บทที่145 ของขวัญสุดแปลก
“กรี๊ด——!อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา!”
ไฟในห้อง“พึ่บ”ทุกอย่างก็เปิดออก
จิ่งเสี่ยวหย่าหลบอยู่ในอ้อมแขนหวังเสว่เหมย หวังเสว่เหมยตบหลังเธอเบาๆ ถอนหายใจ
“เด็กคนนี้นี่ ยายก็คิดว่าเป็นอะไรจริงๆ หลานดูดีๆ ผ้าม่านนั่น หลานนอนแล้วไม่ยอมปิดหน้าต่างเอง ลมด้านนอกเข้ามาก็พัดผ้าม่านเข้ามา มือที่หลานบอก ก็แค่ผ้าม่านเอง”
นายหญิงพูดไป ก็ให้เธอดูเอง
จิ่งเสี่ยวหย่ามองดีๆสักพัก จึงเห็นว่า ที่แท้ผีที่ทำให้ตัวเองเข้าใจผิดตลอดนั้น ก็แค่ผ้าม่านจริงๆ
เธอจึงโล่งใจอย่างมาก
“ฉันตาฝาดจริงๆเหรอ?”
“อาจจะเพราะว่าช่วงนี้คุณมีความกดดันมากไป”
ที่จริงดึกดื่นขนาดนี้ ตกใจผ้าม่าน แล้วยังปลุกคนทั้งบ้านให้ตื่นขึ้นมาอีก หวังเสว่เหมยก็พูดไม่ออกจริงๆ
แต่มองหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าที่ขาวซีดอย่างนั้น เธอก็ไม่ตำหนิแรงมากไป
ได้แต่ตบมือเธอ“พอแล้ว หลานอย่าเอาแต่คิดเหลวไหลไป ไม่มีอะไรทั้งนั้น รีบนอนเถอะ”
พูดไป ก็ออกไปจากกลุ่มคน
จิ่งเสี่ยวหย่ายืนอยู่ที่เดิม อ้าปาก อยากพูดอะไร แต่ไม่พูดออกมา
หยูซิ่วเหลียนมองเธอ ส่งสายตาเพื่อปลอบโยนเธอ แล้วจึงออกไป
บนทางเดิน หวังเสว่เหมยก็หยุดลง ถามหยูซิ่วเหลียน“เสี่ยวหย่ากับคนที่เมืองหลวง ความสัมพันธ์เป็นไงบ้าง?”
หยูซิ่วเหลียนตอบอย่างเคารพ:“ตรวจสอบมาแล้วค่ะ ทางนั้นยังไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน แต่สิ่งของได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นจริงไม่มีผิดพลาด คิดว่าเร็วๆนี้น่าจะให้คำตอบได้ค่ะ”
หวังเสว่เหมยขมวดคิ้ว อย่างไม่ค่อยพอใจ
หยูซิ่วเหลียนรีบพูด:“ยังไงก็สูญหายไปยี่สิบกว่าปีแล้ว พวกเขาจะระมัดระวังก็เป็นเรื่องปกติ ตระกูลร่ำรวยอย่างนั้น ถ้าหากแน่ใจจริงๆว่าเสี่ยวหย่าเป็นเลือดเนื้อของตระกูลเขา ต้องไม่ปล่อยไปโดยไม่สนใจแน่ๆ”
หวังเสว่เหมยจึงทำเสียงฮึดฮัดแรงๆ
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องไปทั้งตระกูลจิ่ง จะเกิดความผิดพลาดเล็กน้อยไม่ได้เลย อนาคตของเสี่ยวหย่า แล้วก็อนาคตของตระกูลจิ่ง เพราะอย่างงั้นเรื่องนี้ จะต้องละเอียดรอบคอบให้มากๆ”
หยูซิ่วเหลียนรีบรับปาก“ฉันรู้แล้ว แม่”
หวังเสว่เหมยไม่พูดอะไร พาคนออกไป
หยูซิ่วเหลียนมองไปทางที่นายหญิงออกไป จึงถอนหายใจอย่างสบายใจ
จิ่งเซี่ยวเต๋อเดินขึ้นมาจากด้านหลัง ทำเสียงฮึดฮัดแรงๆ
“เป็นฉันเองที่สู้ผู้หญิงที่นามสกุลโม่นั่นไม่ได้มาอย่างง่ายๆ จึงหารายได้จากธุรกิจของครอบครัวตอนนี้แทนตระกูลจิ่ง เธอกลับสบายดี จู่ๆอยากเอาธุรกิจของครอบครัวตั้งมากมายทั้งหมดให้ไอ้หมอนั่น ไม่เคยรักฉันเลย มีแต่ความเกลียดชัง!”
หยูซิ่วเหลียนเบะปาก
“ก็แค่ตระกูลจิ่งแล้วไงล่ะ?”เธอยกสายตาขึ้น มุมปากมีรอบยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ถ้าเรื่องนี้สำเร็จล่ะก็ งั้นเสี่ยวหย่าพวกเราก็บินสูงขึ้นกลายเป็นนกฟินิกซ์ได้ ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ตระกูลจิ่ง ถึงจะเป็นตระกูลสูงส่งอย่างตระกูลมู่ ก็ต้องคุกเข่าให้พวกเราที่พื้น เซี่ยวเต๋อคุณต้องมองการณ์ไกลหน่อย ถ้าเอาแต่มองกำไรน้อยๆตรงหน้า ไม่มีทางได้ผลลัพธ์ดี”
จิ่งเซี่ยวเต๋อได้ยิน ตาเป็นประกาย
“คุณหมายถึง เรื่องนี้ พวกเราต้องทำให้สำเร็จ!อย่าให้เกิดเรื่องอะไรเด็ดขาด!”
ทั้งสองกลับไปห้องนอนอย่างพอใจ จากนั้นในเวลานี้ หยูซิ่วเหลียนกลับหยุดฝีเท้าลง
“นี่คืออะไร?”
เห็นแค่บนหัวเตียงในห้องนอน วางกล่องสีขาวสวยงามไว้อย่างน่าประทับใจ บนกล่องนั้นยังใช้ริบบิ้นสีชมพูผูกไว้ด้วย ชัดเจนว่ามีคนจงใจวางไว้ตรงนั้น
“เซี่ยวเต๋อ นี่คุณเอามาวางใช่ไหม?”
หยูซิ่วเหลียนคิดว่าเป็นของขวัญที่จิ่งเซี่ยวเต๋อให้ตัวเอง อยากเซอร์ไพรส์เธอ ดังนั้นจึงถามด้วยความชอบใจ
อย่างไรก็ตาม จิ่งเซี่ยวเต๋อกลับขมวดคิ้ว
“ผมไม่ได้วาง”
พูดไป สายตาก็มองหยูซิ่วเหลียนอย่างสงสัย
ทันใดนั้นหยูซิ่วเหลียนสีหน้าก็เปลี่ยน
“สายตาคุณหมายความว่าไง?ห้องนี้ก็มีคุณกับฉัน ไม่ใช่คุณแล้วก็ไม่ใช่ฉัน หรือว่าจะเป็นผี?”
คำนี้พูดออกไป ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเยือกเย็นจากรอบๆด้าน
ทันใดนั้นทั้งสองก็เปลี่ยนสีหน้าหน่อยๆ รู้สึกขนลุกแปลกๆ สุดท้าย ก็เป็นจิ่งเซี่ยวเต๋อไอออกมา
“พอเถอะ เปิดออกมาดูก็ไม่ใช่ว่ารู้แล้วเหรอ?ทำไมต้องสงสัยด้วย?”
หยูซิ่วเหลียนก็คิดเช่นนั้น ดังนั้นจึงเข้าไป เปิดกล่องออก
เห็นแค่ในกล่องไม่มีของมีค่าใดๆ นอกจากโลหะชิ้นหนึ่งที่โทรมๆนอนอยู่ด้านใน แล้วยังมีกระดาษอีกแผ่น
หยูซิ่วเหลียนขมวดคิ้ว หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา
แป๊บเดียว สีหน้าก็เปลี่ยน
“กรี๊ด——!”
เสียงร้องออกมาสั้นๆ เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เอากระดาษที่มือทิ้งไปบนเตียง
“ทำไม?เขียนว่าอะไร?”
จิ่งเซี่ยวเต๋อหยิบขึ้นมาดูอย่างแปลกใจ เมื่อมองไปที่ตัวหนังสือบนนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนทันที
บนกระดาษโพสต์อิทสีฟ้า มีตัวอักษรเล็กๆไม่กี่ตัวเขียนอยู่
——ฉันกลับมาแล้ว!
“เธอ เธอกลับมาแล้ว! วิญญาณอาฆาตของเธอกลับมาแก้แค้นพวกเราแล้ว!”
หยูซิ่วเหลียนตกใจจนตื่นตระหนก จิ่งเซี่ยวเต๋อหน้าหม่น เอากระดาษขยำไว้ในมือแน่น สายตาก็มองไปบนผิวอะลูมิเนียมนั่น ในกล่องนั้น
มันคือแผ่นโลหะอะลูมิเนียมที่ถูกเสียดสีอย่างรุนแรงจนสีถลอกออก ที่แม้แต่คนทั่วไปก็ยังมองออกได้ยาก น่าจะเป็นชิ้นส่วนของรถบางอย่าง
“ผมไม่เชื่อ!วิญญาณอาฆาตมาเอาชีวิตอะไร!ของเร้นลับพวกนี้ ตอนมีชีวิตอยู่ผมยังไม่กลัว หรือว่าตายไปผมยังต้องกลัวด้วยเหรอ?”
หยูซิ่วเหลียนได้ยินคำพูดเขา ก็สงบลงเล็กน้อย
“แต่ แต่ของพวกนี้มาได้ไง?”
“หึ จะต้องมีคนจงใจวางไว้ในนี้ เพื่อจงใจทำให้พวกเราตกใจแน่ๆ!”
เขาพูดไป ก็หยิบของในถาดขึ้นมา เดินออกไปด้านนอก
ในตอนนี้ มุมทางเดินได้มีเสียงกรีดร้องเสียงคมอีกครั้ง
เป็นห้องของจิ่งเสี่ยวหย่า
สีหน้าทั้งสองเปลี่ยนไป รีบเดินไปที่ห้องนั้น
ยังไม่ทันไปหน้าประตู ก็มองเห็นจิ่งเสี่ยวหย่าวิ่งออกมาด้วยใบหน้าตื่นตระหนกอีกครั้ง ครั้งนี้ เหมือนทั้งตัวเธอกำลังสั่น ทั้งหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา
มองเห็นหยูซิ่วเหลียนกับจิ่งเซี่ยวเต๋อ ก็วิ่งเข้าไปเหมือนกับคว้าเชือกฟางไว้ทันที
“แม่!”
หยูซิ่วเหลียนรีบเข้ารับเธอ จิ่งเสี่ยวหย่ากอดเธอไปร้องไห้ไป:“แม่ ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว น่ากลัวมากเลย ครั้งนี้มันจริง ไม่ใช่อาการหลอนของฉัน เธอกลับมาแล้วจริงๆ!”
หากเป็นเมื่อกี๊ หยูซิ่วเหลียนอาจจะยังไม่เชื่อคำพูดเธอ
แต่ตอนนี้ตัวเองก็ประสบเรื่องแปลกประหลาดขนาดนั้นมา จึงเชื่อคำพูดของจิ่งเสี่ยวหย่ามากขึ้น
“อย่ากลัว แม่เข้าไปดูกับลูกเอง”
“แต่……”
จิ่งเสี่ยวหย่ายังกลัวหน่อยๆ จิ่งเซี่ยวเต๋อพูดเสียงคมกริบ“กลัวอะไร?มีผีมากมาย จะกินลูกให้ได้เลยเหรอ?เข้าไปกับพ่อ!”
พูดไป ก็นำหน้าเข้าห้องเธอไป
ในห้องทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
ไม่ว่าแสงไฟ หรือว่าเครื่องใช้ในห้อง ก็ล้วนแต่เหมือนกับตอนที่ออกไปเมื่อกี๊เลย
นอกจากบนเตียงที่ยุ่งเหยิงมากขึ้นจากการตกใจวิ่งออกไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
จิ่งเซี่ยวเต๋อหน้าหม่น เดินไปตรงหน้าหน้าต่าง แล้วมองตรงม่านอย่างละเอียดรอบหนึ่งอีกครั้ง