึ่งมาที่คฤหาสน์บ้านลู่หน่อย”
เมื่อคฤหาสน์บ้านลู่ได้ยินแบบนี้ เขาก็รู้ทันทีว่าลู่จิ่งเซินคงตามหาจิ่งหนิงพบแล้ว เลยรีบตอบรับทันที
ขณะที่ขับรถกลับคฤหาสน์บ้านลู่อย่างราบรื่นไปนั้น ระหว่างจิ่งหนิงมีท่าทางสงบนิ่งมาก ไม่เอะอะโวยวายเลย นอกจากมีบางครั้งที่เพราะร่างกายอ่อนแรงเลยขาดการทรงตัว เกือบหัวล้มฟาดพื้น แต่โชคดีที่ลู่จิ่งเซินมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็ว เลยไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร
เมื่อรถยนต์ยี่ห้อไมบัคจอดหน้าประตูคฤหาสน์ ป้าหลิวที่ได้ยินน้ำเสียงผิดปกติของลู่จิ่งหนิงก็ออกมารอหน้าประตูด้วยความกังวลขึ้น
เมื่อเห็นลู่จิ่งเซินอุ้มจิ่งหนิงเดินลงจากรถยนต์ก็รีบเดินเข้ามาต้อนรับทันที
“คุณผู้ชายค่ะ”
ใบหน้าของจิ่งหนิงซุกอยู่หน้าอกของลู่จิ้งเซิน แถมยังมีใบหน้าแดงก่ำด้วย
ป้าหลิวถึงกับสะดุ้งตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณผู้หญิงค่ะ?”