บทที่155 บังเอิญเจอเฟิงยี่
บังเอิญเจอเฟิงยี่
ทางด้านข้าง ถังลั่วเหยาเห็นเฟิงยี่แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
จิ่งหนิงสังเกตเห็นสีหน้าของเธอแล้ว จึงเอ่ยถามเบาๆ : “เธอรู้จักเขาหรือ?”
สีหน้าท่าทางของถังลั่วเหยานั้นดูมีความซับซ้อนอยู่บ้าง จนสุดท้ายแล้วเธอจึงพยักหน้าลง
จิ่งหนิงเห็นเช่นนั้นแล้วจึงไม่ได้คิดมาก ถึงอย่างไรวงการนี้จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก บางทีอาจจะเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนก็ได้
และไม่นานเฟิงยี่ก็เห็นพวกเธอแล้ว ราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิตเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น เขารีบแหวกกลุ่มคนเหล่านั้นแล้วพุ่งมาทางพวกเธอทันที
“น้องสะใภ้!”
จิ่งหนิงสีหน้าเปลี่ยน แล้วรีบดึงแขนถังลั่วเหยา พลางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ : “ไป รีบไปกัน!”
ทั้งสองคนเร่งฝีเท้า แต่ถึงอย่างไรพวกเธอก็สวมรองเท้าส้นสูง การเคลื่อนไหวจะเร็วกว่าเฟิงยี่ได้เสียที่ไหนกัน?
และไม่นานก็ถูกจับตัวเอาไว้ได้เสียก่อน
เฟิงยี่หายใจหอบพลางเอ่ยขึ้น : “พวกคุณสองคน เกิดอะไรขึ้น? ไม่ได้ยินที่ผมเรียกพวกคุณหรือ? เดินเร็วกว่าเดิมอีก!”
จิ่งหนิงและถังลั่วเหยาหันกลับมาแล้วฝืนยิ้ม
“คุณชายเฟิง มีธุระอะไรหรือคะ?”
เฟิงยี่นิ่งไป แล้วเหลือบมองพวกเธออย่างโกรธๆ
“อะไรที่ว่ามีธุระไหม? ทุกคนล้วนแต่เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ทำไมพอเห็นกันแล้วก็ทำเหมือนกับเห็นผีอย่างนั้นแหล่ะ? รู้สึกเหมือนกับว่าพวกคุณกำลังหลบผมอยู่”
จิ่งหนิงตำหนิอยู่ในใจ ถ้าหากไม่หลบคุณ เดี๋ยวก็เกิดเรื่องขึ้นกับตัวเองอีก
และเป็นอย่างที่คิดไว้ ยังไม่ทันตำหนิเสร็จเลยนั้น ผู้หญิงกลุ่มนั้นก็ตามมาแล้ว
“คุณชายเฟิง สองคนนี้เป็นใครน่ะคะ! ไม่แนะนำให้พวกเรารู้จักหน่อยหรือ”
ผู้หญิงคนที่เอ่ยพูดขึ้นนั้นสวมชุดราตรีสีม่วง ตรงช่วงเอวมีช่องเว้าเอาไว้ ปรากฏรูปร่างที่เป็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่ดูมีเสน่ห์นั่นออกมา
ร่องตรงหน้าอกนั้นคว้านลึกมากราวกับจะสามารถหนีบคนให้ตายได้อย่างไรอย่างนั้น เวลาเดินก็จะสั่นสะเทือนตามไปด้วย ทำให้จิ่งหนิงและถังลั่วเหยามองแล้วต้องหน้าแดงขึ้นมา
“เหอๆ เธอคือ……..”
เฟิงยี่กำลังจะแนะนำ ก็ถูกจิ่งหนิงถลึงตาใส่เสียก่อน จึงรีบเปลี่ยนคำพูดไป
“สองคนนี้เป็นเพื่อนของผมเองครับ นี่คือจิ่งหนิง กับถังลั่วเหยา พวกคุณรู้จักกันไว้ก็ได้นะครับ!”
ผู้หญิงคนนั้นกอดอกมองพิจารณาพวกเธอตั้งแต่บนลงล่าง
ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความระวังตัว และความรังเกียจแปลกๆ
“ที่แท้เธอก็คือถังลั่วเหยานี่เอง เคยได้ยิน แต่เธอ………”
สายตาของเธอนั้นมองจดจ้องอยู่ที่ร่างของถังลั่วเหยา แล้วหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ : “คนใหม่สินะ?”
ถังลั่วเหยาพยักหน้าลงอย่างมีมารยาท แล้วยื่นมือออกไปทางเธอ : “รุ่นพี่หร่วนชิงชิง สวัสดีค่ะ ฉันชื่อถังลั่วเหยา ต่อไปขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
และนี่จิ่งหนิงถึงได้รู้ ว่าแท้ที่จริงแล้วผู้หญิงคนนี้ก็คือหร่วนชิงชิงนั่นเอง
พูดแล้วก็รู้สึกละอายใจ ลักษณะงานของเธอ เดิมทีควรจะรู้จักพวกดารานักแสดงทั้งหญิงและชายในวงการนี้บ้าง
เพียงแต่กำลังของแต่ละคนนั้นมีจำกัด และคนใหม่ๆในวงการบันเทิงนี้ก็ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด แทบจะไม่หยุดนิ่ง จนไม่สามารถจะให้ความสนใจได้อยู่แล้ว
แต่เป็นเช่นนี้ เธอเองก็เคยได้ยินเรื่องของหร่วนชิงชิงมาอยู่บ้าง เพียงแต่ไม่เคยได้พบกันจริงๆเสียที
บุคคลนี้กระแสความนิยมยังถือว่าพอใช้ได้ นับว่าอยู่ระหว่างตำแหน่งนักแสดงหญิงระดับหนึ่งและระดับสอง
ละครที่แสดงมีจำนวนไม่น้อย ทักษะการแสดงก็ยังถือว่าโอเค แต่ก็ไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่นออกมา
เจ้าตัวนั้นดูมีกลยุทธ์ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคไม่ดีหรือว่าอย่างอื่นกันแน่ ที่ไม่สามารถได้รับแหล่งสนับสนุนได้จริงๆเสียที
ด้านข้างมีคนเอ่ยพูดขึ้นมาทันที
“อา? เธอไม่ใช่คนที่ถูกเลือกให้เป็นนางรองในเรื่อง《สื่อลับ》หรอกหรือ? ชิงชิง เธอลืมไปแล้วรึไง?”
คนที่เอ่ยพูดขึ้นมานั้นมีชื่อว่าโจวหุ้ย เป็นนักแสดงคนหนึ่งด้วยเช่นกัน
แต่ชื่อเสียงของเธอนั้นยังแตกต่างจากหร่วนชิงชิงค่อนข้างมาก อยู่ในช่วงระดับที่สามหรือสี่นั่นเอง ดังนั้นปกติแล้วเธอจึงชอบที่จะคบหากับศิลปินที่มีชื่อเสียงกว่าตัวเอง
เวลานี้ กระทุ้งไปที่แขนของหร่วนชิงชิง แล้วขยิบตาให้ การบอกเป็นนัยๆนี้แสดงออกมาอย่างชัดเจน
เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่อหร่วนชิงชิงได้ยิน สีหน้าจึงดูไม่ดีขึ้นมาทันที
“ที่แท้ก็เป็นเธอนี่เอง?”
ถังลั่วเหยาเลิกคิ้วขึ้น “ที่แท้รุ่นพี่ก็รู้จักฉันหรือคะ?”
“เหอะ!” หร่วนชิงชิงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “เธอเป็นอะไรกัน! คู่ควรพอให้ฉันได้รู้จักไหม?”
ถึงลั่วเหยา : “…………….”
จิ่งหนิง : “………………….”
เฟิงยี่ : “……………………”
วงการนี้ มีการต่อสู้กันอย่างมากมาย
แต่ก็มีกฎเกณฑ์ที่ไม่ได้ระบุเขียนเอาไว้ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือไม่สามารถหักหน้ากันได้
กลัวที่ไหนกับการที่จะมาต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่พอได้เจอหน้ากัน ก็ยังคงมีความเกรงใจกันอยู่ แม้กระทั่งแสดงออกต่อหน้าพวกสื่อเสียด้วยซ้ำว่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
แต่คิดไม่ถึง ว่าวันนี้หร่วนชิงชิงจะฉีกหน้ามาตรงๆเช่นนี้
ถังลั่วเหยารู้สึกทำตัวไม่ถูก
สีหน้าของจิ่งหนิงนั้นเคร่งขรึมขึ้นมา ไม่อยากจะหาเรื่อง และเธอก็ไม่กลัวเรื่องหลักการด้วยเช่นกัน จึงเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา : “ใช่ค่ะ เธอคงไม่คู่ควรที่จะให้คุณต้องมารู้จัก แต่น่าเสียดายนะคะที่คนที่คุณอยากรู้จัก เขากลับไม่สนใจคุณเลย อยากจะประจบประแจงเขาแต่เขาไม่ได้สนใจ ยังคิดว่าตัวเองสูงส่งอีกหรือคะ?”
หร่วนชิงชิงไม่คิดว่าจะมีคนกล้ายอกย้อนเธอแบบนี้
จึงรู้สึกโมโหขึ้นมาในทันที
“แล้วเธอเป็นใคร?ถึงได้กล้ามาพูดแบบนี้กับฉัน……”
เฟิงยี่ได้ยินแล้ว จึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ
แล้วตัดบทเธอขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ “หร่วนชิงชิง”
น้ำเสียงของเขานั้นมีความโมโหอยู่ ทำให้ร่างของหร่วนชิงชิงสั่นเทาด้วยความรู้สึกกลัว จึงมีปฏิกิริยาตอบรับกลับมา
เธอมองเขาด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด “คุณ….คุณชายเฟิง”
“นี่งานอะไรคุณไม่รู้หรือ? จะมาก่อความวุ่นวายที่นี่ใช่ไหม?”
หร่วนชิงชิงตกตะลึงในทันที
เมื่อครู่นี้เธอวู่วามเกินไป นึกถึงบทบาทที่เธอพยายามให้ได้มาอยู่นานในช่วงก่อนหน้านี้ ไม่คิดเลยว่าจะถูกคนใหม่แย่งไปแบบนี้
ดังนั้นก็เลยรู้สึกโมโห จึงอดที่จะพูดจาเหน็บแนมไม่ได้
แต่กลับลืมไปว่าเฟิงยี่ยังอยู่ข้างๆ
เธอจึงรีบก้มหน้าลงแล้วเอ่ยพูดขึ้นมาเบาๆ : “ขอโทษค่ะ คุณชายเฟิง ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เฟิงยี่เองก็ไม่ได้มีกะจิตกะใจที่มายุ่งวุ่นวายกับพวกผู้หญิงเหล่านี้ตรงนี้ เดิมทีต้องการจับตัวจิ่งหนิงและถังลั่วเหยาเอาไว้ก็เพื่อเป็นการหาข้ออ้างที่จะปลีกตัวออกมา
จึงเอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา “มีครั้งต่อไปอีก คุณก็ไม่ต้องมางานแบบนี้แล้ว”
ว่าแล้วนั้นก็เอ่ยพูดขึ้นกับจิ่งหนิงและถังลั่วเหยา : “ไปครับ พวกเราไปทางด้านนั้นกัน”
ตามองดูทั้งสามคนที่เดินออกไปแล้ว หร่วนชิงชิงรู้สึกโมโหเสียจนปลายนิ้วสั่นเทาไปหมด
ทางด้านหลัง โจวหุ้ยเดินเข้ามา แล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำด้วยความไม่พอใจ : “พี่หร่วน ถังลั่วเหยากับคุณชายเฟิงเป็นอะไรกัน? ทำไมรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังปกป้องเธอเลย?”
ผู้หญิงอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น : “จะเป็นอะไรกันล่ะ? ในวงการนี้ ไม่ได้มีภูมิหลังอะไรแต่จู่ๆก็ได้รับบทบาทสำคัญแบบนั้นมาได้? ฉันว่านะ 80%เธอยั่วคุณชายเฟิง ไม่เห็นสายตาที่คุณชายเฟิงมองเธอรึไงมันไม่เหมือนกับเวลามองคนอื่นนะ?”
“เป็นไปไม่ได้! สายตาของคุณชายเฟิงเฉียบแหลมขนาดนั้น จะมาชอบเธอได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าเธอมาจากชนบทที่ห่างไกลความเจริญหรอกรึไง?”
“มาจากชนบทที่ห่างไกลความเจริญแบบนี้ถึงจะจ่ายค่าตอบแทนสูงยังไงก็ยอมไง เสี่ยวเยว่ เธอไม่เข้าใจหรอกใช่ไหม!”
“ดูแล้วเรื่องซิลเดอร์เรลล่ากลายเป็นเจ้าหญิงอะไรนั่นเป็นเรื่องหลอกลวงแล้วล่ะ เหอะ! เป็นวิธีที่น่าอายจริงๆ”
“พอได้แล้ว!”
ในที่สุดหร่วนชิงชิงก็ทนไม่ไหว จึงส่งเสียงออกมา
ทุกคนต่างก็พากันไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ถึงแม้ว่าหร่วนชิงชิงจะดีกว่าดารานักแสดงหญิงในระดับสองอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ในกลุ่มนี้ เธอก็ถือว่าเป็นดาราที่อยู่ในตำแหน่งใหญ่สุด
เธอจ้องไปยังทิศทางที่พวกเฟิงยี่เดินไป แล้วกัดฟันพลางเอ่ยพูดขึ้น : “ก็แค่เป็นคนใหม่? ได้ขึ้นเตียงของคุณชายเฟิงก็สามารถขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงได้อย่างไม่เปลืองแรงเลยรึไง? เหอะ!น่าขำจริงๆ!”
“พี่หร่วน วันนี้เธอกล้าตอบโต้กับพี่ พี่จะไม่สั่งสอนเธอเลยอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปจะดีหรือ? ในวงการนี้ ยังจะต้องมีรุ่นพี่รุ่นน้องกันอีกอย่างนั้นหรือ?”