บทที่151 กล้าพนันไหม
หลินซูฝานตกตะลึง!
เธอนี่แหล่ะ!
เธอเลย เธอคนนี้!
แววตาแบบนี้ พลังแบบนี้ ความกล้าหาญสง่างามที่ดูเป็นธรรมชาติแบบนี้
เหมือนกับบทบาทนางเอกที่เขาตามหาอยู่!
ชายหนุ่มที่อยู่ในบรรยากาศที่อึมครึมนี้พอได้เห็นไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียว จู่ๆก็มีอาการตื่นเต้นดีใจเป็นลิงโลดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เขาถือคอมพิวเตอร์ด้วยความดีใจ และหมุนไปรอบๆห้อง จากนั้นก็จ้องมองไปยังภาพตรงหน้าจอนั้น แล้วกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
คลิปวิดีโอนั้นไม่ยาวนัก ไม่นานก็เล่นจนจบ
เขาจึงรีบโทรหาลู่หยั่นจือทันที เพื่อถามเขาว่าบุคคลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์นี้เป็นใคร?
ลู่หยั่นจือได้รับสายแล้วนั้นมีความงุนงงอยู่บ้างจึงเอ่ยถามขึ้น : “ในคอมพิวเตอร์ฉัน คนไหน?”
หลินซูฝานอธิบายกับเขาด้วยความหงุดหงิด “คนที่รับบทเป็นแม่ทัพหญิงคนนั้นน่ะ”
ลู่หยั่นจือได้ยินแล้วในหัวของเขาก็ยิ่งรู้สึกงงมากขึ้นไปอีก เขาจำไม่ได้ว่าในคอมพิวเตอร์ของเขานั้นมีนักแสดงหญิงที่แสดงเป็นแม่ทัพหญิงอะไรนั่นด้วยนี่นา!
คนที่แสดงเป็นแม่ทัพหญิงเพียงคนเดียวนั้นก็คือหัวเหยา
แต่หลินซูฝานจะไม่รู้จักหัวเหยาอย่างนั้นหรือ? ก็คงจะไม่ต้องโทรมาถามเขาหรอกมั้ง!
ลู่หยั่นจืองงไปอยู่พักหนึ่ง แล้วจู่ๆในหัวของเขาก็มีบางอย่างแวบขึ้นมา นึกอะไรออก จึงรีบเอ่ยถาม : “ที่แกดูคือคลิปวิดีโอตอนซ้อมละครใช่ไหม?”
หลินซูฝานรีบเอ่ยขึ้น : “ใช่ คนนั้นแหล่ะ! ผู้หญิงคนที่แสดงเป็นแม่ทัพหญิงคนนั้นเป็นใคร? ฉันอยากจะไปหาเธอ”
ลู่หยั่นจือได้ยินคำพูดเขาแล้ว ใบหน้าก็มีอาการที่รู้สึกว่ายากที่จะอธิบายออกมา
ผ่านไปซักพักหนึ่งถึงได้ฝืนกลืนน้ำลายแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ : “ตาหลินเอาจริงๆนะ ถ้าหากคนที่แกเห็นเป็นเธอจริงๆล่ะก็ ฉันจะบอกแกให้ว่าทิ้งความคิดนี้ไปซะเถอะ มันเป็นไปไม่ได้”
หลินซูฝานผงะไป เขาขมวดคิ้วขึ้น แล้วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ : “ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้? ฉันไม่เคยเห็นเธอในวงการบันเทิงเลย คงจะเป็นนักแสดงใหม่ใช่ไหม? แกวางใจได้ เพียงแค่ส่งต่อมาถึงมือฉัน ฉันรับประกันว่าเธอจะต้องดังอย่างแน่นอน เธอเหมาะกับการแสดงละครมากจริงๆ เป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์มาก”
ได้ยินน้ำเสียงที่ตื่นเต้นจากทางปลายสายแล้ว ลู่หยั่นจือก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“เห็นแค่คลิปวิดีโอ ยังไม่ทันได้เห็นตัวจริงเลย! ก็โม้ซะขนาดนี้แล้ว ไม่กลัวว่าจะขายหน้าในอนาคตหรอกหรือ?”
จริงๆแล้วตอนที่เอ่ยพูดประโยคนี้มา ในใจของเขานั้นก็มีความรู้สึกเจื่อนๆอยู่บ้าง
นึกถึงที่ตัวเองเคยจะไปหาจิ่งหนิงให้มาแสดง แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เหมือนกับตอนนี้
ทองยังไงก็ยังเป็นทองอยู่จริงๆ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็จะเปล่งประกายออกมา
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เขากรอกดวงตาไปมาแล้วจู่ๆความคิดชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นมา แล้วตามมาด้วยเสียงหัวเราะ
“ตาหลินแกสนใจเธอใช่ไหม? ดีเลย ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกแกให้ เธอชื่อจิ่งหนิง ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของอานหนิงกั๋วจี้ ไม่ได้เป็นนักแสดง ถ้าหากแกพูดให้เธอมาแสดงเรื่องนี้ได้ ฉันจะยอมคุกเข่าแล้วเรียกแกว่าพ่อเลย! แต่ถ้าหากแกทำไม่ได้ ก็จะต้องเชื่อฟังฉัน ฉันบอกว่าให้ใครมาแสดงก็ต้องเป็นคนนั้น เป็นไง? กล้าพนันกันไหม?”
ทางฝ่ายนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มีแต่ความยั่วยุอย่างชัดเจน หลินซูฝานจะอดทนต่อไปได้อย่างไรกัน?
เขาหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “มีอะไรให้ฉันต้องไม่กล้าด้วยอย่างนั้นหรือ? พนันก็พนันสิ!”
ลู่หยั่นจือเห็นว่าเขาติดกับแล้ว จึงหัวเราะออกมา พลางเอ่ยขึ้นอย่างพอใจ : “ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เอาแบบนี้แหล่ะ แกอย่ามาเปลี่ยนใจทีหลังก็แล้วกัน!”
หลินซูฝานทำเสียงฮึดฮัดออกมาแรงๆ แต่ก็ขี้เกียจตอบเขา จึงวางสายไปเลย
วันรุ่งขึ้น จิ่งหนิงเพิ่งจะมาถึงบริษัท ก็ได้ยินผู้ช่วยเข้ามาบอกว่ามีคนมาหาเธอ
เธอรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ตอนนี้เพิ่งจะแปดโมงครึ่ง วงการนี้คนส่วนมากมักจะปรากฏตัวออกมาช่วงกลางคืนมากกว่า ดังนั้นปกติเวลานี้ จะไม่มีคนมาหาเธอเท่าไรนัก
วันนี้ก็ไม่รู้ว่าใครที่มาหาเธอเช้าขนาดนี้?
กอดเอาความสงสัยที่อยู่ในใจเอาไว้ แล้วเธอก็มุ่งหน้าตรงไปยังห้องรับแขก
เมื่อเข้าประตูมาก็เห็นชายวัยกลางคนที่หนวดเครารุงรังนั่งอยู่ตรงนั้น ใส่ชุดสูทลายสก๊อตสีเทา
รูปร่างผอม หลังค่อมเล็กน้อย
และนี่ทำให้จิ่งหนิงที่มองเห็นเขาแวบแรกนั้นคิดว่าเขาเป็นคนที่มีอายุแล้ว จนกระทั่งเดินไปทางด้านหน้า กลับพบว่าทางฝ่ายนั้นอย่างมากก็คงจะอายุประมาณสามสิบต้นๆเพียงเท่านั้น
เธอรู้สึกประหลาดใจ ในความทรงจำของเธอนั้นเธอจำได้ว่าไม่เคยรู้จักกับบุคคลนี้มาก่อน จึงรู้สึกระวังตัวขึ้นมาพลางเอ่ยถาม : “สวัสดีค่ะ ฉันจิ่งหนิง ได้ยินว่าคุณมาหาฉันใช่ไหมคะ?”
ก่อนหน้าที่หลินซูฝานจะมานั้น ในใจได้เรียบเรียงทุกอย่างเอาไว้ในหัวแล้ว แต่เวลานี้พอได้มาเจอตัวจริงเพียงเท่านั้น แม้จะมีการเตรียมตัวเตรียมใจมาเป็นอย่างดีก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้
เหมือน!
เหมือนเกินไปแล้ว!
บุคลิกนั้นกับที่เขาคิดเอาไว้นั้นเหมือนกันมาก
ในความเย็นชาที่ดูสุภาพมีมารยาท ในความสุภาพกลับมีความดุดันที่แฝงอยู่
โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ที่เหมือนกับสร้างมาจากงานแกะสลักอย่างประณีตของช่างฝีมือ และถูกเติมเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ไม่ต้องแสดง เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็สามารถทำให้รับรู้ถึงอารมณ์มากมายที่ส่งผ่านจากทางดวงตาของเธอได้
หลินซูฝานรีบลุกขึ้นยืน เอามือถูกันอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ดวงตาที่เฉียบคมนั้นมองอยู่ที่ร่างของจิ่งหนิงอยู่ตลอด ราวกับว่าไม่สามารถผละออกไปได้เลยเสียอย่างนั้น
สายตานั่นร้อนดั่งอยู่ในกองไฟ จิ่งหนิงถูกเขามองเสียจนรู้สึกอึดอัด แล้วจึงเกิดความรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา
เธอหันหน้ามาสั่งผู้ช่วยให้ออกไปก่อน หลังจากนั้นถึงได้นั่งลงบนเก้าอี้ พลางเอ่ยถามขึ้น : “มีธุระก็พูดตรงๆมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะต้องไปประชุม ตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่อีกประมาณ20นาที”
ว่าแล้วยังมองไปยังนาฬิกาที่ใส่อยู่ตรงข้อมืออีกด้วย
ไม่ใช่ว่าจิ่งหนิงจะมีนิสัยที่แปลกไปจากคนอื่นอย่างชัดเจนเช่นนี้ แต่สายตาของบุคคลนี้ช่างร้อนแรงมากจริงๆ ทั้งยังแฝงความคลั่งไคล้บางอย่างเอาไว้ ทำให้รู้สึกอึดอัดยิ่งนัก
หลินซูฝานพยักหน้า ใบหน้าที่บีบเอารอยยิ้มที่ดูกระตือรือร้นนี้ดูไม่เหมาะกับเขาเท่าไหร่นั้น เขายื่นมือออกมาทางจิ่งหนิง
“สวัสดีครับ ผมชื่อหลินซูฝาน เป็นผู้กำกับ”
จิ่งหนิงอึ้งไปเล็กน้อย
หลินซูฝาน?
ชื่อนี้คุ้นหูมาก เคยได้ยินที่ไหนกัน?
และทันใดนั้นเองเธอก็นึกขึ้นมาได้ อ๋อ! ใช่แล้ว อยู่ในบทละครนั่นเอง!
เมื่อคืนนี้เธอเพิ่งจะอ่านไปหลินซูฝานเป็นผู้กำกับและผู้เขียนบทเรื่อง《กลยุทธ์พลิกชีวิต》
ตอนนั้นเธอยังคิดอยู่เลยว่าจะเป็นคนแบบไหน ถึงได้เขียนบทละครออกมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์และโดดเด่นได้แบบนี้!
จิ่งหนิงแสดงอาการประหลาดใจออกมา และรีบยื่นมือออกไปจับมือเขา
จากแววตาที่ดูประหลาดใจของเธอ หลินซูฝานถูมือตัวเองอย่างไม่เป็นธรรมชาติพลางเอ่ยขึ้น : “คืออย่างนี้ครับ บุ่มบ่ามเข้ามาพบคุณแบบนี้ ได้โปรดอย่าถือสาเลยนะครับ ความจริงแล้วเป็นเพราะผมได้เห็นคลิปวิดีโอการแสดงของคุณในคอมพิวเตอร์ของเพื่อนผมโดยบังเอิญเข้า รู้สึกว่าคุณเหมาะสมกับบทบาทนักแสดงนำหญิงของละครเรื่องใหม่ของผมมาก ก็เลยอยากจะมาสอบถามความคิดเห็นของคุณดู ไม่รู้ว่าคุณอยากจะพัฒนาไปในทางด้านนักแสดงในวงการบันเทิงบ้างหรือเปล่า?”
เขามีสีหน้าท่าทางที่จริงจัง ไม่ได้มีความล้อเล่นเลยแม้แต่นิดเดียว และน้ำเสียงมีความจริงใจมากอีกด้วย
จิ่งหนิงถูกเขาถามเสียรู้สึกงุนงงไปบ้าง แล้วจึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับมา รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาในทันที
“เพื่อนของคุณที่คุณบอกคือผู้กำกับลู่ใช่ไหมคะ?”
หลินซูฝานรีบพยักหน้าลง
แล้วก็ไม่ลืมช่วยลู่หยั่นจือแก้ต่างด้วยเช่นกัน “ผมเองก็เห็นมาจากคอมพิวเตอร์ของเขาโดยบังเอิญเหมือนกันครับ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเผยแพร่ออกมา”
จิ่งหนิงโบกมืออย่างไม่ได้แคร์อะไรนัก หัวเราะพลางเอ่ยขึ้น : “ในเมื่อคุณเป็นเพื่อนของผู้กำกับลู่ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอพูดตรงๆแล้วกันนะคะ ว่าบทของคุณฉันอ่านหมดแล้ว มีความโดดเด่นมาก และฉันก็ชอบมากด้วย จริงๆแล้วถ้าหากวันนี้คุณไม่ได้มาหาฉัน ฉันเองก็จะไปหาคุณในวันอื่นเหมือนกัน”