บทที่ 136 เลือดในห้องน้ำ
พูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นด้านหลังก็มีไออุ่น และที่เอวก็มีคนมาสวมกอด
จิ่งหนิงตกใจ ร้องว้ายหันหลังไปดู สายตาปะทะเข้ากับใบหน้าที่มีรอยยิ้มของชายคนนั้นเข้าพอดี
“ลู่จิ่งเซิน?” จิ่งหนิงถอนหายใจโล่งอก แล้วทำท่าหัวเราะปนร้องไห้ “คุณกลับมาแล้วทำไมไม่ให้สุ้มให้เสียงหน่อยคะ? ฉันตกใจแทบแย่!”
เธอพูดไป พลางตีหน้าอกของตัวเอง
วันนี้เธอสวมชุดอยู่บ้านแบบคอวี ซึ่งค่อนข้างสบาย ก้มหน้าลงก็สามารถเห็นกระดูกไหปลาร้าที่บอบบาง
สายตาของลู่จิ่งเซินล้ำลึก ไม่ได้พูดอะไร เขาก้มลงจูบที่ริมฝีปากเธอก่อน จากนั้นจูบที่คิ้วของเธอและดวงตา
จิ่งหนิงถูกเขาจู่โจมกะทันหันแบบนี้รู้สึกงุนงง รูปร่างของเธอบอบบาง ถูกเขารัดไว้ในอ้อมกอดระหว่างตัวเขากับเคาน์เตอร์กระเบื้องไม่ช่องว่างให้หลีกหนีเลย ได้แต่ถูกบังคับให้เงยหน้าตอบรับเขาอย่างเดียว
ลู่จิ่งเซินจูบอยู่สักพัก แล้วจึงปล่อย เอาหน้าผากแตะกัน แล้วยิ้มให้เธอ
จิ่งหนิงหอบหายใจเล็กน้อย หลังจากบรรเทาลงแล้ว เธอรู้สึกสับสนนิดหน่อย
“เป็นอะไรหรือคะ? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
เท่าที่จิ่งหนิงสังเกต ลู่จิ่งเซินในวันนี้มีบางอย่างแปลกไป
ปกติถึงแม้เขาปฏิบัติต่อเธอเชิงรุก แต่ว่าเขาก็ค่อนข้างให้ความสำคัญกับโอกาสและสถานที่ ไม่สุ่มสี่สุ่มห้าในครัวสถานที่แบบนี้
วันนี้เกิดอะไรขึ้น?
ลู่จิ่งเซินยิ้ม ยื่นมือออกไปเกี่ยวเส้นผมทัดหูให้เรียบร้อยกระซิบว่า : “คุณได้เจอคุณป้าแล้วใช่ไหมครับ?”
จิ่งหนิงตะลึง
ดวงตาสีดำเปล่งประกายจ้องมองไปที่เขา “คุณรู้ได้อย่างไรคะ?”
“เขามาหาผมที่ทำงานครับ”
“หาคุณเพื่อฟ้อง?”
ลู่จิ่งเซินตอบไปตามตรง ไม่ได้ปิดบัง พยักหน้า
จิ่งหนิงรู้สึกว่ามันน่าขำนิดหน่อย เธอถอยหลังไปเล็กน้อย ด้านหลังของเอวพิงอยู่ที่เคาน์เตอร์กระเบื้อง ทั้งร่างยังอยู่ในความควบคุมของท่อนแขนชายคนนั้น จับแขนเขาไว้แล้วมองที่เขาอมยิ้ม
“ฉันตำหนิคุณป้าแท้ๆที่เลี้ยงคุณมาแต่เล็กจนโต ดังนั้น ประธานลู่จะลงโทษฉันยังไงคะตอนนี้?”
ลู่จิ่งเซินเลิกคิ้วขึ้น
“อืม ต้องลงโทษซะหน่อย”
ทันใดนั้นเขาก็ก้มหน้าลง ใบหน้ายิ่งใกล้เธอมากขึ้น เมื่อเห็นว่าริมฝีปากทั้งคู่กำลังจะแตะกัน จิ่งหนิงรีบถอยออกทันที
เธอเหลือบมองไปที่ประตูห้องครัวด้วยสายตาที่รู้สึกผิด หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครแอบดูอยู่ เขาจึงพูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย : “คุณทำอะไร? ยังเข้ามาอีก!”
ลู่จิ่งเซินหัวเราะเบาๆ
เขาเป็นคนตัวสูงขายาว สองมือวางอยู่ข้างเธอ เงาที่ทอดยาวลงมาเกือบจะห่อหุ้มเธอไว้ทั้งตัว แม้แต่บรรยากาศในตอนนี้ดูเหมือนเต็มไปด้วยความหวานที่น่ายินดี
แก้มที่อธิบายไม่ได้ของจิ่งหนิงร้อนขึ้นเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คิดจะทำอะไร เห็นเขาไม่ยอมไปไหน จึงใช้มือผลักหน้าอกเขา
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วคุณออกไปก่อนเถอะคะ ฉันยังต้องดูน้ำซุปก่อน!”
ลู่จิ่งเซินจับมือเธอไว้
“คุณป้าเป็นคนอารมณ์ร้อน และชอบฟังคนอื่นยุแยง แต่จริงๆเธอเป็นคนดี เรื่องในวันนี้ทำให้คุณรู้สึกแย่ ต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครับ”
จิ่งหนิงตกใจเล็กน้อย
เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า แสงอ่อนๆส่องมาจากด้านบน ปกคลุมใบหน้าที่ดูเย็นชาของเขาด้วยแสงจางๆ
เธอไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะพูดแบบนี้กับเธอ
ความจริงก็ไม่ได้รู้สึกย่ำแย่อะไรนัก จริงๆรู้สึกไม่ค่อยสบายใจมากกว่า แต่เท่าที่เธอเห็น เธอกับลู่จิ่งเซินเป็นเรื่องเดียวกัน ส่วน ลู่หลันจือ เป็นคนละเรื่อง
ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้เขาไม่ได้อธิบายอะไรกับเธอ เธอก็ไม่ได้ติดใจอะไร
แต่ว่าผู้ชายคนนี้…..
มีกระแสน้ำอุ่นไหลออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างเงียบๆ ทำให้หัวใจของเธอพองโตไปหมด
จิ่งหนิงอมยิ้ม ส่ายหน้าพลางกล่าวว่า : “ฉันไม่ได้ติดใจอะไร อีกอย่างวันนี้ฉันพูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูด ยังไงเธอก็เป็นคุณป้าของคุณ เคยเลี้ยงดูคุณมา หวังว่าสิ่งที่ฉันพูดออกไปจะไม่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกระหว่างพวกคุณนะคะ”
ลู่จิ่งเซินยิ้ม
ยื่นมือออกมาลูบศีรษะของเธอ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอาใจ
“เด็กโง่!”
…….
ทั้งสองคนออกมาจากครัวหลังจากรู้สึกเหนื่อย
ตอนเย็น ตาKโทรมาหาจิ่งหนิง บอกเธอว่าการตรวจสอบมีความคืบหน้าใหม่
เมื่อห้าปีก่อน หยูซิ่วเหลียนเคยโอนเงินจำนวนมากมาที่บัญชีเขาหนึ่งก้อน คนๆนั้นเขาตรวจสอบแล้ว ชื่อว่าหลินหลง เป็นช่างซ่อมรถ
อู่ซ่อมรถที่หลินหลงเคยเปิดเมื่อห้าปีก่อน ตั้งอยู่ที่ที่โม่ไฉ่เวยเคยแวะเวียนไปบ่อยๆ เวลารถของเธอมีปัญหา ก็มักไปซ่อมที่นั่น
เดิมที ตาK อยากจะจับคนๆนั้นมา ให้เธอสอบปากคำด้วยตัวเอง แต่ว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างทาง คนๆนั้นวิ่งหนีไป
จิ่งหนิงได้ยินข่าวนี้ ก็รู้สึกเหมือนหัวใจถูกจับด้วยมือยักษ์
เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆสองสามครั้ง แล้วสะกดกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้ พูดด้วยเสียงทุ้มว่า : “ฉันรู้แล้ว”
ตาKปลอบเธอในสายว่า “ถึงแม้ยังจับตัวคนไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้ผมได้หลักฐานมาแล้ว อุบัติเหตุทางรถยนต์ของแม่คุณเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่นอน ต่อจากนี้ก็แล้วแต่คุณว่าจะทำอย่างไรต่อ”
“ฆาตกรรมชีวิตคน มันยุติธรรมแล้วหรือ!”
“แต่ว่าหลักฐานในมือคุณมันไม่เพียงพอที่จะฟ้องพวกเขาในข้อหาฆ่าคนตายนะครับ”
“ห๊ะ! จริงหรือ? ถ้างั้นก็ทำไปทีละขั้นตอนเถอะ ทุกอย่างที่พวกเขาเคยแย่งไปจากมือแม่ของฉัน และสิ่งที่พวกเขาเคยทำไว้กับฉัน ฉันจะค่อยๆเอามันคืนกลับมาทีละนิดๆ!”
……
วันต่อมา
จู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องรุนแรงดังขึ้นมาที่บ้านจิ่ง!
ประตูห้องน้ำถูกคนกระแทกเปิดออก “ปัง” จิ่งเสี่ยวหย่าหน้าซีดวิ่งออกมา
“เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น?”
หยูซิ่วเหลียนที่ได้ยินเสียงพาคนรับใช้เข้ามา ตามมาด้วย และยังมีจิ่งเซี่ยวเต๋อที่เป็นสมาชิกใหม่
จิ่งเสี่ยวหย่าเอาตัวพิงกำแพง ใบหน้าที่บอบบางของเธอซีดลงด้วยความตกใจ นิ้วของเธอชี้ไปยังห้องน้ำด้วยอาการสั่น
“เลือด เลือดเยอะเลย…..”
“อะไรนะ?”
ทุกคนเงยหน้ามองไปในห้องน้ำด้วยความประหลาดใจ จึงเห็นเลือดสดๆสีแดงนองอยู่เต็มพื้นสีขาว
เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากมุมกำแพง ราวกับดอกไม้บานส่งมาจากนรก พุ่งตรงเข้าสายตาของทุกคนอย่างดุเดือด
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป สีหน้าของหยูซิ่วเหลียนดูไม่ค่อยดีนัก จิ่งเซี่ยวเต๋อคำรามด้วยความไม่พอใจว่า : “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ใครเป็นคนทำความสะอาดห้องน้ำวันนี้?”
คนรับใช้คนหนึ่งก้มตัวเดินมาจากด้านหลังยืนขึ้น “คุณผู้ชายคะ หนูเองเป็นคนทำความสะอาดคะ”
จิ่งเซี่ยวเต๋อชี้ไปที่เลือดกองที่พื้น “นี่คืออะไร? เดี๋ยวนี้พวกแกทำงานกันแบบนี้หรือ?”
คนรับใช้คนนั้นรีบส่ายหน้า และมีสีหน้าหวาดกลัวตกใจ
“คุณผู้ชายคะ หนูเปล่านะคะ หนูทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว หนูก็ไม่ทราบว่าเลือดพวกนี้มาจากไหนคะ!”
“แกยังไม่รู้แล้วใครจะรู้? แกเป็นคนรับผิดชอบที่นี่! นอกจากแกแล้ว จะมีใครเข้าออกบ้านนี้ได้หรือห๊ะ?”
“แต่หนูไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆนะคะ คุณผู้ชาย หนูตั้งใจทำงานมาตลอด ทำไมถึงเป็นแบบนี้ละคะ? หนูเปล่าทำจริงๆนะคะ!”
คนรับใช้คนนั้นกังวลมากจนแทบร้องไห้ จิ่งเสี่ยวหย่าทำหน้าเครียด ครู่หนึ่ง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า : “พ่อคะ ไม่น่าจะเกี่ยวกับมันหรอกคะ”
ในใจของจิ่งเซี่ยวเต๋อย่อมรู้ดี เพียงแต่เขาตกใจอยู่สักพัก หาคนรับผิดไม่ได้ จึงคว้ามันมารับบาปแทน