บทที่ 124 บริษัทเกิดเรื่องใหญ่
ลู่จิ่งเซินพูดอย่างเคร่งขรึมว่า : “ไม่เป็นอะไรครับ ป้าช่วยไปเอาน้ำอุ่นมาให้หน่อยครับ”
ป้าเฉินตอบกลับว่า : “ค่ะ”
ลู่จิ่งเซินอุ้มจิ่งหนิงพากลับห้องนอน ไม่นานป้าเฉินก็เอาน้ำอุ่นเข้ามา
ลู่จิ่งเซินก็ชุ่มผ้าในน้ำอุ่นแล้วบิดผ้า จากนั้นก็ช่วยเช็ดตามร่างกายของเธอ
ลู่จิ่งเซินตรวจสอบตามร่างกายของเธอ และพบว่าถึงแม้จิ่งหนิงไม่ได้สติ แต่ดูเหมือนร่างกายไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย
ลู่จิ่งเซินถอนหายใจอย่างโล่งใจ
ไม่นาน ซูมู่ ก็พาหมอเดินเข้ามา
หลังจากตรวจสอบเสร็จ และไม่พบอะไรเป็นอันตราย เธอแค่หมดสติ และยาก็ไม่ได้รุนแรงด้วย แถมไม่ใช่ยาอันตรายรุนแรงอะไรด้วย
ถึงอย่างไรตระกูลจิ่งก็นับว่าเป็นตระกูลมีหน้ามีตาอยู่ ไม่ใช่ตระกูลโหดเหี้ยมอะไร ดังนั้นคงไม่วางยาอันตรายจนทำลายชื่อเสียงของตระกูลหรอก
หมอฉีดยาลดไข้ให้กับจิ่งหนิงหนึ่งเข็ม จากนั้นหมอก็จากไป
ซูมู่รอคำสั่งอยู่ห้องโถงข้างล่าง หลังจากที่ลู่จิ่งเซินมั่นใจว่าจิ่งหนิงไม่มีปัญหาอะไรก็ช่วยเธอห่มผ้า แล้วเดินลงมาข้างล่าง
“สืบได้เรื่องหรือยัง? ตกลงคืนนี้ที่บ้านตระกูลจิ่งเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ซูมู่ก็เผยสายตาเก้อเขินขึ้น
เขาเหลือบมองสีหน้าลู่จิ่งเซิน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “คุณนายตระกูลจิ่งเป็นคนวางยาคุณผู้หญิง เพราะว่า….”
จากนั้นซูมู่ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดคืนนี้ที่บ้านตระกูลจิ่งให้กับลู่จิ่งเซิน
เดิมทีบนใบหน้าของลู่จิ่งเซินก็มืดครึ้มอยู่แล้ว เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจบก็ยิ่งเผยสีหน้ามืดครึ้มมากยิ่งขึ้น
“ท่านประธานครับ ในคืนนี้ทุกคนในบ้านตระกูลจิ่งล้วนอยู่กันหมดครับ รวมทั้งพ่อแท้ๆของเธอเองก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังทำแบบนี้กับเธอได้ลงคอ ไม่ทราบว่าท่านประธาน….”
ลู่จิ่งเซินหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้น
“เรื่องนี้ผมจะเป็นคนจัดการเอง แต่ตอนนี้คุณช่วยผมจัดการอีกเรื่องหนึ่งก่อน”
ขณะที่พูดก็ยื่นใบขับขี่ของคนขับรถคนนั้นให้กับซูมู่ “ช่วยไปสืบให้หน่อยว่าบริษัทแห่งนี้มีคนๆนี้หรือเปล่า และผมไม่อยากให้เจอพวกเขาในเมืองจิ้นด้วย”
ซูมู่ สะดุ้งตกใจขึ้น
เขายื่นมือรับดูใบขับขี่แวบหนึ่ง ถึงแม้ไม่รู้ว่าคนๆนี้ก่อเรื่องอะไรต่อเจ้านาย แต่เขาก็ไม่กล้าซักถามมาก
จากนั้นเขาก็ตอบว่า : “ครับ” จากนั้นซูมู่ก็เดินจากไป
ป้าหลิวเดินเข้ามาด้วยท่าทางเป็นกังวล และพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงว่า : “คุณผู้ชายค่ะ คุณผู้หญิงไม่เป็นอะไรใช่ไหมค่ะ?”
“ไม่เป็นอะไรครับ”
ลู่จิ่งเซินหันหลังเตรียมเดินขึ้นข้างบน ขณะที่เพิ่งก้าวขึ้นบนขั้นบันไดก็หยุดฝีเท้าลง
“ช่วยไปชงน้ำผึ้งให้สักแก้วมาให้หน่อย”
“ค่ะ”
เมื่อกลับมาถึงห้องนอนอีกครั้ง ก็พบว่าจิ่งหนิงตื่นขึ้นมาแล้ว
ยาที่หมอฉีดให้กับเธอช่างได้ผลดีมากจริงๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เธอก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
เมื่อเห็นลู่จิ่งเซิน เธอก็เผยสีหน้ามึนงงเล็กน้อย แล้วซักถามว่า : “คุณหาฉันเจอได้ยังไงหรอ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ลู่จิ่งเซินก็อารมณ์ขึ้นมาทันที
เขาเดินเข้ามาจับคางของจิ่งหนิงเบาๆ และพูดว่า : “ทำไมไม่รอผมอยู่ที่เดิม?”
จิ่งหนิงสะดุ้งตกใจเล็กน้อย และจ้องมองเขาด้วยสีหน้ามึนงง
“ฉันกลัวคนของตระกูลหาตัวฉันเจอ! ฉันไม่สามารถรอนานได้ ถ้าหากพวกเขาหาตัวฉันเจอ ฉันก็คงหนีไม่พ้นแล้วละ”
“คุณสามารถหาสถานที่ปลอดภัยหลบก่อน”
เพียงแค่นึกถึงเรื่องที่เธอตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่กลับมีความกล้าหาญขึ้นบนรถกับคนแปลกหน้าอีก จนเกือบเกิดอันตรายแล้ว เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
จิ่งหนิงเม้มปากด้วยสีหน้าสำนึกผิดขึ้น “ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ! ในตอนนั้นฉันกระวนกระวายมาก แล้วจะไปคำนึงเรื่องเหล่านั้นได้ยังไง”
ขณะที่เธอพูดก็เหลือบมองสีหน้าของเขา พร้อมโอบแขนของเขาไว้
“ที่รัก ฉันผิดไปแล้วค่ะ”
แววตามืดครึ้มของลู่จิ่งเซินเริ่มจางลงขึ้นมากแล้ว
จิ่งหนิงจับข้อมือของเขาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันน่าน่าสงสารว่า : “ฉันคิดว่าคุณจะหาฉันได้เร็วกว่านี้! ใครจะคิดว่าคนขับคนนั้นจะมีความคิดเลวทรามแบบนี้? อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วไม่ใช่หรอ? มีที่รักที่เป็นดั่งวีรบุรุษคอยดูแลปกป้อง คงไม่มีใครกล้ามาทำร้ายฉันหรอกค่ะ!”
น้ำเสียงของผู้หญิงอ่อนหวานมาก เห็นได้ชัดเจนว่าเธอตั้งใจทำ ทั้งที่ฟังดูเลี่ยนมาก แต่กลับได้ผลดีเป็นอย่างมาก เพราะลู่จิ่งเซินคลี่ปากยิ้มแล้ว
ในที่สุดลู่จิ่งเซินก็ปล่อยมือที่จับคางของเธอออก แล้วพูดว่า : “ถือว่าคุณดวงดีละกัน”
เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่า ถ้าหากในตอนนั้นเขาไม่ทันสังเกตความปิดปกติของรถยนต์คันนั้น หรือคลาดกัน ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไงบ้าง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขากอดใจไม่ไหวเผยสายตามืดครึ้มขึ้น
จิ่งหนิงแทบคิดไม่ถึงเลย
ไม่ง่ายเลยที่จะผ่านเรื่องนี้มาได้ หลังจากผ่านมาอย่างทุรนทุราย สิ่งที่กินเมื่อคืนอันนิดเดียวก็ถูกย่อยอาหารหมดแล้ว
เธอลูบท้องตัวเองเล็กน้อย และพูดว่า : “ที่รัก ฉันหิวแล้ว”
ลู่จิ่งหนิงหยุดนิ่งชั่วขณะ แล้วจ้องมองเธอเล็กน้อย “หิวแล้วเหรอ?”
“ค่ะ ฉันหิวแล้ว ทั้งคืนนี้ฉันแทบจะไม่ได้กินอะไรเลย อีกอย่างยังต้องมาประสบกับเรื่องพวกนี้ด้วย ไม่ทราบว่าที่บ้านยังมีอาหารค่ำที่เหลือให้ฉันกินไหมค่ะ?”
“ทำไมผมรู้สีกว่าคุณอยากกินผมมากว่ามื้อค่ำ?”
จิ่งหนิง : “….”
คุณพูดแบบนี้ คิดดีแล้วเหรอ?
ลู่จิ่งเซินยิ้มแย้มออกมา โดยที่มีความคลุมเครืออยู่ว่าตกลงล้อเล่นหรือเปล่า จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไป
“ถ้าอยากกินก็ลงมาเอง” จิ่งหนิงนิ่งอึ้งชั่วขณะ
“ค่ะ”
ข้างล่าง ห้องทานอาหาร
ลู่จิ่งเซินให้พี่ป้าเฉินจัดเตรียมอาหารไว้ ซึ่งจิ่งหนิงนั่งกินคนเดียวอยู่ข้างใน
ส่วนลู่จิ่งเซินนั่งเล่นโทรศัพท์บนโซฟาในห้องรับแขก
จิ่งหนิงเหลือบตามองสีหน้าของเขา และพบว่าเขายังโกรธอยู่ เลยรู้สึกผิดเล็กน้อย
ทั้งที่เธอเป็นฝ่ายถูกทำร้าย แต่เขากลับมาโกรธที่เธอเสียงั้น?
แปลกจริงๆ! พอนึกถึงเรื่องคืนนี้ เธอเองก็รู้สึกโกรธเหมือนกัน
หวังเสว่เหมยกล้าทำถึงขนาดนี้เลยหรอ ซึ่งหมายถึงความสัมพันธ์ของเธอกับตระกูลจิ่งได้ตัดขาดกันแล้ว
เธอกินซุปพลาง และครุ่นคิดพลาง
เธอเดิมทีอยากจะฉวยโอกาสครั้งนี้ กลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลจิ่งเพื่อสืบความสัมพันธ์ของตระกูลจิ่งกับเมืองหลวงทางนั้นสักหน่อย
เธอรู้สึกมีลางสังหรณ์แปลกๆ เหมือนเรื่องนี้แปลกประหลาด หากไม่สืบเธอคงไม่สบายใจอย่างแน่นอน
แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเรือจะล่มกลางทาง แถมยังโดนเล่นงานด้วย
เพียงแค่นึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรู้สึกโมโหเดือดดาลขึ้น
ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
จิ่งหนิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และพบว่าเป็นเสี่ยวเหอ
“มีธุระอะไรเหรอ?”
“คุณจิ่งครับ เมื่อตอนเช้าตรู่มีใครบางคนแอบอ้างเรียกตัวเองว่าเป็นคุณย่าและพ่อของคุณครับ พวกเขาต้องการพบกับคุณ ผมพยายามห้ามปรามแล้ว ตอนนี้ไปที่ห้องทำงานของคุณแล้วครับ”
จิ่งหนิงตกใจเล็กน้อย แล้วค่อยๆเปลี่ยนสีหน้า
จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะเย็นชาดังขึ้น
ดีมาก ยังกล้าที่จะมาหาฉันถึงที่อีกหรอ?
เธอพูดเสียงแข็งทื่อว่า : “ฉันรู้แล้ว ไปเดียวนี้แหละ”
หลังจากวางโทรศัพท์ จิ่งหนิงก็เดินไปขับรถไปวัฒนธรรมซิงฮุย
คนของตระกูลจิ่งเข้ามาก่อกวนตั้งแต่เช้าตรู่เลย ภายในบริษัทเกิดข่าวลือขึ้น ทุกคนต่างจ้องมองจิ่งหนิงด้วยสายตาซุบซิบนินทา
จิ่งหนิงไม่สนใจ แต่เดินตรงเข้าไปในลิฟต์
เมื่อเดินเข้าไป พนักงานไม่กี่คนที่เดินเข้ามาก็ซักถามขึ้นว่า : “นี่ เกิดอะไรขึ้นหรอ? ครอบครัวของคุณมาเยี่ยมหรอ?”
“อืม!” พนักงานแผนกต้อนรับเผยสีหน้าเก้อเขินขึ้น จากนั้นก็เผยสีหน้ากังวลขึ้น
พนักงานไม่กี่คนนี้มีเจตนาไม่ดี เมื่อรู้ว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นก็รีบซักถามขึ้นว่า : “แล้วตกลงเกิดเรื่องอะไรหรอ? รีบบอกพวกเราหน่อยสิ”